เพราะชุมชนก็คือมหาวิทยาลัยของอาจารย์

5907 ความคิดเห็น โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 27 พฤศจิกายน 2011 เวลา 5:57 (เย็น) ในหมวดหมู่ การศึกษา, ธรรมชาติ, แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 72223

ลงพื้นที่เก็บข้อมูลน้ำท่วมและไปดูบริเวณการกัดเซาะบริเวณชายฝั่ง ได้คุยกับชาวบ้านได้ปรัชญามาหลายข้อครับ เช่น

คุยกับชาวบ้าน ชาวบ้านบอกว่า มหาลัยก็เปรียบเสมือนปากกา ชุมชนก็เหมือนกับกระดาษ ต้องอยู่คู่กัน ปากกาเขียนบนฟ้าก็เขียนไม่ติด ต้องเขียนบนกระดาษ เขียนติดแล้วมันติดอยู่ในใจ กระดาษพร้อมที่จะให้ปากกาเขียน

ผมเลยบอกว่า เราผลัดกันเป็นปากกาและกระดาษด้วยจะดีไหม เพราะชุมชนก็คือมหาวิทยาลัยของอาจารย์


การจัดการองค์ความรู้ ระบบบิ๊กแบ็กกั้นน้ำท่วมแห่งชาติ

3151 ความคิดเห็น โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2011 เวลา 5:57 (เช้า) ในหมวดหมู่ การศึกษา, ธรรมชาติ, ลานปัญญา, แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 38980

เรียนทุกท่านครับ
เมื่อเวลาผ่านมากับสภาพน้ำท่วมตอนนี้ แล้วอดไม่ได้ที่จะอยากจะถามหลายๆ คำถามกับมาตรฐานต่างๆ ที่ใครต่อใครก็ไม่รู้ที่ตั้งกันขึ้นมาเพื่อรักษามาตรฐานทางการศึกษาและการวิจัย แต่พอเจอสภาวะวิกฤตแบบนี้ ผมไม่รู้ว่าเราจะสอบผ่านหรือสอบตกกันแน่ ให้ประชาชนตัดสินกันเองแล้วกันนะครับ ว่าองค์ความรู้ของเราใช้ได้จริงแค่ไหน บุคลากรของเรามีความพร้อมแค่ไหน แนวคิดการจัดการบริหารภัยพิบัติ แท้จริงแล้วใครจัดการได้ ใครรับเคราะห์ ผมไม่มีอะไรจะพูดมากแต่ขอถ่ายทอดผ่านรูปภาพด้านล่างนี้  ซึ่งจะทำให้หลายท่านคิดได้และทบทวนว่าเราจะวางแผนประเทศเราให้อยู่กับองค์ความรู้แบบไหนกันแน่ในอนาคต ทุกคนมีส่วนร่วมได้อย่างไรบ้าง

เบื้องบน หอคอย แข่งขัน ตัวเลข ขึ้นหิ้ง

เบื้องล่าง ชุมชน แบ่งปัน น้ำใจ ใช้จริง

เราจะทำอย่างไรให้คันกั้นน้ำแห่งชาติเข้มแข็งแล้วมีพลังที่แท้จริงในอนาคตเพื่อการบริหารจัดการหน้าฝน หน้าแล้ง ให้เกิดความสมบูรณ์ที่เกิดประโยชน์จริง

สำหรับผมแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นกับประเทศในครั้งนี้ ผมคิดว่าตัวผมเอง มีข้อมูลและองค์ความรู้ไม่พอใช้

ถ้าเรามีกระทรวงไหนสักกระทรวงนะครับ…ที่มีข้อมูลมากองไว้ตรงกลาง แล้วใครจะใช้ก็เอาไปใช้ เอาข้อมูล ข้อเท็จจริงมากองกันเลย แล้วมีนักวิจัย นักศึกษา นักวิชาการ นักสังคม นักวิทยาศาสตร์ นำข้อมูลเหล่านั้นไปสร้างและวิเคราะห์หาสารสนเทศที่จะเกิดประโยชน์ร่วมกัน ก็คงจะดีไม่น้อย แบบนี้จะเรียกว่า บูรณาการที่แท้จริง ใครมีข้อมูลที่อมกันไว้ก็เอามาปล่อยๆ กันตรงกลางเป็นหมวดหมู่ มันจะไม่เกิดความปั่นป่วนของข้อมูล แม้แต่ข้อมูลความสูงต่ำของ พื้นที่ กทม.ก็มีหลายชุดมากครับ

การบูรณาการไม่ใช่แค่ พูดว่าองค์กรนี้บูรณาการกับองค์การนี้ นั่นมันแค่เปลือก เราเอาน้ำกับน้ำมันใส่รวมกันแล้วเขย่าๆ แล้วเราบอกว่านี่ละเราได้บูรณาการแล้ว พอตั้งทิ้งไว้สักพัก มันก็แยกชั้นเหมือนเดิม แล้วเราจะเรียกว่า บูรณาการได้อย่างไร? ครับ

