ศึกษาดูงาน มาดูอะไร?****

อ่าน: 1897

การศึกษาดูงานสมัยเมื่อ3-40 ปีมาแล้ว คนอยู่บ้านป่าห่างไกลความเจริญ มักจะอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน จะไปไหนแต่ละทีเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากการเดินทางไม่สะดวกแล้ว เรื่องสตางค์ในกระเป๋าก็สำคัญ เงินเป็นขาให้เราไปที่ห่างไกลได้ เมื่อมีข้อจำกัดก็ก้มหน้าก้มตาปลูกต้นไม้ สาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาอุตลุด บางทีหลายๆเดือนผมถึงจะขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในตัวอำเภอ ที่ไม่เข้าเพราะไม่รู้จะเข้าไปทำไม เงินไม่มีก็ไม่รู้จะคิดแล้วซื้ออะไรได้?

การเคยอยู่แบบมีเงินติดกระเป๋าไม่กี่บาทเป็นปีๆเป็นการเรียนรู้ชีวิตที่สุดมันส์

ยามตกยากนี่นะเธอมันอยากกินโน่นนี่สารพัด

อยู่ในป่าจะไปหาก้วยเตี๋ยวแป๊ปซี่หรือโอเลี้ยงที่ไหนละ?

หิวได้ ก็หายได้ เป็นบ่อยๆมันก็บอกตัวเองเรื่องอย่าเพ้อเจ้อ

ให้หันกลับมาอยู่กับความจริง

พอกลับหลังหันเราถึงตระหนักว่า..ในความจริงไม่ได้ขาดแคลนอะไร ความจริงมีสิ่งรอบตัวมากมายที่เรามองข้ามและหมางเมิน การได้กลับมาอยู่กับตัวเองนับเป็นวาสนา ที่ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น สุดท้ายคำตอบมันก็หลุดไปตกอยู่ที่ว่า ..หยาดเหงื่อแรงงาน ซึ่งก็ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร เพียงใช้จอบขุดดินไม่กี่ฉึก..ก็เอาต้นกล้วย ขนุน มะม่วง น้อยหน่า ไปปลูกได้แล้ว

ต่อมาก็ได้เรียนวิชาก้นหลุม ถ้าก้นหลุมดีมีปุ๋ยต้นไม้ที่ปลูกก็เจริญงอกงามสมใจหวัง ถ้าปลูกแบบแล้งน้ำใจ ทำไปแบบซังกะตาย ฝืนปลูกฝืนทำ มันก็จะส่งผลให้เห็นเอง ไม่นานหรอกทำให้เกิดวิชาน้ำจิตน้ำใจ ปลูกอะไรก็รดน้ำช่วยบ้าง อ้าว ! เผอเรอไปเสียนาน ..พอรดน้ำช่วย พืชผลก็ตอบแทนน้ำใจของเราทบเท่าทวีคูณ ไอ้โน่นก็งาม ไอ้นี่ก็ผลดก ไอ้นั่นก็อร่อยๆ

ชีวิตที่เหี่ยวเฉาก็ค่อยๆฟื้นตัวจากวิชาพื้นฐานเหล่านี้

ไปสรุปตรงกันกับคำที่ว่า “ทำสิ่งใดได้ผลสิ่งนั้น”

ปลูกกล้วยมันไม่เคยออกผลเป็นมะละกอหรอกนะเธอ

การเรียนรู้ด้วยตนเองนี่สำคัญหนัก มันทำให้เรารู้ว่าตัวเรามีกึ๋นแค่ไหน ยังขาดตกบกพร่องในเรื่องใด ทำให้เราตระหนักที่จะเรียนรู้ สนใจในการกระหายใคร่รู้ เพราะถ้ารู้แล้วมันได้ประโยชน์ทันตาเห็น ทำอะไรก็เจริญก้าวหน้า การใฝ่หาความรู้จึงจำเป็นต่อการพัฒนาการความรู้ของเรา

เมื่อญาติฝ่ายเหนือมาศึกษาดูงาน สิ่งที่ได้รู้ได้เห็นก็คืองานเก่าๆนั่นเอง เพียงแต่มันผ่านร้อนผ่านหนาวสะสมขึ้นมาเรื่อยๆ จนคำว่าหลากหลายมีอยู่มีกินผุดโผล่ขึ้นมาพร้อมหน้า มีให้เลือกเก็บลงหม้อลงกระทะตามใจชอบ อิ่มอร่อยทุกมื้อ ย้อนรอยไปยังคำว่ามีอยู่มีกิน(ไม่อั้น) พืชพรรณธัญญาหารช่วงนี้ ยังเหลือเมนูที่ญาติๆยังไม่ได้ลองแสดงฝีมืออีกเยอะแยะ ถ้าพร้อมทำนะเธอ..ปัจจัยก็พร้อมรออยู่แล้ว

