อาจารย์ครับผมขอโทษ
ใกล้จะถึงวันสิ้นปีเก่าต้อนรับปีใหม่อีกแล้ว คนจำนวนมากก็เริ่มส่งการ์ดอวยพร เตรียมซื้อของขวัญ เตรียมโปรแกรมการเดินทางเพื่อไปท่องเที่ยวหรือกลับไปเยี่ยมพ่อแม่ ญาติผู้ใหญ่และผู้ที่เคารพนับถือ เมื่อก่อนผมก็ปฏิบัติเช่นเดียวกัน โดยจะส่งการ์ดอวยพรปีใหม่ให้อาจารย์และเพื่อนสนิท และส่งการ์ดอวยพรวันคริสต์มาสไปให้อาจารย์และเพื่อนที่อยู่ต่างประเทศด้วย สำหรับในบางปีก็จะส่งของขวัญไปให้ด้วย การ์ดปีใหม่ที่ผมได้รับจากต่างประเทศเป็นประจำทุก ๆ ปี ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมาก็คือจากอาจารย์ที่ปรึกษาของผมทั้งระดับปริญญาตรี ปริญญาโทและเอก จากประเทศอังกฤษ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๑๖ ที่ผมจบปริญาเอกกลับมาเป็นอาจารย์ที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ จนกระทั่งต่อมาได้ลาออกจากราชการ เพื่อมาเป็นอาจารย์นอกระบบราชการที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ในปี พ.ศ. ๒๕๓๖ ก็ยังคงได้รับการ์ดปีใหม่จากอาจารย์ที่ปรึกษาทั้งสองอย่างสม่ำเสมอ จนกระทั่งผมเกษียณอายุงานจาก มทส. ในปลายปี พ.ศ. ๒๕๔๗ จำได้ว่ายังคงได้รับการ์ดปีใหม่จากอาจารย์อยู่ และผมก็ส่งการ์ดกลับไปพร้อมแจ้งว่าเกษียณงานแล้ว พร้อมแจ้งที่อยู่ใหม่ไปให้อาจารย์ทราบด้วย ช่วงต่อมาระหว่างปี ๒๕๔๘-๒๕๕๒ ไปทำงานที่มหาสารคามทำให้ขาดการส่งการ์ดไปให้อาจารย์จำได้ว่าในช่วงปีใหม่ พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้ส่งการ์ดปีใหม่และของขวัญไปให้อาจารย์ แต่ก็เงียบไม่ได้รับข่าวจากอาจารย์
ช่วงปี ๒๕๕๓-๒๕๕๔ กลับมาอยู่โคราช งานหลักคือช่วยน้องสาวในการดูแลคุณแม่ที่อายุ ๙๔ ปีแล้ว มีโรคประจำตัวและโรคชรา เดินไม่ค่อยจะไหวแล้ว คุณแม่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลอยู่เป็นประจำ โดยเฉพาะหลังจากน้ำท่วมใหญ่ที่ปักธงชัยในปลายปี ๒๕๕๓ ในช่วงต้นปี ๒๕๕๔ เป็นต้นมา คุณแม่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในห้องไอซียูหลายครั้ง ที่โรงพยาบาลในจังหวัดนครราชสีมา และต่อมาย้ายไปอยู่ที่โรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น จนกระทั่งเสียชีวิตเมื่อวันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๕๔ ที่ผ่านมา ผมจึงมีการติดต่อกับอาจารย์ เพื่อน ๆ และ คนอื่น ๆ น้อยมาก ในช่วงที่ผ่าน
