อนาคต สว. ไทย : 9 สัปดาห์สู่สุขภาพดี รุ่นที่10 (25)

อ่าน: 4346

( หมายเหตุ : ภาพจาก forward mail นานมาแล้วครับ )

     นอกจากการเล่าเรื่อง 6 ลักษณะดีของผู้มีอายุเกิน 100 ปี ของชาวญี่ปุ่นให้ฟังแล้ว ท่าน ผอ. ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา  ยังเล่าให้ฟังว่า สถิติการเสียชีวิตของผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่นขณะนี้พบว่า 80% เสียชีวิตในขณะที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา มีเพียง 20% เท่านั้นที่เสียชีวิตขณะที่อาศัยอยู่ที่บ้านของตนเองหรือลูกหลาน  ในขณะที่สถิติของผู้สูงอายุของไทยเราขณะนี้ตรงข้ามกับญี่ปุ่น คือ 80% เสียชีวิตในขณะที่อยู่ที่บ้านของตนเองหรืออยู่กับลูกหลาน มีเพียง 20% เท่านั้นที่เสียชีวิตในขณะที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชรา  ในญี่ปุ่นเขาพยายามส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สูงอายุช่วยเหลือตนเองให้มากที่สุด ทำงานให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ หางานทำไปเรื่อย ๆ เพื่อให้มีรายได้พอเพียงต่อการดำรงชีวิต จะได้ไม่เป็นภาระแก่ผู้อื่น เนื่องจากสังคมในญี่ปุ่นขณะนี้เป็นสังคมครอบครัวเดี่ยวและครอบครัวขนาดเล็ก แต่ละครอบครัวจะมีบุตรเพียง 1 หรือ 2 คนเท่านั้นเป็นอย่างมาก  ผู้สูงอายุส่วนใหญ่จึงอยู่กันสองคนตายาย และเมื่อคนหนึ่งเสียชีวิตไปอีกคนหนึ่งก็ต้องมีชีวิตอยู่คนเดียว หรือไม่ก็ต้องไปอยู่ในบ้านพักคนชรา

        ท่าน ผอ. ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา กล่าวว่า อนาคตผู้สูงอายุหรือผู้สูงวัยของไทย (สว. ไทย) เราก็คงจะเป็นไปในทำนองเดียวกับผู้สูงอายุชาวญี่ปุ่น เพราะทิศทางการเปลี่ยนแปลงของสังคม ชุมชน วํฒนธรรมในขณะนี้ของไทยเราก็กำลังเดินตามอย่างของญี่ปุ่นเมื่อ 30-40 ปีที่แล้วมา

       ฟังเรื่องนี้แล้ว ตนเองก็สะเทือนใจไม่น้อยครับ ในฐานะของผู้ที่ขณะนี้ถูกจัดไว้ในกลุ่ม สว. ด้วยคนหนึ่ง     

       แม้ว่าทุกคนจะตระหนักดีว่า สังคมไทยต่อไปจะมีผู้สูงอายุมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่คิดจะทำอะไรจริงจังเพื่อแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้น เพราะคิดว่าเป็นปัญหาระยะยาว รอให้ประเทศที่เจริญแล้วหรือประเทศที่เกิดปัญหาก่อนเราหาทางแก้ไปก่อน แล้วเราค่อยตามอย่างเขาง่ายดี  ทั้ง ๆ ที่ปัญหาไม่น่าจะเหมือนกันทุกอย่างหรืออาจไม่เหมือนกันเลยก็ได้  อาจจะเป็นเพราะมีปัญหาเฉพาะหน้าอื่น ๆ ที่มีความรีบด่วนและจำเป็นมากกว่ามากมายต้องทำก่อน…….อนาคต สว. ไทย จะเดินไปอย่างไรหนอ ? แต่ที่แน่ ๆ ชีวิตคนเราก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป และต้องอาศัยล้อ (wheels) ในการดำรงชีวิตดังในรูปเสมอ

 

« « Prev : กินอยู่อย่างไรให้อายุยืนเกิน 100 ปี : 9 สัปดาห์สู่สุขภาพดี รุ่นที่10 (24)

Next : อยู่อย่างไรไม่หกล้ม : 9 สัปดาห์สู่สุขภาพดี รุ่นที่10 (26) » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 26 กรกฏาคม 2009 เวลา 21:50

    พี่หมีใหญ่ ผมกับคนข้างกายก็ไม่เคยคิด ทำแต่งาน งาน งาน มาเอ๊ะใจ ก็เห็นแม่จากไป ญาติๆ เขา รพ. เพื่อนฝูง ลาลับไปทีละคน 

