ค่ายภาษาอังกฤษ:ที่บ้านสวนยายเฮ้า(1)

3 ความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 27 เมษายน 2009 เวลา 5:13 (เย็น) ในหมวดหมู่ ภาษา #
อ่าน: 3133

เช้าวันนี้ผู้เขียนอยู่ที่บ้านสวนยายเฮ้า ที่หมู่บ้านโนนจาน ตำบลเมืองเตา จังหวัดมหาสารคาม  เพิ่งเสร็จจากการอบรมนักศึกษาแพทย์ที่บ้านพ่อครูบาสุทธินันท์  บ้านสวนยายเฮ้า  เกิดขึ้นจากลูกศิษย์เอกพ่อครูบาคือ ดร.ศักดิ์พงษ์ หอมหวล ได้เริ่มจัดการศึกษาตามอัธยาศัยให้แก่ชุมชนในหมู่บ้าน

 

       ตอนนี้อยู่ในระยะเริ่มแรก ต้นไม้เพิ่งปลูก แต่สงบมากๆๆ อยู่กลางทุ่งนาเลย เมื่อคืนลมแรงเหมือนเต็นท์ที่ผู้เขียนนอนจะปลิวไปตามลมเลยต้องเข้าไปนอนในห้องกระจก  (ใครจะรู้ว่าลมมันแรงขนาดนั้น)…เสียงกบร้องรอบที่พัก เหมือนแข่งกัน อ๊บๆๆที่นั่น อ๊บๆๆที่นี่ ถ้าคืนนี้มีเสียงกบอีกจะอัดเสียงธรรมชาติมาฝากก็แล้วกัน

 

  

    ตอนเช้าผู้เขียนตื่นมาเลยไปถ่ายรูปรอบๆๆบ้านสวนยายเฮ้า เพราะเมื่อคืนมาดึกมากแล้ว ดร.ศักดิ์พงษ์ หอมหวล บอกว่าเพิ่งปลูกต้นไม้ได้ทดลองปลูกต้นไม้หลายชนิดปรากฏว่าต้น อุจจาระเหล็ก เอ้ยต้นขี้เหล็กเป็นไม้ที่เติบโตได้ไวกว่าไม้ชนิดอื่น ดร.ศักดิ์พงษ์เลยจะปลูกขี้เหล็กและต้นไผ่เอาไว้กันแรงลม

   

 

   ในระหว่างที่ผู้เขียนกำลังเขียนบันทึกมีเสียงนกเขา นกโพระดก นกกางเขนบ้านร้องรอบๆๆสวน ตอนนี้ผู้เขียนรอเด็กน้อยที่อยู่ในหมู่บ้านมาร่วมกิจกรรมครับ  แล้วจะเอารูปมาให้ดูนะครับ

                  เด็กๆๆเคารพธงชาติ

 

                           The monk ,the ghost,

                            พุทธกะลา ปรับมาจากพุทธสปา อิอิ

    ขอบคุณครับที่เข้ามาอ่าน…


สวนป่าครูบาสุทธินันท์:นักศึกษาแพทย์จากชลบุรี(3)

3 ความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 25 เมษายน 2009 เวลา 1:37 (เย็น) ในหมวดหมู่ บันทึกแรก #
อ่าน: 1940

เมื่อวานตอนกลางวันกิจกรรมที่นักศึกษาแพทย์ทำคือ กิจกรรมของ dialogue กิจกรรม world café และที่นักศึกษาแพทย์สะท้อนความคิดเห็นว่าได้ความรู้คือกิจกรรมการทำอาหาร มีนักศึกษาท่านหนึงหยิบมะเขือมาให้ผู้เขียนดูด้วยการการดีใจบอกผู้เขียนว่าได้มะเขือเปราะแล้ว ลูกแดงเชียว ผู้เขียนงง งง เลยตามไปดูปรากฏว่าเป็นมะเขือเทศ ฮ่าๆๆ

     ตอนตอนช่วงทำอาหารหลายคนได้ช่วยเหลือกันอย่างดี เมื่อทำอาหารเสร็จก็มานำเสนอให้ทุกๆๆท่านที่เข้าร่วมกิจกรรมกิน

 

   ตอนเย็นได้ตั้งวงคุยกันเรื่องบทเรียนที่ได้จากการการทำอาหาร  ผู้เขียนได้เริ่มกิจกรรมเกลียวเชือกต่อกับพี่หมอเจ๊ พี่ดา  นักศึกษาแก้ปัญหาได้อย่างรวดเร็วและสะท้อนความคิดเห็นว่าได้อะไรจากการร่วมกิจกรรมนี้บ้าง  

 

  เช้าวันนี้นักศึกษาจะเดินไปเรียนรู้รอบๆๆบริเวณสวนป่า  เอาภาพกิจกรรมมาให้ดูก่อนนะครับ วันนี้คุณหมอจอมป่วนมาถึงแล้ว เดี๋ยวจะมาเล่ากิจกรรมต่อ…ขอบคุณครับ…


