จากรากหญ้าสู่นาซ่า
..ดูหัวข้อนี้แล้วคล้ายทำนอง “จากดินไปสู่ดาว” แท้ที่จริงแล้วมีที่ไปที่มาสุดแสนจะโชติช่วงชัชวาล เมื่อผมได้ขึ้นรถกับพระอาจารย์ไร้กรอบ เพื่อไปงานปฐมนิเทศนักศึกษาสถาบันพระปกเกล้า หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุขรุ่นที่ 2 หรือเรียกว่ารุ่นสสสส. 2 ที่โรงแรมกรุงศรีริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
(ฉลาดได้อีก ดีกว่่าโง่อีกแล้ว แน่นอน)
การได้พบพระอาจารย์ไร้กรอบแต่ละครั้ง เหมือนโดนไฟฟ้าช็อตหัวใจยังไงยังงั้น เจอเป็นกอดเอาฤกษ์ พระอาจารย์จะหัวเราะทักทาย หลังจากนั้นก็จะงัดเอาความรู้ความคิดสด ๆ ใหม่ ๆ มาเล่าขาน ชีวิตที่เต็มไปด้วยงานที่สุดแสนจะรื่นเริงบันเทิงใจ จนนึกไม่ได้ว่ามีคราใดที่บุรุษผู้นี้จะหยุดอยู่เฉย ๆ ได้บ้างไหมหนอ ในหัวสมองมีสติปัญญาอุ่นเครื่องตลอดเวลา ลีลาที่ถ่ายทอด ทำให้ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดตื่นตาตื่นใจแทบตกเก้าอี้ไม่รู้ตัว
(ยิ้มอย่างสมบูรณ์แบบเฮฮาศาสตร์)
พระอาจารย์งัดเอาหนังสือเล่มใหม่ ที่หลุดออกจากโรงพิมพ์หมาด ๆ มาเขียนลายเซ็นมอบให้ “เรายังฉลาดได้อีก” ผมไม่อึ้งกิมกี่ได้จะได๋ ในเมื่อไม่เคยได้ยินคำง่าย ๆ แต่กระแทกความจริงจนกระเจิงเช่นนี้ ทุกเนื้อหาที่คุยกันเชิงสร้างสรรค์เพื่อสังคมมนุษย์ทั้งนั้น คุยกันไปคุยกันมาก็ได้เรื่อง พระอาจารย์บอกว่าเอาอย่างนี้ไหมครูบา เรามาเขียนหนังสือร่วมกันสักเล่มหนึ่ง ผมจะให้สำนักงานพิมพ์และจำหน่ายให้เสร็จสรรพเลย เอาเรื่องที่เราคุยกันนี่แหละ ตั้งชื่อหนังสือว่า “จากรากหญ้าสู่นาซ่า”
ปิ๊งแล้วพระอาจารย์เรียก..“กอล์ฟ ๆ ขอปากกาหน่อยเดี๋ยวลืม จดชื่อนี้ไว้”
(บรรยากาศการปฐมนิเทศ สสสส.2 ตามสไตล์จะเรียนรู้ทำไมต้องเครียดด้วย)
คุยไปคุยมาชักได้เค้าโครงที่จะทำงานไต่ขั้นบันได
เอาอย่างนี้ครูบา เรามาจัดท็อกโชว์หัวข้อนี้แหละ
เพื่อหาทุนให้มหาชีวาลัยอีสานได้ทำงาน
พูดแล้วพลังสมองก็ทำงานวิ่งรอบจัด
ถ้าคนอื่นคงคิดยุ่งยากจนหัวแทบแตก
แต่พระอาจารย์ทำเรื่องยากให้เป็นเรื่องง่ายเหมือนปอกกล้วย
ลงรถเจอลุงเอกก็ได้เรื่องเลยนะสิ
ลุงเอกเอาด้วยบอกเต็มที่เลย
อยากจะหาทุนตั้งมูลนิธิมหาชีวาลัยมานานแล้ว
(จะกินข้าวยังอมยิ้มอีกแฮะ)
คนหัวใจของจริง ๆ จะเป็นเช่นนี้ พูดชัด ๆ แค่นี้แหละทำให้เราเห็นมโนภาพเต้นริก ๆ ไปถึงไหน ๆ ผมนึกเห็นภาพที่คุณหมอจอมป่วนแต่งตัวเป็นนักร้องแล้วปิ๊งแว๊บ เห็นหน้าเพื่อนนักศึกษา สสสส. 1 ที่เป็นนักร้องลอยแว๊บ ๆ นึกถึงอัยการ นึกถึงใบหน้าของหมู่ชาวเฮที่จะมาฮากลิ้ง ลุงเอกบอกว่าเราไปเชิญอาจารย์หมอประเวศ วะสี มาเปิดงานดีไหม เรื่องสถานที่ยังไม่ได้พูดถึง กลอ์ฟก็โพล่งออกมาว่าสงสัยจะต้องจัดในฮอลล์เสียละมั๊ง ผมก็ไม่รู้ว่าจัดในฮอลล์เป็นยังไง รู้จักแต่ลูกอมฮอลล์ อิ อิ..
