ชวนCottoอยู่กินแบบพื้นถิ่น
(แนวรั้วไฟฟ้ากำกับแพะให้อยู่เป็นที่เป็นทาง)
เมื่อวานนี้มีรายการเจี๊ยะแพะครับพี่น้อง สุภาษิตเก่าบอกว่าคนเลี้ยงช้างกินขี้ช้าง เราไม่ได้เลี้ยงช้างก็ไม่อยากจะกล่าวโทษช้าง ชาวCotto ทำกิจกรรมเกี่ยวกับแพะ จึงจัดรายการแพะให้ครบวงจร มีเมนูแกงเผ็ดแพะกับมัสหมั่นแพะมาให้ชิมไปเป็นที่เรียบร้อยโรงเรียนแพะ นักชิมทั้งหลายชมเปาะ ว่าไม่มีกลิ่น อร่อยมาก โจ้กันจนเกลี้ยงทุกโต๊ะ บางคนยังถามหาอีกแน๊ะ วันนี้ชาวค่ายช่วยกันทำรั้วไฟฟ้า รอรับญาติสายสุรินท์บริจาคแพะมาให้อีกชุดหนึ่ง มีตัวพ่อพันธุ์และแม่พันธุ์ท้องโย้ พวงนมโตอย่างกับแพะนม คาดว่าอีกไม่กี่วันก็คงจะมีลูกแพะออกมาสมทบพลเมืองแพะ เรื่องราวจึงสมบูรณ์ตั้งแต่วิธีเลี้ยง วิธีเจี๊ยะ และวืธีแก้ปัญหาในการส่งเสริม อาจารย์แพะเล่าว่า อุปสรรคของการขยายผลไปสู่คนเลี้ยงในภาคอีสานอยู่ที่
1 แพะดื้อ ควบคุมยาก ต้องมีบริเวณเลี้ยงเพียงพอ
2 เนื้อแพะมีกลิ่นไม่เป็นที่นิยมของคนอีสาน
(จับเขาคุยกันเป็นระยะเพื่อไม่ให้หลงทิศหลงทาง)
ถ้าแก้ปัญหา2จุดใหญ่นี้ได้รับรองการเลี้ยงแพะไปโลดแน่ ดังนีั้นเป้าหมายของการศึกษาในพื้นที่จริงจึงเน้นที่ 2 ประเด็น พบช่องทางที่น่าจะคลีคลายอุปสรรคไปได้ด้วยดีจากการทดลองเบื้องต้น ฤดูนี้มีหญ้าให้แพะแทะเล็มอย่างเพียงพอ การใช้รั้วลวดไฟฟ้าน่าจะช่วยกำำกับแพะให้อยู่ในบริเวณที่ต้องการได้ ส่วนการปรุงอาหาร สมุนไพรไทย สูตรอาหารไทย ชำแหละอย่าให้เนื้อโดนขน และกระเพาะปัสสวะอย่าให้แตก ไม่เช่นนั้นจะส่งกลิ่นจนต้องโยนทิ้งโน่นแหละ เคล็ดลับการปรุงอาหารเนื้อแพะตามแนวชายแดน นั ก บ ริ โ ภ ค แ พ ะ จ ะ ใ ช้ มั ส ร่า เ ป็ น ตั ว บ ร ร เ ท า ก ลิ่ น แถมยังทำให้แกงแพะมีความหอมอีกต่างหาก
(ช่วยกันรื้อหลังคาร้านน้ำเต้า แล้วเก็บผักรอบบ้านมารายเรียง)
เช้าวันนี้ชาวCotto ช่วยกันเรื้อแปลงน้ำเต้าที่พังกองกับพื้น ต้องอาศัยคนจำนวนมากค่อยๆถอดไม้ไผ่ออกจากแปลง ทุกอย่างจบลงด้วยดีก่อนเที่ยง หลังจากนั้นชวนกันไปเก็บผักนานาชนิดที่อยู่รอบบ้าน ได้ผักมา2เข่ง นับได้ประมาณ 40 ชนิด แยกเป็นผักกินสด กับ ผักกินสุข ผมให้ออกแบบเมนูอาหาร ให้ช่วยกันทำอาหาร2อย่าง มติที่ประชุมลงความเห็นจะผัดเผ็ดเป็ด 1 อย่าง ตำน้ำพริกกะปิกับน้ำพริกปลาทูอีกอย่าง หลายหนุ่มบอกว่าอยากจะเจี๊ยะผักปลอดสารให้สะดวกใจสะดวกท้องสักมื้อหนึ่ง หลังจากอาหารกลวางวัน ท้องฟ้าครึ้มผมจึงจัดกิจกรรมกลางแจ้ง ให้ชาวค่ายไปช่วยกันขุดหัวกราวเครือขาว เพื่อเอามาบดผสมอาหารเลี้ยงโค ดูสิว่าสารฮอร์โมนในสนุนไพรชนิดนี้ จะช่วยให้โคขุนอ้วนท้วนเหมือนกับไก่ตอนของทางใต้ได้หรือไม่
