ชวนมาฟังเสียงแห่งความเงียบ

โดย dd_l เมื่อ ตุลาคม 21, 2008 เวลา 3:57 (เย็น) ในหมวดหมู่ เรื่องทั่วไป #
อ่าน: 2596

ชีวิตในโรงเรียนทำให้แวดล้อมไปด้วยสรรพเสียง
ไม่เพียงแต่ที่มาจากภายนอกกาย แม้แต่ใจยังระงมไปด้วยเสียงของความคิด
เมื่อตามติดข่าวสารบ้านเมือง ยิ่งเพิ่มเรื่องราวให้ใจไม่นิ่ง
การใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้าเสียบ้าง ช่วยสร้างพละกำลังให้กลับคืนมาได้
เหมือนวันที่ตั้งใจฟังเสียงแห่งความเงียบ

 

วันที่ได้มีโอกาสนอนแกว่งไกวในเปลญวนสีสดใส ใต้ร่มไม้ห่างไกลจากผู้คน
เผ้ามองแสงแดดส่องกระทบใบไม้ กิ่ง ก้านใบ สอดประสานเป็นลวดลายชวนดู
เฝ้าติดตามรูปร่างของมวลเมฆที่ค่อยเปลี่ยนแปรไป
จนได้พบกับนักกายกรรมที่ถักทอชักใยเปล่งประกายสะท้อนแสงอยู่บางเบาบนยอดไม้

 

 

 

 

เมื่อความคิดในใจเงียบเสียง ก็ได้ยินสรรพสำเนียงรอบข้างได้อย่างชัดเจน
เสียงน้ำไหลข้างคันนาดังจอก..จอก..
เสียงน้ำล้นจากฝายที่ทำง่ายๆ ด้วยยางรถยนต์
เสียงใบข้าวพลิ้วไหวแผ่วเบายามลมพัด  เสียงใบไม้ไกวตัวล้อลม
เสียงใบไม้แห้งแกรกกรากตามจังหวะเคลื่อนไหวของกิ้งก่าตัวน้อย
ที่คอยแต่จะมุดตัวหนีเมื่อรู้ว่ามีคนมอง
สลับกับเสียงรถที่แล่นผ่านไกลๆ ให้ได้ยินนานๆ ครั้ง

 

 

 

ตึก..ตึก ตึก ตึก..  ตึกตึกตึกตึก   ตึก..ตึก..ตึก ตึก ตึก..
เสียงรถอีแต๋นที่ดังหนักแน่นเป็นจังหวะ
ฟืดดดดดดดดดด  ฟิ้ววววว …เสียงรถยนต์กระบะวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แว๊นนนนนนน…แว๊นนนนนนน…มอเตอร์ไชค์แบบวัยรุ่น
หวืดดดดดดดด…หวือออออออ  มอเตอร์ไซค์แบบคุณป้า
และเสียงเพลงที่ร้องประสานกันมาโหวกเหวกจากแก๊งค์จักรยานรุ่นเด็ก
บรรยากาศใกล้เคียงกับภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน เพียงแต่เป็นเสียงเพลงอันแปร่งหู
ด้วยดูเนื้อความออกจะทะเล้นเป็นแนวของเด็กชาย

 

เมื่อนึกถึงถ้อยคำที่จะบรรยายถึงสิ่งที่ได้ยิน กลับพบว่าเป็นเรื่องยาก
เสียงใบข้าวพลิ้วไหว กับ เสียงใบไม้พัดส่าย  สัมผัสของสายลมที่รับรู้
แม้ยังประทับอยู่ในความทรงจำ  ก็ยากจะหาถ้อยคำมาสื่อความหมายให้ตรงใจ
บางเรื่องเป็นประสบการณ์ที่ต้องรับรู้ได้ด้วยตนเองอย่างแท้จริง

 

 

 

 

นอนพอแล้ว  ลุกขึ้นมานั่งมองผู้คนที่ผ่านไปมา
ก็ได้เห็นว่าทุกคนต่างมีชีวิตที่ต้องดำเนินไป
บ้างก็ใส่รองเท้าบู้ท ปั่นจักรยานไปไร่นา  บ้างก็ขี่จักรยานมาอย่างไม่รีบเร่ง
บ้างมีเข่งใส่ข้าวของพ่วงมากับจักรยานยนต์
รถยนต์ก็ใช้งานทั้งบรรทุกชาวบ้านไปในที่ต่างๆ และทั้งใส่ข้าวของเพื่อการอาชีพ
ไม่หรูหรา  แต่ก็คุ้มค่าตามความจำเป็น

