เข้าที่….ระว้าง.!!!
อ่าน: 2471เสาร์ที่แล้ว ชวนครูมาเรียนรู้เรื่องไตรสิกขา เพื่อจะนำไปพัฒนาเด็ก
คราวนี้จึงถึงคราที่จะพูดคุยกันในกลุ่มเล็กให้เข้มข้นขึ้น
จะทำอย่างไร ให้ได้ผล จะทำอย่างไรให้ผู้คนที่เกี่ยวข้องมองเห็นประเด็นของความร่วมมือ
ทำอย่างไรจึงจะยื้อยุด ฉุดเด็กไว้ไม่ให้กระโจนไปในกระแสสังคมที่นำสู่ทางเสื่อม
แม้งานของครูมากมายนัก แต่ก็ต้องหยุดตั้งหลักเพื่อร่วมกันคิด
เล่านิทานเรื่องคนตัดไม้ที่จอมป่วนเผยแพร่ไว้ในบันทึก
ชวนกันฝึกฝนเรียนรู้วิธีดูแล เพิ่มสติปัญญาให้แก่กล้า เพียงพอต่อการนำไปใช้
ด้วยแม้มีใจปรารถนาดีเพียงใด ก็ต้องเข้าใจหลักวิชาที่จะนำมาปฏิบัติให้ได้ผล
เริ่มต้นด้วย จุดหมายแห่งการพัฒนา ให้รู้ว่า..
การงานใดๆ ในโรงเรียน ล้วนเป็นไปเพื่อมุ่งให้เด็ก เรียนอย่างมีความสุข
เพื่อให้พึ่งตนเองได้ และใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่า
ทั้งความปรารถนาร่วมกันที่จะสอนด้วยความรัก ความรู้ และความเป็นครูอย่างแท้จริง
ชวนกันดูถ้อยคำที่นำมาเป็นแนวปฏิบัติให้ชัดเจน
เราจะเป็นองค์กรแบบครอบครัวที่มีระบบ
ดูแลเด็กด้วยทัศนะเชิงบวก
จัดการศึกษาให้ครบไตรสิกขา
ส่งเสริมกระบวนการคิด และ ให้มีโยนิโสมนสิการ
ส่งเสริมกระบวนการทำงานอย่างเป็นระบบ
การเรียนการสอนเชิงประจักษ์ด้วยประสบการณ์ที่หลากหลาย
แหล่งเรียนรู้และภูมิปัญญา
รู้จริง ทำได้ ใช้ความรู้เป็น
คุณลักษณะที่พึงประสงค์ ฯลฯ
ให้เข้าใจชัดเจนถึงความหมาย และ ตระหนักได้ว่าเป็นเรื่องใกล้ตัว
ไม่กลัวว่าเป็นเรื่องยาก หากเป็นสิ่งที่ทำอยู่แล้วในทุกวัน
ชวนกันทำงานให้มุ่งไปในทิศทางที่สอดคล้อง
และมองเห็นการใช้วินัยที่ไม่ใช่ข้อบังคับ แต่กลับเป็นการฝึกความเคยชินที่ดี
ให้เด็กมีครูเป็นกัลยาณมิตร ให้ความใกล้ชิด ช่วยเหลือ
เห็นความจำเป็นที่ต้องปรับภาษา เลือกถ้อยคำมาพูดคุยให้ง่ายต่อความเข้าใจ
คำอธิบายความหมายของครูผู้เป็นกัลยาณมิตร จึงเป็น
น่ารัก สบายใจเมื่ออยู่ใกล้
น่าเคารพ อยู่ใกล้แล้วอบอุ่นใจ พึ่งได้
น่ายกย่อง เป็นแบบอย่างในฐานะที่มีความรู้และพัฒนาตนอยู่เสมอ
เป็นที่ปรึกษาที่ดี (being a counselor)
เป็นผู้ฟังทีดี พร้อมรับคำปรึกษา ซักถาม เสนอแนะ ฟังได้ไม่เบื่อ ไม่ฉุนเฉียว
อธิบายเรื่องยาก ซับซ้อน ให้เข้าใจได้ลึกซิ้ง