สำหรับสถาบันอุดมศึกษา…จริงๆ แล้วน่าจะเป็นการบอกว่า บุคลากร นักวิชาการ นักวิจัย นักศึกษาที่รัก ภาวะตอนนี้คือเราได้หยุดห้องเรียนห้องสี่เหลี่ยมเอาไว้ก่อน แต่เราจะเปิดห้องเรียนสี่เหลียมเป็นห้องเรียนแห่งภาวะวิกฤตที่เราจะร่วมกันแก้ปัญหา เอาความรู้ที่เรียนๆ กันไปมาลองดูซิครับ การสอบของเราครั้งนี้เราจะสอบผ่านหรือไม่ เธอออกไปดูว่าเราจะสกัดองค์ความรู้อะไรมาช่วยกันในยามวิกฤตแบบนี้ มิใช่เพียงแค่การปิดเพื่อต่างคนต่างดูแลชีวิตตัวเองเท่านั้น แต่ก็มีภาพน่าชื่นชมอีกมากมายในทางกลับกันที่มีกลุ่ม นศ.อาสาหลายคนที่ไม่ลืมสังคมลงพื้นที่มาคิดที่จะร่วมช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาอย่างน่าประทับใจ แม้แต่ในอีกซอกหนึ่งกลับมีการใช้วิกฤตนี้ในการสร้างหน้าตาให้กับตัวเองจนน่าเวทนา แบ่งกลุ่มแบ่งฝ่ายจนน่าเสียดายว่าจากวิกฤตเหล่านี้ควรจะพลิกเป็นการรวมน้ำจิตน้ำใจคนให้เป็นหนึ่งเดียว แต่กลับมีอะไรไม่น่าพึงประสงค์ที่น่าเศร้ายิ่งนัก มองปัญหาเป็นเพียงเกมแห่งชีวิต

สำหรับสถาบันการวิจัย ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาลัยหรือสถาบันแหล่งทุน…พวกเราเหล่านักวิจัยได้ร่วมกันตีพิมพ์เพื่อให้ได้ตามจำนวนเปเปอร์ขึ้นหิ้ง เน้นโรงพิมพ์มากกว่าโรงเรือนกันมาแล้วมากมาย ถึงเวลาแล้วที่เราจะเอางานวิจัยบนหิ้งลงมาทำให้ใช้ได้จริงแล้ว จะร่วมกันทำงานอย่างไรดี พวกเราเหล่านักวิจัยเงินล้าน มาร่วมกันแก้ปัญหาลดการสูญเสียชีวิตของพี่น้องประชาชนกันอย่างไรดี มีระบบกรองน้ำมันก่อนปล่อยลงสู่ทะเลไหม? มีระบบการบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยไปสะสมไว้ที่กุ้งหอยปูปลาในอ่าวไทย ก่อนจะเอามากินกันต่อไปให้สะสมที่เราเพื่อให้เราผลิตตำราทางการแพทย์ในการเอาชนะโรคต่างๆ อีกเป็นทอดๆ อย่างไร น้ำกัดเท้าเราจะสร้างถุงเท้ายางใส่ป้องกันน้ำกัดเท้าอีกหนึ่งเดือนข้างหน้าให้กับพี่น้องที่ทำงานลุยน้ำอย่างไรดี ที่น้ำไม่เข้าไปกัดง่ามนิ้วเท้าและไม่เปียกอับชื้น คำถามเหล่านี้คือบททดสอบให้กับพวกเราเหล่านักวิจัยด้วยกันทั้งสิ้น เครื่องไม้เครื่องมือสมรรถนะสูงทั้งหลายน้ำยังไม่ท่วมใช่ไหมครับ เรามารันช่วยกันจำลองน้ำท่วมได้ไหมครับอย่างน้อยก็พอจะช่วยกันหาเส้นทางที่เหมาะสมและลดความสูญเสียได้ไม่น้อย หรือเราจะรอให้สภาวะวิกฤตพ้นผ่านไปแล้วค่อยมารอ สถาบันแจกทุนวิจัยของบให้เราร่อนใบสมัครไปอ้อนวอนเพื่อของบมาทำกันแล้วพิมพ์ขึ้นหิ้งกันต่อไปตามระบบเดิม พอระบบใหม่มามันก็ใช้ไม่ได้แล้ว ซึ่งหลังจากนี้ผมก็เชื่อว่าแหล่งทุนคงร่อนการบริหารจัดการน้ำกันทั่วประเทศอีก เหมือนๆ กับหลังภัยสึนามินั่นเอง แล้วพอเกิดครั้งใหม่เราก็เป็นแบบนี้อีกร่ำไป เพราะแต่ละครั้งเหตุการณ์ไม่เคยซ้ำเดิม ทุกครั้งที่ผมลงชุมชน หากเราหาคำตอบให้ชาวบ้านไม่ได้มันน่าละอายยิ่งนักครับ

เขียนมาเพื่อทบทวนตัวเองกันครับ ว่าที่เราๆ ทำกันอยู่มันชุดความรู้อะไรท่ามกลางวิกฤตการณ์แบบนี้ เกิดนวัตกรรมเชิงวิกฤตอะไรกันบ้าง

“True success in not in learning, but in its application to the benefit of mankind.”, Prince Mahidol

ด้วยมิตรภาพครับ

สมพร ช่วยอารีย์


วิเคราะห์เส้นทางน้ำไหลลงสู่สมุทรสาคร (ก่อนน้ำมา 2P)

12169 ความคิดเห็น โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 7 พฤศจิกายน 2011 เวลา 1:16 (เย็น) ในหมวดหมู่ ธรรมชาติ, เทคโนโลยี, แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 67085

เรียนทุกท่าน ที่เคารพครับ

จากที่ได้วิเคราะห์ไปแล้วครั้งแรกสำหรับน้ำท่วม กทม. จากบันทึก น้ำท่วม กทม : สามทิศเสี่ยงต่อการโจมตีของน้ำและจุดที่ต้องให้ความแข็งแรงเป็นพิเศษ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. 2554  สำหรับความถูกต้องว่าใกล้เคียงหรือไม่นั้นทุกท่านคงทราบกันแล้วนะครับจากผลของเส้นทางน้ำไหลครับ เพื่ออาจจะเป็นแนวทางหนึ่งในการนำไปปรับใช้ ประกอบการคิดการตัดสินใจก่อนภัยมา (2P = Preparation เตรียมการ + Prevention การป้องกัน) ซึ่งมาแน่นอนครับ แล้วแต่ว่าพื้นที่ไหนจะหนักมากหรือน้อยนะครับ