สวนป่าครูบาสุทธินันท์:นักศึกษาแพทย์จากชลบุรี(2)

ไม่มีความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 24 เมษายน 2009 เวลา 10:26 (เช้า) ในหมวดหมู่ บันทึกแรก #
อ่าน: 2405

ผู้เขียน พี่ handy พี่จุ๋ม พี่ดา พี่ครูพรรณา อยู่บ้านพ่อครูบาสุทธินันท์ที่ อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อวานนักศึกษาแพทย์เดินทางมาถึงเวลา 22.00น. ปรากฏว่าพี่หมอสุ งงทางเข้าเล็กน้อย เนื่องจากทางเข้าบ้านพ่อครูบาสุทธินันท์สร้างใหม่

 

      ผู้เขียนได้ปรึกษาพี่ดา พี่หมอสุ ให้นักศึกษาแพทย์เดินทางลัดเพื่อเข้าสวนป่าโดยไม่ใช้แสงไฟ การเดินทางในป่า ในที่มืดๆๆ เมื่อปรับให้สายตาให้เข้ากับความมืดในทางเดินจะพบว่าทางเดินจะเป็นทางสีขาวๆ ที่นักศึกษาแพทย์ชอบคือดวงดาวสวย ถ้าอยู่ในเมืองจะไม่มีโอกาสเห็น สิ่งที่น่าสนใจอีกคือ หิ่งห้อยมีหลายตัวแสงแวบๆๆวับๆๆวอมแวมๆๆ

    

       ตอนเช้าออกไปรับพี่หมอเจ๊กับแม่หวี ที่อำเภอสตึก พี่หมอเจ๊เดินทางมาถึงไวมาก เลยได้พบกับสมาชิกท่านอื่นๆๆ   เช้านี้พ่อครูบาชวนคุยที่สวนไผ่  มีนักศึกษาแพทย์หลายท่านได้สะท้อนว่า ที่เรียนแพทย์เพราะพ่อแม่คาดหวัง   มีน้องคนหนึ่งบอกว่า เรียนแพทย์เพราะใจรักอยากช่วยเหลือคนป่วย รายงานแค่นี้ก่อนนะครับเดี๋ยวมาใหม่…

  ตอนนี้เพิ่งทำผ่อนพักต์ตระหนักรู้เสร็จ กำลังต่อกิจกรรมเจ้าตัวเล็กครับ ขอบคุณครับที่เข้า

  กิจกรรมช่วงผ่อนพักต์ตระหนักรู้

    กิจกรรม World cafe

 

    การทำอาหาร

 

 


สวนป่าครูบาสุทธินันท์:ทีมหมอมาจากชลบุรี

1 ความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 23 เมษายน 2009 เวลา 11:51 (เย็น) ในหมวดหมู่ บันทึกแรก #
อ่าน: 6335

เจ้าเป็นไผ: ขจิต ฝอยทอง(3)

8 ความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 18 มีนาคม 2009 เวลา 11:30 (เช้า) ในหมวดหมู่ ภาษา #
อ่าน: 2876

          ตอนมาเป็นครูชีวิตสนุกสนานมาก ได้เลือกโรงเรียนที่ไกลที่สุดเพราะสอบได้อันดับต้น อยากไปอยู่ไกลๆๆ แต่มีครูที่สอบได้รองจากผมขอเปลี่ยนเนื่องจากบ้านเธออยู่ที่นั่น มีครอบครัวแล้ว เอารูปมาให้ดูด้วย จะให้ผมใจดำไม่ให้เธอเลือกได้อย่างไร ผมเลยไปอยู่อำเภอบ่อพลอย ชาวบ้านแถวโรงเรียนเป็นชาวสุพรรณบุรีอพยพมาอยู่ บางกลุ่มเป็นชาวลาวโซ่ง เป็นกลุ่มที่น่าศึกษามาก มีวัฒนธรรมที่ดีงามของตนเอง ผมเลยมีโอกาสฝึกพูดภาษาโซ่งจากนักเรียน หลังจากได้เรียนภาษาปกากะญอ(กระเหรี่ยง) จากโรงเรียนหมู่บ้านเด็ก  

