เราจะรักประเทศไทยเมื่อไหร่ครับ
(แมลงชักใยได้ประโยชน์ แต่คนชักใยไร้ประโยชน์)
เรื่องเช้านี้ จำได้กระท่อนกระแท่นจากที่ดูในทีวีเมื่อคืน
แยกเนื้อแยกน้ำเอาเองนะครับ
..ชรินทร์ นันทนาคร ไปเจอชาวเขาที่แบกมกะชุใส่ของไว้ข้างหลัง
กำลังเดินขึ้นเขา
ในเป้แม้วมีพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและธงชาติโผล่ออกมา
ชรินทร์: อู้คำเมืองถามว่า เอาภาพในหลวงมาจากไหน
แม้ว: เฮาซื้อมา 500 บาท
ชรินทร์: จะเอาไปย่ะจะใดผ้อง
แม้ว: วันเฉลิมฯ เฮาจะจัดพิธีสักการะพ่อหลวงเปิ้นนะก่ะ
ชรินทร์: ถึงกับน้ำตาซึม
(ดอกแก้วช่อนี้ขอมอบแด่..คุณชรินทร์ นันทนาคร)
เราเป็นใคร ทำอะไร คิดอย่างไรกับในหลวงและประเทศชาติ
เรารักแผ่นดินนี้แค่ไหน?
เราตอบแทนบุญคุณประเทศชาติด้วยวิธีใด?
เรารักในหลวงแล้วยังไงต่อ..
คำถามนี้ วนเวียนอยู่ในความครุ่นคิดของคุณชรินทร์ นันทนาคร นับเป็นเวลา 10 ปี มันแว๊บ ๆ ขึ้นมาเป็นบางครั้ง แต่ก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าความหมายที่สมบูรณ์เป็นอย่างไร? จนกระทั่งวันหนึ่งได้จังหวะเหมาะ ชรินทร์อยากจะแต่งเพลงที่เกี่ยวข้องกับในหลวง ได้เล่าให้ครูเพลง คุณสุรพล โทณวณิก คุณสุรพลบอกว่าแบบนี้ต้องไปหาอาหมาน (สมาน กาญจผลิน) แล้วพากันไปแต่เช้าตรู่ ไปยืนเรียกที่หน้าบ้าน คุณสมานรีบอาบน้ำแต่งตัวมารับแขก ทักทาย..ไปไหนมาละนี่ แล้วทั้ง 3 ท่านก็นั่งคุยเรื่องเพลงที่มาปรึกษาหารือ แต่..คิด คิด ยังไงก็คิดไม่ตก ตั้งต้นด้วยคำไหนมามันก็ไม่ใช่ไม่โดนใจสักที
คุณสุรพล บอกว่า เราออกไปเดินเล่นกันดีกว่า
แล้วคุณสุรพล กับคุณชรินทร์ก็เดินออกมาหน้าปากตรอก
หลังจากยืนดูผู้คนไปมาขวักไขว่
คุณสุรพลถาม..สมมุติว่าตอนนี้ในหลวงเดินมา พวกเราจะทำอย่างไร?
คุณชรินทร์ ..เราก็นั่งลงก้มกราบ แล้วพูดว่า..ขอเดชะใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท
คุณสุรพล..เฮ้ยคำนี้แหละ วรรคทองเลย..ขอเดชะ ขอเดชะ
ว่าแล้วทั้ง 2 ก็วิ่งหน้าตั้งกลับมาหาอาหมาน
คุณสมาน..เฮ้ยทำไมรีบกลับมานักละ
คุณสุรพล ได้แล้ว ได้แล้ว เอาคำนี้ไหม ขอเดชะ ..
(ดอกชมจันทร์ไม่ว่าจะบานหรือหุบก็สวย)
คุณสมานรีบไปนั่งที่เปียโน เคาะแป้นแต่งโน้ตเอาคำขึ้นต้นขอเดชะมาร้อยเรียง เมื่อได้คำที่ใช่ทุกอย่างก็ลื่นไหล ..ขอเดชะ องค์สมเด็จพระประมุขภูมิพล มิ่งขวัญปวงชน ประชาชาติไทย.. อาหมานเคาะเปียโนไปเรื่อย ๆ พร้อมกับฮัมเพลงให้แขกทั้ง 2 ฟัง คุณชรินทร์-คุณสุรพลช่วยกันเสริมแต่ง จนกระทั่งได้ครบเนื้อหาที่พอใจในเวลา 3 ชั่วโมง หลังจากนั้น 2 จอมยุทธเพลงก็ลาอาหมานกลับ เดินมาได้สักพักหนึ่ง คุณสุรพลร้องอ้าว มันยังขาดไปวรรคหนึ่ง ไม่ครบกรอบของห้องบันไดเพลง จึงวิ่งกลับมาหาคุณสมานอีก ช่วยกันเติมแต่งท่อนสุดท้ายต่อจาก..สดุดีมหาราชา เป็น สดุดีมหาราชินี..
