คุณครูบา จากหมอกิ๊ฟ สวนป่า รุ่น ๕๕

อ่าน: 1350

•·         คนเราถ้าคิดถึงหัวอกคนอื่นบ้าง ของตนเองบ้าง คละเคล้ากันไป ก็จะทำให้เราเป็นผู้มีจิตสาธารณะที่เกิดโดยเนื้อนาบุญแห่งตน  ถึงไม่ต้องไปฝึกฝนพร่ำบ่นภาวนา สิ่งนี้ก็มีอยู่มีมากับตัวเราทุกคน ผม้ชื่อว่าคนเราคิดดีปรารถนาดีเป็นอยู่แล้วโดยอัตโนมัติ แต่บางคราก็ถูกกระแสอื่นชวนไปเชือนแช

•·         ในสังคมบ้านเราทุกวันนี้เกิดทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาของมนุษย์ขี้เหม็น ที่กิเลศถูกกลากออกมากระตุ้นให้ทำโน่นนี้ได้สารพัด สิ่งที่มนุษย์ควรพิจารณาตนเองให้เลือกที่จะเข้าใจทั้งด้านบวกและด้านลบ ถ้าครบถ้วนทั้ง๒ส่วนแล้ว ก็จะรู้เท่ากันกับการเปลี่ยนแปลงแห่งยุคสมัย

เรื่องคิดดีทำดีมีมุมมองดีๆ เ ลื อก ไ ด้ ค รั บ

ถึงไม่มีวางขายตามร้านเซเว่นเราก็ควานหาจากจิตสำนึกของเราได้

การเอื้ออาทร ภาษาโจ๋เรียกว่าการแคร์ความรู้สึกของคนอื่นบ้าง

จะทำให้เราตระหนักในบริบทสังคมของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน

คนเราถ้าหมกมุ่นแต่เรื่องตัวเองจนไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตา

ชีวิตก็จะปีนเกลียวกับความต้องการของตนเองถ่ายเดียวมิรู้จบสิ้น

การทำดีไม่ต้องทุ่มเททำโครงการใหญ่โตอะไรหรอก

แ ค่ ค อ ม เ ม น ท์ อ อ ก จ า ก ใ จ   ก็สุดจะหรูแล้วนะเธอ

 

วันนี้ได้รับข้อความที่ทำให้อิ่มเอิบใจเหลือประมาณ ลองอ่านเรื่องราวดีๆของนิสิตแพทย์จุฬาฯ Kift Chutimont เธอส่งข้อความมาถึงดังนี้

•·         สวัสดีคะพ่อครูบา หนูชื่อกิ๊ฟ สวนป่า ๕๕ นะคะ

หนูเขียนมาหาครูบาเกี่ยวกับความรู้สึกที่เกี่ยวกับสวนป่า

ก่อนมาสวนป่ารู้สึกเฉยๆ คิดว่าก็คงมาแค่เข้าค่ายธรรมดาๆ

เดินไปตามฐาน มีกิจกรรมให้ทำ

ระหว่างนั่งรถไปหลับตลอดทาง หลับตั้งหลายตื่นก็ยังไม่ถึงซะที

โอยยยย  ทำ ไ ม มั น ช่ า ง ไ ก ล อ ย่ า ง นี้ “

แต่ก็แอบคิดอยู่ในใจว่า เอาน่ามันต้องมีอะไรดี ไม่งั้นเขาคงไม่พาเรามาถึงที่นี่หรอก..

•·         เมื่อมาถึงลงจากรถ…มืด

โชคดีที่ไฟหน้ารถจากรถบัสที่นั่งมาส่องอยู่

…ดินสีแดง !!!! อะไรกันเนี่ย! หลุม ….

แม้ แ ต่ ถ น น ลู ก รั ง ก็ ยั ง เ ข้ า ไ ม่ ถึ ง ที่ นี่ ห รื อ ? หนูคิดในใจ

มาถึงที่พัก ขึ้นไปชั้น๒ ปูที่นอน

สิ่ ง ที่ พ บ คื อ แ ม ล ง  มากม่ายยยยยย

ปัดก็แล้ว เป่าพัดลมก็แล้ว แผ่เมตตาก็แล้ว ….ยังไม่ไป

เ ห นื่ อ ย ก็ เ ห นื่ อ ย  เอาวะแมลงก็แมลง

วันนี้ เ ร า จ ะ น อ น ด้ ว ย กั น เ นี่ ย แ ห ล ะ ทุ ก ตั ว เ ล ย

หลับสนิทเลยคืนนั้น

•·         เสียงไก่ขันเช้าวันใหม่แล้วคะ

ไก่ที่นี่ขันดังมาก

ร า ว กั บ มั น ม า ยื น ขั น อ ยู่ บ น หั ว ห นู เ ล ย  XD

เริ่มอยู่ไปเรื่อยๆ วันที่ ๑ ๒ ๓

วั น สุ ด ท้ า ย แ ล้ ว เ ห ร อ?  มันไวมากเลยคะ

สามวันสามคืนที่ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติจริงๆ

อยู่แบบพอเพียง และปรับตัวกับสิ่งที่มีอยู่

แม้ ว่ า ไ ฟ ดั บ ห รื อ น้ำ ไ ม่ ไ ห ล

หนูรู้สึกภูมิใจที่หนูผ่านวันนั้นมาได้

ไม่อยากกลับเลย

•·         หลังจากที่หนูได้ไปเข้าค่าย กลับมาใช้ชีวิตประจำวันในเมือง ยังคิดถึงเจ้าพวกไก่ที่ปีนต้นไม้ได้ ด้วงงวงช้าง ผักขมต้นใหญ่ ผลฟักและน้ำเต้ายักษ์ คิดถึงจังเลย…ไม่น่าเชื่อการตื่นเช้าจะทำให้เราสามารถเห็นสิ่งที่ต่างออกไป …ปกติแล้วหนูมักจะนอนจนตะวันส่องตรงหัวพอดีเลยคะ แล้วก็รู้สึกว่าแดดข้างนอกร้อนมาก ไม่อยากจะย่างกรายออกนอกบ้านเลยคะ แต่ตื่นเช้าทำให้หนูเห็นดวงอาทิตย์ที่กำลังพ้นขึ้นขอบฟ้า นกบินออกหากิน ผู้คนตื่นออกไปจ่ายตลาด บอกให้รู้ว่าเราอยู่เฉยๆไม่ได้แล้ว ทุกคนมีหน้าที่มีงานต้องทำ เราจะมามัวแต่นอนหรืออยู่ในห้องอุดอู้อยู่อย่างนี้ไม่ได้  แม้แต่สัตว์ยังรู้หน้าที่ของมันเลย แล้วเราหล่ะ?

