ควันพิษควันใจ

อ่าน: 1285
  • อ่านข่าวพี่น้องชาวเหนือเจอควันพิษจากไฟป่าปกคลุม

น้ำหูน้ำตาไหลพราก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้อกหักสักกะหน่อย!

ไม่เป็นไข้หวัดนก ไม่เป็นไข้ 2009 ต้องใช้ผ้าปิดจมูก

ผมเป็นห่วงอุ้ย -ครูอึ่ง-ครูอาราม-น้าอึ่ง เกรงว่าจะจมูกบานเป็นลำโพงนะสิ

โอ้หนอ อากาศบริสุทธิ์พอที่จะหายใจโล่งๆสบายๆก็หายากเสียแล้ว

แล้วจะอยู่จะอาศัยกันสุขสบายได้อย่างไรหนอ

ถ้าพิจารณาให้ดีจะเห็นว่าปัญหานี้ซ้ำซากซ้ำซ้อนทุกปี

เป็นตัวบ่งชี้ว่าคนไทยใส่ใจกับสิ่งแวดล้อมแบบนกแก้วนกขุนทอง

  • วันนี้นั่งรถทัวร์เข้ากรุงเทพฯ

สองข้างทางมีร่องรอยไฟไหม้ดาษดื่นทั่วไป

สวนอ้อยจุดไฟก่อนลงมือตัด

บางแห่งประมาทปล่อยไฟลามเลียไปถึงไหน ๆ

ข้าวนาปรังกำลังร่อแร่ เฮ้อ ๆ ๆ ๆ..

  • ช่วงที่ผ่านสระบุรีมีควันไฟครอบคลุมถนนจนมืดสลัว

พวกเราเผา เผา แผ่นดินกันหน้าตาเฉย

ความรู้ที่ถูกต้อง งานวิชาการที่สร้างความตระหนักอยู่ที่ไหน

นโยบายที่ทุกคนเอาด้วยจะเสริมสร้างกันอย่างไร

เฮ้อ! มีแต่คำถาม ๆ ๆ ๆ แต่ไม่มีคนตอบ

ปัญหาจึงล่องลอยอยู่ในอากาศ

  • จุดนี้ ใครทำอะไรได้ก็ช่วยกันคนละไม้ละมือเถิดนะครับ

ช่วยพูด ช่วยบอก ช่วยแนะ ช่วยทำเป็นตัวอย่าง

ทำมุมบ้านให้ร่มรื่นเขียวชะอุ่ม

มันก็น่าแปลกนะครับ

คนเราชอบอยู่กับความร่มเย็น

แต่กลับเผาทุกอย่างไม่บันยะบันยัง

เผาธรรมชาติยังไม่จุใจ

เกรงว่าจะเผากฎกติกา เผาบ้านเผาเมือง เผาความปกติสุข จนเกินเลย

โลกร้อนไม่พอ ยังทำให้จิตใจร้อนรุ่มกลุ่มอุราไปทั่วพารา

ชวนกันอยู่อย่างเย็นอกเย็นใจไม่ดีกว่าหรือพี่น้อง โธ่ๆๆๆๆ

« « Prev : หาไม่เจอแต่ก็เจอ

Next : จากรากหญ้าสู่นาซ่า » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

8 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 1:27

    เรื่องเผาป่านั้นมีเหตุผลหลายประการ แต่เหตุผลหนึ่งที่เจ็บแปลบๆยิ่งนัก
    คือ ราชการมีหน่วยป้องกันไฟป่า มีหน้าที่โดยตรงเรื่องการป้องกันและดับไฟป่า
    ส่วนใหญ่เป็นลูกจ้างราชการ จ้างมานั่งๆนอนๆรอให้ไฟป่าเกิด แล้วก็แบกถังน้ำ แบกครอบ (คราด+จอบ=ครอบ) แบก ฯลฯ ไปตีไฟ ดับไฟกันเป็นหมวด เหมือนทหาร

    เหตุที่เกิดและไม่กล้าพูดกันคือ หากออกไปดับไฟป่าก็ได้เบี้ยเลี้ยงกัน สมัยผมทำงานที่ห้วยขาแข้ง จึงทราบว่า จำนวนไฟป่าที่เกิดขึ้นไม่ลดลงเพราะมีคนตั้งใจจุดไฟป่าเพื่อออกไปดับแล้วได้เบี้ยเลี้ยง จำนวนครั้งจึงไม่ลดลง ปีต่อไปก็ตั้งงบประมาณมากขึ้น !!!????