เมื่อได้ชมทีวีอย่างที่เล่าแล้ว เรื่องมาตรงกับการบ้านที่ผมตงิด ๆ มานาน กับสถานการณ์ทางสังคมในบ้านเรา ที่ผู้รู้พยายามตีความกันต่าง ๆ นา ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกับประเทศไทย เราจะแก้ไขวิกฤติบ้านเมืองกันอย่างไร สติปัญญาของชาติอยู่ที่ไหน พลังของประชาคมส่วนกลางที่ไม่ใช่อีแอบของสีต่าง ๆ เป็นอย่างไร ความอึมครึมเหล่านี้ปกคลุมสังคมไทยมานาน มีผู้วิจารณ์บอกว่าเดี๋ยวมันชินก็จะซาเลิกรากันไปเอง..เราจะได้ยินคำว่า 2 มาตรฐาน ที่จริงเรื่องพวกนี้มันมีมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว ตราบใดที่ยังเป็นมนุษย์ปุถุชน เรื่องพวกนี้จะเข้ามาปะปนอยู่แล้วตามกลไกของกิเลส เพียงแต่มันอาจจะไม่ก้าวล้ำย้ำยอกไปยังระบบกติกาของบ้านเมือง แบบโหมกระหน่ำไม่ให้ตั้งตัวเหมือนในปัจจุบัน
(ขนนกละเอียดอ่อนในช่วงใกล้ลำตัว เหมือนหัวใจที่ต้องการความอ่อนโยน)
ช่วงนี้จึงเป็นโอกาสทองที่คนไทยจะได้เรียนรู้มิติทางสังคม ว่าตัวเรารู้จักประเทศไทยแค่ไหน เรารักชาติบ้านเมืองด้วยวิธีใด เมื่อคืนนี้ได้รับโทรศัพท์ เรื่องอาจารย์จะพานักศึกษาปริญญาเอก ที่สอบผ่านหัวข้อแล้ว 5-6 คน จะมาขอกินข้าวด้วยในวันที่ 6 มีนาคม คงมีหลายหัวข้อที่จะหยิบยกมาใคร่ครวญ แต่ประเด็นเรื่องวิธีที่คนไทยรักประเทศไทย จะเป็นหัวข้อหนึ่งในการสนทนา
ผมนึกถึงคำที่มีผู้กล่าวในลานปัญญาอยู่หลายครั้ง “คิดเหมือนเก่า ทำเหมือนเดิม ผลลัพธ์ก็ออกมาอีหรอบเดิม” แหม..มันเป็นมรดกไทยแบบโป๊ะเช๊ะเลยแหละ ดูจากการวิพากษ์วิจารณ์บ้านเมืองในทีวีสิครับ วกวนเวียนว่ายขยายความย่ำแหยะอยู่นั่นๆแหละ ไม่รู้มันเป็นบ้าอะไร เรื่องเดียวเที่ยวพูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง แล้วพวกนี้ไม่ค่อยจะรู้ตัวเองเสียด้วย นึกว่าเรื่องที่ตัวเองชอบพูดแล้วคนจะชอบฟัง สักครั้งสองครั้งพอว่า นี่เล่นพ่นแบบสติแตก..ถ้าไม่มีอะไรใหม่ไม่พูดยังจะดีกว่า ไม่งั้นมันก็เวียนวนอยู่ในเขาวงกตอย่างนี้แหละ มีเวลาเหลือเฟือที่จะพูดเรื่องซ้ำซากนักหรือ? พวกผีเจาะปาก..พ่นเรื่องดี ๆ งาม ๆ กับเขาได้ไหม?