•·         การอยู่อย่างชาญฉลาด คู่ไปกับความพอเพียงท่ามกลางธรรมชาติ รู้จะรับและให้ และใช้ประโยชน์จากสิ่งรอบตัว คุณครูบา และพี่วิทยากร ทำให้หนูได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง จากห้องเรียนสีเขียวที่มีชีวิตนั้น

                                    ขอบคุณมากๆเลยคะ ^^ กิ๊ฟ สวนป่า ๕๕

 

เรื่องราวที่สละสลวยช่วยชูใจที่ได้อ่านนี้

ห วั ง ว่ า พี่ วิ ท ย า ก ร ทุ ก ท่ า น ค ง ห า ย เ ห นื่ อ ย นะ ค รั บ

และขออนุญาตเอาไปลงพิมพ์ในหนังสือ โมเดล บุรีรัมย์ นะหมอกิ๊ฟ ๕๕

 


จดหมายรักจากสวนป่า

อ่าน: 1891

เรียน อาจารย์คุณหมออุ๊ ที่นับถือ

ผมก็มีชื่อเล่นเหมือนคุณหมอนั่นแหละ แปลกๆแท้ๆ ยังนึกขำๆ จะต้องเขียนว่า..เรียนคุณหมออุ๊ จากคนชื่ออุ๊ เป็นอุ๊ยกกำลัง2 งานนี้จึงกลายเป็นการผนึกกำลังของคนชื่ออุ๊กับมิตรสหาย ที่จะได้มาช่วยกันบรรเลงจัดค่ายฤดูร้อนนิสิตแพทย์จุฬาฯให้เทิดเทิง

พี่น้องครับ ผมไปรับโพยมาเมื่อคราวไปงานปัจฉิมโอวาทนักศึกษาแพทย์จุฬาที่ชลบุรี ปีนี้คณะอาจารย์และนักศึกษาจะมาเข้าค่ายที่สวนป่าในวันที่ 4-8พฤษภาคม 2555 จำนวน 40 ชีวิต ผมลงรายการไว้ให้นานแล้ว เกรงว่าจะไปชนตูม! เข้ากับคณะอื่น.. ตามธรรมเนียมของชาวเฮ ใครจะไปจะมาผมก็มองหาตัวช่วย ประกอบกับคุณหมออุ๊ก็ตามประชิดถามถึงวิทยากรในรอบนี้มีใครบ้าง ..จะได้ทำหนังสือเชิญไปถึงเจ้าตัวอย่างเป็นทางการ ผมได้เกริ่นเรื่องนี้บ้างแล้วเมื่อจัดงานเฮที่ผ่านมา และได้เอ่ยมธุรสวาจาผ่านลานปัญญายั่วเย้าขาเก่าเจ้าประจำ
ปรากฎว่าได้ผลแฮะ

มีบางคนสมัครใจทิ้งรายการไปเที่ยวพักร้อนต่างประเทศเฉยเลย
เพื่อความแน่ใจ..โยนหินถามทาง..
ท่านใดจะมาร่วมวงประจงจิตกับค่ายฤดูร้อนคราวนี้บ้าง
เอามือลง..ขอให้ออกมาข้างหน้าหนึ่งก้าว
ขอนับละนะ

1 นายแพทย์สุธี ฮั่นตระกูล
สำนักงานเทศบาลนครพิษณุโลก
อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก 65000

2 ผศ.ดร.จันทรรัตน์ เจริญสันติ
กลุ่มพยาบาลสูติศาสตร์และนรีเวชวิทยา
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200
(เรียนคณบดี คณะพยาบาลศาสตร์)

3 นางสาวสมพร พวงประทุม
คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่
(เรียนคณบดี คณะเภสัชศาสตร์)

4 อาจารย์ดวงพร เลาหกุล
อาจารย์อาราม อู่ทอง
โรงเรียนมงคลวิทยา
อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน 51000
(เรียนผู้อำนวยการโรงเรียนมงคลวิทยา)

5 แพทย์หญิง ศิริรัตน์ สุวันทโรจน์
โรงพยาบาลกระบี่ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 81000
(เรียนผู้อำนวยการโรงพยาบาลกระบี่)

6 นายตฤณ ตัณฑเศรษฐี
มูลนิธิโอเพ่นแคร์
ชั้น 11 อาคารซอฟต์แวร์พาร์ค ถนนแจ้งวัฒนะ
อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี 11120

นอกจากท่านดังกล่าวแล้ว ผมขอฝากอีกาคาบข่าวไปถึงอาจารย์ไร้กรอบแห่งนาซา ท่านบางทราย อัยการชาวเกาะ อาว์เปลี่ยน ที่ชาวลาวเรียกว่า ปา-ลี-ยอง-ป้าหวาน หมอเบิร์ด ..ยังมีสมาชิกกลุ่มอีแอบกระดี๊กระด๊าจะมาสมทบตามวาระจรอีกไม่น้อย พวกนี้เป็นนางอายไม่ยอมให้เอ่ยนามตามท้องเรื่อง แต่ตั้งใจมาอย่างดุดันแน่ ถึงเอาลวดหนามล้อมก็แหกด่านเข้ามา เพื่อความไม่ประมาท