   ตอนเป็นคุณครูผมขับมอเตอร์ไซด์ไปเยี่ยมบ้านนักเรียนหลังเลิกเรียนเกือบทุกวัน ไปเยี่ยมนักเรียนที่ขาดเรียน ไปคุยกับผู้ปกครอง มีความสุขดี ผมสอนภาษาอังกฤษไปประมาณ 5 ปี อยากเพิ่มความรู้ของตนเอง  จึงไปสอบเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร ปรากฏว่าสอบได้เลยไปเรียน ใช้เวลาเรียนสองปีครึ่ง  แต่ตอนเรียนได้ฝึกปฏิบัติจริงๆๆ ได้ลองสอนจริง หลักสูตรที่เราเรียนกันจะสอนเป็นภาษาอังกฤษทั้งหมด ตอนนั้นผู้เขียนไม่มีที่พัก แต่โชคดีมีพระที่เคยทำค่ายด้วยกันที่สงขลาท่านเป็นพระผู้ใหญ่อยู่วัดวิเศษการ ไม่ไกลจากศิริราช ชวนผู้เขียนไปอยู่ด้วย ผู้เขียนเลยไม่ต้องเช่าบ้าน ตอนเช้าถ้าไม่มีเรียนตอนเช้าก็ถือปิ่นโต สะพายย่ามตามหลวงพี่ ไปบิณฑบาต(เป็นเด็กโข่ง ที่ไม่มีใครรู้ อิอิๆ)แถวโรงพยาบาลศิริราช ตลาดรถไฟบางกอกน้อย (บางทีท่านผู้อ่านอาจเคยเห็นผมแถวๆโรงพยาบาลศิริราชก็ได้ แต่ไม่รู้จักเอง ฮ่าๆๆ)

    ผมเองหวังตั้งแต่เด็กแล้วว่าอย่างน้อยผมต้องเรียนจนจบปริญญาเอก เมื่อกลับมาโรงเรียนประมาณสองปี กระทรวงศึกษาธิการก็มีการสอบคัดเลือกครูเพื่อไปเรียนที่ New Zealand ผู้เขียนได้ไปอยู่ที่ New Zealand ในเมือง Aucklandเป็นเมืองที่น่าอยู่ อากาศดีมาก ผู้คนเป็นมิตร ยิ้มแย้มแจ่มใส  เมื่อกลับมาเมืองไทยก็สอนนักเรียนเข้มข้นมากกว่าเดิม นอกจากนี้ยังไปเป็นวิทยากรให้แก่ศูนย์ ERIC เพื่ออบรมครู และเป็นอาจารย์พิเศษให้แก่มหาวิทยาลัยราชภัฏ กาญจนบุรี  สองปีต่อมาลูกศิษย์ผู้เขียนที่เป็นลูกภารโรง ก็สอบทุนหนึ่งอำเภอหนึ่งทุนไปเรียนที่เยอรมัน เป็นที่ฮือฮามากในจังหวัดเพราะชนะคู่แข่งที่เป็นลูกข้าราชการ ลูกพ่อค้าในจังหวัด  แต่ก็นั่นแหละ อย่างที่บอกไว้ ผมเองมีความหวัง มีความตั้งใจอยากเรียนจนจบปริญญาเอก เมื่อจบปริญญาโทมาประมาณ 5 ปี ที่โรงเรียนไม่มีครูไปเรียนปริญญาโทและเอก ผู้เขียนขออนุญาตผู้บริหารไปสอบปริญญาเอก  ปรากฏว่าสอบได้ แต่ผู้บริหารไม่ยอมให้ไปเรียน แต่โชคดีทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน ให้ทุนไปเรียนต่อปริญญาเอก ผู้เขียนเลยลาออกจากราชการมาเป็นพนักงานของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ได้เรียนสนใจตามที่หวังไว้ 

 

 อยากฝากบอกท่านผู้อ่านทุกๆๆท่านว่า เราต้องเป็นผู้เรียนรู้ตลอดเวลา( lifelong learning) โดยเฉพาะคนที่เป็นครู สมควรเรียนรู้ตลอด  เราอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันกับนักเรียน นิสิต นักศึกษา หรือเรียนรู้ไปกับภูมิปัญญาของท้องถิ่น อย่าทำตัวเป็นน้ำล้นแก้ว และอย่าทำตัวเป็น dead wood 

  ผมอยากบอกว่า ความหวัง ความตั้งใจจริงเป็นสิ่งสำคัญมาก ตอนนี้สิ่งที่อยากทำคือ อยากสร้างเครือข่ายแบบเฮฮาศาสตร์ให้เกิดมากๆๆในสังคมบ้านเรา อยากเห็นความสันติสุขเกิดในทุกๆๆที่ของเมืองไทย อยากทำความดีให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ตอนนี้ผมยังมีความฝัน ความหวังที่ไม่สามารถบอกใครได้ เก็บเอาไว้เป็นความลับแต่ผู้เดียว ผมรู้หรอกว่าผู้อ่านอยากทราบ  จ้างก็ไม่บอก ฮ่าๆๆๆ   ผมเองนั้นมีวิธีการเรียนไม่ค่อยเหมือนใคร  อยากเรียนรู้อะไรก็เรียน จะเรียนได้ไม่ดีถ้าอยู่ในระบบ ผมได้เรียนรู้จากการที่ผมออกไปอบรมครู ว่า ระบบการศึกษาบ้านเรามีการพัฒนาในด้านการศึกษาที่ผิดพลาดมาตั้งแต่ต้น ผลของการปรับตำแหน่งความชำนาญการของครู ไม่ได้ส่งผลให้เด็กได้พัฒนา เมื่อไรที่มีการให้เงินครูเพิ่มจากครูชำนาญการเป็นครูเชี่ยวชาญโดยการดูเพียงเอกสารอย่างเดียว มีครูจ้างทำผลงานวิชาการ ไม่ได้ดูการพัฒนานักเรียนในชั้นเรียนรับรองได้ว่า การศึกษาบ้านเราคงไปไม่รอด   ในส่วนการพัฒนาครูภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐานนั้น คนที่น่าสงสารกลับเป็นครูประถมศึกษาและจะส่งผลไปสู่นักเรียนเพราะบ้านเรานั้นครูที่สอนภาษาอังกฤษในระดับประถมศึกษาเราไม่ได้เตรียมความพร้อมของครูเราก่อน ให้ใครก็ได้ไม่ว่าจะเป็นเอกพละศึกษา เอกคหกรรมไปสอนนักเรียน ผลคือ ครูเองขาดความมั่นใจในการสอนภาษาอังกฤษ ขาดเทคนิคการสอน ถึงเวลาสอนครูก็ไม่อยากสอน ทำให้นักเรียนไม่อยากเรียน นี่ถ้ามีการหยุดคอรัปชั่นของคนบางพวกแล้วมาทุ่มที่การศึกษา มาทุ่มที่การพัฒนาครู เอาเรื่องการศึกษาเป็นวาระแห่งชาติ  การศึกษาบ้านเราคงดีกว่านี้นะครับ  หวังว่าตอนนี้ท่านผู้อ่านคงทราบแล้วว่า ผมเป็นไผ…ฮ่าๆๆ