(ขุดกราวเครือใส่เข่ง เอาไปบดผสมอาหารเลี้ยงวัว)
กิจกรรมขั้นสุดท้ายได้แก่การสรุปความรู้สึกนึกคิด
มาที่นี่แล้วรู้อะไร
เข้าใจว่าอย่างไร
จะเก็บเกี่ยวเอาไปใช้ในงานงานและชีวิตประจำวันอย่างไร
(ประชุมขยับขยายความรู้สึกนึกคิดรอบสุดท้าย)
เป็นการบ้านที่หนักหน่วง แต่ก็ลุล่วงไปได้ด้วยดี
ทุกคนออกมานำเสนอความคิดเห็น
ผมช่วยเติมให้นิดหน่อย
>>> ปัญหา ก็ขอปรับใหม่เป็น ปัน-หา
แบ่งปันสิ่งที่ต้องการแก้ไข แล้วให้ช่วยกันแสวงหาจุดพอดี..
ยกตัวอย่างเช่นประเด็น..
>> บ้างก็บอกว่าผมไม่ค่อยจะมีความกล้าออกความเห็นหรือแสดงออกต่อหน้าเพื่อนๆ ก็เลยยกตัวอย่างความกล้า บ้าบิ่น บางคนคุยไม่เก่ง กระมิดกระเมี้ยน แถมตาขาวอีกต่างหาก พอหลงรักอีสาวข้างบ้าน แหม..เกี้ยวพาราสีระดับขุนแผนเรียกพี่ ถึงพ่อตาจะนั่งขัดปืนลูกซองอยู่หน้าบ้านก็บ่หยั่น ในเมื่อความรักท่วมท้นใจความกล้าบ้าบิ่นก็เกิดขึ้น ถามว่า..ทำไมอีตอนนั้นถึงกล้าละ แต่ในเรื่องที่ง่ายๆกว่านั้นทำไมไม่กล้าแสดออก
>> บ้างก็บอกว่าผมไม่ค่อยมีวินัย สมาธิสั้น จะทำยังไงดี เรื่องวินัยในทางธรรมเรียกว่าศีล ทางโลกเรียกว่าระเบียบ ข้อบังคับ วมทั้งกฎหมายต่างๆ กติกาทางสังคมเกิดขึ้นเพื่อกำกับความเรียบร้อย เรื่องเหล่านี้คงต้องฝึกและใคร่ครวญ พยายามเอาเหตุเอาผลมาพิจาณา
>> บ้างก็ข้องใจเรื่องผิดเรื่องถูก จะทำอะไรเกรงแต่จะผิด เสียเวลาอยู่ก็คำว่าใช่หรือไม่ใช่ ก็เลยไม่ได้ลงมือทำอะไรสักที เต้นลีลาโชว์อยู่นั่นแล้ว อยากให้พิจารณาว่า ในผิดมีถูก ในถูกมีผิด ทั้ง2ด้านนี้กำกับอยู่ด้วยกัน ควรพิจารณาเรื่อง สุ-จิ-ป-ลิ ที่รอกอดส์บอกว่าเป็นหัวใจนักปราชญ์ ถ้าใส่ใจที่จะเป็นผู้เรียน ก็ถามก็เขียนก็คิดจนเป็นนิสัย
เอาแค่พอหอมปากหอมคอ
หลังจากนั้นชวนไปปลูกต้นไม้เป็นที่ระลึก
แล้วก็ได้เวลาเดินทางกลับ กทม. เอาไว้พบกันใหม่เมื่อชาติต้องการ อิ.
(ฝนตกทุกวัน รายการไก่อบโอ่งก็เลยแห้ว)
« « Prev : แพะเกี่ยวอะไรกับCotto อิ
2 ความคิดเห็น
อยากกินแพะ…อิอิ
มาเมื่อไหร่ได้เจี๊ยะเมื่อนั้น อิ