อาจารย์หมอเตรียมเข็มมาด้วยนะครับ ถ้าจับฝังเข็มอาการหวือหวาน่าจะสงบลงได้

ส่วนผมต้องการตรวจหูเช่นเคย พักนี้หูชอบหาเรื่องครับ

พวกแซ่เฮนี่ร้อนวิชาทั้งนั้นละครับ ชวนเข้าป่าเข้าดงจึงสนใจกันไม่น้อย ส่วนเนื้อหาสาระและกิจกรรมได้คิดไว้บ้างแล้ว วิทยากรเจ้าเก๋าส์มองตาก็รู้ใจ รู้ทิศทางกันอยู่แล้ว คงจะมีอะไรดีๆมาฝากลูกหลานนักศึกษาไม่น้อย

กิจกรรมยามค่ำคืนบ่ต้องห่วง ร้อนๆอย่างนี้จะมีอะไรดีกว่าเอาฟางมาปูแล้วนอนดูดาว แต่เชื่อเถอะ..รายการแย่งไมค์ก็จะเกิดขึ้นอยู่ดี ในเมื่อมีนักรักเต็มป่าออกอย่างนั้น ถ้าได้อาจารย์Handy มาบริหารไมค์ละหัวใจผะผ่าวแน่ คอยดูทีท่านักร้องแหบเสน่ห์แย่งไมค์กันก็ชื่นมื่นแล้ว ส่วนเครื่องไม้เครื่องมือที่ควรเตรียมมา อย่าลืมกล้อง โน็ตบุกค์ และรอยยิ้ม
ตอนนี้เรามีWIFI.ให้ทำการบ้านสะดวกแล้วนะครับ ขอบอก

ช่วงนี้เรากำลังสร้างหมู่บ้านโลก นอกจากจะพาเดินชมแล้ว ยังจะจัดเรื่องเล่า..ว่าหมู่บ้านทะลุโลกเป็นยังไง มีองค์ประกอบอะไรบ้าง คงยกหน้าที่นี้ให้ท่านรอกอดส์เจ้าของต้นเรื่อง ส่วนผมจะชวนคุย:เรื่องผ่าแตงโม, :เรื่องหัวอกของแพทย์ชนบท..อยู่ไหนอยู่ได้ ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ แถมยังอยู่สบายถ้ารู้วิธีเข้าไปนั่งอยู่บนตักของชาวบ้าน

ยังมีเรื่องสนุกอีกเยอะ เช่น ทำอาหารด้วยเตาดาโคต้า ตอนนี้พัฒาการขึ้นเยอะแล้วนะครับ นอกจากหุงข้าวหม้อดินสะดวกกว่าเมื่อก่อนแล้ว ยังทำไก่อบโอ่ง ปลาเผาน้ำพริกหนุ่ม ซุปผักสดบันลือโลก เมี่ยงคำของโฉมยง เมนูสลัดสดๆที่ไปเดินตัดฉับๆมากับมือ ส่วนของหวาน นอกจากผลไม้ ยังมีน้ำปั่นมะสังสูตรพิเศษ ให้ชื่นชิมสลายความร้อนยามบ่ายดีนักเชียว หมู่นี้มะตูมหล่นเต็มสวน จะนำเสนอมะตูมไข่หวาน และชวนทำขนมครกตอนเช้า

อนึ่ง ก่อนหน้าจะถึงรายการนี้
จะมีคณะเครือญาติจากFB.ของผมมาเยี่ยมยาม
หลายคนเป็นนักชิมระดับอึ้งกิมกี่อยู่แล้ว
เราก็จะพากันซ้อมใหญ่เมนูเด็ดสักรอบสองรอบเป็นการนำร่อง

ส่วนวันงานจริงมีวิทยากรมาจากต่างภาคอยู่แล้ว
คงได้แสดงเสน่ห์ปลายจวักกันอย่างหวือหวา
ถ้าเป็นไปได้ผมจะให้ไอ่ตาหวานมาทำอาหารอินตะละเดียโชว์

ในงานเฮที่ผ่านมา..คุณหมอจอมป่วนจะโชว์ทำกับข้าวให้สนั่น
อุตส่าห์รอดูกัน
ไอ่เราก็นึกว่าท่านเที่ยวไปบรรยายมาทั่วโลก น่าจะมีเมนูเด็ดๆ
สุดท้าย ..กลายเป็นไข่เจียว โธ่ๆๆ


เผือกยักษ์แม่เอ๊ยยย

อ่าน: 4979

ป้าสอนปลูกเผือกยักษ์

ปัญหาของโลกนับวันจะเพิ่มขึ้นๆตามจำนวนพลเมืองโลก เพราะแต่ละชีวิตผู้คนต่างก็พกปากท้องและกิเลสมาด้วย มากน้อยแตกต่างกันไป เท่าที่สดับรับฟังทุกประเทศต้องการเพิ่มจำนวนพลเมือง หรือบางประเทศไม่รู้จะทำอย่างไร เพราะคนเพิ่มขึ้นอัตโนมัติอยู่แล้ว บางประเทศถึงกับส่งเสริมให้พ่อตัวดีมีภรรยาถูกต้องตามกฎหมายได้ 4 คน พวกเจ้าชู้ประตูดินก็พลอยสบายไป แต่บางประเทศที่พลเมืองล้น ได้คิด..กำกับจำนวนพลเมืองโดยตรากฎหมายให้แต่ละครอบครัวมีบุตรได้คนเดียว

ประเทศไทย..คิดเล่นๆทำเล่นๆตามสไตล์พี่ไทย

แจกถุงมีชัย ประโคมข่าวเรื่องทำแท็ง ..แล้วไงต่อละ

มันก็ไอ่แค่นั้นแหละ..