 


เจ้าเป็นไผ: ขจิต ฝอยทอง(2)

2 ความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 18 มีนาคม 2009 เวลา 10:56 (เช้า) ในหมวดหมู่ ภาษา #
อ่าน: 4375

ตอนจบประถมศึกษาเพื่อเข้าเรียนต่อมัธยมศึกษาก็เกิดเรื่องจนได้พระที่ผมมาอยู่ด้วยท่านลาสิกขาบท แล้วผมจะอยู่กับใครละต้องกลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ดีได้ช่วยแม่เลี้ยงน้องชายสองคน หุงข้าว ทำกับข้าวให้แม่ไปทำงาน แม่ไม่อยากให้เรียนต่อเพราะค่าใช้จ่ายมาก แม่อยากให้ออกมาเป็นช่าง ในวันที่มีสอบเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผมหนีแม่ออกทางหน้าต่างตอนตี 5 กว่า เพื่อไปสอบเรียนต่อ  ผลสอบปรากฏว่าผมสอบได้ครับ  แม่เลยให้เรียน  การเรียนผมอยู่ในเกณฑ์พอใช้

   ตอนมัธยมศึกษาตอนต้นเรียนสายวิทย์-คณิตย์สอบผ่านมาเรื่อยๆ แต่ตอนขึ้นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายผมเปลี่ยนแผนด้วยที่ตัวผมเองชอบภาษามากกว่าการคำนวณเลยมาเรียนสายภาษาอังกฤษ-ฝรั่งเศส ผมฝึกภาษาอังกฤษโดยพูดกับฝรั่งที่มาเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแคว บางครั้งก็พาฝรั่งไปเที่ยว(เป็นไกด์ผีครับ ถึงแม้นว่าจะหน้าตาดี อิอิๆ) เลยได้ภาษาอังกฤษมาจากการปฏิบัติจริง แต่อย่างว่าตอนเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายผมทำกิจกรรมทุกอย่างแล้ว ได้เรียนรู้การทำกิจกรรมจากในโรงเรียน ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานนักเรียนตั้งแต่สมัยอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แต่ชีวิตผกผันตอนจบมัธยมศึกษาตอนปลายไม่เคยไปภาคใต้เลย แต่สอบได้ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา

   สมัยผมไปอยู่ใต้ใหม่ๆเริ่มมีการเผาโรงเรียนแล้ว แต่ไม่กี่ที่ตอนเป็นนิสิตที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา เริ่มอ่านหนังสือมากกว่าตอนเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย อ่านหนังสือทุกเล่มที่ผ่านมาในสายตา กลุ่มเพื่อนที่ผมอยู่ด้วยเป็นกลุ่มคุรุทายาทเมื่อทุกคนจบการศึกษาต้องกลับไปเป็นครูชดใช้ทุน  ผมได้รับเลือกเป็นประธานคณะศึกษาศาสตร์ และเข้ามาทำงานที่องค์การนิสิต ได้เป็นอุปนายกภายนอกขององค์การนิสิตตอนอยู่ปีสอง 

  ผมเป็นแกนนำในสมัยก่อนเราเรียกกันว่าสหพันธ์นักศึกษาภาคใต้มีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่หาดใหญ่และ ปัตตานี วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช(ชื่อสมัยก่อน) วิทยาลัยครูสงขลา เทคโนโลยีราชมงคล ภาคใต้(ชื่อเดิม)  ผมเลยมีโอกาสไปทำค่ายอาสาที่สุราษฎร์ธานีนราธิวาส นครศรีธรรมราช ปัตตานี ตรัง พัทลุง ฯลฯ  และอีกหลายจังหวัด 