สิ่งเหล่านี้ไปสนับสนุนคำว่าศึกษาดูงาน ซึ่ ง ค ว ร ดู ตั้ ง แ ต่ อ ดี ต ม า จ น ถึ ง ปั จ จุ บั น  และช่วยกันคิดต่อไปถึงเรื่องในอนาคต การมาดูงานเช่นนี้ถึงจะเข้าสาระบบคำว่า”ศึกษาดูงาน”  อะไรคือการศึกษา การได้ลงมือช่วยกันทำกิจกรรมสารพัดอย่าง แทบไม่มีเวลาให้งีบเลย ซึ่งเราก็ไม่ได้กำชับอะไรกัน การมาดูงานควรจะสบายๆสนุกและอร่อย ควรได้คลี่คลายระบายความเคร่งครัดกับงานในหน้าที่ๆรัดรึง เป็นการยกเวลาให้กับตัวเองจริงๆ ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆไม่กี่วันก็ตาม

การที่ได้มาอยู่ในบรรยากาศกันเองและอบอุ่น

อานุภาพของความเป็นญาติเป็นยาที่วิเศษสุด

ถ้าเธอหาเจอพื้นที่ๆปลดระวางความเครียดได้ พื้นที่ๆที่ทำให้เราผ่อนคลายและมีความสุข ควรมีองค์ประกอบที่ดีพอที่จะทำให้เราศึกษาดูงานอย่างลงตัว พื้นที่ๆที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงคุณภาพ ทุกขั้นตอนมีความสนุกมีรอยยิ้มและเสียงฮาเล็ดลอดมาเป็นระยะ สิ่งที่เห็นสำคัญไม่น้อยกว่าสิ่งที่อยู่ในหัว(ใจ) ของแต่ละคน

  • ลองนึกดูสิ..ถ้าเธออยู่ในบรรยากาศที่ตัวเองเผลอยิ้มทั้งวัน!
  • ลองนึกดูสิ..ถ้าเธอมีความสบายใจทั้งวันจะเป็นยังไง?
  • ลองนึกดูสิ..ถ้าเธอได้เติมเต็มแบบเตอรี่หัวใจแล้วหรือยัง?
  • ลองนึกดูสิ..เธอมีเพื่อนมีพื้นที่เย้าเยือนดังกล่าวนี้แล้วหรือยัง?
  • ลองนึกดูสิ..เธอมีเพื่อนมีญาติที่ไว้วางใจสนิทแน่นได้ทุกกรณีหรือยัง?

ถ้าเธอยังขาดสิ่งพิเศษตามที่กล่าวข้างต้น นับว่าน่าเสียดายนัก ที่ปล่อยให้ชีวิตเต้นแร้งเต้นกาในวัยที่ยังทำอะไรๆได้ ไม่อย่างนั้นยามแก่ชราภาพไป เธอจะไม่โดนผีหลอกรึ จะปรึกษาใครจะฝากผีฝากไข้ไว้กับใคร การศึกษาดูงานเชิงคุณภาพนี้แหละจะเป็นสะพานชีวิตให้เธออิ่มเอมสมบูรณ์ คนเราเกิดมาถ้าหาเพื่อนหาญาติไม่เจอมันน่าเศร้านัก

ควรใช้ยิ้มจากใจและรักใครด้วยหัวใจให้เป็น  แ  ล้ ว เ ธ อ จ ะ ไ ด้ สิ่ ง นั้ น

หลังจากที่ผมงมโข่งอยู่กับตัวเองมาครึ่งชีวิต ระยะหลังที่ความพร้อมบางส่วนบางประการ ผมสามารถที่จะเดินทางไปเรียนรู้ที่โน่นนี่ได้สะดวกขึ้น ตอนแรกๆก็ไปเอง ต่อมาก็มีคนหน่วยงานหรือสถาบันต่างๆมาเชิญ บางคนเย้าว่า..เสือถูกล่อออกจากถ้ำ” ผมไม่ถึงกับเป็นเสือสางอะไรอย่างนั้นหรอกนะเธอ คนบ้านนอกก็ไปแบบบ้านนอก และได้ไปเมืองนอกหลายครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นอนุภาพของการเรียนให้รู้สิ้น