ก่อนจะดูภาพจำลองภาพแรก ก็ให้ท่านไปดูภาพการไหลของน้ำจากภาพถ่ายดาวเทียมจาก GISTDA กันก่อนนะครับ

http://www.pbwatch.net/FloodReport/FloodAnimGistda2Nov54Big.gif

และภาพล่าสุดจาก GISTDA ของวันที่ 4 พ.ย. 2554

http://www.pbwatch.net/FloodReport/FloodVolume-20111104.jpg

มาดูภาพจำลองภาพแรกกันก่อนนะครับ

จากภาพ พื้นที่สีเขียวคือพื้นที่ที่น้ำยังไหลไปไม่ถึงครับ ไม่ได้หมายความว่าจะไม่ท่วม แต่หากมีพื้นที่สีเขียวและล้อมรอบด้วยพื้นที่สีฟ้าจนถึงสีน้ำเงินเข้ม จะเป็นพื้นที่น้ำไม่ท่วม ยกตัวอย่างเช่น ม.มหิดล ศาลายา จากการจำลองพบว่า รอดจากน้ำท่วม เป็นพื้นที่สีเขียวเล็กๆ อยู่ด้านซ้ายมือของเลข 3 เหนือเส้นถนนบรมราชชนนี

มาดูกันต่อครับ สำหรับเส้นทางทิศทางน้ำครับ ตามลูกศรสีเหลืองครับ

จากภาพด้านบนนี้ ให้สังเกตพื้นที่บริเวณลูกศรสีเหลืองครับ จะเป็นพื้นที่เส้นทางที่น้ำจะไหลไปและอาจจะติดถนนกั้นตามแนวเว้าของถนนเพราะน้ำจะไหลมาจากด้านบน อาจจะมีบางช่วงของถนนที่น้ำทะลักไหลลงมา จากการจำลองสมมติว่าถนนเส้น บรมราชชนนี เพชรเกษม และถนนพระราม 2 สูงโดยเฉลี่ยจากขอบถนนประมาณ 1 เมตร แต่หากบางจุดถนนสูงกว่า 1 เมตร ก็อาจจะส่งผลให้พื้นที่เหนือถนนเหล่านี้ระดับน้ำสูงกว่าปกติ สำหรับระดับความสูงน้ำท่วม ตั้งแต่ ระดับ 0-200 เซนติเมตร แล้วแต่ว่าจะพื้นที่ ในแบบจำลองอาจจะสูงกว่านี้เพราะบางพื้นที่ลุ่มมากครับ

การวางแผนก็ควรจะพิจารณาพื้นฐานตามลูกศรสีเหลืองเหล่านี้ได้ เพื่อพิจารณาเป็นพิเศษครับ หากจะบริหารจัดการน้ำให้ไหลลงสู่ทะเลเร็วครับ น้ำจะถูกรวมเทลงมาที่ตำแหน่ง อ.เมืองสมุทรสาคร เพื่อจะไหลออกทะเล และอาจจะไหลเทไปทางตะวันตกของตัว อ.เมืองสมุทรสาคร ด้วย เพราะยังมีแนวถนนพระราม 2 ลาดเอียงไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ครับ

มาดูภาพต่อไปครับ หากกรณีจะพิจารณาเจาะถนน (ซึ่งต้องระวังมากๆ เพราะอาจจะส่งผลเสียได้มากเช่นกัน อาจจะต้องวิเคราะห์กันให้หนักครับ โดยเฉพาะเส้นพระราม2

ลูกศรเส้นสีเหลืองอยู่ใต้ถนนเส้นสีแดง สำหรับบางพื้นที่เมื่อวิเคราะห์เส้นทางน้ำแล้ว

และมาดูพื้นที่ลงรายละเอียดของแต่ละพื้นที่ ตั้งแต่ตอนบน กลาง ล่าง ของพื้นที่ ศาลายาจนถึง สมุทรสาคร ครับ

เป็นพื้นที่ส่วนบนครับ

เป็นพื้นที่่ส่วนกลาง

พื้นที่ส่วนล่าง

พื้นที่ตอนล่าง ติดกับพื้นที่ทะเลครับ

สุดท้ายนี้ก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกท่านที่กำลังฟื้นฟู R (Recovery) ทุกท่านที่กำลังเผชิญภัย R (Response) และ ทุกท่านที่กำลังจะเจอภัย ก่อนภัยมา 2P ตามนโยบายของรัฐบาล เราจะพบว่าพื้นที่ของเราประสบการณ์จริงนั้นบอกเรามากกว่าทฤษฏีใดๆ ในหนังสือ ก่อนภัยมา ขณะภัยเกิด และหลังภัยผ่าน (กขล. ไก่ไข่ลิง) สิ่งสำคัญกว่าสิ่งอื่นใดในช่วงนี้คือ น้ำใจ เห็นอกเห็นใจ เข้าใจ ทำใจ เผื่อใจ และอย่าลังเลใจที่จะวางแผนในการเผชิญภัยนะครับ