 

   ถ้าจะให้บอกว่าผมมีเพื่อนภาคไหนมากที่สุดผมตอบได้เต็มปากว่ามีเพื่อนอยู่ภาคใต้มากที่สุด  เรียนอยู่ 4 ปี ได้ทั้งความรู้ในห้องเรียนและนอกชั้นเรียน  ตอนเสาร์-อาทิตย์ไปกับเพื่อนมุสลิมสอนหนังสือตามมัสยิด ถ้าปิดเทอมใหญ่ก็จัดค่ายอาสาหรือค่ายที่โรงเรียนวัดทรายขาว แถวตำบลทุ่งหวัง  จังหวัดสงขลา ความประทับใจของผมเองคือเราได้ทำกิจกรรมที่เราชอบ เรามีเพื่อน ค่ายที่ผมชอบจึงเป็นค่ายอาสา ผมเคยเข้าไปสำรวจค่ายที่อำเภอสะบ้าย้อยคนเดียวโดยนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้าไป ผ่านสวนยาง ผ่านหมู่บ้าน พี่น้องมุสลิมใจดีมาก ผมเข้าไปจัดค่ายให้โรงเรียนประถมศึกษาที่อำเภอสะบ้าย้อย(ถ้าเป็นสมัยนี้จะเป็นอย่างไรหนอ)   ผมเองได้รับการยอมรับจากเพื่อนว่า เป็นผู้นำกิจกรรม แต่การเรียนผมไม่ได้ทิ้ง ผมยังตั้งใจเรียนเหมือนเดิม มีอาจารย์ที่ผมเคารพหลายท่านเช่น ผศ.ดร.พรทิพย์ เสมาภักดี สมัยที่เรียนท่านไปต่างประเทศบ่อย ผมจะไปเฝ้าบ้านให้อาจารย์โดยเอาหนังสือไปอ่านด้วย  บางครั้งก็ชวนเพื่อนๆคุรุทายาทไปบ้านอาจารย์ เรียกว่าเป็นที่รักของเพื่อน ใครให้ช่วยอะไรได้ก็จะช่วย หนังสือที่ผมอ่านสมัยเรียนกลับเป็นเรื่องของครูโกมล คีมทอง(บอกนิสิตสมัยปัจจุบัน นิสิตบอกว่าไม่รู้จัก)  ที่มาถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านส้อง สุราษฎร์ธานี ผมเรียนภาษาอังกฤษแต่วิชาโทรัฐศาสตร์ เรียกว่าสมัยก่อนความคิดเรื่องการเมืองค่อนข้างก้าว แถมเพื่อนๆภาคใต้เราก็คุยกันเรื่องชีวิตของประชาชน เรื่องการเมือง เรื่องการศึกษา จบการศึกษามาค่อนข้างไฟแรงเลยไปอยู่ที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็กกาญจนบุรี แม่แอ๊ว หรือครูรัชนี ธงไชย เป็นครูใหญ่ท่านเป็นภรรยาพ่อเปี๊ยก (พิภพ ธงไชย) ผมได้เรียนรู้เรื่อง summer hill ในบริบทของเมืองไทย อยู่ได้ไม่นาน ทางราชการเรียกตัวให้ไปเป็นครูภาษาอังกฤษเพราะก่อนมาอยู่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก ผมไปสอบบรรจุไว้ก่อนแล้วปรากฏว่า ได้เป็นครูก่อนเพื่อนที่เป็นคุรุทายาทอีก  เวรกรรมของระบบราชการ ฮ่าๆๆ


เจ้าเป็นไผ: ขจิต ฝอยทอง(1)

9 ความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 15 มีนาคม 2009 เวลา 5:01 (เย็น) ในหมวดหมู่ ภาษา #
อ่าน: 3537

  ผมจำความได้ตอนเด็กๆๆว่า พ่อผมมีสองอาชีพคือเป็นทั้งช่างไม้และชาวนา ถึงเวลาหน้านาที่บ้านผมพ่อก็พาไปทำนา แต่เมื่อหมดหน้านาพ่อก็มารับจ้างสร้างบ้าน พ่อเป็นชาวบ้านหนองขาวเป็นหมู่บ้านเก่าแก่ตั่งแต่สมัยอยุธยา  พ่อเล่าว่า ก๋งเป็นคนจีนไว้ผมเปียมาจากไหหลำ(ทำไมขจิตหน้าตาไม่มีเค้าหน้าคนจีนเลย อิอิๆ) มารับจ้างแถวๆกาญจนบุรี ตระกูลฝอยทอง ถ้าไปถามแถวๆหมู่บ้านหนองขาว อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ตระกูลนี้จะเป็นนักเลงวัว หรือพ่อค้าที่เลี้ยงวัว(ผมเลยอนุรักษ์อาชีพเดิมไว้) ในหมู่บ้านเรามีภาษาหนองขาวที่สำเนียงเหน่อไปจากจังหวัดสุพรรณบุรี ส่วนแม่นามสกุลเดิม มั่งอะนะ เป็นคนพื้นเพในตัวจังหวัด