ถ้าเราไม่รู้อะไรเลย..ใ ค ร เ ข า จ ะ เ ชิ ญ ไ ป ทำ ซ า ก อ ะ ไ ร ล ะ ค รั บ

มีวิชาเหมือทรัพย์ ที่ทำให้ได้ท่องไปในทะเลกว้าง

การไปร่วมเวทีร่วมงานก็อย่าได้ประมาท ให้ถือว่าเราได้ไปเรียนเพิ่มเติมจากคนเก่งคนดีๆที่เราอยากรู้จัก ความคิดคำนึงถึงเมื่อครั้งยังบุกเบิก มันก็ได้บุกทะลุทะลวงเชิงรุกมากขึ้น ทำให้รู้ตัวว่า..ความรู้และประสบการณ์ที่เรามีเราผ่านมานั้นมันล้าสมัยตกรุ่นไปเรื่อยๆ คนเรารู้แค่ไหนก็เข้าใจได้แค่นั้น ทำให้เราตระหนักในอานุภาพของความรู้ เผลอเมื่อไหร่ตกรุ่นเหมือนรถยนต์ หรือมือถือ เชียวนะเธอ

ยุคสมัยนี้เรียนด้วยตัวคนเดียวไม่ทันกินหรอก

เราต้องมีเพื่อนที่รู้หลากหลายสาขาอยู่เคียงข้าง

พยายามต่อยอดความดีความรู้ความรัก

พระอาจารย์วรภัทร ภู่เจริญ บอกว่า

ให้ความรักก่อนให้ความรู้ ล อ ง ดู น ะ เ ธ อ

ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ก็อย่าไปเสียเวลาว่าให้อะไรก่อนหลัง ทั้งความรักความรู้นั่นแหละประเคนเข้าไปเถอะ ไม่บอบช้ำเสียหายตรงไหนหรอก อย่างคุณเหมียวค้นเรื่องน้ำเต้า หนูฝนค้นเรื่องแบบบ้าน ครูกุลนทีวาดภาพประดิษฐ์ของที่ระลึกและทำกับข้าวมาอวด รวมทั้งที่ท่านทั้งหลายได้อุปการะผมเรื่อยมา ..ล้วนแต่สื่อความหมายถึงความปรารถนาดีที่แฝงความรู้ดีๆมาให้ด้วย ถ้าเราเรียนแบบนี้สม่ำเสมอ ความรู้เราก็จะงอกงามไปพร้อมๆกับมิตรภาพใช่ไหมละเธอ ความปรารถนาดีนั้นเป็นยาวิเศษทั้งผู้ที่ให้และผู้ที่รับ  มันเป็นทั้งบุญทั้งทานที่บรรเจิดที่สุด

จิตใจของเธอจะรอให้ใครมาดูแลทำไมละ

ถ้าจะทะนุถนอมความรู้สึกดีๆของเราก็ทำเองอย่างนี้แหละ

ไม่ต้องไปขออนุมัติใคร..การให้เกิดผลดีตั้งแต่การคิดจะให้แล้ว

ทำดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอกนะเธอ

(แต่ก็ควรมีเรือและเครื่องดับเพลิงไว้ใกล้ๆ)

เรียนแบบนี่แหละ เขาเรียกว่าเรียนทางไกลขนานแท้*

ส่วนการเรียนแบบประชิด ก็อย่างที่ญาติฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ลงมานี่แหละ*

ความหมายของการบริหารและพัฒนา ถ้าจะยกแม้น้ำทั้ง5มาก็จะชวนให้สวิงสวายไปเปล่าๆ เรื่องนี้อยากจะขอยกวิชาการห้อยไว้ ขอเอาวิชาเกินมาบอกเล่ากันดีกว่า..ในส่วนของข้าราชการ  แน่นอนย่อมเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบ จะไปไหนทั้งทีเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นทุกวัน แต่ก็ไม่ใช้จะปิดตายทุกเรื่องนะเธอ คนมีปัญญาย่อมหารอยแตกเล็กๆได้ด้วยวิธีการทำงานแบบอิงระบบ

ขออนุญาตเอาตัวเลขมาหลอกล่อดังนี้

1 ข้าราชการระดับสูงกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนข้าราชการระดับสูงที่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

2 ข้าราชการระดับสูงสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนข้าราชการระดับสูงที่สังกัดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

