ศึกษาดูงาน มาดูอะไร?****

อ่าน: 1987

การศึกษาดูงานสมัยเมื่อ3-40 ปีมาแล้ว คนอยู่บ้านป่าห่างไกลความเจริญ มักจะอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน จะไปไหนแต่ละทีเป็นเรื่องใหญ่ นอกจากการเดินทางไม่สะดวกแล้ว เรื่องสตางค์ในกระเป๋าก็สำคัญ เงินเป็นขาให้เราไปที่ห่างไกลได้ เมื่อมีข้อจำกัดก็ก้มหน้าก้มตาปลูกต้นไม้ สาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาอุตลุด บางทีหลายๆเดือนผมถึงจะขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปในตัวอำเภอ ที่ไม่เข้าเพราะไม่รู้จะเข้าไปทำไม เงินไม่มีก็ไม่รู้จะคิดแล้วซื้ออะไรได้?

การเคยอยู่แบบมีเงินติดกระเป๋าไม่กี่บาทเป็นปีๆเป็นการเรียนรู้ชีวิตที่สุดมันส์

ยามตกยากนี่นะเธอมันอยากกินโน่นนี่สารพัด

อยู่ในป่าจะไปหาก้วยเตี๋ยวแป๊ปซี่หรือโอเลี้ยงที่ไหนละ?

หิวได้ ก็หายได้ เป็นบ่อยๆมันก็บอกตัวเองเรื่องอย่าเพ้อเจ้อ

ให้หันกลับมาอยู่กับความจริง

พอกลับหลังหันเราถึงตระหนักว่า..ในความจริงไม่ได้ขาดแคลนอะไร ความจริงมีสิ่งรอบตัวมากมายที่เรามองข้ามและหมางเมิน การได้กลับมาอยู่กับตัวเองนับเป็นวาสนา ที่ได้รู้จักตัวเองมากขึ้น สุดท้ายคำตอบมันก็หลุดไปตกอยู่ที่ว่า ..หยาดเหงื่อแรงงาน ซึ่งก็ไม่ได้ลำบากลำบนอะไร เพียงใช้จอบขุดดินไม่กี่ฉึก..ก็เอาต้นกล้วย ขนุน มะม่วง น้อยหน่า ไปปลูกได้แล้ว

ต่อมาก็ได้เรียนวิชาก้นหลุม ถ้าก้นหลุมดีมีปุ๋ยต้นไม้ที่ปลูกก็เจริญงอกงามสมใจหวัง ถ้าปลูกแบบแล้งน้ำใจ ทำไปแบบซังกะตาย ฝืนปลูกฝืนทำ มันก็จะส่งผลให้เห็นเอง ไม่นานหรอกทำให้เกิดวิชาน้ำจิตน้ำใจ ปลูกอะไรก็รดน้ำช่วยบ้าง อ้าว ! เผอเรอไปเสียนาน ..พอรดน้ำช่วย พืชผลก็ตอบแทนน้ำใจของเราทบเท่าทวีคูณ ไอ้โน่นก็งาม ไอ้นี่ก็ผลดก ไอ้นั่นก็อร่อยๆ

ชีวิตที่เหี่ยวเฉาก็ค่อยๆฟื้นตัวจากวิชาพื้นฐานเหล่านี้

ไปสรุปตรงกันกับคำที่ว่า “ทำสิ่งใดได้ผลสิ่งนั้น”

ปลูกกล้วยมันไม่เคยออกผลเป็นมะละกอหรอกนะเธอ

การเรียนรู้ด้วยตนเองนี่สำคัญหนัก มันทำให้เรารู้ว่าตัวเรามีกึ๋นแค่ไหน ยังขาดตกบกพร่องในเรื่องใด ทำให้เราตระหนักที่จะเรียนรู้ สนใจในการกระหายใคร่รู้ เพราะถ้ารู้แล้วมันได้ประโยชน์ทันตาเห็น ทำอะไรก็เจริญก้าวหน้า การใฝ่หาความรู้จึงจำเป็นต่อการพัฒนาการความรู้ของเรา

เมื่อญาติฝ่ายเหนือมาศึกษาดูงาน สิ่งที่ได้รู้ได้เห็นก็คืองานเก่าๆนั่นเอง เพียงแต่มันผ่านร้อนผ่านหนาวสะสมขึ้นมาเรื่อยๆ จนคำว่าหลากหลายมีอยู่มีกินผุดโผล่ขึ้นมาพร้อมหน้า มีให้เลือกเก็บลงหม้อลงกระทะตามใจชอบ อิ่มอร่อยทุกมื้อ ย้อนรอยไปยังคำว่ามีอยู่มีกิน(ไม่อั้น) พืชพรรณธัญญาหารช่วงนี้ ยังเหลือเมนูที่ญาติๆยังไม่ได้ลองแสดงฝีมืออีกเยอะแยะ ถ้าพร้อมทำนะเธอ..ปัจจัยก็พร้อมรออยู่แล้ว