 

  ผมจำความได้ว่าบ้านเราจนแต่มีความสุข ผมมีพี่น้องถึง 6 คน  ตอนผมอายุประมาณเกือบ 7 ขวบ พ่อเสียชีวิต พระท่านคงสงสารเลยขอผู้เขียนไปอยู่ที่วัดการเป็นเด็กวัดสมัยก่อนถือว่าโชคดีเพราะผมได้เรียนรู้เรื่องระเบียบวินัยตั่งตั้งเช้าหลังจากกลับมาจากบิณฑบาต อาบน้ำแต่งตัวรอพระฉันเสร็จ ก็รีบกินข้าว เพื่อไปโรงเรียน เด็กวัดทุกๆๆคนรวมทั้งผมด้วยจะกินข้าวไวมาก ฮ่าๆๆ ใช้เวลากินข้าวไม่ถึง 15 นาทีแล้ววิ่งไปโรงเรียนที่อยู่บริเวณวัด ผมเป็นคนนำสวดมนต์ตั่งแต่อยู่ประถมศึกษาปีที่ 4 เมื่ออยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 เลยได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียน

  ผมขอบอกก่อนว่าผมเป็นคนเรียนไม่เก่ง แต่ต้องขยันมากกว่าเพื่อนคนอื่นๆๆ ถ้าเพื่อนผมอ่านหนังสือ 2 รอบผมจะต้องอ่าน 4 รอบ ส่วนใหญ่อยากเรียนเอง อยากอ่านเอง ตอนพักกลางวันผมกินข้าวที่วัดแล้วรีบวิ่งมาอ่านหนังสือในห้องสมุด อ่านตั่งแต่หนังสือ หมวด000เบ็ดเตล็ด 100 ปรัชญา 200 ศาสนา 300 สังคมศาสตร์ อ่านไปเรื่อยๆเท่าที่หนังสือในห้องสมุดมี ผลการเรียนออกมาจะเป็นเลขตัวเดียวเสมอ คู่แข่งในการเรียนสมัยเด็กๆๆของผมคือ ลูกคนจีนเจ้าของร้านในตลาด…เสาร์-อาทิตย์โรงเรียนปิด ผมก็ถือหนังสือ สมุด ไปแอบทำการบ้านที่อาคารเรียน ปัญหาคือ ตอนเย็นต้องรีบไปโรงครัว ไปกินข้าว เพราะพระท่านไม่ฉันข้าวเย็น  บางครั้งก็เก็บอาหารจากกลางวันเอาไว้กินตอนเย็น แต่ต้องเลือกอาหารเหมือนกัน ส่วนใหญ่เป็นอาหารแห้ง เช่น ไข่เค็ม ปลาทอด ขืนเก็บ แกงเขียวหวานไก่ไว้ละก็ อดกินฮ่าๆๆ การเป็นเด็กวัดค่อนข้างทำให้เกิดการเรียนรู้ว่า ชีวิตต้องสู้ ต้องขยัน ต้องศึกษาหาความรู้ตลอดเวลา อยากเรียนรู้อะไร ต้องไปขอความรู้จากคนนั้นๆๆ  ผมสามารถพูดภาษาอังกฤษได้ตั้งแต่เด็กๆๆ เพราะว่าวัดที่ผมอยู่มีฝรั่งมาเที่ยวบ่อยมากๆๆ ผมพาฝรั่งเข้าไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์สงครามโลกครั้งที่ 2 ตั้งแต่อยู่ชั้นประถมศึกษา ได้ฝึกเพิ่มเติมตอนเป็นไกด์สมัยเรียนมัธยมศึกษา  ชีวิตมาผกผันเมื่อ


พ่อใหญ่บำรุง บุญปัญญา

11 ความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 2 มีนาคม 2009 เวลา 2:13 (เย็น) ในหมวดหมู่ ภาษา #
อ่าน: 2773

 

พ่อใหญ่บำรุง บุญปัญญา

 

   ผู้เขียนอ่านจากบันทึกพี่บางทราย เลยเอามาเขียนต่อเนื่องจากเป็นความชอบส่วนตัว ทำให้คิดว่าชีวิต คนๆหนึ่งไม่ธรรมดา ในสวนป่าครั้งนี้ผู้เขียนไม่ผิดหวังที่ได้ฟังพ่อใหญ่บำรุงพูดถึงเรื่อง ชุมชน เรื่องเกษตรกรในภาคอีสานและภาคต่างๆๆ จึงค้นข้อมูลจากพี่ google พบข้อมูลเลยลุยอ่านมาหลายเรื่อง อยากให้สมาชิกอ่านเรื่องนี้ เพราะผู้เขียนคิดว่ามีการพัฒนาสังคมในชนบทผิดไปแน่ๆๆ ลองอ่านเรื่องนี้

