: เปิดตัวพ่อครัวหัวป่า
ในอดีตกาลอันไกลโพ้น มีชุมชนขนาดต่าง ๆ กระจายตัวกันอยู่ตามที่ราบเชิงเขา บางครั้งก็อยู่กันผาสุกตามควรแก่อัตภาพ ต่อเมื่อรวมกันใหญ่ขยายเป็นเมือง ก่อเกิดจารีตประเพณี มีการเรียนรู้เพื่อทำมาหากินในพื้นถิ่นนั้น ๆ ทำเลที่ตั้งจึงยึดถือบริเวณดินดำน้ำชุ่ม นั่นหมายถึงมีดินดี แหล่งน้ำดี มีสภาพแวดล้อมที่ดี ฟ้าฝนดี มีเส้นทางสัญจรที่สะดวก แต่ก็หาได้มองข้ามเรื่องชัยภูมิ ที่เหมาะต่อการป้องกันตัวเองจากการรุกรานของข้าศึกศัตรู
การศึกสงครามดูเหมือนจะเกิดมาคู่กับสังคมมนุษย์ เมื่อ 800 ปีที่แล้ว ชุมชนเล็กแห่งหนึ่งพากันหนีภัยสงคราม ที่เกิดจากชนเผ่าที่แข็งแรงกว่าเข้ามากวาดต้อนผู้คน ตัวชี้วัดจำนวนประชากรเป็นพลังอำนาจของนครนั้น ๆ การรุกรานจึงเกิดขึ้นเป็นครั้งคราว สงบบ้าง รบพุ่งกันบ้าง ผูกมิตรไมตรีกันบ้าง
ชนเผ่าแซ่เฮก็หาได้รอดพ้นวิกฤติการณ์เหล่านี้ พ่อเฒ่าแม่เฒ่าที่ห่วงใยอนาคตของชาติพันธุ์พากันครุ่นคิด มองหาช่องทางที่จะอพยพถอยร่นมาจากตอนใต้ของเมืองตาลีฟู ขบวนเกวียนล่อต่อกันยาวเฟื้อย ออกเดินทางไปแสวงหาแผ่นดินใหม่ ตามที่ได้ส่งม้าเร็วไปสำรวจล่วงหน้า
ก่อนออกเดินทางผู้นำได้วางแผนแบ่งบทบาทหน้าที่ ใครจะคุมเสบียง ใครจะดูแลความปลอดภัย ใครจะรับผิดชอบเรื่องเจ็บป่วย ใครจะระแวดระวังเภทภัยต่าง ๆ ทุกผู้ทุกนามต่างมีหน้าที่รับผิดชอบตามความถนัด ในสังคมทีทุกคนเป็นเครือญาติกันเช่นนี้ มีความรับผิดชอบสูงยิ่งนัก การได้ทำหน้าที่ถือเป็นความภาคภูมิใจ ต่างร่วมทุกข์ ร่วมสุขกัน หลอมรวมหัวใจเป็นหนึ่งเดียว ทำให้เกิดพลังมวลรวม ผนึกแน่นรู้ร้อนรู้หนาวไปด้วยกัน
ในระหว่างการเดินทาง ทุกครั้งที่หยุดค้างแรม กองเกวียนจะล้อมวงกลม ตรงกลางจัดเป็นที่ประชุมและจัดเป็นที่หลับนอน ด้านหลังที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำเป็นโรงครัวแบบง่าย ๆ เด็ก ๆ จูงวัวไปล่าม พวกตัวกระเปี๊ยกถูกพี่ป้าน้าอาจับไปชำระตัวในสายธารที่ใสเย็น ชายฉกรรจ์ช่วยกันทอดแหหาปลา พวกแม่ใหญ่ถือครุกับเสียมไปขุดกะปูขุดรูกบเขียด น้าสาวชวนกันไปเด็ดผักในป่าใกล้ ๆ หนุ่ม ๆ ขนฟืนมากอง ๆ เป็นย่อม ๆ เพื่อจุดไฟยามค่ำคืน ใกล้ชายน้ำแม่ครัวพ่อครัวช่วยกันปรุงอาหาร เสียงตำน้ำพริก เสียงสับเนื้อประชันกันโป๊ก ๆ ข้าง ๆ เตาฟืนควันโมง
เทพนิมิตบอกว่าหัวหน้าพ่อครัวตัวโตมีผ้าโพกศีรษะ เหงื่อชุ่มหน้าแต่หัวเราะร่าอารมณ์ดี กำลังปรุงลาบไก่ป่าใส่พริกข้าวคั่วหอมยั่วน้ำลายนัก ตักแบ่งส่งให้วงอาหารเป็นทอด ๆ
พ่อครัวหัวป่าก์คนที่เอ่ยถึงในชาติกาลนี้
ปัจจุบันเป็นข้าราชการตัวอย่างที่ชาวภูเก็ตภาคภูมิใจ
ได้รับพระราชทานสายสะพาย 3 เส้นแล้ว
จะเป็นใครไม่ได้ อัยการชาวเกาะในอดีตชาตินั่นเอง คิคิ..
« « Prev : เมื่ออดีตกาลเจ้าเป็นไผ คิ คิ
Next : ไปงานกล้วยแวะร้านไก่แต่กินหอย » »
12 ความคิดเห็น
อิอิ ………..
เ้ม้นท์ไม่ออก ขอฮาอย่างเดียวค่ะ
จะเอาแต่ฮา กับ คิคิ แค่นั้ยรึ
แหม ๆ รู้ไปละหนึ่งท่าน อิอิ
วันแม่ เหลือแต่แม่ย่านาง คิคิ
อะโหย๋
อิอิ ฮ่าๆ สงสัยแล้วเชียว ชาตินี้ทำไมชอบลองกินเสียทุกอย่าง คุณแอ๊ดบอกว่ามีสองอย่างที่ไม่กิน มูตร กับคูถ ฮ่าๆ
ย้อนอดีตไปไกลถึงตาลีฟูโน่น นี่ดีนะที่พ่อครูเล่าแบบย่อ ไม่งั้นได้สร้างตำนานยิ่งกว่าแดจังกึม แน่ๆ อิอิอิ
ฮ่าๆๆ เอาแค่สนุกๆ
อมยิ้มเลยค่ะพ่อ ตำนานนี้น่ารวมเล่มชะมัด 55555
เบิร์ด อย่ายุ อย่ายุ เดี๋ยวพิมพ์จริงๆจะยุ่ง อิอิ
-ป้าจุ๋มบอกแล้วว่าตำนานนี้น่าจะแซงโค้งเจ้าเป็นไผ 2 จ้า…อิอิ
-อยากบอกว่านี่แค่น้ำจิ้มจ้า…จริงไหมครูมิม…
โห หุ่นให้ ใจรัก คุณสมบัติครบเลยค่ะ
ว่าแล้วใครต่อใครก็อยากอยู่ใกล้ท่านอัยการรำระบำชาวเกาะ
เพราะทั้งอิ่ม และอุ่นเลยค่ะ ฮี่ ๆ