สิ่งเหล่านี้ไปสนับสนุนคำว่าศึกษาดูงาน ซึ่ ง ค ว ร ดู ตั้ ง แ ต่ อ ดี ต ม า จ น ถึ ง ปั จ จุ บั น  และช่วยกันคิดต่อไปถึงเรื่องในอนาคต การมาดูงานเช่นนี้ถึงจะเข้าสาระบบคำว่า”ศึกษาดูงาน”  อะไรคือการศึกษา การได้ลงมือช่วยกันทำกิจกรรมสารพัดอย่าง แทบไม่มีเวลาให้งีบเลย ซึ่งเราก็ไม่ได้กำชับอะไรกัน การมาดูงานควรจะสบายๆสนุกและอร่อย ควรได้คลี่คลายระบายความเคร่งครัดกับงานในหน้าที่ๆรัดรึง เป็นการยกเวลาให้กับตัวเองจริงๆ ถึงแม้จะเป็นช่วงสั้นๆไม่กี่วันก็ตาม

การที่ได้มาอยู่ในบรรยากาศกันเองและอบอุ่น

อานุภาพของความเป็นญาติเป็นยาที่วิเศษสุด

ถ้าเธอหาเจอพื้นที่ๆปลดระวางความเครียดได้ พื้นที่ๆที่ทำให้เราผ่อนคลายและมีความสุข ควรมีองค์ประกอบที่ดีพอที่จะทำให้เราศึกษาดูงานอย่างลงตัว พื้นที่ๆที่ได้แลกเปลี่ยนเรียนรู้เชิงคุณภาพ ทุกขั้นตอนมีความสนุกมีรอยยิ้มและเสียงฮาเล็ดลอดมาเป็นระยะ สิ่งที่เห็นสำคัญไม่น้อยกว่าสิ่งที่อยู่ในหัว(ใจ) ของแต่ละคน

  • ลองนึกดูสิ..ถ้าเธออยู่ในบรรยากาศที่ตัวเองเผลอยิ้มทั้งวัน!
  • ลองนึกดูสิ..ถ้าเธอมีความสบายใจทั้งวันจะเป็นยังไง?
  • ลองนึกดูสิ..ถ้าเธอได้เติมเต็มแบบเตอรี่หัวใจแล้วหรือยัง?
  • ลองนึกดูสิ..เธอมีเพื่อนมีพื้นที่เย้าเยือนดังกล่าวนี้แล้วหรือยัง?
  • ลองนึกดูสิ..เธอมีเพื่อนมีญาติที่ไว้วางใจสนิทแน่นได้ทุกกรณีหรือยัง?

ถ้าเธอยังขาดสิ่งพิเศษตามที่กล่าวข้างต้น นับว่าน่าเสียดายนัก ที่ปล่อยให้ชีวิตเต้นแร้งเต้นกาในวัยที่ยังทำอะไรๆได้ ไม่อย่างนั้นยามแก่ชราภาพไป เธอจะไม่โดนผีหลอกรึ จะปรึกษาใครจะฝากผีฝากไข้ไว้กับใคร การศึกษาดูงานเชิงคุณภาพนี้แหละจะเป็นสะพานชีวิตให้เธออิ่มเอมสมบูรณ์ คนเราเกิดมาถ้าหาเพื่อนหาญาติไม่เจอมันน่าเศร้านัก

ควรใช้ยิ้มจากใจและรักใครด้วยหัวใจให้เป็น  แ  ล้ ว เ ธ อ จ ะ ไ ด้ สิ่ ง นั้ น

หลังจากที่ผมงมโข่งอยู่กับตัวเองมาครึ่งชีวิต ระยะหลังที่ความพร้อมบางส่วนบางประการ ผมสามารถที่จะเดินทางไปเรียนรู้ที่โน่นนี่ได้สะดวกขึ้น ตอนแรกๆก็ไปเอง ต่อมาก็มีคนหน่วยงานหรือสถาบันต่างๆมาเชิญ บางคนเย้าว่า..เสือถูกล่อออกจากถ้ำ” ผมไม่ถึงกับเป็นเสือสางอะไรอย่างนั้นหรอกนะเธอ คนบ้านนอกก็ไปแบบบ้านนอก และได้ไปเมืองนอกหลายครั้ง ทั้งหมดทั้งมวลนี้เป็นอนุภาพของการเรียนให้รู้สิ้น

