เจ้าเป็นไผ: ขจิต ฝอยทอง(2)
อ่าน: 4376ตอนจบประถมศึกษาเพื่อเข้าเรียนต่อมัธยมศึกษาก็เกิดเรื่องจนได้พระที่ผมมาอยู่ด้วยท่านลาสิกขาบท แล้วผมจะอยู่กับใครละต้องกลับมาอยู่บ้าน แต่ก็ดีได้ช่วยแม่เลี้ยงน้องชายสองคน หุงข้าว ทำกับข้าวให้แม่ไปทำงาน แม่ไม่อยากให้เรียนต่อเพราะค่าใช้จ่ายมาก แม่อยากให้ออกมาเป็นช่าง ในวันที่มีสอบเข้าเรียนต่อในระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ผมหนีแม่ออกทางหน้าต่างตอนตี 5 กว่า เพื่อไปสอบเรียนต่อ ผลสอบปรากฏว่าผมสอบได้ครับ แม่เลยให้เรียน การเรียนผมอยู่ในเกณฑ์พอใช้
ตอนมัธยมศึกษาตอนต้นเรียนสายวิทย์-คณิตย์สอบผ่านมาเรื่อยๆ แต่ตอนขึ้นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลายผมเปลี่ยนแผนด้วยที่ตัวผมเองชอบภาษามากกว่าการคำนวณเลยมาเรียนสายภาษาอังกฤษ-ฝรั่งเศส ผมฝึกภาษาอังกฤษโดยพูดกับฝรั่งที่มาเที่ยวสะพานข้ามแม่น้ำแคว บางครั้งก็พาฝรั่งไปเที่ยว(เป็นไกด์ผีครับ ถึงแม้นว่าจะหน้าตาดี อิอิๆ) เลยได้ภาษาอังกฤษมาจากการปฏิบัติจริง แต่อย่างว่าตอนเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลายผมทำกิจกรรมทุกอย่างแล้ว ได้เรียนรู้การทำกิจกรรมจากในโรงเรียน ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานนักเรียนตั้งแต่สมัยอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 5 แต่ชีวิตผกผันตอนจบมัธยมศึกษาตอนปลายไม่เคยไปภาคใต้เลย แต่สอบได้ที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา
สมัยผมไปอยู่ใต้ใหม่ๆเริ่มมีการเผาโรงเรียนแล้ว แต่ไม่กี่ที่ตอนเป็นนิสิตที่มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ สงขลา เริ่มอ่านหนังสือมากกว่าตอนเรียนมัธยมศึกษาตอนปลาย อ่านหนังสือทุกเล่มที่ผ่านมาในสายตา กลุ่มเพื่อนที่ผมอยู่ด้วยเป็นกลุ่มคุรุทายาทเมื่อทุกคนจบการศึกษาต้องกลับไปเป็นครูชดใช้ทุน ผมได้รับเลือกเป็นประธานคณะศึกษาศาสตร์ และเข้ามาทำงานที่องค์การนิสิต ได้เป็นอุปนายกภายนอกขององค์การนิสิตตอนอยู่ปีสอง
ผมเป็นแกนนำในสมัยก่อนเราเรียกกันว่าสหพันธ์นักศึกษาภาคใต้มีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ที่หาดใหญ่และ ปัตตานี วิทยาลัยครูนครศรีธรรมราช(ชื่อสมัยก่อน) วิทยาลัยครูสงขลา เทคโนโลยีราชมงคล ภาคใต้(ชื่อเดิม) ผมเลยมีโอกาสไปทำค่ายอาสาที่สุราษฎร์ธานีนราธิวาส นครศรีธรรมราช ปัตตานี ตรัง พัทลุง ฯลฯ และอีกหลายจังหวัด