(พวกพูดมากเกิดชาติหน้าขอให้ปากอ้าเหมือนหมู)
ในช่วงที่กระแสความเปลี่ยนแปลงบุกขย่มไปทุกประเทศ วิกฤติทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา ปั่นป่วนอลเวงไปทั้งสังคมโลก อาจารย์ไร้กรอบยังไปทำให้เด็ก ม.6 ร้องไห้ เออมันเกี่ยวอะไรด้วยละ ไม่รู้แหละ ไปอ่านดูก็แล้วกัน.. ต่อไปประเทศไหน ๆ ก็วุ่นวายพอ ๆ กันนั่นแหละ คอยดูพิษสงของเจ้าโลกาภิวัฒน์ให้ดีก็แล้ว จากกระแสป่วนนี้ ได้บอกอะไรกับคนไทย ที่แน่ ๆ โจทย์ชีวิต โจทย์สังคม โจทย์ประเทศไทยเปลี่ยนไป มันไม่ได้โหล่ยโท่ยอยู่แค่เรื่องชุมนุมหรือยึดทรัพย์บ้า ๆ บอ ๆ นั่นหรอก มันเป็นอะไรลึกล้ำสุดที่จะกำหนด ปัญหาอยู่ที่จะรู้ตัวแล้วเริ่มคิดใหม่ ศึกษากันใหม่ ตามให้ทันกับสิ่งใหม่ที่จะเผชิญในปัจจุบันและอนาคตข้างหน้า
(ออกแบบทำค้างให้ต้นชมจันทร์ไต่ไปโชว์ดอกนะ อาม่า)
เราจะรู้จักประเทศให้ถ่องแท้ได้อย่างไร?
วิธีศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเรื่องสังคมแหกแตกตัวอยู่ที่ไหน?
จะตั้งโจทย์ว่าอย่างไร?
คิดว่าปลายเดือนนี้จะลองคลำดู
และวันที่ 6 มีนาคม จะโยนลงในวงพูดคุยกับนักศึกษาป.เอก
รายการนี้ชาวเฮจะร่วมรายการก็ยินดีนะครับ
กินฟรี-นอนฟรี-บ่นฟรี
(ไปรษณีย์ด่วนพิเศษ แต่จ่ายช้ากว่าที่กำหนด2วัน ส่งอะไรไปป่านนี้คงเละคากล่อง เฮ้อๆๆ)
วันนี้ได้รับพัสดุจากครูอาราม ส่งเมล็ดพันธุ์มะรุม กับเมล็ดมะขามมาให้ทันการพอดี ขอบคุณหลายเด้อ จะรีบปลูกทันทีว อีกซองเป็นของจอมยุทธทางด้านภาพยนตร์แห่งสำนักSCG. สำนักงานใหญ่ ส่งซีดีภาพยนต์เรื่อง happy-go-lucky ป๊อบปี้..เธอสุขไม่มีสุด เอาไว้เปิดดูแล้วจะเล่าให้ฟังดีไหมครับ
(ต้นบัวเล็กๆแตกหน่อขึ้นกลางใบแก่ แบบนี้ก็ขยายพันธุ์ง่าย)
เช้านี้เริ่มต้นด้วยวิชาเดินย่องท่องรอบบ้าน
มองรอบ ๆ ตัวเองเผื่อเจอสิ่งแปลก ๆ ใหม่ ๆ
ผมเพิ่งทราบว่า
บัวสามารถขยายพันธุ์ได้กลางใบที่โผล่เหนือน้ำ
มันอาจจะเป็นเรื่องที่เขารู้กันมาตั้งนานแล้วละลุงก็ได้
บังเอิญผมมาเพิ่งมาเจอก็เลยตื่นเต้นเหมือนเขยใหม่
เห็นแล้วอึ้งกิมกี่หลายตะหลบเลยละครับ
ได้ข้อสรุป..ตอนนี้ถึงผมจะไม่ทำอะไรเลย
ในขณะเดียวกันพืชทุกต้นก็ทำหน้าที่ของตนเอง
ไม่มีต้นไม้ต้นไหนขี้เกียจขี้บ่นเลยสักต้น
ดูภาพประกอบก็แล้วกันนะโยม
แคว๊กๆ
« « Prev : เรื่องที่อยากจะบอกป้า
12 ความคิดเห็น
