แม้นเห็นโลงศพ ก็มิอาจจะหลั่งน้ำตา กับการศึกษาไทย

โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 26 มีนาคม 2009 เวลา 11:07 (เช้า) ในหมวดหมู่ การศึกษา, คณิตศาสตร์, ธรรมชาติ, แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 5656

สวัสดีครับทุกท่าน

ขออนุญาตคัดลอกจาก…

ที่คัดลอกไม่ใช่เพราะกล้าท้าทายลิขสิทธิ์ของข่าว แต่เพราะเห็นว่าเรื่องนี้เริ่มสำแดงแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม อาจจะเห็นโลงศพ แต่มิได้หลั่งน้ำตาตาม….

สสวท.แนะปลูกฝังวิญญาณ”นักวิทย์ฯ”ให้เด็ก ชี้ครูสอน”คณิต”ขาดแคลน

สสวท.ชี้ปัญหาเด็กอ่อนวิทย์-คณิต แจ้งศธ.มาตลอด “จุรินทร์” ตั้งคกก.แก้กำหนด 7 ยุทธศาสตร์ เน้นส่งเสริม 3 วิชาหลัก สอนเด็กอ่านจับประเด็นปลูปฝังวิญญาณนักวิทยาศาสตร์ เผยผลวิจัยครูสอนเลขน้อยมาก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มีนาคม น.ส.นารี วงศ์สิโรจน์กุล รักษาการผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ให้สัมภาษณ์กรณีปัญหาเด็กไทยอ่อนวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ว่า ทาง สสวท.ทำวิจัยเรื่องนี้มานานแล้ว โดยแจ้งให้กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องรับทราบมาตลอด แต่มีความคืบหน้าในการแก้ปัญหาระดับหนึ่งเท่านั้น โดยล่าสุดนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ตั้งคณะทำงานเพื่อสรุปปัญหาและหาแนวทางยกระดับคุณภาพการศึกษาวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ รวมทั้งภาษาไทย โดยมีนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. เป็นประธาน ซึ่งคณะทำงานกำหนดแนวทางไว้ 7 ยุทธศาสตร์ หลักสำคัญเน้นการเข้าไปส่งเสริมการเรียนการสอนวิชาภาษาไทย คณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ในระดับประถมศึกษา เนื่องจาก สสวท.พบว่า สาเหตุหลักที่เด็กเรียนอ่อนใน 3 วิชานี้ เป็นเพราะเด็กอ่านหนังสือแล้วจับประเด็นไม่ได้
“คณะทำงานตกลงแนวทางกันไว้ว่า แต่ละหน่วยงานจะต้องร่วมมือกันโดยต้องไปดูว่าขณะนี้ใครทำโครงการส่งเสริม การเรียนการสอนภาษาไทย วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์อยู่บ้าง เพื่อระดมความคิดเห็นกันและช่วยเหลือเติมเต็มให้มีความเข้มข้นมากขึ้น” รักษาการ ผอ.สสวท.กล่าวและว่า วิชาภาษาไทยต้องสอนให้เด็กอ่านและจับประเด็นเป็น ส่วนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ ครูต้องสอนให้เด็กมีวิญญาณของนักวิทยาศาสตร์ เช่น ให้รู้จักสังเกต ตั้งคำถาม มีการบันทึกเก็บข้อมูล เมื่อเด็กมีความรู้ที่ดีใน 3 วิชานี้แล้ว คุณภาพการเรียนการสอนในวิชาอื่นๆ ก็จะตามมา เพราะ 3 วิชานี้เป็นพื้นฐานสำคัญ ทั้งหมดนี้จะต้องรอผลการประชุมแผนยุทธศาสตร์ที่มีนายจุรินทร์เป็นประธานใน วันที่ 27 มีนาคม