สำหรับการที่จะนำพาน้ำเหล่านี้ออกสู่ทะเลนั้น ผมคิดว่าน่าจะใช้เวลาไปจนถึง กลางธันวาคม ครับ ซึ่งเป็นการกะประมาณนะครับ แก้ปัญหาได้เสร็จก่อนหน้านี้ก็ถือว่ายอดมากๆ นะครับ ขึ้นอยู่กับว่าเครื่องสูบน้ำจะทำหน้าที่เต็มที่ขนาดไหน และมีหลายพื้นที่ที่อาจจะเป็นน้ำค้างทุ่ง ซึ่งทำได้โดยสูบน้ำออกจะวางแผนอย่างไรที่จะสูบน้ำออกในขณะที่ยังมีน้ำรอบๆ บริเวณนั้น ซึ่งจะดีกว่ารอให้รอบๆ แห้งก่อนแล้วค่อยสูบออกครับ ซึ่งก็คงจะไม่ใช่การสูบใส่รถไปทิ้งในคลองครับ

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกฝ่ายครับ ผมหวังว่าการเมืองจะไม่ทำให้น้ำใช้เวลาไหลมากกว่าที่ธรรมชาติของน้ำที่ควรจะไหลครับ

ภาพเคลื่อนไหวจากการจำลองครับ

หากท่านทราบข้อมูลระดับน้ำในแต่ละพื้นที่ ท่านจะสามารถช่วยกรอกข้อมูลระดับน้ำได้ที่

http://flood.pbwatch.net เพื่อนำมาประกอบกับการจำลองพื้นที่น้ำท่วมกันต่อไปครับ

ด้วยมิตรภาพและกราบขอบพระคุณมากครับ

สมพร ช่วยอารีย์

ปล.สิ่งที่วิเคราะห์ข้างบนอาจจะผิดจากความเป็นจริง ขอให้ท่านอ่านด้วยความสงสัยเพื่อนำไปใช้ในการเฝ้าระวังในการแก้ปัญหาครับ


น้ำท่วม กทม : สามทิศเสี่ยงต่อการโจมตีของน้ำและจุดที่ต้องให้ความแข็งแรงเป็นพิเศษ

อ่าน: 63534

เรียนทุกท่าน

======================= ภาพล่าสุดจากการจำลอง อัพเดต 27 ต.ค. 2554 เวลา 18.02 น. =======================

สมมติฐานของการจำลอง

1. คันกั้นน้ำสูง 3 เมตร จากระดับความสูงของพื้นดิน และสมมติว่าคันกั้นน้ำนั้นมีความแข็งแรงมาก

2. ปล่อยน้ำไหลลงมาสมทบกับปริมาณน้ำที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ จากทางทิศเหนือของ กทม.

ต้องการจะดูว่า จุดตรงไหนบ้างที่น้ำจะล้นและทะลักเข้ามาด้านในของคันกั้นน้ำบ้าง ท่านจะสามารถเห็นจุดน้ำล้นคันกั้นน้ำได้ เพื่อวางแผนการจัดการเสริมคันกั้นน้ำ แม้ว่าจะเป็นวิธีการที่ไม่ใช่ดีที่สุดก็ตาม

ภาพนี้จากแถบสีเป็นดังนี้

สีฟ้า - น้ำสูง น้อยกว่า 20 เซนติเมตร
สีเหลือง - น้ำสูง 20-50 เซนติเมตร
สีส้ม - น้ำสูง 50-100 เซนติเมตร
สีแดง - น้ำสูงเกิน 100 เซนติเมตร

เนื่องจากโปรแกรมมีการปรับค่าสีตามความลึก เทียบกับความลึกสูงสุด อาจจะทำให้ความลึกเทียบกับสีคลาดเคลื่อนได้บ้าง

ท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์ KMZ เพื่อนำไปเปิดด้วย Google Earth ได้ครับ เพื่อดูสถานการณ์ของพื้นที่เชื่อมโยงกับข้อมูลเขตและถนนครับ

http://www.pbwatch.net/Flood/BKKFloodSimLatest.kmz

ข้อมูลความสูงต่ำของพื้นที่ กทม. และพื้นที่รอบนอก

สีเขียวอ่อน สูงจากระดับน้ำทะเล 1-2 เมตร
เขียวเข้ม สูงจากระดับน้ำทะเล 2-5 เมตร
น้ำตาล สูงจากระดับน้ำทะเล มากกว่า 5 เมตร
ลองเทียบๆ ดูเองได้นะครับ
สำหรับสีฟ้าม่วงคือ พื้นที่น้ำครับ

ท่านสามารถดาวน์โหลดไฟล์ KMZ นำไปเปิดด้วยโปรแกรมกูเกิลเอิร์ธ ได้จาก

http://www.pbwatch.net/Flood/BKKElevation.kmz

============================================================================

ผมกำลังจำลองโมเดลอยู่ต่อในขณะนี้ แต่ผลยังไม่เรียบร้อยจึงขอวิเคราะห์จุดเสี่ยงต่อการโจมตีของน้ำที่จะไหลเข้า กทม. ไว้ดังรูปต่อไปนี้ครับ

จากประสบการณ์ผมที่เล่นและจำลองอยู่กับน้ำเค็ม น้ำในแม่น้ำ การกัดเซาะชายฝั่ง และน้ำท่วม จึงขอเขียนจุดที่ควรจะเฝ้าระวังเป็นพิเศษตามลูกศรสีเหลืองเหล่านั้นครับ เพราะน้ำเป็นของเหลวที่มีพลัง นิ่มนวล อ่อนโยน รวมพลัง มีพลัง หมัดหนัก แยกกันเราลด รวมกันเราสูง และน้ำเป็นคลื่นที่เลี้ยวได้

