(อยากจะทำเรื่องมันส์ๆต้องกินถั่วไปด้วย)
:: ตั้งแต่วาสนามาประจวบกัน ท่านจอหงวนกับผมก็สาละวนอยู่ในเขาวงกต พยายามที่จะหาเรื่องขายความรู้ความคิดเชิงกระบวนการ เราโยนหินถามทางถึงกันหลายเรื่อง แต่มันก็ยังเป็นแบบหมูในอวย..ยังแปรรูปให้เป็นหมูแผ่น หมูทุบ หมูผัดเผ็ด หรือลาบหมูรสเด็ดไม่ได้สักกะที ทั้งที่เรากัดไม่ปล่อย..เซ๊าซี่กันมาเป็นระยะ เรื่องมันก็ยังไม่สุกงอม ยังตกร่องปล่องชิ้นทางความคิดไม่ได้ ที่ผ่านมาเราได้แบ่งกันบ่มเพาะความคิด คิดๆๆจนหัวผุ และแล้วสวรรค์ก็มีตา..ช่วงที่กรมป่าไม้และสภาวิจัยฯลงมาจัดฝึกอบรมการใช้ผลงานวิจัยสู่ชุมชน ผู้หลักผู้ใหญ่ในสายงานองค์กรดังกล่าวลงมาเอง มีเวลาได้คุยกันหลายรอบ ก่อนที่จะก้าวขึ้นรถ..ท่านก็หันมาบอกว่า..รีบเขียนๆส่งนะครูบา
:: ช่วงผมไปบางกอกเมื่อเร็วๆนี้ ฝ่ายวิจัยเรื่องการใช้ไม้จากสวนป่าปลูก ก็ประชุมกันเขียนงานวิจัยการสร้างบ้านไม้แบบเล็กๆเก๋ๆเหมือนเรือนรจนากับเจ้าเงาะ โดยอาศัยเทคโนโลยี/เครื่องมือสมัยใหม่ช่วย ซึ่งงานวิจัยหมวดนี้จะมาสอดรับกับที่เราจะทำ และวันที่ 16-17 เดือนมิถุนายน ทีมนี้ก็จะมาจัดฝึกอบรมการกลั่นน้ำมันยูคาลิปตัสที่สวนป่า ถ้าอาจารย์ว่างก็อาจจะมาคุยเรื่องข้อมูลโดยตรง แล้วกลับไปเขียนโครงการวิจัยให้เสร็จภายในวันที่ 25 มิถุนายน เร็วๆด่วนๆอย่างนี้ ไฟลนก้นไปไหมครับ อิ อิ..
เห็นอาจารย์บ่นๆเรื่องเขียนเค้าโครงวิจัยจนมือหงิก
ลองอีกสักตั้ง..มืออาจจะไม่หงิกก็ได้นะครับ
เพราะเราจะเขียนด้วยหัวใจที่หวาบหวาม คิ คิ .
ผมประสานเบื้องต้นไว้บ้างแล้ว วช.เขาก็อยากให้เราส่งโครงการขอทุน หมดกำหนดส่งภายในเดือนมิถุนายน ถ้าจะลุยคงต้องเร่งคุยกัน บังเอิญช่วงนี้ผมก็ไม่ว่าง แต่จะร่างเค้าโครงให้อาจารย์ดู คืนวันที่ 13 ผมนอนโคราช ไม่ทราบอาจารย์ว่างไหม จะชวนมาขึ้นเตียงสักคืน ถ้าไม่จบต่อคืนวันที่ 14อีกสักบ่ายก็ได้ อยากจะทราบว่าหัวใจว่างไหมในวันดังกล่าววววววว..