น.ส.นารีกล่าวว่า ปัญหาการขาดแคลนครูคณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์เป็นอีกปัญหาสำคัญที่น่าเป็นห่วงมาก เพราะจากข้อมูลสภาพการขาดแคลนครูของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในปีการศึกษา 2551 ที่ผ่านมา พบว่ามีปัญหาขาดแคลนถึงขั้นวิกฤตมาก โดยสาขาวิชาวิทยาศาสตร์ขาดแคลนถึง 9,901 คน วิชาคณิตศาสตร์ 11,044 คน รวมแล้วกว่า 2 หมื่นคน ทั้งนี้ มีสาเหตุสำคัญจากโครงการเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด หรือเออร์ลี่ รีไทร์ ของรัฐบาล มีครูคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์เออร์รี รีไทร์ ออกไปแต่ไม่มีคนมาทดแทน
“จากการทำวิจัยร่วมกับนานาชาติของ สสวท.ในเรื่องหลักสูตรการผลิตครูคณิตศาสตร์ ผลการวิจัยเบื้องต้นพบว่า ประเทศไทยผลิตครูคณิตศาสตร์น้อยมาก เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรกว่า 60 ล้านคน โดยในปี 2552 นี้ จะมีบัณฑิตสาขานี้จบออกมาเพียง 1 พันกว่าคนเท่านั้น ขณะที่สิงคโปร์ มีการผลิตครูคณิตศาสตร์ออกมามากกว่าประเทศไทยในทุกปี”
วันเดียวกัน นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. กล่าวบรรยายตอนหนึ่งในการประชุมเพื่อเตรียมการบรรจุนักศึกษาทุนโครงการผลิต ครูการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับปริญญาตรี (หลักสูตร 5 ปี) รุ่นปีการศึกษา 2547 ว่า นักศึกษาครูรุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ได้รับการบรรจุเป็นข้าราชการครูจำนวนกว่า 2,000 คน ในจำนวนนี้บรรจุเป็นครูสอนภาษาไทย 200 คน ภาษาต่างประเทศ 400-600 คน วิทยาศาสตร์ 400 คน และคณิตศาสตร์ 400 คน
“ขอฝากให้ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาไทยใน 4 วิชาดังกล่าวให้สูงขึ้น ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นวิกฤต โดยเฉพาะวิชาภาษาไทยถ้าไม่สามารถสอนให้เด็กคิด อ่าน เขียน และวิเคราะห์ได้แล้วก็จะเจ๊งตั้งแต่ต้น เพราะเด็กจะไม่สามารถตีโจทย์วิชาอื่นๆ ได้ โดยเฉพาะวิชาวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์” นายชัยวุฒิกล่าว
นายชัยวุฒิให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาคุณภาพการศึกษาวิชาภาษาไทย วิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ที่ต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน ว่า ในวันที่ 27 มีนาคม ตนจะเสนอแผนยุทธศาสตร์ 7 ข้อต่อที่ประชุมผู้บริหาร 5 องค์กรหลักของ ศธ.เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ตนจะเสนอให้เป็นวาระแห่งชาติที่ทุกภาคส่วนของสังคมจะต้องเข้ามาช่วยกันขับ เคลื่อนยกระดับคุณภาพ โดยจะเสนอ 2 ทางเลือกว่าจะให้ขับเคลื่อนระดับชาติหรือระดับกระทรวง ซึ่งจะต้องเริ่มต้นกันตั้งแต่ระดับประถมศึกษา พร้อมกันนั้นจะตั้งเป้าหมายด้วยว่าเมื่อดำเนินการตามแผนแล้วในเวลา 1 ปี 3 ปี เด็กจะต้องมีผลสัมฤทธิ์ที่สูงขึ้นกี่เปอร์เซ็นต์