และในขณะเดียวกัน การมีคันกั้นน้ำแนวขวางจะส่งผลให้มีความเสี่ยงต่อการพังทลายของคันกั้นน้ำได้ง่าย เมื่อแตกเพียงจุดเดียวเล็กๆ น้ำนิ่งๆ จากพลังงานศักย์ที่รอจะเป็นพลังงานจลน์นั้นจะแสดงอิทธิฤทธิ์ทันที จากน้ำไหลในทุ่งจะแปลงพลังเป็นสึนามิทุ่ง ได้สบายๆ จินตนาการดูจากคนทำนา เคยกั้นน้ำไว้ในบึงนา แล้วเราทำร่องน้ำไว้ดักปลาดักกุ้ง ขนาดน้ำลึกแค่เข่ายังทรงพลังขนาดนั้น อันนี้น้ำสูงเป็น 1-3 เมตร จะทรงพลังขนาดไหนครับ

จากภาพคันกั้นน้ำ แนวกั้นน้ำทั้งหลาย พบว่า กทม.มีจุดเสี่ยงจากแนวทางที่จะโดนถูกโจมตีในครั้งนี้ ตามลูกศรเส้นสีเขียว โดยเฉพาะทางฝั่งตะวันตกมีความเสี่ยงมาก (ผมพูดบนพื้นฐานที่ผมไม่รู้ว่าคันกั้นน้ำมีความแข็งแรงขนาดไหนครับ) แต่ถือว่าจุดนี้เป็นจุดอ่อนเหมือนที่เราเคยเห็นภาพอนุสาวรีย์ชัยเคยโดยน้ำท่วมแล้วมีคนพายุเรือ จำได้ไหมครับ ผมเชื่อว่าน้ำทะลักได้ง่าย เพราะตรงตำแหน่งนี้ น้ำจะถูกอุ้มได้คันกั้นสีแดงเหล่านั้น มันจะย้อยเป็นรังผึ้งและรวมพลังเข้าไว้เพื่อจะพังกำแพงเหล่านั้นในการโจมตีฝั่งตะวันตกได้ง่าย สำหรับทางออกผมคิดว่า เราไม่ควรจะมีแนวกั้นตามขวาง และแนวรังผึ้งห้อยตรงนั้น กั้นในแนวเหนือใต้คงจะดีกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องพูดคุยกับชาวบ้านใต้คันกั้นน้ำสีแดงแนวขวางด้านตะวันตกของ กทม. เพราะว่าตรงนั้นหากปล่อยน้ำไป น้ำจะค่อย ไหลลงไป แต่หากคันกั้นน้ำแตกคราวนี้จะเสียหายมากกว่าเดิมครับ

สำหรับแนวลูกศรทิศตะวันออกเฉียงเหนือนั้น เป็นจุดเปราะบางเช่นกัน เพราะจริงๆ แล้วมีแนวถนนและคันกั้นน้ำอีกเส้น แต่ผมไม่ได้ใส่ไว้ในภาพ ซึ่งจะเป็นการเชิญน้ำเข้า กทม.ได้ในทิศทางลูกศรเส้นนี้เช่นกัน ทางออกคือให้เอาออกจะดีที่สุดจะทำให้น้ำไหลลงด้านล่างได้ง่ายขึ้น แทนที่น้ำจะวิ่งเข้าไปโจมตี กทม.ด้านทิศตะวันออก ในขณะเดียวกันน้ำจะหักล้างกับทิศทางน้ำจากทิศตะวันออกจากปราจีนด้วยน้ำทางทิศเหนือที่ไหลลงมาจากปทุมธานี หรือนครนายกครับ

สำหรับรัฐบาล กระผมคิดว่า รัฐบาลน่าจะมีการประกาศหยุดเช่น 20 วัน ในเขตน้ำท่วม เพื่อให้คนเดินทางกลับเท่าที่จะทำได้ครับ แล้วรัฐจะมีโอกาสในการจัดการบริหารน้ำให้ไหลลงทะเลได้เร็วขึ้น ป้องกันการสูญเสียชีวิตน่าจะคือเป้าหมายมากสุด ส่วน โรงพยาบาลหรือตึกตรงไหนที่รับคนไปพักได้เป็นเบื้องต้นก็ควรจะทำ ซึ่งจะช่วยให้เราดูแลคนที่ป่วยอะไรได้ชัดขึ้น คนปกติก็อาจจะไปพักบ้านญาติหรือมีจังหวัดใจบุญรอบนอกทำหน้าที่รับดูแลพี่น้องที่ได้รับผลจากน้ำท่วมก็คงจะดีครับ

เศรษฐกิจคงไม่เสียหายไปมากกว่านี้แล้ว ตอนนี้การป้องกันน้ำทำได้แค่เฝ้าระวังคันกั้นน้ำไม่ให้พังและเสริมครับ แต่เมื่อแตกแล้วกู้ยากมากครับ หรือไม่ก็จะกู้ได้ก็ต่อเมื่อน้ำไหลเข้าไปในพื้นที่จนน้ำเกือบนิ่งแล้วครับ ทำอย่างไรจึงจะระบายน้ำได้เร็วและคนไม่เสียชีวิตครับ ผมถือว่าการที่คนไม่เสียชีวิต หรือเสียน้อยสุดเป็นการดีที่สุดครับ

และประเด็นนี้คงเลิกคิดสีธง สีเสื้อ สีเชื้อ สีผิว สีพรรคกันได้แล้วครับ ถ้าถอดเสื้อออกให้หมดก็จะพบว่าคุณคือคนไทยเหมือนๆ กันครับ

ถัดจากนี้ เราคงทำงานร่วมกันมากขึ้น น้ำท่วมครั้งนี้เราจะเข้าใจความหมายของคำว่า บูรณาการกันมากขึ้น

แต่ละกระทรวงคงต้องให้ความรู้คนมากขึ้น ติดอาวุธทางปัญญากันมากขึ้นครับ ชีวิตใครใครก็รัก แต่การรักชีวิตตนเองและรักชีวิตผู้อื่นด้วยเป็นสิ่งประเสริฐ เราไม่สามารถจะอยู่ในสังคมนี้เพียงแค่ตัวเราผู้เดียว เห็นหัว เห็นใจ เห็นปัญญา เห็นความดีของกันและกัน ลิงยังอุ้มลูกสุนัขหนีภัยเลยครับ แล้วเราจะไม่อุ้มคนที่เป็นคนได้อย่างไร?