3 ข้าราชการระดับสูงที่มีสถานที่ทำงานอยู่นอกหน่วยงาน จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่มีสถานที่ทำงานในหน่วยงาน

4 ข้าราชการระดับสูงที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการพัฒนาชนบท จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูง กว่าผู้ที่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับการพัฒนาชนบท

5 ยิ่งข้าราชการระดับสูงมีอายุมากขึ้นเพียงใด ก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงขึ้นเพียงนั้น เฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการที่มาอายุ 54 ปีขึ้นไป

6 ข้าราชการระดับสูงที่ประสงค์จะเกษียณอายุก่อนครบ60ปี จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่ไม่ประสงค์จะทำเช่นนั้น

7 ข้าราชการระดับสูงที่มีบุตรธิดามากกว่า 3 คน จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่มีบุตรธิดาเพียงคนเดียว จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

8 ข้าราชการระดับสูงที่บิดาสิ้นชีวิตแล้ว จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่บิดายังมีชีวิตอยู่

9 ข้าราชการระดับสูงที่มีระดับการศึกษาปริญญาเอก (เฉพาะทางด้านนิเทศศาสตร์) ก่อนเข้ารับราชการ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่มีระดับการศึกษาขั้นปริญญาโท (เฉพาะอย่างยิ่งด้านสัตวแพทย์) จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

10 ข้าราชการระดับสูงที่มีระดับการศึกษาปริญญาเอก (เฉพาะทางด้านปติมากรรม) และปริญญาตรี (เฉพาะอย่างยิ่งด้านการประมง) หลังเข้ารับราชการจะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่มีระดับการศึกษาขั้นปริญญาโท (เฉพาะอย่างยิ่งด้านนิเทศศาสตร์) จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

11 ข้าราชการระดับสูงที่ไม่เคยได้รับทุนการศึกษาภายในประเทศ ก่อนเข้ารับราชการ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่เคยรับทุน

12 ข้าราชการระดับสูงที่ไม่เคยได้รับทุนการศึกษาภายในประเทศ ก่อนเข้ารับราชการ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่เคยรับทุน เช่นนั้น และในบรรดาผู้ที่เคยได้รับทุนเช่นนั้น ผู้ที่ได้รับทุนจากองค์กรระหว่างประเทศจะมีความมุ้งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่ได้รับทุนจากรัฐบาลไทยจะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

13 ข้าราชการระดับสูงที่ไม่เคยศึกษาต่อต่างประเทศ หลังรับราชการจะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด

14 ยิ่งข้าราชการระดับสูงมีอายุราชการมากขึ้นเพียงใด ก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงมากขึ้นเพียงนั้น

15 ข้าราชการระดับสูง11 จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงที่สุด ส่วนผู้ที่มีความมุ่งมั่นต่ำสุด คือ ข้าราชการระดับสูง 9

16 ข้าราชการระดับสูงที่มีเงินเดือนเต็มขั้นแล้ว จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด

17 จะบ้าเขียนต่อทำไมนะ

ปัญหาวิธีปฏิบัติทางการบริหารบุคล เรียงจากมากไปหาน้อยดังต่อไปนี้

  1. การขากความริเริ่ม
  2. การขาดการฝึกอบรม
  3. การขาดมูลเหตุจูงใจในการปฏิบัติงาน
  4. การควบคุมงานเคร่งครัดเกินไป
  5. การทำงานเป็นหมู่คณะไม่ดี
  6. การคัดเลือกบุคลากรไม่ดี
  7. โครงสร้างองค์กรไม่ดี
  8. การปูนบำเหน็จความดีความชอบไม่ดี
  9. การขาดภาวะผู้นำองค์กร
  10. เป้าหมายองค์กรไม่ชัดเจน
  11. ขาดการเตรียมคนไว้คอยสืบทอดตำแหน่ง

หมายเหตุ

: ตอนหัวค่ำคุยกับหมอเจ๊เรื่องการบริหารงานในโรงพยาบาล

: และพรุ่งนี้ มะรืนนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลจะมาดูงาน

: และเรื่องการศึกษาดูงานเครือญาติชาวเฮที่เพิ่งผ่านไปจึงบันทึกร่องรอยไว้

: ส่วนข้อมูลการวิจัยต่างๆอย่าไปตกหลุมคิดตามมากนัก ฟังหูไว้หู ดีแล

อิ อิ..



Main: 0.55400085449219 sec
Sidebar: 0.31440711021423 sec