จาก… http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1237987867&grpid=01&catid=04

อ่านข่าวนี้ชักจะยิ้มแหยๆ พร้อมกับอมยิ้ม…..

ผมว่าก่อนจะทำอะไรให้คิดให้ดีๆ ก่อน หากจะทำเพื่อการศึกษา คิดให้ดีรวมหมายถึงว่าคิดเร็วทำเร็วเช่นกันครับ ผมเห็นตั้งแต่มาตรการนโยบายเกษียณก่อนอายุแล้ว ว่าแนวคิดนั้นน่าจะส่งผลกระทบในโอกาสหน้า แต่นี่แค่ลดจำนวนเอง ในขณะที่นโยบายสร้างคนให้เป็นครู หรือสร้างครูให้เป็นคนดี หรือสร้างคนดีให้เป็นคนเก่ง ไม่ค่อยสนองเท่าไร หากจะพัฒนาชาติ การศึกษาและปากท้องต้องมาก่อน สองอย่างนี้คู่กัน หากปากท้องยังร้องครูก็หนีไปทำงานอย่างอื่นได้เพราะอิสระที่เค้าจะเลือกเดิน หากอาชีพครูมิใช่เป็นอาชีพที่ดึงดูดคนให้มีอุดมการณ์และเลี้ยงดูเค้าให้ดีเพื่อจะสร้างสมองปัญญาของชาติ ก็อย่าหวังเลยที่จะแก้ปัญหา ในสมัยก่อนการจะเป็นครู คนเป็นครูกินอุดมการณ์แม้นจะมีเงินเดือนน้อย แต่ตอนนั้นโลกแห่งทุนนิยมไม่ได้บุกรุกป่าไม้และป่าใจของคนขนาดนี้ แต่ทุกวันนี้ต่างจากเดิม คนเก่งและคนดีจะถูกชักชวนให้เป็นครู แต่ทุกวันนี้ไม่ต้องถามใครหรอก ผมถามคุณๆที่กำลังอ่านอยู่นี่ละ ว่าหากมีลูกเก่งๆ ดีๆ อยากจะให้เค้าทำงานอาชีพอะไร มีสักกี่คนที่จะอยากให้ลูกตัวเองเป็นครูบ้าง ยกมือดูซิครับ ไม่ได้ดูถูกผู้อ่านนะครับ แต่กำลังจะบอกว่าคุณเป็นคนส่วนน้อยที่อยากจะให้ลูกเป็นครู แต่พอมีลูกอยากจะให้ลูกไปเรียนกับครูเก่งๆ แล้วจะหาครูเก่งที่ไหนละขอรับ

การที่จากเนื้อข่าว การขาดแคลนครูภาษาไทย ครูคณิตฯ ครูวิทย์ จริงๆ เลิกแบ่งแยกครูได้แล้วครับ ไม่ต้องไปแยกว่าใครครูอะไร ทำไมไม่ทำให้ทุกคนมีความรู้ทั้งภาษาไทย คณิตฯ และวิทย์ ในตัวละครับ เพราะการสอนในระดับเบื้องต้น ทุกคนก็สอนได้ครับ แต่จะสอนได้แค่ไหนอย่างไร การสอนและอบรมให้เข้าถึงเนื้อหาและการนำไปใช้ประโยชน์ ยังไม่ต้องลงลึกถึงขั้นระดับปริญญาเอก แต่ครูประถมเป็นครูที่รอบรู้ และไม่ใช่ใครๆ ก็เป็นครูสอนประถมได้ จริงๆ ต้องเป็นคนดีคนเก่งและรอบรู้นะครับ เด็กจะเชื่อและศรัทธาครูก็ต่อเมื่อทำตามแล้วได้ผลตามนั้นจริง เด็กจะเกิดทักษะทางวิทย์ เองครับ เพราะจากที่ฟัง แล้วทำตาม คิดตาม ได้ผล เด็กจะสรุปได้ว่า การทดลองนี้เป็นอย่างไร คณิตศาสตร์ก็เช่นกัน มันยุติธรรมอยู่ในตัวของวิชาแล้ว สอนได้ให้เด็กเป็นคนดี มีความเสมอภาค มีการจัดกลุ่มแบ่งกลุ่มและรวมกัน ปรัชญาทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะย่อยอย่างไรให้เด็กรับได้ เชื่อมโยงได้ ตัวอย่างรอบตัวเมืองไทยมีเยอะ ขอแค่อย่าทำลายธรรมชาติ ไม่งั้นต่อไปจะต้องสอนด้วยการจินตนาการตลอด เหมือนเรากำลังจะสอนให้เด็กจินตนาการวาดรูปควายในยุคนี้นะครับ ทั้งๆที่ควายมีเกลื่อนในสมัยก่อน นี่คือความรู้อยู่ในธรรมชาติ ทำลายธรรมชาิติ ขาดความรู้

คิดใหญ่ ทำเล็กๆ แล้วค่อยขยายผล Think globally, Act locally. การกำหนดนโยบายจึงสำคัญ ต้องมองภาพรวมที่ไม่ส่งผลกระทบกับระบบอื่น หรือกระทบน้อยสุด แต่การทำต้องเริ่มทำในระดับเล็กๆก่อน เพราะท้ายที่สุดนโยบายเหล่านั้นต้องปรับให้เข้ากับชุมชนด้วย คือว่าไปก็ต้องปรับทั้งระดับคิดและระดับการกระทำ