จึงขอให้ข้อมูลเบื้องต้นเพียงแค่นี้ครับ

ด้วยความเป็นห่วงและด้วยมิตรภาพ

คนไทยคนหนึ่ง

====================================================================

จากวิเคราะห์ภาพจำลองจากโมเดลด้วยโปรแกรม VirtualFlood3D ซ้อนกับโปรแกรม Google Earth ดังผลต่อไปนี้ พร้อมทิศทางเสี่ยงต่าง ๆ ในสามทิศทางใหญ่ๆ ดังทิศทางลูกศรสีเขียว

หรือภาพรายละเอียดดังต่อไปนี้

รายละเอียดทิศทางน้ำกรณีน้ำล้นหรือคันกันคลื่นแตกในสองทิศทางด้านทิศเหนือและทิศตะวันออกเฉียงเหนือของ กทม.

และรายละเอียดทิศทางที่มีความเสี่ยงในทิศทางตะวันตกเฉียงเหนือของน้ำจาก อ.บางใหญ่ ไหลเข้าพื้นที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กรณีที่แนวกั้นน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาไม่สามารถรับแรงน้ำได้

ถ้าทิศทางของน้ำในสามทิศเป็นไปตามที่คาดการณ์นี้ อาจจะส่งผลให้เกิดการรวมกันของน้ำทั้งสามทิศมารวมกันเพื่อไหลออกอ่าวไทย ซึ่งในภาวะนั้นแม่น้ำเจ้าพระยาอาจจะไม่ได้ช่วยอะไรมากหากน้ำล้นริมตลิ่ง

หมายเหตุ… ผลที่ได้จากการจำลองนี้เป็นผลจากโมเดลที่ใช้สมการ Shallow Water Equation ด้วยโปรแกรม VirtualFlood3D (  http://www.youtube.com/watch?v=HwS212eBDL8  ) เพื่อเป็นแนวทางในการบริหารจัดการระบายน้ำลงสู่ทะเลในโอกาสต่อ

============================ ภาพเคลื่อนไหวครับ ============================

http://www.youtube.com/watch?v=AWPOR6lHKww

ด้วยมิตรภาพครับ

สมพร ช่วยอารีย์



Credits : ภาพถ่ายดาวเทียมพื้นที่น้ำท่วมจาก GISTDA, Google Earth, ESRI, VirtualFlood3D by Anurak Busaman and Somporn Chuai-Aree, ภาควิชาคณิตศาสตร์และวิทยาการคอมพิวเตอร์ คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ม.สงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี, แหล่งข้อมูลจากทีวี TPBS, Nation


กำหนดงานพระราชทานเพลิงศพ พระครูสุทธิพิบูล ณ เมรุพิเศษ วัดควนเกย

6997 ความคิดเห็น โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 5 มกราคม 2011 เวลา 8:49 (เช้า) ในหมวดหมู่ แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 54354

กำหนดงานพระราชทานเพลิงศพ
พระครูสุทธิพิบูล(อ่ำ ขุนฤทธิ์) อายุ ๘๒ ปี พรรษา ๖๒
อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอจุฬาภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดควนเกย
ณ เมรุพิเศษ วัดควนเกย ตำบลควนเกย อำเภอร่อนพิบูลย์ จังหวัดนครศรีธรรมราช
วันอาทิตย์ที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๔ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือนยี่
กำหนดการ
วันที่ ๔ - ๘ มกราคม ๒๕๕๔ แรม ๑๕ ค่ำ - ขึ้น ๔ ค่ำ เดือนยี่
เวลา ๑๙.๐๐ น. พระแสดงธรรมเทศนา สวดอภิธรรม
วันที่ ๙ มกราคม ๒๕๕๔ ขึ้น ๕ ค่ำ เดือน ยี่
เวลา ๑๐.๐๐ น. พระสงฆ์ทรงสมณศักดิ์ 10 รูป สวดพระพุทธมนต์
เวลา ๑๓.๐๐ น. แสดงพระธรรมเทศนา 1 กัณฑ์
เวลา ๑๓.๔๐ น. พระสงฆ์สวดมาติกาบังสุกุลและทอดผ้าบังสุกุล
เวลา ๑๕.๓๐ น. พระราชทานเพลิงศพ
ลูกศิษย์พ่อท่าน


อยู่แฟลตก็สุขได้…ง่ายๆ…เรียบๆ

9668 ความคิดเห็น โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 26 กรกฏาคม 2010 เวลา 10:03 (เช้า) ในหมวดหมู่ Uncategorized, การเกษตร, ธรรมชาติ, แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 90824