ถ้าเราไม่รู้อะไรเลย..ใ ค ร เ ข า จ ะ เ ชิ ญ ไ ป ทำ ซ า ก อ ะ ไ ร ล ะ ค รั บ

มีวิชาเหมือทรัพย์ ที่ทำให้ได้ท่องไปในทะเลกว้าง

การไปร่วมเวทีร่วมงานก็อย่าได้ประมาท ให้ถือว่าเราได้ไปเรียนเพิ่มเติมจากคนเก่งคนดีๆที่เราอยากรู้จัก ความคิดคำนึงถึงเมื่อครั้งยังบุกเบิก มันก็ได้บุกทะลุทะลวงเชิงรุกมากขึ้น ทำให้รู้ตัวว่า..ความรู้และประสบการณ์ที่เรามีเราผ่านมานั้นมันล้าสมัยตกรุ่นไปเรื่อยๆ คนเรารู้แค่ไหนก็เข้าใจได้แค่นั้น ทำให้เราตระหนักในอานุภาพของความรู้ เผลอเมื่อไหร่ตกรุ่นเหมือนรถยนต์ หรือมือถือ เชียวนะเธอ

ยุคสมัยนี้เรียนด้วยตัวคนเดียวไม่ทันกินหรอก

เราต้องมีเพื่อนที่รู้หลากหลายสาขาอยู่เคียงข้าง

พยายามต่อยอดความดีความรู้ความรัก

พระอาจารย์วรภัทร ภู่เจริญ บอกว่า

ให้ความรักก่อนให้ความรู้ ล อ ง ดู น ะ เ ธ อ

ถ้าเป็นการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ก็อย่าไปเสียเวลาว่าให้อะไรก่อนหลัง ทั้งความรักความรู้นั่นแหละประเคนเข้าไปเถอะ ไม่บอบช้ำเสียหายตรงไหนหรอก อย่างคุณเหมียวค้นเรื่องน้ำเต้า หนูฝนค้นเรื่องแบบบ้าน ครูกุลนทีวาดภาพประดิษฐ์ของที่ระลึกและทำกับข้าวมาอวด รวมทั้งที่ท่านทั้งหลายได้อุปการะผมเรื่อยมา ..ล้วนแต่สื่อความหมายถึงความปรารถนาดีที่แฝงความรู้ดีๆมาให้ด้วย ถ้าเราเรียนแบบนี้สม่ำเสมอ ความรู้เราก็จะงอกงามไปพร้อมๆกับมิตรภาพใช่ไหมละเธอ ความปรารถนาดีนั้นเป็นยาวิเศษทั้งผู้ที่ให้และผู้ที่รับ  มันเป็นทั้งบุญทั้งทานที่บรรเจิดที่สุด

จิตใจของเธอจะรอให้ใครมาดูแลทำไมละ

ถ้าจะทะนุถนอมความรู้สึกดีๆของเราก็ทำเองอย่างนี้แหละ

ไม่ต้องไปขออนุมัติใคร..การให้เกิดผลดีตั้งแต่การคิดจะให้แล้ว

ทำดีตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้หรอกนะเธอ

(แต่ก็ควรมีเรือและเครื่องดับเพลิงไว้ใกล้ๆ)

เรียนแบบนี่แหละ เขาเรียกว่าเรียนทางไกลขนานแท้*

ส่วนการเรียนแบบประชิด ก็อย่างที่ญาติฝ่ายเหนือฝ่ายใต้ลงมานี่แหละ*

ความหมายของการบริหารและพัฒนา ถ้าจะยกแม้น้ำทั้ง5มาก็จะชวนให้สวิงสวายไปเปล่าๆ เรื่องนี้อยากจะขอยกวิชาการห้อยไว้ ขอเอาวิชาเกินมาบอกเล่ากันดีกว่า..ในส่วนของข้าราชการ  แน่นอนย่อมเกี่ยวข้องกับกฎระเบียบ จะไปไหนทั้งทีเป็นเรื่องยุ่งยากขึ้นทุกวัน แต่ก็ไม่ใช้จะปิดตายทุกเรื่องนะเธอ คนมีปัญญาย่อมหารอยแตกเล็กๆได้ด้วยวิธีการทำงานแบบอิงระบบ

ขออนุญาตเอาตัวเลขมาหลอกล่อดังนี้

1 ข้าราชการระดับสูงกระทรวงเกษตรฯ จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนข้าราชการระดับสูงที่สังกัดสำนักนายกรัฐมนตรี จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

2 ข้าราชการระดับสูงสังกัดสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนข้าราชการระดับสูงที่สังกัดกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

3 ข้าราชการระดับสูงที่มีสถานที่ทำงานอยู่นอกหน่วยงาน จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่มีสถานที่ทำงานในหน่วยงาน

4 ข้าราชการระดับสูงที่ทำงานเกี่ยวข้องกับการพัฒนาชนบท จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูง กว่าผู้ที่ไม่ได้ทำงานเกี่ยวข้องกับการพัฒนาชนบท