ขอร้องว่าหากจะพัฒนาชาติ ต้องทำต่อเนื่อง ไม่ว่าใครจะมาเป็นรัฐบาล ไม่ว่าใครจะมาเป็น รมว. นะครับ การศึกษาจึงต้องเดินแบบต่อเนื่อง เพราะนี่คือของจริง มิใช่ของเล่น ผมจึงขอฝากรอยบ่นนี้ช่วยกันเขย่าด้วยนะครับ อีกอย่างที่น่าคิดมากคือตอนนี้ โรงเรียนสอนติวเกลื่อนประเทศแล้ว คุณคิดว่าส่งผลกระทบในระดับใหญ่ไหม ลองไปคิดดูนะครับ เพราะผมเกรงว่าต่อไปจะมีใครเดินเข้าสถาบันการศึกษา ทำไมเราไม่ทำสถาบันการศึกษาให้เป็นสถาบันติวเสียเลยครับ ติวแบบให้ฟรี ฟรีแบบที่เด็กอยากจะเข้าเรียนนะครับ ไม่ใช่ว่าต้องเรียนเพราะเสียเงินไปแล้ว ส่วนของฟรีนั้นไม่อยากได้ คิดใหม่แล้วใส่ฟังก์ชันอินเวิร์สต่อความคิดนี้นะครับ ผมว่าจะทำให้เห็นโลกอีกมุมหนึ่งดีๆ ยังมีคนดีอีกเยอะ

คนไทยไม่ได้ขาดแคลนอาชีพใดๆ หรอกครับ ในความคิดผม เพียงแต่การปฏิบัติต่อคนไทยในแบบต่างๆ ไม่สมดุลต่างหาก จึงทำให้คนที่เคยรู้ในด้านใดด้านหนึ่งเบี่ยงไปทำอย่างอื่นมากกว่า เพราะช่องทางดีกว่า เห็นไหมครับว่าแทนจะบูมผลิตสาขาขาดแคลนไปแต่ละปี หากเราผลิตให้ครอบคลุมไม่ดีกว่าหรือ ผลิตไปแล้วไม่ใช่ขึ้นหิ้ง แต่ลงไปถึงการไปทำงานจริง น่าจะดีกว่ามาปล่อยนโยบายวิกฤตขาดสาขานั้นสาขานี้ ลองคิดใหม่ให้ทุกคน ตลอดจนพ่อแม่เป็นครูสอนคณิตศาสตร์ ภาษาไทย และวิทย์ หรือนักวิัจัยไปด้วยซิครับ แล้วหากเป็นแบบนี้ หรือจะขาดครูที่ว่ามา…. ทุกคนเป็นครูได้ ทุกสิ่งคือครู อยู่ที่ว่าสมองของคนจะพร้อมรับว่านั่นคือครูเราหรือไม่? เอาควันพิษในกทม. มาสอนว่านี่ละครูตัวสำคัญ เอาแม่น้ำเน่าในคลองแสนแสบมาเป็นครูด้วยจะยิ่งดีมากๆ เห็นไหมครับ ว่าครูเรามีทุกที่ ลมหายใจ สายเลือด สายน้ำ สายลม แผ่นดิน ป่าไม้ ท้องฟ้า อาทิตย์ แสงจันทร์ ฯลฯ

ผมเป็นครูสอนคณิตศาสตร์และสาขาอื่นๆ เพราะคณิตศาสตร์ก็มีหลักของวิชาและหากเข้าใจคณิตศาสตร์แล้วเรียนวิชาอื่นก็อาจจะง่ายขึ้นก็ได้ เพราะภายในมีลอจิก มีตรรกศาสตร์ มีเหตุผลของมันเองในตัว ต่อไปอยู่ที่ว่าเราจะเชื่อเหตุผลในเชิงไหน