สวัสดีครับทุกท่าน

สบายดีกันนะครับ วันนี้หยุดวันสำคัญทางพุทธศาสนาครับ ไม่ได้กลับบ้านครับเพราะต้องเร่งจัดการงานที่ผ่านมาแล้วและกำลังจะเกิดขึ้นต่อไปครับ แต่ก็ขอพักสักหน่อยด้วยการเขียนบันทึกสักนิดครับ ช่วงนี้สบายใจกับระเบียงป่า ให้ระเบียงพึ่งพาตนเอง ใส่ปุ๋ยให้ตนเอง พึ่งพาและเลื้อยเองตามธรรมชาติ นกทำรัง มาขับร้องเพลงในตอนเช้าๆ เพื่อปลุกให้ตื่นก่อนหกโมงเช้าครับ ใบไม้ตกลงมาก็เก็บๆ ไปใส่ไว้ในกระถางต่อให้เค้าย่อยของเค้าเป็นแบบนั้น ผมสนับสนุนในช่วงนี้เฉพาะระบบน้ำยี่ห้อแฮนดี้แมนซึ่งก็ทำงานได้ดีมากเลยครับ มีเมล็ดพืชบางชนิดไม่ได้รับเชิญก็ขึ้นอีกหลายต้น ก็ปล่อยให้งอกอย่างนั้นละครับ เพราะคำว่าป่าเราคงไม่ต้องไปถอนหรือถางเค้า เก็บกินเอาเฉพาะที่มี ช่วงนี้ต้นแปะกำปึง เค้าบอกว่าบำรุงหัวใจ ก็ใช้แก้ขัดได้ละครับเวลาไม่มีผักเหนาะครับ ผมเคยนิยามไว้ว่า ผักสวนครัว ระเบียงกินได้ มาถึงวันนี้ระเบียงก็กินได้ครับ มีขนุนด้วยสองต้นครับ แต่คงไว้ที่ระเบียงไม่ได้เว้นแต่จะทำระบบกระถางใหม่ครับ เพิ่งถอยโมกมาใหม่สองต้น ถอยมาได้ก็ตั้งไว้ปากทางเข้าประตูบ้านแต่แสงน้อย พร้อมกับไม่อยู่ไปภูเก็ตห้าวัน ก็เลยยกไปไว้ที่ระเบียง อยู่ได้สามวันเจ้าของต้นไม้ตัวจริงก็มาทำรังทันที เค้าทำแบบไหนไม่แน่ใจเร็วจริงๆ ไว้โอกาสหน้าผมจะตั้งกล้องวีดีโอไว้ ทำสารคดีนกที่ระเบียง อิๆๆๆ และซื้อมะกรูดมาสองต้น และส้มจี๊ดหนึ่งต้นครับ

อ่านต่อ »


หลักสูตรพื้นฐานปริญญาสามัญ 2 เดือน ผ่านไปแล้ว

21730 ความคิดเห็น โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 20 มิถุนายน 2010 เวลา 11:05 (เช้า) ในหมวดหมู่ การศึกษา, แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 110977

สวัสดีครับทุกท่าน

วันนี้พอจะมีโอกาสมานั่งเขียนอะไรบ้างสั้นๆ ตั้งแต่วันที่ 12 เมษายน มาถึง วันนี้ 20 มิถุนายน 2553 ได้เข้าหลักสูตรปริญญาสามัญที่ตั้งขึ้นเอาเอง มั่วเอาเอง ซึ่งก็คือการอุปสมบทเป็นเวลา 2 เดือนพอดี เกินจากที่วางไว้คืออย่างน้อยหนึ่งเดือน จริงๆ การบวชนี้จะบวชนานแค่ไหนก็คงได้เช่นกัน หากไม่มีภาระทางโลกให้ต้องเป็นห่วง ก็คือการพัฒนาคนเช่นกันในอีกทางหนึ่ง ทางจิตวิญญาณ

เริ่มจากงานธรรมดา ที่ผู้มาร่วมงานเกิดจากความรู้สึกอยากมาร่วมโดยไม่ต้องยัดเยียดมาต้องมา ไม่ได้แจกบัตร จึงนับได้ว่าผู้ที่มาส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดมาเพราะหัวใจและน้ำใจที่อยากจะมาร่วมงาน เหมือนกับตอนที่ผมสอนนักศึกษาโดยที่เข้าเรียนโดยไม่มีการเช็คชื่อเพื่อให้คะแนน ผมนิยามศรัทธาง่ายๆ แบบนี้ ก็จะมีญาติมิตรจากหลายๆ ที่เดินทางมาร่วม ทั้งในลานปัญญา และญาติจากที่ทำงาน ตลอดจนคู่เกลอและญาติมิตรในละแวกบ้าน อย่างน้อยคุณแม่ก็ได้ทราบว่าการจัดงานโดยที่ไม่ต้องเชิญแขกก็ยังทำได้อยู่ในปัจจุบัน และแน่นอนว่าหลายๆ คนที่ศรัทธาอยากจะมาร่วมบุญในละแวกบ้านที่ไม่ทราบก็ย่อมเสียใจเป็นธรรมดา โดยเฉพาะย่าของผมสามท่านไม่ไดมาร่วม ท่านคงเสียใจพอสมควร แต่ท่านได้มานั่งในโรงฉันตอนที่ได้บวชเป็นพระแล้ว

(เริ่มตั้งแต่ก่อนปลงผม และปลงผมเพื่อจากแฟนท่อม สองเดือน มีญาติจากลานปัญญามาร่วมงานกันตรึมน้ำใจไหลหลั่ง)

อ่านต่อ »


คติธรรม สะกิดใจ - ห้ามปิดทองหน้าพระ

5280 ความคิดเห็น โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 30 พฤษภาคม 2010 เวลา 9:45 (เช้า) ในหมวดหมู่ แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 53621