ลองคิดเล่นๆนะครับ
-น้าแป๊ดมารำเบิกโรง
-ตาหวานมาร่ายรำระบำภารตะ
-คุณหมอจอมป่วนร้องเต้นเลียนแบบไมเคิล แจ็คสัน
-ครูปูมาร้องเพลงสากล
-ท่านอัยการมาร้องเพลงเมืองใต้
-ชวนหลวงพี่ติ๊กทอร์คโชว์ธรรมมะด้วย
คิดแค่นี้น้ำหมากยายก็จะหกแล้วละจ้า..
วันที่ 29 เดือนนี้
พระอาจารย์กับกอล์ฟ
จะมาวิพากษ์หลักสูตรที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสารคาม
เราจะมาคุยเรื่องนี้กันต่อที่สวนป่า
กินข้าวมื้อเย็นแล้วนั่งรถทัวร์เข้ากรุงด้วยกัน
ผมจะต่อไปช่วยดูหลักสูตรคณะบริหารศาสตร์ต่อที่ ม.อุบลฯ
เจอหลวงพี่ติ๊กเมื่อวานนี้
แลกเบอร์โทรศัพท์ใหม่กันแล้ว
หลวงพี่ถามว่าปลายเดือนเมษาถึงต้นพฤษภาว่างไหม
จะชวนลงไปขึ้นเวที 3 จังหวัดภาคใต้
ปลายเดือนไม่ว่างเลยขอรับ
ถ้าต้นเดือนประมาณวันที่ 1-3 พฤษภาคมอาจจะพอไปรับใช้ท่านได้
หลวงพี่ตกลงแล้วมัดจำด้วยซาลาเปากล่องหนึ่ง
พักนี้ชีพจรลงใต้บ่อย ๆ เพราะอะไรก็ไม่รู้นะครับ
ระหว่างที่รับประทานอาหารเช้า หมอเจ๊น้าอึ่งอ็อบก็มา เจอกันเราก็กอด เป็นภาพกอดที่มีชีวิตชีวามาก ลองสังเกตดูเถิด ไม่มีใครกลุ่มไหนที่กอดกัน ได้ความสุขความชื่นมื่นมากมายอย่างพวกเราหรอกนะ มันเป็นกอดที่เกิดจากพลังใจ ในระหว่างที่ผมบรรยายต่อจากหลวงพี่ติ๊ก ผมก็ให้กอล์ฟเปิดเพลง “กอด” นักศึกษานั่งฟังนะจังงังเลยละครับ ผมนึกในใจว่านี่แค่น้ำจิ้มนะเธอ ถ้าเจอทอร์คโชว์เต็มพิกัดจะขนาดไหน จะอดใจลุกขึ้นมาปล่อยแก่ได้ไหมนี่
เมื่อคืนคุยเอ็มกับคุณหมอจอมป่วน เล่าเรื่องนี้ให้ฟัง หมอจอมป่วนร้องฮ้า ..ไม่ต้องฮ้าหรอกคุณหมอผู้สารพัดความสามารถ แต่ถ้าจะมาร้องเวทีนี้ต้องเสียตังส์ ..”เก็บเล็กผสมน้อยค่อยบรรจง แก่ลงไม่ลำบากบ่ยากนาน”
ในช่วงแรกพระอาจารย์ไร้กรอบแคะสนิมความคิดให้กับนักศึกษา สไตล์ของพระอาจารย์นั้นล้ำลึกนัก เห็นคุยสนุก ๆ ฟังเพลิน ๆ เผลอฮาไม่รู้ตัวนั้นแหละ จะโดนกระแทกความนึกคิดเก่า ๆ ให้แตกยับ จะได้ยินเรื่องที่เป็นแก่นแท้ปัญหา ที่ไม่เคยมีใครพูดถึงแง่มุมที่มันเป็นพันธนาการสังคม อย่างถึงพริกถึงขิง มันยิ่งกว่ารายการเจาะใจ เพราะเป็นการกระแทกใจ เหมือนใช้สว่านกระแทกเจาะคอนกรีตนั่นแหละ คนที่ไม่เคยเจอก็จะอ้า ๆ อึ้ง ๆ แต่ก็จะติดหูติดตาไม่รู้ลืม โดยเฉพาะสุภาพสตรีได้หัวเราะ-ปรบมือ-อมยิ้ม-แอบประทับใจไม่รู้ตัว