                     หมู่บ้านสังคมอิสระที่มีอายุยืนนาน

  ตัวอย่างที่ผู้เขียนอยากให้อ่านคือ พอมาถึงเรื่องเศรษฐกิจ เราก็เริ่มแนะนำให้เขาเลี้ยงสัตว์การเกษตรแบบใหม่ เช่น การเลี้ยงหมู คือแต่ก่อนนี้ชาวบ้านเขาเลี้ยงหมูดำ พอเราเข้าไปก็อธิบายให้เขาฟังว่า หมูตัวดำนั้นมันไม่ดี โตก็ช้า จับขังคอกมันก็แหกคอก นิสัยมันดื้อ เราก็แนะนำให้เขาเลี้ยงหมูขาว ซึ่งในการแนะนำให้เลี้ยงหมูขาวนั้น เราก็ยกความเหนือกว่าทุกอย่างให้เขาฟัง ไม่ว่าจะในเรื่องโตเร็วกว่า เลี้ยงง่ายกว่า จนชาวบ้านก็เชื่อ หันมาเลี้ยงหมูขาวกันหลายคน แต่พอเลี้ยงไปเลี้ยงมาก็มีปัญหา ชาวบ้านบ่นให้ฟังว่าหมูขาวมันเลี้ยงยากเวลาหิวมันก็ไม่ร้อง แต่หมูบ้านเวลาหิวมันร้อง เราก็รู้ว่ามันหิว แต่หมูขาวนอนเฉย และเมื่อถึงเวลาจะขายยิ่งเห็นได้ชัดอย่างที่ชาวบ้านพูดว่า
เมื่อก่อนเลี้ยงหมูบ้านเราขายได้ หนึ่งพัน เดี๋ยวนี้มาเลี้ยงหมูขาวขายได้สองพันห้าร้อย หมูขาวมันก็ดี โตเร็ว สะอาด น่ารักดี หมูบ้านเลี้ยงแล้วหลังแอ่น บางทีก็หัวโตแต่เวลาขายแล้วหมูขาวกลับขาดทุนจะเอาอย่างไรดี?”
จากตัวอย่างนี้จะเห็นว่า วิธีคิดในทางเศรษฐกิจของชาวบ้านกับของเรานั้นก็มีความแตกต่างกัน เราไปบอกเขาซ้ำๆ ซากๆว่า ถ้าคุณเลี้ยงแบบนี้มันไม่ดี เสียเวลาปีครึ่งจึงได้ขาย แต่ถ้าแบบสมัยใหม่อาจจะแปดถึงสิบเดือนก็ได้ขาย แต่พอผลออกมาของเรากลับไม่ได้ดี จึงต้องมาคิดกันว่า วิธีคิดทางเศรษฐกิจแบบเดิมของชาวบ้านนั้นเป็นอย่างไร
มีอีกตัวอย่างหนึ่งที่ชาวบ้านเล่าให้ฟังว่า เคยมีเจ้าหน้าที่เอาเงินทุนมาให้ชาวบ้านเลี้ยงหมู ๑๐ ราย โดยให้รายละ ๒,๐๐๐ บาท ๑๐ รายก็ ๒๐,๐๐๐ บาท แต่เลี้ยงไปเลี้ยงมาเงินที่ตกอยู่ในหมู่บ้านเหลือไม่ถึง ๒๐,๐๐๐ บาท คือเลี้ยงรุ่นแรกขายไปเสร็จเหลือเงิน ๘,๐๐๐ บาท ขายรุ่นที่สองเหลือเงิน ๖,๐๐๐ บาท จนในที่สุดเงินกองทุน ๒๐,๐๐๐ บาท ก็หมด ถ้าเป็นอย่างนี้เอาเงินมาแจกไม่ดีกว่าหรือ ?”

   เรื่องที่ชาวบ้านพูดก็คือ อยู่กันอย่างไม่มีระเบียบเจ้าหน้าที่ของรัฐเขาก็ไม่เข้ามายุ่งกับเรา มีเรื่องอะไรก็จัดการกันเอง คำว่าไม่มีระเบียบคือศัพท์ภายนอกที่เขาขอยืมไปใช้แต่ที่จริงเขามีระเบียบ ซึ่งระเบียบของเขานั้นก็คือ มีปัญหาอะไรเขาจัดการกันเอง หากถามว่า จัดการอย่างไรเขาก็ตอบว่า มีอะไรก็เรียกประชุมกันหมด ประชุมแล้วตัดสินปัญหากันถามว่าตัดสินกันอย่างไรเขาบอกว่า มีจารีต มีประเพณี มีพิธีปฏิบัติ มีการพูดคุยเพื่อกำหนดกันว่า เรื่องนี้จะทำอย่างไร เรื่องนั้นจะเอาอย่างไร ซึ่งวิธีการนี้ก็คือการจัดระเบียบอีกรูปแบบหนึ่ง และที่ชาวบ้านบอกว่าตัวเองอยู่อย่างไม่มีระเบียบนั้นอันที่จริงสิ่งนั้นคือระเบียบ เป็นระบบการจัดการภายในของเขาเอง

