แอบมองงานวิจัยท้องถิ่น
รัฐบาลใจดี ใครมีอายุเกิน 60 ปี จะจ่ายเงินสงเคราะห์คนชราเดือนละ 500 บาท แต่คนชราภาพอย่างผมมันเลอะเลือนปล่อยไว้ก็จะเลอะเทอะ ไปรับปากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สกว. ไว้ว่าจะเขียนบทความสั้น ๆ ให้เขา แล้วเรื่องก็ผ่านมาจนเข้าระยะไฟลนก้น กลับจากบ้านมาเจอเอกสารประกอบการสัมมนา 10 ปี “งานวิจัยท้องถิ่น : คุณค่าและความหมาย (Meaning) ต่อสังคมไทยและก้าวต่อไปในอนาคต” ในวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ ณ โรงแรมสยามซิตี้ ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ
เท่าที่อ่านรายชื่อผู้อาวุโสและผู้สันทัดกรณี พบว่างานนี้ไม่ธรรมดา มีแต่หัวกะทิทั้งนั้น หางกะทิก็มีอยู่คนหนึ่งคือกระผมนี้แหละขอรับ หางกะทิเกิดความคิดแว๊บหนึ่งขึ้นมาว่า การจัดประชุมสัมมนาเชิงรุกเพื่อตอบคำถามเรื่องก้าวต่อไปในอนาคต กระผม คิดว่าเราควรจะมีเรื่องใหม่ๆ หรือมีกระบวนการแสวงหาพวกหัวโตสมองใสใจเต็มร้อยเข้ามาสู่เวทีลักษณะนี้ เป็นการเปิดพื้นที่เพื่อสังคมอย่างแท้จริง ผมมีความรู้สึกว่างานวิจัยในประเทศไทยเสมือนกับงานการเมือง ที่ผู้คนหัวใจเป็นประชาธิปไตยมิใช่น้อย แต่ไม่รู้ว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไร จึงงึมงำและป้อไปป้อมาไม่สามารถพอที่จะรวมพลังเป็นคานงัดอะไรได้