    ทีนี้ก็มีแนวคิดว่า ให้ชาวบ้านรอบป่าช่วยกันทำหน้าที่นี้ซิ เข้าท่า เรียกให้เข้าสมัยก็คือ ให้ชาวบ้านมีส่วนร่วม ฟังดูดี เอ้าก็ทำกัน ตั้งงบประมารไปอบรมชาวบ้านรอบป่ากัน จัดซื้อเครื่องมือดับไฟป่าให้ราคาไม่น้อย   ทีนี้เมื่อเกิดไฟป่า แรกๆก็คึกคัก ชาวบ้านต่างช่วยกันขึ้นป่าอย่างยากลำบากไปดับไฟป้าตามแบบที่อบรมมา แต่เหนื่อยชิบ….. ไม่มีเบี้ยงเลี้ยงต่างว่าเป็นส่วนรับผิดชอบของชาวบ้าน

    ชาวบ้านต้องมีสว่นร่วม ต้องมีจิตสำนึก ต้องเสียสละ ต้อง ต้อง ตอ้ง…. แต่เจ้าหน้าที่ออกทุกครั้งมีเบี้ยงเลี้ยง…ทั้งที่พื้นที่นั้นเป็นพื้นที่รับผิดชอบของเจ้าหน้าที่ ในที่สุดชาวบ้านต่างก็เลิกรากันไป แล้วก็บ่นดังดังให้เจ้าหน้าที่ได้ยิน  แล้วก็ไม่ได้มีการตื่นตัวหาทางแก้ไขปัญหานี้กันอีก ปล่อยมันไป…แถมความไม่พึงพอใจดังกล่าว ยิ่งเกิดไฟใหม้มากยิ่งขึ้น เหมือนตั้งใจจุด   มึ…ง  มีเบี้ยเลี้ยงก็ไปดับเอาซิ

    หลักการง่าย แนวคิดมีมากมาย วิธีการมีล้นสมุดบันทึก แต่มันก็ออกมาอย่างนี้แหละครับในทางปฏิบัติ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 6:09

    แสดงว่า อาจจะต้องดับไฟในหัวใจของระบบราชการก่อน
    หวงแหนป่า เอาป่าไปดูแล แต่ราชการก็ไม่สามารถรักษาป่าได้
    จะยกให้ชาวบ้านดูแล ก็เกรงจะโดนทุบหม้อข้าวอย่างที่ท่านเล่าแล้ว
    เท่าที่สังเกต วัดป่าที่ไปสร้างอยู่ในป่า จะดูแลป่า รักษาป่า เสริมสร้างสิ่งแวดล้อมได้ดี
    แต่ก็ต้องเลือกเจ้าอาวาสเหมือนกัน ก็มีบ้างที่มีวัดป่าเพี้ยนๆ
    แต่ก็เลือกพัฒนารูปแบบได้ตามความเหมาะสม
    รัฐควรส่งเสริมปลูกป่ารายเล็กรายน้อยของชาวบ้าน
    ให้เขาปลูก-ดูแล -รับประโยชน์ แบบยั่งยิืน
    งบไทยเข้มแข็งแบ่งมากระจิ๊ดเดียวก็ทำได้แล้ว ดีกว่าไปหว่านเล่นโครมๆ
    คิดแบบราชการ ทำแบบราชการ ชาวบ้านก็เมิน สุดท้ายก็เป็นที่มาของ 2 มาตรฐานแทบทุกเรื่อง
    เฮ้อ พููดมากก็ร้อนปาก อิอิ