ปัญหาไปโผล่ที่ผู้สูงอายุ พวกบ้าตัวเลขGDP.มองว่า..คนแก่เป็นตัวถ่วง..อัตราความก้าวหน้าของประเทศ เห็นพวกคนแก่หนังเหนียวเป็นภาระะของสังคม..สงสัยว่า..พวกนี้มันจะออกมาจากกระบอกไม้ไผ่  เกิดมาถึงเห็นแก่ได้แก่ตัว ทำอะไรเพื่อตัวเอง โคตรเห็นแก่ตัวเลยมนุษย์สายพันธุ์นี้ พวกบ้าGDP.ปลอมๆ..

มันไม่แก่บ้างให้มันรู้ไป..

สังคมความรู้เสมือนจริงน่ากลัวนัก เขาไม่ตระหนักหรอกว่าชีวิตที่ขาดจิตวิญญาณนั้นเป็นอย่างไร ผมโชคดีมากที่เป็นคน2เวอร์ชั่น เคยอยู่ทั้งในชนบทและเข้าไปอยู่ในเมือง รู้ใส้รู้พุงทั้ง2มิติ ผมจึงดีใจกับคอนดรั๊กเตอร์อย่างมาก ที่เขาสละชีวิตในเมืองที่อยู่มาจนรู้แทบเป็นเนื้อเดียวกัน มาเติมเต็มการใช้ชีวิตในชนบท ถ้าดำเนินชีวิตครบ2ภาคได้ก็จะสมบูรณ์ในทุกบริบท

ลูกกรุงก็ได้ ลูกทุ่งก็ดี ไปต่างประเทศก็พอไหว

แต่คอนฯเขาไม่ธรรมดานะเธอ พี่น้องทุกคนเรียนวิศวะทั้งบ้าน แถมยังเป็นจอมยุทธแต่ละด้าน คนน้องที่เคยพามาเป็นมือเซียนก่อสร้างระดับโลก น้องอีกคนที่จะพามาเร็วๆนี้ เป็นจอมยุทธทางด้านไฟฟ้า ด้านพลังงาน เธอลองนึกดูเถิด ..ถ้า3พลังบวกลงมาเขย่าหมู่บ้านโลก จะเป็นฉันใด ผมละกระดี๊กระด๊าที่สุด ตามที่ฤาษีอ้นเคยวิพากษ์ไว้..

“เล็กๆไม่ ใหญ่ๆครูบาทำ”

>> พระพุทธเจ้ามีความเพรียบพร้อมทางโลกสูงส่งมหาศาล

พระองค์ก็ยังเสด็จมาแสวงหาความรู้ในธรรมชาติอย่างล้ำลึกจนหยั่งถึงพุทธภูมิ

พระองค์ไม่ได้เสด็จด้วยเครื่องบิน รถทัวร์ รถส่วนตัว หรอกนะ

แอบย่องมากลางดึกกับลูกน้อง2คน

ขี่ม้าบักจ้อนบุกป่าฝ่าดง..เธอเอ๋ยแสนจะลำบาก

พวกเราเองเสียอีก..จะออกไปสัมผัสความรู้อะไรสักอย่าง

ดูมันมากเรื่องเหลือเกิน..ติดโน่นติดนี่..มีข้ออ้างแบบคนขี้โลเล

สุดท้ายก็กลายเป็นพวกด้อยโอกาสไปอย่างน่าเวทนา

ความรู้ไม่พอใช้..หัวใจก็ยังไขว้เขว

..สวยแค่ไหนก็ไม่ปล่อยให้หนุ่มกลัดมันไล่ปล้ำหร๊อกน่า..

เว้นแต่สมภารจะตะบะแตกเสียเอง  อิ อิ..

เอาแค่เรื่องง่ายๆ..เธอนึกบ้างไหมว่า..ที่คนเมืองรับประทานอาหารในสภาพทุกวันนี้ จะหนีรอดไปจากโรคมะเร็ง โรคหัวใจ โรคเบาหวาน โรคความดันได้ หมอระบุว่าคนทั้งโลกป่วยตายเพราะ4โรคนี้ในลำดับต้นๆ ยิ่งเจริญก็ยิ่งหาโรคใส่ตัวเอง อยู่กับเปลือกของแสงสี ชีวีแขวนไว้ด้วยเส้นด้าย ไม่มีใครรู้หรอกกว่าตัวเองจะตายวันไหน เป็นไปได้ทั้งนั้นแหละ บางคนอยู่เฉยๆนึกว่าปลอดภัยแล้ว ขับรถไปดีๆเด็กแว๊นยึดเอาเป็นที่กำบังกระสุนยิงกันเฉยเลย ..ตลกนายหนึ่งนั่งรถตู้ไปดีๆก็โดนก้อนหินปากระจกตกมากระแทกศีรษะแตกตาย คนสวยเดินเฉิดฉายซื้อของในห้างสรรพสินค้า เจอลูกหลงระเบิดพวกก่อการร้ายภาคใต้ร่างกระจุ๋ย ศพไม่สวยเอาเสียเลย ทั้งๆปกติรักสวยรักงาม แต่งตัวเช้งวับตลอด อะไรๆมันก็ไม่แน่หร๊อกนาย

บางคนออกมาโอดครวญ รถเพิ่งผ่อนยังค้างส่งเป็นล้านบาท

โดนระเบิดพังยับ..ร้องคร่ำครวญเป็นเต่าเผา..ใครละจะมาปลดทุกข์ให้ได้

วันนี้กดปุ่มเรื่องใกล้ตัว ถามลูกน้องว่าจะหยุดสงกรานต์กี่วัน..จะเริ่มหยุดวันไหน อีก2วันใช่ไหม? นั่งร้านผักนี่จะพอลุยทำให้เสร็จก่อนได้ไหม ในระหว่างพวกเจ้าหยุดงานลุงจะปลูกๆๆและปลูก ทั้ง2รับปาก..ว่าจะลุยให้เสร็จ..แวะไปคุยกับป้าสอน มือฉมังด้านการปลูกผักของที่นี่ ..ขอร้องให้ป้าสอนปลูกเผือกยักษ์ให้ได้มากที่สุด หน่อพันธุ์ที่มีอยู่น่าจะปลูกได้สักครึ่งไร่ ป้าสอนไปขุดต้นพันธุ์มาปลูก เอาขี้วัวโรย และเอาฟางปกคลุมเต็มแปลง คาดว่าจะปลูกเผือกได้ครบตามที่คาดหวัง