ผมเป็นคนที่เขียนจดหมายน้อยมาก รวมทั้งไม่ชอบใช้โทรศัพท์โดยไม่จำเป็น ไม่เคยมีโทรศัพท์มือถือจนกระทั่งเกษียณแล้ว ลูกทนไม่ไหวก็เลยยกโทรศัพท์มือเก่าให้ จึงเริ่มใช้มือถือ แต่ก็ใช้โทรออกน้อยมาก ในช่วงแรกใช้ระบบแบบเติมเงิน จำได้ว่าต้องเติมเดือนละ ๓๐๐ บาท จะใช้เงินเหลือเสมอ แต่เวลาใช้งานหมดลง ต้องเติมเงินเพิ่มเพื่อยืดเวลาการใช้งานได้ เงินเหลือถูกกินเปล่าไปพอสมควร จนกระทั่งต่อมามีการให้แลกเงินเป็นเวลาได้ก็ทำให้ต้องเสียเงินกินเปล่าให้ทางบริษัทน้อยลง ต่อมาปรึกษากับลูกจึงเปลี่ยนมาใช้แบบจ่ายเงินรายเดือนแทนเดือนละ ๑๐๐ บาท โทรได้ ไม่เกิน ๑๐๐ นาที (อะไรประมาณนี้แหละ) แต่ก็ส่วนใหญ่ใช้ไม่ถึง ก็เสียเงินเดือนละ ๑๐๐ บาท ยังดีกว่าของเดิมที่เสียเดือนละ ๓๐๐ บาท ด้วยเหตุดังกล่าวผมจึงมีเบอร์โทรศัพท์ของผู้อื่นอยู่น้อยมาก แม้แต่เบอร์ของอาจารย์ผู้ที่ผมเคารพนับถือก็ไม่มี
ในสมัยที่ยังอยู่เชียงใหม่ ในช่วงปีใหม่ผมจะพาครอบครัวไปไหว้อาจารย์ที่เป็นที่เคารพนับถือทุก ๆ ปี แต่หลังจากมาอยู่ที่โคราชจึงไม่ได้ทำอย่างที่เคยทำ และด้วยนิสัยที่แย่ของผมที่ไม่ชอบโทรศัพท์หรือเขียนจดหมาย จึงทำให้ขาดการติดต่อกับท่านอาจารย์ และเพื่อน ๆ เก่าเกือบทั้งหมด แม้ว่าในระยะหลังเกษียณผมจะหันมาใช้สื่อทางอินเทอร์เน็ตเช่น อีเมล์ ในการติดต่อมากขึ้น แต่ก็ไม่ได้ติดต่อกับอาจารย์และเพื่อนเก่า ๆ ส่วนใหญ่ เพราะไม่ทราบว่ามีท่านไหนบ้างที่ใช้อีเมล์ เข้าใจว่าคงมีน้อยมาก เพราะเมื่อสองสามเดือนที่ผ่านมา ได้รับอีเมล์จากสมาคมศิษย์เก่าคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่เพิ่งจัดตั้งหรือเปลี่ยนแปลงมาจากชมรมศิษย์ฯ ก็ได้รับข้อมูลว่า สามารถติดต่อทางอีเมล์ศิษย์เก่าคณะวิทยาศษสตร์รุ่นแรก (075…) ได้เพียงสามคนเท่านั้น
อาจารย์ครับผมขอโทษ ที่หายเงียบและไม่ได้ติดต่อหรือส่งข่าวเลย เพื่อน ๆ ครับผมขออภัยที่ไม่ได้ติดต่อหรือส่งข่าวเป็นเวลานานมากแล้ว
ในวาระดีถีขึ้นปีใหม่ ๒๕๕๕ และ วันคริสต์มาส ที่จะมาถึงนี้ ผมขออาราธนาสิ่งศักดิ์ทั้งหลายในโลก รวมทั้งดวงวิญญาณของท่านท้าวสุรนารีหรือย่าโมของชาวโคราช จงดลบันดาลให้ทุกท่าน จงมีความสุขในปีมังกรนี้ทุก ๆ ท่าน ด้วยการมี อายุ วัณโณ สุขลัง พลัง เทอญ
« « Prev : มิตรภาพแท้ไม่มีเวลาและระยะทาง
2 ความคิดเห็น
ไม่แน่ใจว่าท่าน Professor Bradbeer ได้มาสอนที่ มช.ด้วยใช่ไหมครับในปี 12 ดูเหมือนผมได้เรียนกับท่าน หรือเปล่าหนอทำไมชื่อท่านคุ้นจังเลยครับ ผมเองก็เมเจอร์ชีววิทยาครับจากคณะศึกษาศาสตร์ครับพี่ใหญ่
ถูกต้องแล้วครับ น้องบางทราย
Dr. P.A. Bradbeer มาสอนที่ ภาคชีววิทยา มช. ตั้งแต่เปิด มช. ในปี ๒๕๐๗ จนถึง ๒๕๑๔ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของผม ตอนทำปัญหาพิเศษ ในชั้นปีที่ ๔ ระดับปริญญาตรี ที่ มช. ส่วน Professor J.W. Bradbeer เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาทำวิทยานิพนธ์ ปริญญาโท และ ปริญญาเอก ของผมที่ King’s College, University of London, UK ครับ