มารู้จัก … หินเหล็กไฟ เป็น…

โดย มิสเตอร์สะตอฯ เมื่อ 9 พฤศจิกายน 2008 เวลา 3:15 (เย็น) ในหมวดหมู่ ธรรมชาติ #
อ่าน: 8836

สวัสดีครับทุกท่าน

สบายดีกันไหมครับ ตอนนี้ผมได้เข้ามาทักทายกับพี่น้องไม่ถี่เลยครับทั้งๆ ที่มีคอมพ์อยู่สามสี่ตัวครับ พอกลับมาภารกิจที่ต้องทำก็มีตามรูปแบบครับ ประกอบกับการยังไม่ลงตัวในการสอน และการเตรียมตัวสำหรับภารกิจอื่นๆ ต่อไปครับ หวังว่าทุกท่านยังสบายดีกันอยู่ทุกคนนะครับ ได้เข้ามาอ่าน แต่ไม่ค่อยได้บรรเลงครับ

คอมพิวเตอร์ที่มันดับไปอีกครั้ง ก็ส่งไปซ่อม เพิ่งได้กลับมาเมื่อวาน ก็เลยได้ฤกษ์กำหนดให้ใช้อินเทอร์เน็ตได้ เลยขอเจิมบันทึกนี้เลยครับ ประกอบวันนี้ เป็นวันรูสมิแล (วันสนเก้าต้น) ชื่อรูสมิแล เป็นชื่อตำบลที่ มอ.ปัตตานี ตั้งอยู่ครับ เป็นวันที่ย้ายมหาวิทยาลัยจาก กทม. ลงมาอยู่ที่นี่ ข้าราชการและ นักศึกษา ก็เดินทางกันมาทางรถไฟ ลงที่สถานีรถไฟโคกโพธิ์ มหาวิทยาลัยในสมัยนั้น มีข้าราชการและนักศึกษาไม่มากนัก อาจารย์ท่านหนึ่งได้เล่าให้ผมฟังว่าสมัยก่อน นักศึกษา ข้าราชการ ภารโรง และบุคลากรทุกคน กินข้าวหม้อเดียวกัน คือเข้าแถวต่อแถวด้วยกัน นับเป็นความอบอุ่นของกลุ่มคนทางการศึกษาที่เป็นเหมือนพี่น้องพ่อแม่ลูกกัน

โม้มาเสียยาว หันไปเห็นชื่อเรื่องไม่เห็นตรงกับเนื้อหาที่กำลังพิมพ์อยู่เลยครับ เป้าหมายจริงๆ ผมอยากจะอธิบายคำว่า หินเหล็กไฟ ซึ่งไม่ใช้เป็นชื่อกลุ่มศิลปินนะครับ แต่หินเหล็กไฟ เป็นคำนาม ก่อนยุคที่เราจะมีไฟเช็ค ซึ่งเป็นประสบการณ์ในตอนเด็กของผมครับ หากเรานึกถึง ไฟเช็คสมัยที่ใช้น้ำมันแล้วมีล้อหมุนไปขีดกับเหล็กก้อนเล็กๆ ก้อนหนึ่ง แล้วทำให้เกิดประกายไฟ ไปตกที่ตำแหน่งของไส้ไฟเช็คที่ทำด้วยด้ายคล้ายไส้ตะเกียงที่เปียกด้วยน้ำมัน หินก้อนเล็กๆ นั่นละครับ เรียกว่าหินเหล็กไฟ ครับ

แต่ที่ผมจะนำเสนอไม่ใช่แค่นั้น จุดหลักมันคือการใช้ความสามารถให้เกิดไฟ ในการก่อกองไฟ โดยการใช้หินเหล็กไฟ แล้วมีนวัตกรรมอีกชิ้นคือ การเอาหินเหล็กไฟไปฝังไว้ในไม้ที่บากเอาไว้แล้วเอานุ่นชุบน้ำมันมาวางไว้ที่ใกล้ๆ แล้วใช้มีดพร้าเหลาสัมผัสกับหินเหล็กไฟ แล้วเกิดประกายไฟแล้วติดไฟเอาไปทำเป็นเชื้อในการก่อไฟได้ ซึ่งต้องมีความชำนาญถึงจะก่อไฟได้ ทำนองเดียวกับการใช้หินสองก้อนเอามากระทบกันให้เกิดประกายไฟ ไปตกที่ก้อนเชื้อเพลิงที่เตรียมไว้ครับ ซึ่งปัจจุบันเริ่มจะหาดูได้ยากครับ แม้เทคโนโลยีก็เริ่มเปลี่ยนไป จนเราแทบจะหาหินเหล็กไฟดูได้ยากขึ้น

วันนี้ปั่นบทความส่งไปให้นิตยสาร science world เกี่ยวกับเรื่องไบโอนิคส์ มาสร้างแรงจูงใจ สร้างนักช่างสังเกต นักวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์ในการมองธรรมชาติ สกัดความรู้จากธรรมชาติเอาไปสร้างนวัตกรรมใหม่ เพื่อการพัฒนาและอยู่ร่วมกับธรรมชาติ แต่มิใช่การสร้างเทคโนโลยีใหม่เพื่อการทำลายธรรมชาติ

ขอให้ทุกท่านมีความสุขกับการทำงาน และพักผ่อนในวันหยุดของหลายๆ คนนะครับ ช่วงนี้มีความสุขดีครับ มีต้นไม้หลังห้องหลายๆ ต้น ชีวิตเราก็หนีไม่พ้นที่จะแสวงหาความเขียวจากธรรมชาติครับ

ขอบคุณมากครับ คิดถึงทุกท่านครับ

เม้งครับ

« « Prev : จากเธอที่ชุมทางเขาชุมทอง-ฉากเดิมต่างเวลา

Next : เลี้ยงพืชผ่านเน็ต…. » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1066 ความคิดเห็น


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 2.7934398651123 sec
Sidebar: 0.29541397094727 sec