ท้ายที่สุดแล้ว ผมไม่แน่ใจว่าการสอนภาษาไทยในทุกวันนี้ ยังเป็นแบบเดิมที่สะกดตามอักขรวิธี หรือว่าอ่านแบบท่องจำเป็นคำๆ ครับ วันก่อนผมไปโรงพยาบาล แล้วก็เจอน้องตัวเล็กเรียนชั้น ป. หนึ่ง กำลังเอาเศษกระดาษมาแล้วเขียนลงกระดาษตามที่เห็นในเศษกระดาษนั้น ผมจึงไม่แน่ใจว่า แต่ละพื้นที่ใช้นโยบายในการสอนภาษาไทยฉบับเดียวกันหรือไม่ การทำข้อสอบนั้น หากทุกคนไม่สามารถผ่านด่านที่เรียกว่า อ่านและเข้าใจโจทย์ ได้ ก็อย่าหวังว่าจะได้ทำข้อสอบวิชานั้นๆ เลย เพราะหากอ่านโจทย์ไม่เข้าใจแล้วจะทำโจทย์อย่างไร มาสรุปตอนหลังว่า อ้าว เด็กอ่อนคณิตศาสตร์ ห้าๆๆๆๆๆ แต่พอไปถามเด็ก เด็กบอกว่าชอบคณิตศาสตร์ ชอบคิดคำนวณ แสดงว่าเด็กอาจจะไม่เข้าใจว่าโจทย์ให้ทำอะไร หากเราเหมารวมว่านี่คือเด็กอ่อนคณิตศาสตร์ก็อาจจะไม่ถูกต้อง ต้องทดสอบอีกรอบด้วยการให้โจทย์คณิตศาสตร์แบบไม่มีข้อความ กับมีข้อความ อาจจะเห็นแตกต่างกัน ว่าเด็กทำโจทย์แบบใดได้ แบบใดไม่ได้ พอมาตอนหลังพบว่า เด็กอ่อนภาษาไทย เพราะไม่เข้าใจว่าให้ทำอะไร หรือหมายถึงอะไร ก็อาจจะจอดก่อนจะจูบเนื้อหาวิชาจริงๆ ครับ

บ่นมายาวแล้วครับ เพราะทั้งๆที่รู้ว่าบ่นยาวแค่ไหนมันก็แค่การที่เรารับฟังปัญหาแล้วนำไปใช้ในบริบทของเราครับ ผมไม่ได้หวังว่าจะมีใครมาอ่านเจอแล้วเอาไปแก้ไขปัญหาเลยตอนนี้ เน้นฝึกฝนตัวเองแล้วนำไปปรับใช้กับนักเรียนนักศึกษาของตัวเองเป็นสำคัญ ผมไม่รู้ว่าเมื่อไหร่บ้านเราจะมีคนที่จริงใจที่จะแก้ปัญหาชาติในด้านการศึกษากันจริงๆ จังๆ ครับ อย่างปีนี้มีเด็กที่ผ่านคัดเลือกให้เรียนต่อผ่านทางมูลนิธิ ดร.เทียม โชควัฒนา กันประมาณ หกร้อยกว่าคน แต่เด็กที่ได้เรียนแน่ๆ มี 300 คน จะมีใครสนใจอยากจะทำบุญให้กับเด็กด้อยโอกาสได้เรียนต่อ ม.ต้น คนละสองพันบาทต่อคนต่อปี กันบ้าง นี่คือจุดบอดอีกหลายๆ มุมในบ้านเมืองเรา ทั้งๆ ที่เราป่าวๆ กันว่า เรียนฟรี 15 ปี 12 ปีกันมานานแสนนาน ไม่เสียค่าเทอมก็จริง แต่เด็กก็ต้องจ่ายค่าอื่นๆ การให้ทุน ให้ให้เป็น ก็สำคัญด้วยครับ เพราะให้ไม่เป็นก็จะได้รับการตอบรับแบบน่าสงสารผู้ให้เช่นกันครับ

Think globally, Act locally. หันไปทำงานตัวเองต่อครับผม บ่นกว้างๆ ทำแคบๆ

ด้วยมิตรภาพครับ

เม้ง

« « Prev : ก่อนจะสร้างนักวิจัยไทย ควรจะปูพื้นการทำวิจัยตั้งแต่เด็กๆ อย่างช้าก็ มัธยมศึกษา

Next : เม้งเป็นไผ? ไผ่คือพืชตระกูลหญ้าที่สูงที่สุดในโลก » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

669 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 3.324550151825 sec
Sidebar: 0.76323795318604 sec