เผือกที่ว่านี้ไม่ใช้เผือกธรรมดานะหล่อน

แปลกตรงที่ปลูกบนที่ดอนได้ ต้องการน้ำน้อย

2ปีที่แล้ว ผมพาโฉมศรีไปเที่ยวลาว ช่วงที่เดินชมตลาดชายแดน พบเผือกชนิดนี้วางแบกับดิน สดุดตาตรงที่หัวเผือกรูปทรงยาวๆเท่าแขน เผือกอะไรนะรูปร่างอย่างกับหัวมันสำปะหลัง ไม่มีโอกาสซักไซร้ไล่เลียงมาก ซื้อมาเพราะเห็นว่าแปลก มาถึงก็ขุดปลูกไม่ได้พิถีพิถันอะไร ผมชอบปลูกของได้มาใหม่ใกล้ตัว เพื่อสะดวกต่อการติดตามความเติบโต ..เอาขี้วัวใส่ให้บ้าง..เอาฟางคลุม ต่อน้ำสปริงเกอร์รด

เธอเอ๋ย..เผือกบ้าอะไรต้นสูงท่วมหัว ใบก็ใหญ่ กอใหญ่ สูง3เมตรได้

ใครมาเห็นต่างก็ทึ่งๆๆ..

ตอนแรกผมยังไม่รู้ว่า..มันดียังไง

ต่อเมื่อโฉมยังกับป้าสอนไปขุดให้พวกทีวีดู

โอ้โห..หัวเผือกหนัก 5 ก.ก. แล้วยังมีลูกแขนงออกรอบๆอีกยุบยับ!

ถ้าปลูกบำรุงๆดีๆกอหนึ่งน่าจะได้ผลผลิต 1 เข่ง

เรื่องมาฮือาตอนเราเอาหัวเผือกมาต้มลองชิม เจ้าหัวใหญ่ไม่อร่อยเท่าใดนัก แต่หัวแขนงนี้สิวิเศษมาก ถ้าใส่รวมกับต้มผักจะเปื่อยยุ่ยน้ำข้น ถ้านึ่งก็จะเนื้อเหนียวเหมือนเผือกทั่วไป เอามาทำของหวานของคาวได้ดี มีมากๆน่าจะทำไอติมเผือกเพราะปลูกได้ปริมาณมาก

  • จากการทยอยเอามารับประทานต่อเนื่อง
  • พบว่าเผือกชนิดนี้ทยอยขุดมาเป็นอาหารได้ไม่น้อยกว่า4 เดือน
  • ถ้าหาวิธีเก็บให้ดีก็อาจจะยืดไปได้ครึ่งปี

เมื่อก่อนเรามองมันเลือดเป็นพระเอก มันมะพร้าว กลอย มีความสำคัญไล่เรียงตามลำดับ เผือกไม่ได้อยู่ในสายตาเลย แต่พอศึกษาเข้าจริงๆ..เผือกแซงขึ้นมาอยู่หัวแถวเฉยเลย ในฐานะพืชหัวปลูกในที่ดอนได้ ให้ผลผลิตมาก โรคแมลงไม่มี รสชาติดี ขยายพันธุ์ได้เร็ว ผมไปยืนดูป้าสอนปลูกเผือกแล้วทึ่งอึ้งกิมกี่

..เผือกหัวประธาน..ป้าเอามีดฟังฉั๊วะๆ..แบ่งออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยสัก 20 ชิ้น

ป้าแกชี้ให้ดู รอบๆหัวมีตาเผือกโผล่เป็นตุ่มเล็กๆ เมื่อผ่าแยกเป็นชิ้นๆจึงเอาไปปลูกขยายพันธุ์ นี่ยังไงละภูมิปัญญาพื้นถิ่น ฉลาด..ช่างสังเกตุ มีเหตุมีผลละเอียดละออครบถ้วน เท่าที่ผมประเมินมานี่นะ ผมจะมีวัตถุดิบที่เรียกว่าความมั่นคงด้านอาหารอย่างเป็นรูปธรรม เผือกกอเดียวผมนำมาทำอาหารรับประทานได้1เดือน จะให้มั่นคงขนาดไหนละครับ

นักวิจัยนักโภชนาการทำเรื่องความมั่นคงอาหารระดับไมโคร

ผมกับป้าสอนทำได้แค่ระดับกะโปโล..

แต่ก็ได้..อะไรเยอะมาก

อย่างน้อยก็ชี้ให้ดูได้ว่า..ความมั่นคงด้านอาหารระดับชุมชนมีหน้าตาอย่างไร?

หมู่บ้านโลกไม่ทำเรื่องมักโลภ

..แต่จะทำเรื่องคลายโรค คลายทุกข์ ประสบสุขเกษมศาสนติ์

โม้ไปก็เท่านั้น..มันต้องมาพิสูจน์

ไม่มีชีวิตใดในโลกที่ไม่มีความเสี่ยง

คุณภาพชีวิตขึ้นอยู่กับคุณภาพของสังคม

พวกเธอต่างคนต่างลอยเพสังคม

สุดท้ายการบริหารสังคมก็ตกไปอยู่ในหมู่มาร

คราวนี้จะทำอย่างไร?

บางคนที่ยังพอกลับตัวได้..แนะนำให้ขึ้นคาน ก็หัวเราะ..

เรื่องนี้แล้วแต่วาสนานะหล่อน…

จะผ่อนส่งดอกเบี้ยความเป็นมนุษย์ที่ปกติอย่างไร  ก็ว่ากันไปตามอัธยาศัย

แค่เขียนแบบชิมลาง..ก็เสี่ยงที่จะโดนไม้คานฟาดหัวแล้วนะ

ชิมิ  ชิมิ..