 

 

ได้เห็นลุงเดินแหวกกอข้าวมาแต่ไกล และได้ทักทายไถ่ถาม
จึงได้ความรู้เพิ่มขึ้น  เสียงน้ำจอกๆ ที่ได้ยิน กลายเป็นสิ่งที่ต้องค้นหา
ด้วยจะเป็นสิ่งที่ทำให้น้ำในนาแห้งหาย
และกลายเป็นงานที่ลุงต้องซ่อมคันนา หาวิธีอุดรูรั่ว
ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของปูนา หรือ ปลาไหล

ซ่อมเสร็จ ลุงเดินกลับไปตรวจตรานาแปลงใหม่
ทำให้ได้รู้  ภูมิปัญญาต้องมีอยู่ในแต่ละอาชีพ

 

 

 

อาชีพของลุง  ทำให้ได้ทำงานในห้องทำงานอันแสนกว้างใหญ่กว่าคนในเมืองมากนัก
ก็ลุงมีท้องฟ้าเป็นเพดานห้อง  มีลำเหมืองเป็นอาณาเขตกั้น
มีสายลมเย็นเป็นแอร์คอนดิชั่น
ที่สำคัญวันทำงาน หรือวันหยุด ลุงจัดเอง..

 

 

 

เมื่อใจเงียบ และ ตั้งใจเฝ้ามองสรรพสิ่งที่ผ่านมาในความรับรู้
ก็ได้อยู่กับสิ่งที่พบผ่านอย่างชัดเจน  ได้เห็นความสุขที่ได้จากความสงบเงียบ
ได้เห็นการเลื่อนไหลของความคิด ความรู้สึกของตน
ได้เตือนตนให้ฝึกฝนที่จะเงียบเสียงในใจ
รับรู้สิ่งที่เห็นและเป็นไป อย่างเข้าใจและชัดเจนมากขึ้น

 

เป็นอีกหนึ่งเรื่องราว  ที่ได้มาจากวันที่..เงียบเสียงในใจ

 

 

« « Prev : มาไล่จับผู้ชายกันมั๊ย…

Next : แว๊ก!!..น้ำท่วม!! » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

14 ความคิดเห็น

  • #1 jchrn ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 ตุลาคม 2008 เวลา 5:44 (เย็น)

    อิอิ

  • #2 หมอเจ๊ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 ตุลาคม 2008 เวลา 7:31 (เย็น)

    มารับรู้กับใจที่ละเอียดอ่อนอีกใจหนึ่งที่เป็นแบบอย่างของสาวสวยใจงาม พร้อมกับคำขอขอบคุณสำหรับการดูแลระหว่างอยู่ที่ภาคเหนือค่ะ

  • #3 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 ตุลาคม 2008 เวลา 9:47 (เย็น)

    เอ๊ะ พี่อึ่งมีมุมกล้องที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งครับ คือผมก็ชอบถ่ายสัตว์ตัวเล็กที่ไม่ค่อยมีใครสังเกต

  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 1:10 (เช้า)

    พี่เองก็ชอบความเงียบมากกว่าเปิดเพลง
    ความเงียบคือเพลงที่เพราะที่สุดสำหรับพี่…

    ความเงียบคือความจริงที่คนเราละเลยการสัมผัสมาตั้งแต่มีเทคโนโลยี่ทางเสียงและภาพ

    และอีกมากมาย…

  • #5 จอมป่วน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 1:56 (เย็น)

    เขียนได้ดีมากๆ  ขอบอก  ว่างๆจะขอไปเรียนวิชาฟังเสียงความเงียบ  ( จะได้แวะกินแพะตุ๋น  อิอิ )

  • #6 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 6:45 (เย็น)

    แวะเวียนมาหลายรอบ เพราะติดใจความงาม ง่าย ละเมียดละไมของภาษาเขียน และภาษาใจค่ะ

    ในความร้อน ร้าว..ยังมีความฉ่ำเย็นให้พักพิง และสอนให้รู้ว่าเมื่อใจโน้มต่ำลง ความสงบงามอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง..ขอบคุณค่ะพี่ครูอึ่งคนดี

  • #7 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 9:07 (เย็น)
    #1 jchrn

    อะอะ..ขอบคุณนะคะคุณเพื่อนที่แวะมาอิอิ

  • #8 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 9:10 (เย็น)
    #2 หมอเจ๊