อยากจะให้เป็นโครงการร่วมระหว่างอาจารย์ ภาควิชา (มหาวิทยาลัย) กับ มหาชีวาลัยอีสาน (ชุมชน) ช่วยกันทำตัวชุดความรู้ให้ชัดๆ แล้วจัดอบรมเชิงประจักษ์ เน้นทำเรื่อง ปลูกต้นไม้ แล้วเอาใบไม้มาเลี้ยงแพะเลี้ยงวัว-กิ่งไม้เล็กๆทำฟืนเผาถ่าน-กิ่งไม้ใหญ่เอามาทำเครื่องเรือนน็อคดาวน์ ในชั้นแรกเราไม่ต้องตัดต้นไม้ เอาเฉพาะกิ่งใบมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า หลังจากปลูกไม้อาคาเซียได้7ปี เราจะทยอยสางขยายระยะ ลำต้นใหญ่เอามาแปรรูปสร้างบ้าน-แล้วปลูกหมุนเวียนเเติมลงไปให้ครบรอบตัดฟัน พื้นที่ก็จะมีต้นไม้อยู่ตลอดไป ชาวบ้านก็จะมีวัตถุดิบต่อเนื่องตลอดไป ทุกขั้นตอนผมมีตัวอย่างแสดงบ้างแล้ว ไม่ใช่นับหนึ่งใหม่
-ในแผนจะมีการอบรมกลุ่มเกษตรกรเป้าหมายประมาณ 1,000 ครัวเรือน ใน3-4จังหวัด
-จัดพิมพ์ตำราคู่มือ
-ชักชวนคณาจารย์ในมหาวิทยาลัยต่างๆมาร่วมเป็นภาคี
-วันนี้ทรัพย์สินส่วนพระมหากษัติริย์มา
-เดือนหน้า วันที่ 2-3จุฬามาฯ วันที่ 27 คณาจารย์ม.สุโขไทยธรรมธิราชมา
-วันที่ 29 ผมจะโม้ที่งานประชุมกรมป่าไม้
-จัดทำแปลงสาธิต-คอกสาธิตเลี้ยงแพะ-โคขุน
-เชื่อมโยงการปลูกต้นไม้แบบยั่งยืนร่วมกับการยกระดับเลี้ยงปศุสัตว์ต้นทุนต่ำ แต่ได้ผลลัพธ์ดีกว่าแบบเดิมๆ
-มูลสัตว์ นอกจากจะทำปุ๋ย -ยังทำแก๊สชีวภาพ
-งานหมักจุลินทรีย์ จะนำไปสู่การผลิตอาหารสัตว์ที่มีคุณภาพ ผลิตไวน์เลี้ยงโคขุน
-งานปรับปรุงพันธุ์สัตว์จะนำไปสู่การเลี้ยงโคขุน เลี้ยงแพะ แกะ
(รับภาพจากหัวหน้าฝ่ายบริหารชุมชนสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์)
:: จะนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมเข้าไปสู่วิธีทำมาหากินของกลุ่มเกษตรกรเป้าหมาย เช่น การใช้เครื่องสับใบไม้-สว่านเจาะหลุมดิน-การตากวัตถุดิบด้วยกระโจมพลาสติกที่อาจารย์คิด โดยภาพรวมงานนี้ช่วยลดความเสี่ยงการประกอบอาชีพของชาวบ้านได้ค่อนข้างชัดเจน ลดต้นทุนได้อย่างชัดเจน สร้างความหลากหลายได้อย่างชัดเจน สร้างกระบวนการเรียนรู้ให้เกษตรกรและผู้เกี่ยวข้องได้อย่างชัดเจน เราเน้นการฝึกอบรมจากการฝึกทำให้เป็น เชื่อหัวไอ้เรืองแล้ว..อาจารย์ทำได้
:: ในช่วงการฝึกอบรมก็จะชวนสมาชิกแซ่เฮมาร่วมเป็นวิทยากร ใครว่างก็มา ใครไม่ว่าง..ก็รออ่านแล้วให้ความคิดเห็น เป็นกระบวนการพัฒนาเชิงกระบวนการที่สอดรับกับวัฒนธรรมพื้นถิ่น ที่สถาบันหรือองค์กรไหนสนใจเอาไปปรับใช้ได้ ผมขายความคิดนี้ในงานประชุมนักวิจัยระดับชาติไปแล้วที่มหาวิทยาลัยทักษิณ
และจะไป..โม้สะบัดในงานประชุม แ ผ น พั ฒ น า เ ศ ร ษ ฐ กิ จ สั ง ค ม แ ห่ ง ช า ติ
ที่ เ มื อ ง ท อ ง ธ า นี ใ น วั น ที่ 7 เ ดื อ น มิ ถุ น า ย น
ไอ่พวกเราต้อง โ ม้ ขี้ .. ไม่ใช่ ขี้ โ ม้
พูดด้วยทำด้วย แปรวิชาการให้เป็นวิชาชีพ วิชา-กิน-จูง-อุ้ม-ร้อง-ขายได้
ความรู้ที่ขายได้ ย่อมกว่าดี ความรู้ขายไม่ออก
ถ้างานวิจัยของประเทศ .. วัดกันที่จุดนี้..
งานวิจัยของไทยก็จะไม่โหล่ยโท้ยหรอกนะครับ
เ ร า ม า ทำ ง า น วิ จั ย ที่ ดิ้ น ไ ด้ กั น ดี ก ว่ า ท่ า น จ อ ห ง ว น
โปรด ทำตัวและหัวใจในเดือนมิถุนายนให้ว่าง ว่าง และ ว่างที่สุด
คิ คิ คิ..