ทุกข์ของคนกินผัก

อ่าน: 2141

กลับจากขอนแก่นพี่น้องเอ๊ย!

เส้นทางคมนาคมทางสำไส้ผิดปกติไปจากเดิม

ทั้งๆที่ไม่ได้แตะต้องเนื้อใดๆแม้แต่น้อย

ไม่ว่าเนื้อคนหรือเนื้อสัตว์

ที่เคยสะดวกปรูดปราดก็กลับนิ่งอั้นไปเฉยๆ

ทั้งๆที่เมื่อเช้าก็ออกกำลังเดินรดน้ำอาบแดดอยู่2ชั่วโมง

แสดงว่าเรื่องการปฏิบัติต่อตัวเองด้านการรับประทานอาหาร สำหรับผู้ที่ต้องการรักษาสุขภาพร่างกายอย่างเข้มข้นเพื่อหวังผลอย่างแท้จริง จะต้องมีแปลงผักของตนเอง ถ้าอยู่ต่างจังหวัดก็ไม่ยากอะไร แต่คนที่อยู่เมืองกรุงอาจจะผูกมิตรกับสิ่งแวดล้อมที่เรียกว่าคน แล้วเป็นคนปลูกผักปลอดสารด้วยนะ คนเจ้าชู้ไม่เกี่ยว จะได้ตกลงMOU.ว่าจะปลูกจะจัดส่งให้กันอย่างไร หรือใครที่มีญาติอยู่ต่างจังหวัด ถ้าปลูกผักปลอดสารไม่เป็น ก็ชักชวนกันศึกษาทดลอง ไม่ยากหรอกถ้าเห็นประโยชน์คุ้มค่าแล้งลงมือทำจริง 2 เดือนก็อิ่มท้องอิ่มอกอิ่มใจแล้ว

วันก่อนพยาบาลโรงพยาบาลสตึกมาเยี่ยมแม่หวี

พยาบาลส่วนใหญ่ขี้โรคทั้งนั้น

คุยกันไปคุยกันมาถึงรู้ โรคความดัน โรงเบาหวาน โรคไมเกรน โรคมะเร็ง โรคอ้วน โรควิตกกังวล ทำงานหนัก..เลิกงานก็ชวนกันไปเลี้ยงเป็นการหลายน๊อตที่ศีรษะ อาหารที่เลี้ยงก็ แจ่วฮ้อน ตำยำ ปิ้งย่างเนื้อ หุ่นเจ้าเนื้อกันทั้งนั้น พยาบาลลุงพุงน่าดูที่ไหนละ

จึงตุตะอรชรเป็นส่วนใหญ่ ที่ไหนจะเหมือนพยาบาลแถวเชียงใหม่ พยาบาลกลุ่มที่มาบอกว่าอยากทำงานแบบจิตอาสา ชอบใจรูปแบบการทำแปลงผัก จะรีบเอาไปลงมือที่บ้าน มีความเข้าใจมากขึ้นเมื่อโฉมยงพาไปเดินเด็ดผักสดๆมาทำอาหารกัน บอกว่าจะให้โรงพยาบาลมาติดต่อ

โธ่ ผักอินทรีย์ปลูกกินเอง ไม่ได้ปลูกขาย มีคนเข้าใจว่าผักอินทรีย์ควรราคาถูกเพราะไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมีและสารเคมี แต่หารู้ไม่ว่าเป็นงานที่ต้องใช้เวลาและละเอียดอ่อนมาก การลงทุนไปอยู่ที่การเตรียมดินเตรียมน้ำอย่างประณีต ที่สำคัญการขนส่ง ถ้าส่งทางรถทัวร์ตอนเย็นไปถึงเช้า ค่าขนส่งท่านอาจจะคิดว่าแพง แต่ก็ยังถูกกว่าซื้อผักในห้าง จึงเป็นทางเลือกหนึ่งเท่ากับยิงนกโป้งเดียวร่วงมา2-4ตัว

1 ได้รับประทานอาหารสดๆปลอดภัย

2 ไม่ต้องเสียเวลาไปจ่ายตลาด มารับผักที่รถทัวร์สัปดาห์ละครั้ง

3 ได้ช่วยเหลือเครือข่ายชุมชนมีงานมีรายได้

4 ได้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและเพื่อนร่วมชาติ

· เรื่องนี้ควรจะให้รางวัลแก่สุขภาพตนเองเสียที

· ถึงผักอาจจะดูแพงอย่างไรก็ถูกกว่าสุขภาพของเราเอง

· ช่วยลดละเลิกสะสมสารพิษไว้ในร่างกาย

· แถมยังประหยัดค่ายาค่าไปหาหมออีก

· ถ้าคิดสารตะถึงคุณภาพชีวิตแล้วถูกมาก

· รีบๆดูแลตัวเองอย่างเอาจริงเถิด

· ก่อนที่จะไม่มีโอกาสทะนุถนอมตัวเอง

เมื่อเช้านี้เดินไปรดน้ำผัก แล้วเด็ดยอดผักมาอย่างละ2-3ยอดก็ค่อนตะกร้าแล้ว นึกในใจว่าจะรับประทานอาหารมื้อเดียว จึงรวบยอดเอาอาหารเช้ากับอาหารกลางวันมารวมกันไว้ด้วยกัน นั่นก็หมายความว่าเราต้อง จึงเด็ดเอาผักกินสุกมาลวกด้วย เช่น ยอดมะกล่ำ มะเขือพวง และยอดน้ำเต้า ส่วนผักสดก็เด็ดที่เคยรับประทานประจำ เด็ดไปเด็ดมา..ไอ้นั้นก็จะแก่ ไอ้นี่ก็จะยาว เรื่อยเจี้อยไปจนผักเต็มตะกร้า ล้างแล้วมีปริมาณมาก น่าจะประมาณ 2 .. ได้ คงเคี้ยวมาจนเมื่อยกราม