    พี่หมอเจ๊ขา..ได้ยินว่าจะแวะมาเชียงใหม่อีก อย่าลืมส่งข่าวนะคะ  คราวที่แล้วเวลาผิดพลาดไปเลยอดขึ้นดอยด้วยกันเลยค่ะ

  • #9 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 9:14 (เย็น)
    #3 Logos

    รอกอดคะ  ดีจังได้เจอคนที่ชอบถ่ายรูปมุมคล้ายๆ กัน  หลานชอบล้อว่าอยากจะซื้อกล้องจุลทรรศน์ไว้ให้ถ่ายรูป อิอิ..  เอารูปมาแบ่งกันดูบ้างนะคะ

  • #10 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 9:18 (เย็น)
    #4 จอมป่วน

    คุณหมอจอมป่วนคะ  ตกลง อิอิ ได้แล้วนะคะ  ก็เขียนบันทึกแล้ว  หลังจากอู้มานานนน   อ้อ..ยังไม่ได้พาแม่นุมาลองแพะตุ่นเลย  ถ้าได้แวะมาอย่าลืมพกปิ่นโตของคุณหมอมาด้วยนะคะ

  • #11 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 9:22 (เย็น)
    #5 น้ำฟ้าและปรายดาว

    เบิร์ดคะ
    เชื่อว่าเบิร์ดจะรับรู้ได้ถึงความสงบเย็นในบรรยากาศเช่นนี้  บางทีก็มัวแต่วิ่งวุ่นทั้งนอกกายทั้งในใจ  ได้นิ่งๆ เสียบ้าง  มีความสุข ก็เลยอยากจะเอามาแบ่งให้ญาติมิตรได้รับรู้ค่ะ  ขอบคุณที่แวะมานะคะ

  • #12 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 22 ตุลาคม 2008 เวลา 9:38 (เย็น)
    #4 bangsai

    พี่บางทรายคะ
    ยังไม่ค่อยชินกับการไปเช็ค Dashboard ทุกครั้ง  ความเห้นของพี่เลยปรากฏช้าไปหน่อย ขออภัยค่ะ  บอกแล้วว่าน้องเป็นนักเรียนเรียนช้า ^_^

    ในความเงียบมีเรื่องราวนะคะ  ถ้าอยู่กับความเงียบได้ ใจก็สุขไปอีกแบบหนึ่งใช่ไหมคะพี่

  • #13 sompornp ให้ความคิดเห็นเมื่อ 23 ตุลาคม 2008 เวลา 10:07 (เย็น)

    ชีวิตที่เรามองว่าวุ่ยวาย มันก็จะวุ่นๆ ๆ ๆ จนไม่มีเวลาให้กับตัวเอง
    เมื่อก่อนเวลาที่ตัวเองมีโอกาสได้ฟังเสียงตัวเองมากที่สุด คือ เวลาก่อนนอน
    จะเป็นเวลาที่สุขที่ได้ทบทวนตัวเอง มองตัวเอง และเหมือนต้องวางแผนเพื่อพรุ่งนี้
    และหลาย ๆ ครั้งเวลาที่คิดเรื่องอะไรก่อนนอน มันต้องมาจบที่เรื่องงาน
    ทำให้ต้องตื่นขึ้นมาทำงาน หรือนอนไม่หลับ เพราะใจแทนที่จะปล่อยวางก่อนนอน
    แต่กลับใช้เวลาก่อนนอน และล้มตัวลงนอนเป็นเวลาที่คิดฟังเสียงตัวเอง
    ตอนนี้…ปรับตัวเองมาอีกนิด  จะให้เวลากับตัวเองอยู่กับความเงียบมากขึ้น
    ปรับเรื่องเมื่อถึงบ้านจะเปิดทีวีเป็นเพื่อนทันที
    ก็ปรับมาไม่เปิดทีวี ไม่ดูอะไร เพื่อให้ตัวเองได้มีเวลากับตัวเอง
    และมีเวลาที่ “อ่านเอาเรื่อง”มากขึ้น
    ทำให้โตขึ้น (อีกนิดค่ะ….แต่ไม่หนักเท่าไร 60 เอง)
    อิอิอิ

    ขอบคุณความงามของบันทึกนี้ที่ทำให้มองเห็นความง่ายในการใช้ชีวิตที่รื่นรมย์ค่ะ
    จุ๊บ ๆ ๆ ๆ

  • #14 dd_l ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 ตุลาคม 2008 เวลา 9:18 (เย็น)
    #13 sompornp

    ช่ายๆๆๆ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.20227599143982 sec
Sidebar: 0.026849985122681 sec