ชวนมาฟังเสียงแห่งความเงียบ
อ่าน: 2596ชีวิตในโรงเรียนทำให้แวดล้อมไปด้วยสรรพเสียง
ไม่เพียงแต่ที่มาจากภายนอกกาย แม้แต่ใจยังระงมไปด้วยเสียงของความคิด
เมื่อตามติดข่าวสารบ้านเมือง ยิ่งเพิ่มเรื่องราวให้ใจไม่นิ่ง
การใช้ชีวิตอย่างเชื่องช้าเสียบ้าง ช่วยสร้างพละกำลังให้กลับคืนมาได้
เหมือนวันที่ตั้งใจฟังเสียงแห่งความเงียบ
วันที่ได้มีโอกาสนอนแกว่งไกวในเปลญวนสีสดใส ใต้ร่มไม้ห่างไกลจากผู้คน
เผ้ามองแสงแดดส่องกระทบใบไม้ กิ่ง ก้านใบ สอดประสานเป็นลวดลายชวนดู
เฝ้าติดตามรูปร่างของมวลเมฆที่ค่อยเปลี่ยนแปรไป
จนได้พบกับนักกายกรรมที่ถักทอชักใยเปล่งประกายสะท้อนแสงอยู่บางเบาบนยอดไม้
เมื่อความคิดในใจเงียบเสียง ก็ได้ยินสรรพสำเนียงรอบข้างได้อย่างชัดเจน
เสียงน้ำไหลข้างคันนาดังจอก..จอก..
เสียงน้ำล้นจากฝายที่ทำง่ายๆ ด้วยยางรถยนต์
เสียงใบข้าวพลิ้วไหวแผ่วเบายามลมพัด เสียงใบไม้ไกวตัวล้อลม
เสียงใบไม้แห้งแกรกกรากตามจังหวะเคลื่อนไหวของกิ้งก่าตัวน้อย
ที่คอยแต่จะมุดตัวหนีเมื่อรู้ว่ามีคนมอง
สลับกับเสียงรถที่แล่นผ่านไกลๆ ให้ได้ยินนานๆ ครั้ง
ตึก..ตึก ตึก ตึก.. ตึกตึกตึกตึก ตึก..ตึก..ตึก ตึก ตึก..
เสียงรถอีแต๋นที่ดังหนักแน่นเป็นจังหวะ
ฟืดดดดดดดดดด ฟิ้ววววว …เสียงรถยนต์กระบะวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แว๊นนนนนนน…แว๊นนนนนนน…มอเตอร์ไชค์แบบวัยรุ่น
หวืดดดดดดดด…หวือออออออ มอเตอร์ไซค์แบบคุณป้า
และเสียงเพลงที่ร้องประสานกันมาโหวกเหวกจากแก๊งค์จักรยานรุ่นเด็ก
บรรยากาศใกล้เคียงกับภาพยนตร์เรื่องแฟนฉัน เพียงแต่เป็นเสียงเพลงอันแปร่งหู
ด้วยดูเนื้อความออกจะทะเล้นเป็นแนวของเด็กชาย
เมื่อนึกถึงถ้อยคำที่จะบรรยายถึงสิ่งที่ได้ยิน กลับพบว่าเป็นเรื่องยาก
เสียงใบข้าวพลิ้วไหว กับ เสียงใบไม้พัดส่าย สัมผัสของสายลมที่รับรู้
แม้ยังประทับอยู่ในความทรงจำ ก็ยากจะหาถ้อยคำมาสื่อความหมายให้ตรงใจ
บางเรื่องเป็นประสบการณ์ที่ต้องรับรู้ได้ด้วยตนเองอย่างแท้จริง
นอนพอแล้ว ลุกขึ้นมานั่งมองผู้คนที่ผ่านไปมา
ก็ได้เห็นว่าทุกคนต่างมีชีวิตที่ต้องดำเนินไป
บ้างก็ใส่รองเท้าบู้ท ปั่นจักรยานไปไร่นา บ้างก็ขี่จักรยานมาอย่างไม่รีบเร่ง