  นี่แค่ตัวอย่างแนวคิดของพ่อใหญ่บำรง บุญปัญญา  ถ้าสนใจอ่านหนังสือของพ่อใหญ่ เรื่อง แนวคิดวัฒนธรรมชุมชน เรื่อง ไปให้พ้นสังคมกำพร้า และมองโลกของสังคมก้าวต่อไปของประชาชน สามารถติดต่อได้ที่

ศูนย์ข้อมูล กป.อพช.อีสาน 53/1 ซอยสระโบราณ  ตำบลในเมือง  อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ 32000

โทรศัพท์ 044-511172 โทรสาร 044-515590

  เข้าใจว่าที่ขอนแก่นก็มี รอพี่บางทรายมาบอกดีกว่าว่าที่จังหวัดขอนแก่น มีขายที่ไหนบ้าง  ผู้เขียนขอขอบคุณพี่บางทรายและสมาชิกทุกๆๆท่านที่ทำให้ได้พบกับคนเก่งๆ คนดีๆๆ  ขอคารวะจิตวิญญาณเสรีของพ่อใหญ่บำรุง บุญปัญญา

 


หนังสือกัลยาณมิตร

2 ความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 11 กุมภาพันธ 2009 เวลา 3:42 (เย็น) ในหมวดหมู่ บันทึกแรก #
อ่าน: 1922

ผู้เขียนเอาหนังสือมาแนะนำครับ ผู้เขียนขอมาจากพ่อครูบาสุทธินันท์ ที่บ้านพ่อครูบาสุทธินันท์มี 20 เล่ม ชื่อ กัลยาณมิตร  เข้าใจว่าหลายๆๆท่านคงเคยเห็นแล้วตอนไปงานวันระพี เป็นหนังสือของมูลนิธิโรงเรียนรุ่งอรุณ แค่ได้อ่านก็ประทับใจ ดูรายชื่อผู้เขียนนะครับ

 

 

รายชื่อผู้เขียน

 

    พระพรหมคุณาภรณ์(ป.. ปยุตฺโต) ท่านเขียนไว้ว่า การศึกษาเป็นเครื่องช่วยคนให้เจริญทางปัญญา “…ปัญญาคือตัวที่เข้าถึงความจริง ในความจริง ต้องมองเห็นความสัมพันธ์ของสิ่งทั้งหลาย

 

   ท่านอาจารย์สุมน อมรวิวัฒน์ ท่านกล่าวไว้ว่า คนเป็นครูนั้นต้องรู้จักเลือกตัดสินใจ…”    “…อ่อนน้อมถ่อมตน แต่เป็นตัวของตัวเอง ครูเป็นคนที่ไม่มีราคา แต่เป็นคนที่มีค่า ครูจึงขายตัวไม่ได้ ครูจึงไม่เป็นทาสของใคร…”

 

    แค่สองท่านก็น่าอ่านแล้วครับ  ลองไปหาอ่านดูนะครับ


แนะนำหนังสือ: พุทธธรรมกับสังคม

7 ความคิดเห็น โดย khajitf เมื่อ 3 กุมภาพันธ 2009 เวลา 2:54 (เย็น) ในหมวดหมู่ ภาษา #
อ่าน: 3801

    ผู้เขียนเอาหนังสือมาแนะนำสมาชิกครับ ชื่อหนังสือพุทธธรรมกับสังคมของ ศ. นพ. ประเวศ วะสีอย่าคิดว่าเป็นหนังสือธรรมมะนะครับ แต่เป็นหนังสือเกี่ยวกับความคิดการแก้ปัญหาต่างๆในบ้านเมืองหนังสือเล่มนี้พิมพ์โดยสำนักพิมพ์หมอชาวบ้าน ไม่แน่ใจว่ามีการจัดพิมพ์ใหม่หรือไม่ เพราะผู้เขียนซื้อหนังสือเล่มนี้เมื่อปี2535 ตอนอยู่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา

   เนื้อหามีทั้งหมด 38 บท รวมสรุปด้วย บทที่อยากให้อ่านคือเรื่อง การศึกษาทำให้เป็นทุกข์ การศึกษาที่ไม่สร้างดุลยภาพสังคม ไม่เชื่อง่ายไม่บาป: กาลามสูตร เรื่องเทคโนโลยีกับจิตใจ ต้นเหตุแห่งความยากจนข้นแค้นของคนส่วนใหญ่

   เรื่องที่ประทับใจผู้เขียนอยากให้ผู้บริหารอ่านคือเรื่อง ระบบราชการ:พิธีกรรมมากกว่าการพัฒนา  ระบบราชการ: อุปสรรคต่อการพัฒนาประเทศ

   เอามาแนะนำก่อนนะครับ  เผื่อพี่ๆน้องๆสนใจขอบคุณครับ



Main: 0.073403120040894 sec
Sidebar: 0.028237104415894 sec