หลังจากเบรกเช้า เจ้าลูกชายโทน ทวีสิน ฉัตรเฉลิมวิทย์ น้าอึ่งอ๊อบ คุณชาดา นำนักศึกษาเข้าสู่รายการ Organization development manager เป็นบรรยากาศที่เยี่ยมมาก เข้าทำนองจะเรียนรู้ทำไมต้องทุกข์ด้วย เริ่มด้วยนักศึกษา คุณสุริยะ ตะวันฉาย ประธานองค์กรทูตสันติภาพ ออกมาเดี่ยวกีต้าร์ไปรอบๆ ตามด้วยคุณสุชาติ ชวางกูร มาร่วมร้องเพลงซึ้ง ๆ.. สสสส. 2 รุ่นนี้มีจอมยุทธมาจากหลายสถาบัน นอกจากหมอเจ๊เรา คุณศันสนีย์ นาคพงศ์ ก็เรียนรุ่นนี้ด้วย ยังมีแม่ชีสถิตาภรณ์ กสิพันธ์ จากวัดภูพานอุดมธรรม มีพระครูวิเทศพรหมคุณ เจ้าอาวาสวัดพรหมคุณาราม รัฐอริโซน่า จากสหรัฐอเมริกา เสียดายที่ท่านบางทรายเว้นวรรค เอาไว้ปีหน้ามาให้ได้นะครับ รวมทั้งท่านอื่น ๆ วางแผนเคลียร์งานไว้แต่เนิ่น ๆ ก็แล้วกัน.
วันที่ 22 เมษายน 2553
13.30-16.30 น. ผมกับครูชุบ ยอดแก้ว
จะมาพบนักศึกษารุ่นนี้ในหัวข้อ
ภูมิปัญญาท้องถิ่น:ต้นทุนทางสังคมไทยในการจัดการความขัดแย้ง
บังเอิญตรงกับวันที่นักศึกษาแพทย์จุฬาฯจะมาสวนป่า
ลงเวทีแล้วต้องวิ่งรอกมารับคณะคุณหมอ
เมื่อคืนได้ลองทดสอบแล้ว
น้าอึ่งอ๊อบ-คุณหลาน คุณแม่ยังสาวชาดา
เป็นคุณแม่โชเฟอร์ระดับบินหลา
ออกจากอยุธยาบ่าย4โมงเศษ
ไม่แวะไหนเลย ขับรถยังกับจรวด
บึ่งรวดเดียวมาถึงสวนป่าตอน 3 ทุ่ม
ตั้งใจมากินข้าวต้มล้างชำระบัญชีแห้วโดยเฉพาะ
มาถึงก็เอาไฟฉายไปส่อง..ตัดผักฉับ ๆ มาผัดกินกับข้าวต้ม
แล้วแยกย้ายกันไปนอนพึ่งพุงสมอุรา
ผมสังเกตว่าใครมาสวนป่าครั้งแรกจะมีประสบการณ์โหดทุกคน
ชาดา หน้าตาดี ร่ำร้องอยากจะมานานแล้ว
บทจะได้มาก็มาเหมือนจรวดนาซ่า..
เช้านี้จะให้ชิมผักสักหนึ่งกระบุง
จะได้มีแฮงขับรถกลับไปยังเวียงเชียงใหม่
แค๊กๆ
Next : เราจะอยู่กันไปอีกนานที่บ้านหลังนี้ » »
2 ความคิดเห็น
ประสบการณ์หลงสวนป่า ต้องได้ทุกคน 55555+(ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าสำนัก อิอิ)
ไม่หลง ก็ไม่รู้จักคำว่าลืม ไม่เลือน ก็ไม่รู้คำว่าไม่เลอะ ไม่มา ก็ไม่ได้บึ่งรถ จนได้ฉายา “เมียสิบล้อ”