คราวนี้ก็เกิดความทุกข์นะสิครับ

จะกินยังไงหมดละเนี๊ย

ที่จริงก็ไม่ได้ปลูกมากมายอะไร ส่วนหนึ่งเป็นงานเก็บข้อมูลด้านเมล็ดพันธุ์

ผักที่อยู่รองรับคนได้6-7คน/วัน

ส่วนผักที่เด็ดมากินกัน2คนกำลังดี

คนชอบผักก็อยู่ไกลๆกันทั้งนั้น

จะชวนมาหาร3หาร4ก็ไม่มีทางทำได้

คนน่ารักกับคุณโยโก๊ะติดงานสำคัญมาไม่ได้

แกงขี้เหล็กที่จะทำก็คงต้องนั่งฟาดจนหน้ามืด

ครูสมบูรณ์ก็ไปควงตะหลิวอยู่ที่อินเดียโน่น

ถ้าสอนคนอินเดียกินผักไม่สำเร็จอย่ากลับมานะครับ

เสียชื่อครัวไทยสู่ครัวอินเดียโม๊ด คิคิ


สถานการณ์ตอนนี้ กินก็แล้ว แจกก็แล้ว

ผักสดเหมือนอาหารทะเลที่ไหนละ

ถึงเวลาจวนแก่ก็พุ่งพรวดพราดวันต่อวัน

ถ้าไม่รีบกำจัดจุดอ่อนละแย่เลย

ดังนั้น การวางแผนปลูกผักคงมีหลายระดับที่พร้อมรับการเปลี่ยนแปล ถ้าตั้งเป้าว่าจะใช้ผักสำหรับ 10-20 คน/วัน, หรือ 30-50 คน/วัน จะมีรายละเอียดมากพอสมควร เรื่องอย่างนี้ไม่ลองก็ไม่รู้

มีคนจำนวนมากคิดเองเออเองว่าอาหารมังสะวิรัตไม่อร่อย

เพราะตนเองติดรสชาติทั่วไปเสียแล้ว ยังดีที่คนชนบทที่ยังมีน้ำพริกติดถ้วยอยู่บ้าง นักปฏิบัติจะบอกว่า..เรารับประทานเพื่อยังแก่ชีวิต ไม่ได้เพื่อความอร่อย ก็ไม่มีผิดถูกหรอกนะครับ แต่ถ้าจะเสนอแนวทางส่งเสริมให้ได้ผลเร็ว เราต้องมีเมนูเด็ดสิครับ

ทำอย่างไรถึงจะให้อาหารมังสะวิรัตอร่อยสำหรับผู้ที่ริเริ่มรับประทาน

ท่านผู้อ่านมีข้อเสนอแนะไหมครับ

ผมจะได้นำมาประกอบการความอร่อยให้อื้ออึงไปทั้งบางยี่ขัน


รายงานผลปฏิบัติการผ่าแตงโม ยกที่ 1

อ่าน: 1891


ช่วงผ่านมาไปหลงสาวๆFB.จนเกือบหลงทางกลับบ้าน วันนี้ได้วับไปดูลานซักล้าง ก็เลยย้อนมากวาดบ้านทำความสะอาดบ้าง โห.ขยะตรึมเลยละครับ แต่ก็มีเรื่องเล่าเคล้าความบรรเจิดมาฝาก เรื่องแรกได้แก่การเข้าคร๊อสธรรมชาติบำบัด ปฏิบัติการมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้วละครับ

มื้อเช้ารับประทานผักสดล้วนๆ

มื้อกลางวัน อาหารสุก เช่น ผักลวก ผัดผัก แกงเลียง กินข้าวประมาณเท่าไข่ห่าน

มื้อบ่าย-เย็น รับประทาน มะพร้าวอ่อน1ผล และผลไม้

ทำการฝึกกายบริหาร เน้นการลมหายใจ อาบแดด-เช้าเย็น

เช้าเดินจงกลม ไปเก็บผักสดที่ปลูกไว้ข้างบ้าน เด็ดยอดกวงตุ้ง ถั่วพู ถั่วฟักยาว คะน้า ผักกาดจ้อน ผักสลัด ดอกชมจันทร์ มะขือเทศ ยอดมะยม ยอดนางดำ และยอดอ่อนดอกไม้ที่จำชื่อไม่ได้ เด็ดสะระเหน่ วอเตอเกรส ผักกาดขาว ยอดหญ้าปักกิ่ง ยอดคาวตอง ใบชะพลู ได้ครบแล้วก็มาล้างน้ำในตะกร้า โฉมยงเอาชามไม้มาให้ ชอบอะไรก็เด็ดๆใส่ชาม โรยงาคั่ว ราดน้ำสลัดทำเอง : น้ำมะขาม/น้ำมะสัง/น้ำผึ้ง

หลังจากคลุกๆแล้วก็ตักเข้าปาก

แต่ละคำจะไม่ซ้ำรสเดิม

แล้วแต่เราจะจิ้มผักอะไรมารวมกับชนิดใด

เคียวช้าๆให้ละเอียดแล้วค่อยกลืน

ในระหว่างกลืนก็คุยกันกับโฉมยงเรื่อยเปื่อย

เล่นFB.ไปด้วย

ใช้เวลาช่วงนี้ประมาณ 1 ชั่วโมง

มื้อเที่ยง บางครั้งก็กินผักลวกกับน้ำพริก บางที่ก็ทำแกงแบบง่ายๆ ใช้หม้อหุงข้าวขนาดเล็กใส่น้ำสูงประมาณ 1 นิ้ว ใส่น้ำพริกลาภเมืองเหนือ กะปิหน่อย ใส่ปลาป่น เติมเกลือ ซ๊อสซีอิ้วขาว เติมเกลือนิดหน่อย เอาผักที่เหลือมื้อเช้ามาหั่นๆ หั่นเสร็จน้ำเดือดพอดี ทอดเวลาประมาณ 4 นาที ก่อนจะยกลงใส่ยอดแมงลักขยุ้มหนึ่ง ครั้งแรกๆรับประทานกับข้าวกล้องประมาณเท่าไข่ห่าน อาจจะมีไข่ไก่ต้มแถมอีก 1 ฟอง มาระยะหลังงดข้าว ล่อผักอย่างเดียว ส่วนแกงก็พลิกแพลงทำไปเรื่อยๆ เนื่องจากผักสดจึงออกรสหวานกลมกล่อม