บ้างมีเข่งใส่ข้าวของพ่วงมากับจักรยานยนต์
รถยนต์ก็ใช้งานทั้งบรรทุกชาวบ้านไปในที่ต่างๆ และทั้งใส่ข้าวของเพื่อการอาชีพ
ไม่หรูหรา แต่ก็คุ้มค่าตามความจำเป็น
ได้เห็นลุงเดินแหวกกอข้าวมาแต่ไกล และได้ทักทายไถ่ถาม
จึงได้ความรู้เพิ่มขึ้น เสียงน้ำจอกๆ ที่ได้ยิน กลายเป็นสิ่งที่ต้องค้นหา
ด้วยจะเป็นสิ่งที่ทำให้น้ำในนาแห้งหาย
และกลายเป็นงานที่ลุงต้องซ่อมคันนา หาวิธีอุดรูรั่ว
ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือของปูนา หรือ ปลาไหล
ซ่อมเสร็จ ลุงเดินกลับไปตรวจตรานาแปลงใหม่
ทำให้ได้รู้ ภูมิปัญญาต้องมีอยู่ในแต่ละอาชีพ
อาชีพของลุง ทำให้ได้ทำงานในห้องทำงานอันแสนกว้างใหญ่กว่าคนในเมืองมากนัก
ก็ลุงมีท้องฟ้าเป็นเพดานห้อง มีลำเหมืองเป็นอาณาเขตกั้น
มีสายลมเย็นเป็นแอร์คอนดิชั่น
ที่สำคัญวันทำงาน หรือวันหยุด ลุงจัดเอง..
เมื่อใจเงียบ และ ตั้งใจเฝ้ามองสรรพสิ่งที่ผ่านมาในความรับรู้
ก็ได้อยู่กับสิ่งที่พบผ่านอย่างชัดเจน ได้เห็นความสุขที่ได้จากความสงบเงียบ
ได้เห็นการเลื่อนไหลของความคิด ความรู้สึกของตน
ได้เตือนตนให้ฝึกฝนที่จะเงียบเสียงในใจ
รับรู้สิ่งที่เห็นและเป็นไป อย่างเข้าใจและชัดเจนมากขึ้น
เป็นอีกหนึ่งเรื่องราว ที่ได้มาจากวันที่..เงียบเสียงในใจ
« « Prev : มาไล่จับผู้ชายกันมั๊ย…
14 ความคิดเห็น
อิอิ
มารับรู้กับใจที่ละเอียดอ่อนอีกใจหนึ่งที่เป็นแบบอย่างของสาวสวยใจงาม พร้อมกับคำขอขอบคุณสำหรับการดูแลระหว่างอยู่ที่ภาคเหนือค่ะ
เอ๊ะ พี่อึ่งมีมุมกล้องที่เหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งครับ คือผมก็ชอบถ่ายสัตว์ตัวเล็กที่ไม่ค่อยมีใครสังเกต
พี่เองก็ชอบความเงียบมากกว่าเปิดเพลง
ความเงียบคือเพลงที่เพราะที่สุดสำหรับพี่…
ความเงียบคือความจริงที่คนเราละเลยการสัมผัสมาตั้งแต่มีเทคโนโลยี่ทางเสียงและภาพ
และอีกมากมาย…
เขียนได้ดีมากๆ ขอบอก ว่างๆจะขอไปเรียนวิชาฟังเสียงความเงียบ ( จะได้แวะกินแพะตุ๋น อิอิ )
แวะเวียนมาหลายรอบ เพราะติดใจความงาม ง่าย ละเมียดละไมของภาษาเขียน และภาษาใจค่ะ