เจริญพรโยมทุกท่าน

เมื่อวาน 29 พ.ค. 2553 วางแผนกันว่าจะรบกวนพระหมูช่วยเขียนคำคติธรรม ที่อาตมาได้คิดไว้มาลองคิดบนเก้าอี้นั่ง หน้ากุฏิพระอาจารย์ ตอนเช้าหลังจากที่ฉันเช้าเสร็จ อีกไม่นานก็มีโยมเพื่อนจาก ม.วลัยลักษณ์มาเยี่ยม แล้วก็พอไปไหว้พระแล้วถ่ายรูปร่วมกัน หลังจากนั้น โยมเพื่อนก็ลากลับก่อนช่วงฉันเพล อาตมาก็เดินไปที่เก้าอี้ที่พระหมูและพระอ้อนั่งกันอยู่ ก็เห็นป้ายที่พระหมูเขียนไว้ว่า

ขอความกรุณา ห้ามปิดทอง….  ซึ่งยังไม่เสร็จ อาตมาก็เลยชอบต่อท้ายไปเล่นๆ ว่า ขอความกรุณา ห้ามปิดทองหน้าพระ  พระทั้งสองก็พูดพร้อมกัน ออเอ้อ…(ใช้แล้ว) ซึ่งไม่ทราบหรอกว่าจะเขียนว่าอะไร มาทราบตอนหลังว่าจะเขียนไว้เพื่อเอาไปไว้ในห้องพระเจ้าอาวาส เพราะว่าญาติโยมมาแล้วมักจะปิดทองที่บริเวณใบหน้าของพระ ทำให้มองไม่เห็นว่าจริงๆ แล้วหน้าตาท่านเป็นอย่างไร ทำให้ที่อาตมาพูดไปเล่นๆ ก็เลยได้นำมาใช้จริง ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าต้องการจะเขียนอะไร เพราะพระหมูบอกว่าก่อนหน้านี้ได้ประโยคยาวๆ ซึ่งไม่รู้จะทำไงให้สั้นๆ

อ่านต่อ »


สะเก็ดธรรม

14614 ความคิดเห็น โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 25 พฤษภาคม 2010 เวลา 1:28 (เย็น) ในหมวดหมู่ แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 131783

เจริญพรโยม

เช้าวันนี้ตื่นตอนตีห้า ปลุกพระกุฏิที่อยู่ใกล้กันเสร็จออกไปกรวดน้ำแล้วก็อาบน้ำเพื่อเตรียมตัวออกบิณฑบาตตอน 6.00 น. ก็เดินออกไปจากวัดผ่านหน้าโรงเรียนวัดควนเกย ก็เลยเจอของดีเข้าเต็มๆ มีผู้ทดสอบอารมณ์ตั้งแต่ต้นทางเลยนะวันนี้ เพราะก่อนหน้านี้ก็มีผู้มาทดสอบมาก่อนแล้วเมื่อสองวันก่อน แต่ก่อนหน้านี้ที่โดนทดสอบนั้นไปเจอตอนทางเข้าบ้านโยมแม่ ตรงบริเวณที่เคยโดนปลวกสองตัวกัดที่ฝ่าเท้า ก็เลยพาอารมณ์นั้นกลับวัดแล้วค่อยมาชำแหละกันที่วัดสำหรับสะเก็ดแรก

แต่มาวันนี้เจอสะเก็ดธรรมอีกชนิดที่มองไม่เห็น เพราะเดินบนผิวถนนลาดยางเรียบ จะเดินพิจารณาอย่างไรก็คงยากที่จะเห็นได้ แน่นอนว่าลองหยุดพิจารณาหลังเหยียบแล้วเอานิ้วชี้กวาดบริเวณที่ปวดแล้วก็ไม่เจอแสดงว่าสะเก็ดธรรมได้ฝังลงในเนื้อแล้ว ทำได้ก็แค่สภาวะรู้เท่านั้น ให้เสร็จกระบวนการก่อนแล้วค่อยพิจารณา เดินไปเรื่อยๆ โดยมีตัวสติเพิ่มขึ้นมาอีกตัวที่ไม่ทิ้งให้สติหลุดไปอยู่ที่อื่น

อ่านต่อ »


ธรรมะของหลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี

2487 ความคิดเห็น โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 21 พฤษภาคม 2010 เวลา 8:24 (เย็น) ในหมวดหมู่ แนวคิด ปรัชญา ศาสนา #
อ่าน: 22068

หลวงปู่ทวด วัดช้างให้ จ.ปัตตานี
ท่านเป็นพระมหาเถระที่รู้จักกันทั่วประเทศ ในนาม ” หลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ”
คาถาบูชาท่าน คือ นะโม โพธิสัตโต อาคันติมายะ อิติภะคะวา
ชาติกาล 3 มีนาคม พ.ศ. 2125
ชาติภูมิ บ้านเลียบ ต.ดีหลวง อ..สทิงพระ จ.สงขลา
บรรพชา เมื่ออายุได้ 15 ปี
อุปสมบท เมื่ออายุ 20 ปี
มรณภาพ 6 มีนาคม พ.ศ. 2225
สิริรวมอายุได้ 99 ปี
คติธรรมคำสอน ของ หลวงปู่ทวด
ธรรมประจำใจ
พูดมาก เสียมาก พูดน้อย เสียน้อย ไม่พูด ไม่เสีย นิ่งเสีย โพธิสัตว์

อ่านต่อ »



Main: 0.099187135696411 sec
Sidebar: 0.054732799530029 sec