ถ้าจะให้บอกว่าผมมีเพื่อนภาคไหนมากที่สุดผมตอบได้เต็มปากว่ามีเพื่อนอยู่ภาคใต้มากที่สุด เรียนอยู่ 4 ปี ได้ทั้งความรู้ในห้องเรียนและนอกชั้นเรียน ตอนเสาร์-อาทิตย์ไปกับเพื่อนมุสลิมสอนหนังสือตามมัสยิด ถ้าปิดเทอมใหญ่ก็จัดค่ายอาสาหรือค่ายที่โรงเรียนวัดทรายขาว แถวตำบลทุ่งหวัง จังหวัดสงขลา ความประทับใจของผมเองคือเราได้ทำกิจกรรมที่เราชอบ เรามีเพื่อน ค่ายที่ผมชอบจึงเป็นค่ายอาสา ผมเคยเข้าไปสำรวจค่ายที่อำเภอสะบ้าย้อยคนเดียวโดยนั่งรถมอเตอร์ไซด์รับจ้างเข้าไป ผ่านสวนยาง ผ่านหมู่บ้าน พี่น้องมุสลิมใจดีมาก ผมเข้าไปจัดค่ายให้โรงเรียนประถมศึกษาที่อำเภอสะบ้าย้อย(ถ้าเป็นสมัยนี้จะเป็นอย่างไรหนอ) ผมเองได้รับการยอมรับจากเพื่อนว่า เป็นผู้นำกิจกรรม แต่การเรียนผมไม่ได้ทิ้ง ผมยังตั้งใจเรียนเหมือนเดิม มีอาจารย์ที่ผมเคารพหลายท่านเช่น ผศ.ดร.พรทิพย์ เสมาภักดี สมัยที่เรียนท่านไปต่างประเทศบ่อย ผมจะไปเฝ้าบ้านให้อาจารย์โดยเอาหนังสือไปอ่านด้วย บางครั้งก็ชวนเพื่อนๆคุรุทายาทไปบ้านอาจารย์ เรียกว่าเป็นที่รักของเพื่อน ใครให้ช่วยอะไรได้ก็จะช่วย หนังสือที่ผมอ่านสมัยเรียนกลับเป็นเรื่องของครูโกมล คีมทอง(บอกนิสิตสมัยปัจจุบัน นิสิตบอกว่าไม่รู้จัก) ที่มาถูกยิงเสียชีวิตที่บ้านส้อง สุราษฎร์ธานี ผมเรียนภาษาอังกฤษแต่วิชาโทรัฐศาสตร์ เรียกว่าสมัยก่อนความคิดเรื่องการเมืองค่อนข้างก้าว แถมเพื่อนๆภาคใต้เราก็คุยกันเรื่องชีวิตของประชาชน เรื่องการเมือง เรื่องการศึกษา จบการศึกษามาค่อนข้างไฟแรงเลยไปอยู่ที่โรงเรียนหมู่บ้านเด็กกาญจนบุรี แม่แอ๊ว หรือครูรัชนี ธงไชย เป็นครูใหญ่ท่านเป็นภรรยาพ่อเปี๊ยก (พิภพ ธงไชย) ผมได้เรียนรู้เรื่อง summer hill ในบริบทของเมืองไทย อยู่ได้ไม่นาน ทางราชการเรียกตัวให้ไปเป็นครูภาษาอังกฤษเพราะก่อนมาอยู่โรงเรียนหมู่บ้านเด็ก ผมไปสอบบรรจุไว้ก่อนแล้วปรากฏว่า ได้เป็นครูก่อนเพื่อนที่เป็นคุรุทายาทอีก เวรกรรมของระบบราชการ ฮ่าๆๆ
« « Prev : เจ้าเป็นไผ: ขจิต ฝอยทอง(1)
Next : เจ้าเป็นไผ: ขจิต ฝอยทอง(3) » »
2 ความคิดเห็น
สงสัยพี่รหัสเลี้ยงไม่ดี ผอมจัง อิอิ
นึกถึงความหลังเลยอ่ะ
เฮ้อ!
(^____^)