5 ยิ่งข้าราชการระดับสูงมีอายุมากขึ้นเพียงใด ก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงขึ้นเพียงนั้น เฉพาะอย่างยิ่งข้าราชการที่มาอายุ 54 ปีขึ้นไป

6 ข้าราชการระดับสูงที่ประสงค์จะเกษียณอายุก่อนครบ60ปี จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่ไม่ประสงค์จะทำเช่นนั้น

7 ข้าราชการระดับสูงที่มีบุตรธิดามากกว่า 3 คน จะเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่มีบุตรธิดาเพียงคนเดียว จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

8 ข้าราชการระดับสูงที่บิดาสิ้นชีวิตแล้ว จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่บิดายังมีชีวิตอยู่

9 ข้าราชการระดับสูงที่มีระดับการศึกษาปริญญาเอก (เฉพาะทางด้านนิเทศศาสตร์) ก่อนเข้ารับราชการ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่มีระดับการศึกษาขั้นปริญญาโท (เฉพาะอย่างยิ่งด้านสัตวแพทย์) จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

10 ข้าราชการระดับสูงที่มีระดับการศึกษาปริญญาเอก (เฉพาะทางด้านปติมากรรม) และปริญญาตรี (เฉพาะอย่างยิ่งด้านการประมง) หลังเข้ารับราชการจะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่มีระดับการศึกษาขั้นปริญญาโท (เฉพาะอย่างยิ่งด้านนิเทศศาสตร์) จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

11 ข้าราชการระดับสูงที่ไม่เคยได้รับทุนการศึกษาภายในประเทศ ก่อนเข้ารับราชการ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่เคยรับทุน

12 ข้าราชการระดับสูงที่ไม่เคยได้รับทุนการศึกษาภายในประเทศ ก่อนเข้ารับราชการ จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงกว่าผู้ที่เคยรับทุน เช่นนั้น และในบรรดาผู้ที่เคยได้รับทุนเช่นนั้น ผู้ที่ได้รับทุนจากองค์กรระหว่างประเทศจะมีความมุ้งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด ส่วนผู้ที่ได้รับทุนจากรัฐบาลไทยจะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศต่ำสุด

13 ข้าราชการระดับสูงที่ไม่เคยศึกษาต่อต่างประเทศ หลังรับราชการจะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด

14 ยิ่งข้าราชการระดับสูงมีอายุราชการมากขึ้นเพียงใด ก็ยิ่งมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงมากขึ้นเพียงนั้น

15 ข้าราชการระดับสูง11 จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงที่สุด ส่วนผู้ที่มีความมุ่งมั่นต่ำสุด คือ ข้าราชการระดับสูง 9

16 ข้าราชการระดับสูงที่มีเงินเดือนเต็มขั้นแล้ว จะมีความมุ่งมั่นในการพัฒนาประเทศสูงสุด

17 จะบ้าเขียนต่อทำไมนะ

ปัญหาวิธีปฏิบัติทางการบริหารบุคล เรียงจากมากไปหาน้อยดังต่อไปนี้

  1. การขากความริเริ่ม
  2. การขาดการฝึกอบรม
  3. การขาดมูลเหตุจูงใจในการปฏิบัติงาน
  4. การควบคุมงานเคร่งครัดเกินไป
  5. การทำงานเป็นหมู่คณะไม่ดี
  6. การคัดเลือกบุคลากรไม่ดี
  7. โครงสร้างองค์กรไม่ดี
  8. การปูนบำเหน็จความดีความชอบไม่ดี
  9. การขาดภาวะผู้นำองค์กร
  10. เป้าหมายองค์กรไม่ชัดเจน
  11. ขาดการเตรียมคนไว้คอยสืบทอดตำแหน่ง

หมายเหตุ

: ตอนหัวค่ำคุยกับหมอเจ๊เรื่องการบริหารงานในโรงพยาบาล

: และพรุ่งนี้ มะรืนนี้ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลจะมาดูงาน

: และเรื่องการศึกษาดูงานเครือญาติชาวเฮที่เพิ่งผ่านไปจึงบันทึกร่องรอยไว้

: ส่วนข้อมูลการวิจัยต่างๆอย่าไปตกหลุมคิดตามมากนัก ฟังหูไว้หู ดีแล

อิ อิ..

« « Prev : บริบทสุขภาวะแห่งจิตใจ ****

Next : เราจะต่อยอดความดีกันอย่างไร? » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

ความคิดเห็นสำหรับ "ศึกษาดูงาน มาดูอะไร?****"

ไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.082200050354004 sec
Sidebar: 0.099778890609741 sec