วันนี้น้องหนิงที่ยโสธรโทร.มาบอกว่าวันที่ 5 - 9 พค.จะขอไปนอนสวนป่าด้วย เพราะ อ.โสรีช์เพิ่งไปยโสธรเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว และบอกว่าวันที่ 5 - 9 พค.นี้จะไปสวนป่าของครูบาสุทธินันท์ค่ะพ่อ อิอิอิ งานนี้สนุก ๆ ^ ^
ได้เลย มาเมื่อไหร่ด๊ายเล๊ยยยยยยยยยยยยย
แล้วเบิร์ดบ่มาก๊ะ
อุ้ยก็มาเน้อ
รอกอดก็มาต้วย
ครูปู เพิ้นแห้วบ่อยบ่แน่ใจ๋
เพราะมนุษย์เป็นเช่นนี้เอง หมุนเวียนบรรจบวงจรเดิม
เพียงแต่เร็วหรือช้า เป็นธรรมชาติ ของมนุษย์
เมื่อไรที่เป็นช่วงสมดุลย์ของความอยาก เมื่อนั้นจะสุขชั่วคราว
แล้วเมื่อหมดสมดุลย์ ความอยากนำหน้า…ก็เริ่มไม่พอ
ไม่พอในกาย ไม่พอที่ใจ อะไรๆก็ไม่พอ ถ้าไม่พอใจ
แล้วจึงออกมาไขว่คว้า เป็นการกระทำ สุดแต่จะเป็นอะไร
ทรัพย์สิน อำนาจ ตัวตน ไม่มีพอ มีเท่าไรก็ไม่พอ ถ้าไม่พอที่ใจ
คนเหมือนกัน แต่ไม่เหมือนกัน สุกไม่พร้อมกัน
ถ้ามีหนอนข้างใน ดิบ แล้ว เน่าเลย ไม่สุก ก็ได้เนาะ…
เราจะรักเมืองไทย เมื่ออยู่ต่างประเทศ และจะรักสุดขั้วหัวใจ และอาลัยหนักเมื่อมิอาจกลับมาได้ตอนมีชีวิตอยู่
ดอกชมจันทร์ ทั้งสวยและกินได้ อาม่าเคยซื้อมาผัดซีอิ้วขาว ชอบมากค่ะ มีวาสนาได้ชมดอกชมจันทร์ ของครูบาก็พอเพียงแล้วค่ะ
บางลูกก็แตกบางลูกก็ไม่แตกค่ะ
มีน้ำเล็กน้อยแต่ยังไม่ส่งกลิ่นออกมานอกกล่องค่ะ
กินอิ่มนอนอุ่นก็ดีแล้วละครับป้า
ปี้นี้จะปลูกเยอะเลยอาม่า แล้วจะชวนมาชิมนะครับ
ถ้าไปรษณีย์ส่งตรงตามที่ระบุในกล่อง ก็ไม่น่ามีปัญหาหรอกนะครับ
เอาไว้แก้ตัวใหม่ อิอิ
ใช่ครับ พวกผู้ใหญ่รีบแก้ปัญหาตัวเอง(คือแค่ฆ่ากิเลสตัวเองก็พอถมไปแล้ว)ให้เสร็จๆ ซะทีเถอะ
ผมเห็นเด็กมหาวิทยาลัยแถวๆ นี้มีปัญหาหนักมาก โดยปกติคนเราแยกเพศกันตั้งแต่ตอนเกิด(หรือตอนซาวน์) แต่เด็กแถวนี้เพิ่งแยกออกตอนเรียนมหาวิทยาลัยนี่เองแหละ ไม่รู้ใครหญิงใครชาย มั่วกันไปหมดแล้ว ที่คิดว่าเป็นหญิงกลับเป็นชาย ที่คิดว่าเป็นชายมันกลับพูดค่ะ คนแก่งงไปหมดแล้ว
แค่แยกเพศก็ยังหืดขึ้นคอ แล้วจะเอาเวลาไหนไปพัฒนาตัวเอง และสังคมล่ะเนี่ย
ผู้ใหญ่ช่วยที แคว๊กๆ อิอิ
เรื่องมั่วเพศ คงเป็นโรคแห่งยุคสมัย ยังไม่มีเจ้าภาพดูแลเรื่องนี้ คงแตะนิดๆเป็นครั้งคราวเหมือนเรื่องอื่นๆ
เพราะไม่แน่ชัดเรื่องคนรับผิดชอบ ที่จะหาจุดพอดีร่วมกันได้อย่างไร เรื่องลึกๆในความรู้สึกและต้องการอย่างนี้
มันรุนแรงนัก แบบนี้ต้องขอความเห็นครูปู ว่ามีประสบการณ์กับเรื่องนี้อย่างไร บริหารจัดการแบบไหน
ขอโยนกลอง แคว๊กๆ อิ ก็ อิ
ไชโยพ่อได้รับของแล้วนะครับ ..
-ขอบคุณหลายเด้อ ปลูกแล้ว อิอิ