ในความร้อน ร้าว..ยังมีความฉ่ำเย็นให้พักพิง และสอนให้รู้ว่าเมื่อใจโน้มต่ำลง ความสงบงามอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง..ขอบคุณค่ะพี่ครูอึ่งคนดี
อะอะ..ขอบคุณนะคะคุณเพื่อนที่แวะมาอิอิ
พี่หมอเจ๊ขา..ได้ยินว่าจะแวะมาเชียงใหม่อีก อย่าลืมส่งข่าวนะคะ คราวที่แล้วเวลาผิดพลาดไปเลยอดขึ้นดอยด้วยกันเลยค่ะ
รอกอดคะ ดีจังได้เจอคนที่ชอบถ่ายรูปมุมคล้ายๆ กัน หลานชอบล้อว่าอยากจะซื้อกล้องจุลทรรศน์ไว้ให้ถ่ายรูป อิอิ.. เอารูปมาแบ่งกันดูบ้างนะคะ
คุณหมอจอมป่วนคะ ตกลง อิอิ ได้แล้วนะคะ ก็เขียนบันทึกแล้ว หลังจากอู้มานานนน อ้อ..ยังไม่ได้พาแม่นุมาลองแพะตุ่นเลย ถ้าได้แวะมาอย่าลืมพกปิ่นโตของคุณหมอมาด้วยนะคะ
เบิร์ดคะ
เชื่อว่าเบิร์ดจะรับรู้ได้ถึงความสงบเย็นในบรรยากาศเช่นนี้ บางทีก็มัวแต่วิ่งวุ่นทั้งนอกกายทั้งในใจ ได้นิ่งๆ เสียบ้าง มีความสุข ก็เลยอยากจะเอามาแบ่งให้ญาติมิตรได้รับรู้ค่ะ ขอบคุณที่แวะมานะคะ
พี่บางทรายคะ
ยังไม่ค่อยชินกับการไปเช็ค Dashboard ทุกครั้ง ความเห้นของพี่เลยปรากฏช้าไปหน่อย ขออภัยค่ะ บอกแล้วว่าน้องเป็นนักเรียนเรียนช้า ^_^
ในความเงียบมีเรื่องราวนะคะ ถ้าอยู่กับความเงียบได้ ใจก็สุขไปอีกแบบหนึ่งใช่ไหมคะพี่
ชีวิตที่เรามองว่าวุ่ยวาย มันก็จะวุ่นๆ ๆ ๆ จนไม่มีเวลาให้กับตัวเอง
เมื่อก่อนเวลาที่ตัวเองมีโอกาสได้ฟังเสียงตัวเองมากที่สุด คือ เวลาก่อนนอน
จะเป็นเวลาที่สุขที่ได้ทบทวนตัวเอง มองตัวเอง และเหมือนต้องวางแผนเพื่อพรุ่งนี้
และหลาย ๆ ครั้งเวลาที่คิดเรื่องอะไรก่อนนอน มันต้องมาจบที่เรื่องงาน
ทำให้ต้องตื่นขึ้นมาทำงาน หรือนอนไม่หลับ เพราะใจแทนที่จะปล่อยวางก่อนนอน
แต่กลับใช้เวลาก่อนนอน และล้มตัวลงนอนเป็นเวลาที่คิดฟังเสียงตัวเอง
ตอนนี้…ปรับตัวเองมาอีกนิด จะให้เวลากับตัวเองอยู่กับความเงียบมากขึ้น
ปรับเรื่องเมื่อถึงบ้านจะเปิดทีวีเป็นเพื่อนทันที
ก็ปรับมาไม่เปิดทีวี ไม่ดูอะไร เพื่อให้ตัวเองได้มีเวลากับตัวเอง
และมีเวลาที่ “อ่านเอาเรื่อง”มากขึ้น
ทำให้โตขึ้น (อีกนิดค่ะ….แต่ไม่หนักเท่าไร 60 เอง)
อิอิอิ
ขอบคุณความงามของบันทึกนี้ที่ทำให้มองเห็นความง่ายในการใช้ชีวิตที่รื่นรมย์ค่ะ
จุ๊บ ๆ ๆ ๆ
ช่ายๆๆๆ