มื้อบ่ายรับประทานน้ำมะพร้าว 1 ผล บางทีก็รับประทานผลไม้ กล้วย ฝรั่ง ส้ม แอปเปิล พักหลังผลไม้รับประทานบ้างงดบ้างตามความขี้เกียจ ตลอดวันรับประทานเพียงเท่าที่ รู้สึกเบากายเบาใจ ปลายเท้าที่เย็นก็มีอุณหภูมิปรกติ คิดเอาเองว่าเลือดลมคงจะเดินตลอดปลอดโปร่ง ท้องไส้เบาสบาย จากที่เคยท้องผูก2วัน/ครั้ง ก็ขับถ่ายสบาย3เวลาหลังอาหาร

กากอาหารมีน้อยมาก

การขับถ่ายกลับมาดีกว่าปกติ

กลิ่นตัวไม่มี

นอนใกล้ใครเขาก็ไม่เขยิบหนี

ที่แปลกๆมากๆคือไม่มีอาการหิวใดๆ ต่างจากสมัยที่บริโภคเนื้อ ทั้งๆที่รับประทานมามาย บางครั้งก็ยังรู้สึกโหยหิว สังเกตตัวเองมาถึงวันนี้ ถ้าจะตัดมื้อเที่ยงออก เหลือเฉพาะมะพร้าวอ่อนตอนบ่ายๆ ก็อยู่ได้สบายมาก จึงหายแปลกใจที่พระฉันวันละ1มื้ออยู่ได้สบาย..มันเป็นเช่นนี้เอง

ช่วงบ่ายจะล้างจมูก คอ ตา ด้วยน้ำมะพร้าว+เกลือ+น้ำมะนาวนิดหน่อย

จมูกโล่ง หายใจสะดวกขึ้น แต่ยังเหลืออาการภูมิแพ้อยู่บ้าง แต่ก็ดีขึ้นมาก

ตามที่หมอกำหนดยังทำไม่ครบทุกอย่าง เช่นการนอนน้ำแช่สันหลัง การแช่ก้นในน้ำ การเอาดินจอมปลวกมานาบท้อง 3 อย่างนี้ยังไม่ได้ปฏิบัติ เพราะการขับถ่ายเป็นแกติแล้ว หลังก็ไม่ได้ปวดตึงแต่อย่างใด ส่วนการเอาดินจอมปลวกมานาบท้องหมอบอกว่าจะช่วยให้แตงโมลดลงเร็วขึ้น เท่าที่เป็นอยู่ก็คิดว่าระบบในร่างกายดีวันดีคืน จึงแหกกฎหมอ ไม่ทำตามเสียทั้งหมด

วัดความดันปกติ

น้ำหนักเคยขึ้นสูงสุด 65 ..

ตอนเริ่มรักษาตัวน้ำหนักตัวอยู่ที่ 60 ..

ขึ้นตาช่างวันนี้ น้ำหนักลดลงเหลือ 58 ..

แค่นี้ก็ดีใจจะแย่แล้ว

กะว่าจะลดลง55 ..น่าจะพอดี

และคิดว่าคงจะทำได้สบายๆในอีกเดือนข้างหน้า

ข้อห้ามของการบำบัดตามแนวธรรมชาติ ต้องงดเนื้อทุกชนิด งดชา กาแฟ ขนมต่างๆ อนุญาตให้ดื่มน้ำผลไม้แทน ก็ดื่มบ้างไม่ดื่มบ้างตามความสะดวกของโฉมยงจัดให้ รูปแบบของการรับประทานอย่างนี้ นอกจากไม่หิวเบาตัวแล้ว ทำให้ชีวิตประจำวันเรียบง่าย ไม่ต้องเสียเวลาปรุงอาหารและเก็บจานชามไปล้างเป็นโขยง โฉมยงถาม พ่อจะเอาอะไรไหมจะไปตลาด ยังงงตัวเอง ไม่รู้จะซื้ออะไร กาแฟ ขนม ที่เหลือก็ทิ้งค้างเติ่ง เก็บเอาไว้เลี้ยงแขก

ชีวิตประจำวันเปลี่ยนไปในทางที่สะดวกสบาย

มีความสุขกับการปลูกผัก

เห็นผักงามสะพรั่ง

ก็สนุกกับการทดลองเมนูใหม่ๆ

สงสารแต่เตาดาโกต้า คงทำหน้าที่อบไก่ ปลา หมูแดง เฉพาะเวลาที่มีแขกมาเยี่ยมยาม ตัวเองหมดสิทธิ์รับประทาน แต่ก็ยินดี..ไม่ขายสิทธิ์นี้แน่นอน เอาเวลามาเตรียมจัดสถานที่งานเฮปลายเดือนมีนา-ต้นเมษา คณาญาติมาเจอตัวเป็นๆ อาจจะจำไม่ได้ว่านี่ ณเดช หรือครูบา

· จึงมารายตัวประมาณนี้

· ถ้าอยากจะทดลองเมนูนี้ก็มาชิมล่วงหน้าได้นะครับ

· อีกงานหนึ่งที่จะต้องเตรียมการเดินหน้าสร้างหมู่บ้านโลก

· ตามที่คอนฯเกริ่นให้ทราบบ้างแล้ว

· คาดว่างานเฮเที่ยวนี้

· คงต้อนรับพี่ป้าน้าอาในความพร้อมมากว่าที่ผ่านมา



Main: 0.066210985183716 sec
Sidebar: 0.42451119422913 sec