  • #3 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 8:22

    เบิร์ดเพิ่งหายใจโล่งตะหมูกเมื่อวานกับวันนี้เองค่ะพ่อเพราะเหลือ 155 PM เกินค่ามาตรฐานมา 30 กว่าถือว่านิดเดียว ตัวที่เกินจนเดือดร้อนกันหมดคือ PM ซึ่งดูที่การเผาไหม้อย่างเดียวเลยค่ะ การเผาสารพัดตั้งแต่ขยะ การปิ้งย่าง เผาตอซังข้าว เผาไร่ เผาป่าที่มีทั้งเราทำเองกับลามมาจากป่าประเทศเพื่อนบ้าน หรือจะเผาบ้านเผาเมือง อิอิอิ  เมื่อ PM เกินก็ส่งผลไปที่คุณภาพอากาศ (AQI) จึงเต้นหรับ ๆ กัน ^ ^

    … ตลอดสี่อาทิตย์ที่ผ่านมาอากาศชร.เกินค่ามาตรฐานมาตลอด ในระดับเกือบ 200 สูงสุดคือ 270 ได้มั้งคะ ตั้งแต่วันที่ 14 มี.ค เบิร์ดเริ่มมีอาการระคายคอหนัก 15 มี.ค น้ำมูกไหลยืดแบบซับเกือบไม่ทันทั้งวัน :(… ระคายคอจนไอ เช็ดน้ำมูกขนาดจมูกถลอกเลยอ่ะค่ะพ่อ (ผิวมันแห้ง) เพราะวันที่ 15 -16 -17 ฝุ่นเยอะมาก สองร้อยกว่าเกือบ 300 PM ที่แม่สายยิ่งอ่วม เพราะสามร้อยกว่า แม่ฮ่องสอน 400 - 500 ไม่รู้ว่าหายใจกันยังไง…ลำพูนสูสีกับชร. แต่ชม.ดีกว่าหน่อย

    มันหนักจนทนไม่ไหวน่ะค่ะพ่อ คนทำก็ไม่ได้อยู่ข้างล่าง เฮ้อ !…ลักษณะของเมืองทางเหนือเป็นเมืองในหุบ ฝุ่นจากการเผาไหม้เหล่านี้มันหนักกว่ามวลอากาศทั่วไป มันเก๊าะลอยเรี่ยลงต่ำ ดังนั้นจึงเอวังด้วยประกาละฉะนี้ค่ะ จะทำฝนเทียมความชื้นในอากาศก็ไม่พออีก ดีที่วันสองวันที่ผ่านมาพายุซัดโครมเข้ามาอากาศถึงสดมาหน่อย แต่ก็แลกด้วยบ้านพังไป100กว่าหลังที่แม่จันค่ะพ่อ ;(

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 16:33

    ไม่รู้จะช่วยยังไหงแล้วเบิร์ดเอ๊ย นอกจากย้านบ้านไปอยู่ทางใต้ ลมทะเลพัดตึงทั้งวันทั้งคืน
    จะได้ปอดสะอาดกับเขาเสียที แคว๊กๆ

  • #5 aram ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 22:49

    แสบตาจริงๆครับพ่อ วันก่อนฝนที่เชียงใหม่ตกมานิดนึง ลำพูนตกคืนวันศุกร์อากาศค่อยดีขึ้นบ้างครับ

  • #6 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 20 มีนาคม 2010 เวลา 23:11

    แสบจมูกแทน

  • #7 อุ๊ยสร้อย ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 มีนาคม 2010 เวลา 13:35

    จมูกกำลังบานเป็นลำโพงค่ะ

    วันพฤหัสและศุกร์นึกดีใจที่บ้านอยู่ในพื้นที่ 10% ที่อุตุพยากรณ์ว่าจะมีฝนค่ะ …ฝนตกหนักแบบฟ้ารั่วอยู่เกือบชั่วโมง อากาศดีขึ้นได้ครึ่งวัน..ตอนนี้ร้องเพลงฉานยางเหมียนเดิมๆๆๆ คือมืดมัวไม่เห็นฟ้า…สงสัยว่าเพราะควันมันมากกว่าที่น้ำฝนจะกระหน่ำทันค่ะ

  • #8 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 21 มีนาคม 2010 เวลา 19:01

    กว่าจะผ่านหน้าแล้ง คงลำบากกับเรื่องฝุ่นละอองนี้ไปอีกนานนะครับ
    หนีมาอยู่อิสาน ดีกว่าครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.19752597808838 sec
Sidebar: 0.04767894744873 sec