สวัสดีปีใหม่ ๒๕๕๕
ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๕ นี้ขออาราธนาสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในโลก รวมทั้งดวงวิญญาณของท่านท้าวสุรนารีหรือย่าโมของชาวโคราช จงดลบันดาลให้ทุกท่าน จงมีความสุขในปีมังกรทองนี้ทุกท่านเทอญ
และในโอกาสนี้ ขอร่วมแสดงความยินดีกับศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย ที่ชมรมศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มช. ได้มีความเจริญก้าวหน้าจนสามารถพัฒนามาเป็น สมาคมศิษย์เก่า คณะวิทยาศษสตร์ มช. เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และจะมีงานสถาปนาสมาคม กันในวันที่ ๑๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๕๕ ที่จะถึงนี้
ในวาระเทศกาลปีใหม่ปีนี้ จึงถือโอกาสนำภาพของตึกคณะวิทยาศาสตร์ มช. ในปีแรกที่เปิดเรียนคือ ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ มาให้ชมกันครับ ซึ่งเป็นอาคารหลังเดียวของคณะวิทยาศาสตร์
คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เป็นหนึ่งในสามคณะแรกของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เริ่มเปิดการเรียนการสอน เมื่อวันที่ ๑๘ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๐๗ ซึ่งเป็นการสอนวันแรกของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ด้วย อาคารคณะวิทยาศาสตร์หลังแรกนี้ ลักษณะตัวอาคารเป็น ๒ ปีกและมีทางเชื่อมถึงกันอยู่บริเวณกลาง พื้นที่อาคารด้านปีกซ้ายใช้เป็นห้องปฏิบัติการเคมี ในชั้น ๑ ห้องปฏิบัติการชีววิทยา ในชั้นที่ ๒ และห้องปฏิบัติการฟิสิกส์ ในชั้นที่ ๓ อีกด้านเป็นห้องบรรยายใหญ่ ที่มีที่นั่งเรียงเป็นแถวโค้งและไล่ระดับ จำนวน ๒ ห้อง พื้นที่อาคารด้านปีกขวาแต่ละชั้น เป็นห้องบรรยายเล็กหลายห้องและห้องพักคณาจารย์ ส่วนอีกด้านเป็นชั้นล่างเป็น สำนักงานคณบดี คณะวิทยาศาสตร์ ชั้นสองเป็นห้องพักคณาจารย์ ชั้นสามเป็นห้องสมุด ตึกหลังนี้ต่อมาใช้เป็นตึกของภาควิชาเคมี ซึ่งปัจจุบันเรียกว่า ตึกเคมี๑
จากรูปจะเห็นว่าพื้นที่ข้าง ๆ ตึกคณะวิทยาศาสตร์ ในปี ๒๕๐๗ นี้ยังมีลักษณะเป็นพื้นที่เปิด มีต้นไม้ขึ้นอยู่พอสมควร บริเวณนี้จะเป็นที่ก่อสร้างเป็นตึกภาควิชาชีววิทยาในปีต่อมา คือ พ.ศ. ๒๕๐๘
ภาพที่ ๒ นี้แสดงให้เห็นสภาพด้านหน้าตึก ในปี ๒๕๐๗ ที่มีการปลูกต้นสักไว้ รวมทั้งมีต้นสักขนาดใหญ่อยู่บริเวณทางเข้าด้านหน้าตึกด้วย ไม่แน่ใจว่าปัจจุบันต้นสักเหล่านี้ยังเหลืออยู่บ้างหรือไม่ ถ้าถูกตัดไปก็น่าเสียดาย
เพื่อให้สมบูรณ์มากขึ้น ก็ขอนำคติธรรมของท่านพุทธทาส มาฝากไว้เตือนสติ เรื่องของจิต เพื่อเป็นมงคลชีวิตต่อไปในปีใหม่ ๒๕๕๕ ดังนี้
ทุจิต คือจิต เกิด “ตัวกู”
เฝ้ายกหู ชูหาง อย่างบ้าหลัง
เขาตักเตือน อย่างไร ไม่ยอมฟัง
เฝ้าคลุ้มคลั่ง เดือดพล่าน เผาผลาญใจ
สุจิต คือจิต ว่าง “ตัวกู”
สะอาดอยู่ ด้วยสภาพ อันผ่องใส
สว่างอยู่ เพราะเห็นตาม ความจริงไป
สงบอยู่ เพราะเย็นได้ ไม่ร้อนรน
เหตุดังนั้น หมั่นระวัง ตั้งสติ
คุมความตริ ทันควัน หมั่นฝึกฝน
มิให้เกิด “ตัวกู” อยู่ในตน
เป็นสุชน เพราะสุจิต วิศิฏฐ์เอยฯ
พุทธทาสภิกขุ
(อ้างอิงจาก: หอจดหมายเหตุพุทธทาส อินทปัญโญ )
Next : เด็กข้างวัด (๑) บ้านไม้สามชั้น » »
3 ความคิดเห็น
กราบรับพรค่ะพี่แพนด้า
ผมก็ศิษย์เก่าที่นี่ไปเรียนชีวะที่นี่ เข้าห้องแล็ปที่นี่ แล้วเดินมาห้องพักหอหนึ่ง เปิดประตูหลังห้องออกมาก็เห็นตึกนี้ จำได้อยู่ครับ ที่ข้างตึกฟิสิกส์ มีชาวบ้านมาขายข้าวแกง จานละบาทกินสามสี่จานถึงจะอิ่ม แต่นับว่าถูกมากๆทั้งที่ที่อื่นเขาขาย 5-10 บาทกันทั้งนั้น เหมาะสำหรับเด็กนักศึกษาบ้านนอกอย่างเราที่ไม่มีสตางค์มาก พอเที่ยวก็เดินจ้ำอ้าวๆมาเข้าคิวกินข้าวลาดแกงที่นี่ครับ
สวัสดีปีใหม่ครับพี่