ไม่แนะนำในทางเหลวไหล ไม่ชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย
ปรับเป้าหมายในการส่งเสริมวินัย ด้วยหลักของศีล
ปฏิบัติตามข้อตกลงในการอยู่ร่วมกัน
ใช้ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ เพื่อให้ได้ความรู้ สาระ ประโยชน์
ใช้ปัจจัยสี่ อย่างเห็นคุณค่า เห็นประโยชน์ที่แท้จริง
และทำหน้าที่ของตนอย่างถูกต้อง ให้สมกับการเลี้ยงดูของพ่อแม่
ทั้งฝึกให้ทำกิจกรรมด้วยใจที่แน่วแน่มีสมาธิ
ด้วยคุณภาพจิตใจที่ดี มีความรักในงาน ใจผ่องใส เบิกบาน เป็นสุข
ทำกิจกรรมอย่างมีปัญญา มีความรู้ความเข้าใจ
รู้จักผลดี ร้ายที่จะเกิดสืบเนื่องจากการกระทำ
ชวนกันสร้างสิ่งแวดล้อมที่ส่งเสริมวินัย
ทั้งส่งเสริมให้เด็กเข้าใจ และเห็นประโยชน์ของการปฏิบัติ
ทั้งฝึกหัดให้เด็กทำเป็นประจำ ติดตามต่อเนื่อง จนเป็นเรื่องความเคยชินเป็นนิสัย
เป็นบรรยากาศที่ได้แลกเปลี่ยนความคิด
ประกอบด้วยจิตอาสาที่บรรดาผู้บริหารยินดีเข้าร่วมทีม
ที่จัดแบ่งเด็กให้ครูช่วยกันดูแลอย่างทั่วถึงทั้งโรงเรียน
ให้ได้ร่วมรับรู้เรื่องราว ความเป็นไปของเด็กอย่างใกล้ชิด ทั้งคิดป้องกัน แก้ไข
ดูแลให้ใส่ใจเรียนรู้ ทั้งครูและศิษย์
เมื่อได้พูดคุยร่วมกัน ทำให้ได้ปรับความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน
ได้ต่อเติมความคิดจากเพื่อนร่วมงาน ซึ่งมีประสบการณ์แตกต่างกันไป
จนมีเสียงเรียกร้องให้จัดการเรียนรู้
เพื่อครูจะได้มีเทคนิควิธีการช่วยเหลือเด็กได้มากขึ้น
แม้วันนี้ทำอะไรยังไม่เกิดผล
แต่ก็เป็นการเริ่มต้น ตั้งหลัก ตั้งใจ ให้เห็นเป้าหมายและแนวทาง
ยังต้องสร้างเครือข่าย แนวร่วม และมีการบ้านอีกมากมายนัก
แต่เท่าที่รู้จักครูโรงเรียนนี้ ก็ยังมีความหวัง
ด้วยเห็นพลังของความร่วมมือ ร่วมใจ ทำกิจการใดๆ มาหลายครั้ง
เมื่อบอกกันว่า มะ..มาลองช่วยกันอีกสักตั้ง.. แล้วจะกลัวอะไร..
เอ้า..พวกเรา..เข้าที่…ระว้าง….ลุ้ย!!!!
4 ความคิดเห็น
เห๊นพี่รณรงค์เรื่องการใช้คำเมืองอยู่ อ่านมาตั้งนาน ไม่เจอเลย จนมาพบเอาที่ประโยคสุดท้ายนี่เอง แฮ่
555..เมืองแต๊เมืองว่าแล้วเน้ออ้ายรอกอดเจ้า..
จวนน้าอึ่งไปตวย อิอิ
อ้าว..เฮียมาแล้ว..กำลังจะไปขออนุญาตอ้างอิงอยู่พอดี..
เรื่องที่เล่าๆ มานั้น..ได้เอาไปใช้ประโยชน์ตวย ขอบคุณเน้อเจ้า