    อ้าวเราแก่แล้วรึนี่…
    เผลอแพลบเดียวเอง…
    เริ่มคิดและวางแผนและทำแล้วครับ

  • #2 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:59
    สวัสดีครับ น้องบางทราย #1  ภาพข้างบนให้ข้อคิดที่ดีมากในสายตาของมครับ คนในวัยทำงานก็จะอยู่ในภาพแถวที่ สอง ครับ เป็นชีวิตที่ยิ้มได้ สนุกสนาน เริ่มต้นชีวิตวัยทำงานคนเดียว แล้วก็มีครอบครัว  มีลูกที่ต้องเลี้ยงดูและเป็นสมาชิก แต่ถึงจุดหนึ่งก็แยกย้ายกัน ตัวเราในระยะนี้ก็ยังสามารถทำอะไรได้เองคล่องแคล่วอยู่ ภาระลดน้อยลง อาจจะมีความสุขมากขึ้นสักระยะหนึ่ง เมื่อสูงอายุมากขึ้น ก็จะเข้าสู่ภาพในแถวที่สามครับ ความสุขสนุกสนานยิ้มแย้มก็จะเริ่มลดลงและหายไปในในที่สุด ระยะนี้จะใช้เวลานานแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับว่ามีการวางแผนมาอย่างไรครับ….แต่ทุกคนคงหนีไม่พ้น
  • #3 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 กรกฏาคม 2009 เวลา 19:13

    ภาพนี้สื่อความได้ชัดมากเลยค่ะอ.แพนด้า เบิร์ดก็หวนคิดเหมือนกันว่าเตรียมตัวแล้วหรือยัง

    บ้านของผู้สูงวัยชาวญี่ปุ่นเค้าจะมีแค่ 2 ห้องเองค่ะ ห้องนอน กับห้องสารพัดประโยชน์ทั้งดูทีวี นั่งชมสวน รับแขก เพื่อให้ดูแลง่ายและเหมาะกับการใช้รถเข็น

    ประตูบานเลื่อนเปิดได้กว้าง เวลาที่เปลพยาบาลเข้าไปก็ง่าย  ยกพื้นไม่สูงและทำทางลาดเพื่อรถเข็น+เปลพยาบาล แต่ละห้องไม่มีพื้นต่างระดับ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้สูงอายุควรมีการวางแผนทั้งหมดเลยเนาะคะ  จาน ชาม แก้ว ช้อน เสื้อผ้าที่ไม่จำเป็นเค้าเก็บหมดเลยค่ะ  เพราะวางไว้เยอะก็เป็นภาระเก็บกวาดซักถู

    ห้องน้ำมีราวจับ พื้นกันลื่น มีไฟดวงเล็กเปิดทิ้งไว้ส่องสว่างตอนกลางคืน ฯลฯ เฮ้อ..มีเรื่องให้เตรียมเยอะจังค่ะ รวมทั้งพินัยกรรมด้วย อิอิอิ

  • #4 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 27 กรกฏาคม 2009 เวลา 21:12
    ขอบคุณ เบิร์ด มากครับที่ช่วยมาให้รายละเอียดการเตรียมตัวของผู้สูงวัยชาวญี่ปุ่นเพิ่มเติม ซึ่งคนไทยเรายังไม่ค่อยนึกถึงกันมากนัก
    สำหรับเบิร์ด คงน่าจะอยู่ในช่วงเริ่มต้น แถวที่ 2 นะครับ เป็นช่วงสร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัว เรียนรู้โลกกว้าง มีเวลาอีกนานสำหรับการเตรียมตัวเข้าสู่ ช่วง สว. เมื่อถึงวันนั้นเชื่อเมืองไทยเราคงมีอะไรที่เอื้อต่อ คนสูงอายุ มากกว่าในสภาพปัจจุบันมาก
  • #5 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 28 กรกฏาคม 2009 เวลา 11:27

    มิน่าเล่า เห็นขยันเขียนบันทึกทุกวัน คงเตรียมความพร้อม…อิอิอิ

  • #6 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 กรกฏาคม 2009 เวลา 14:01
    • ถ้าดูรูปให้ดี จะเห็นว่า ชีวิต สว. ก็จะกลับไปเหมือนชีวิตในวัยเด็กอีกครั้ง  หลาย ๆ คนเป็นโดยตัวเองไม่รู้ตัวว่าเป็น เช่นทำตัวเหมือนเด็ก (รูปกลาง แถวบน) ในขณะที่ตนเองเป็นรูปกลาง แถวล่าง  ขี้หลงขี้ลืม ขี้งอน ขี้เล่น เอาแต่ใจตัวเอง
    • โลกนี้เหมือนโรงละครโรงใหญ่ เหมือนเพลงสมัยหนึ่งเคยฮิตมาก…..ชีวิตคือละคร บทบาทบางตอนชีวิตยอกย้อนเหลือเกิน ชีวิตบางคนรุ่งเรืองจำเริญ แต่ชีวิตบางคนยากเข็ญ  แต่ละคนก็มีบทบาทที่แตกต่างกัน  บางทีต้องสรวมหน้ากาก เหมือนพวกตลกคาเฟ่  เวลาอยู่บนเวทีจะต้องทำตัวสนุกสนานร่าเริง เพื่อสร้างความรื่นเริงให้แก่ผู้ดู แต่ชีวิตจริงเมื่ออยู่หลังเวทีอาจจะเป็นคนละเรื่องก็มีมากมาย
    • บางคนติดอยู่กับภาพในอดีต คิดว่าตนเองยังคงเหมือนเดิม (เหมือนเมื่อ 20-30 ปี) ที่แล้ว แต่สภาพร่างกายมันไม่มีทางเหมือนเดิม เพียงแต่ยอมรับมันได้หรือไม่เท่านั้น  ตัวอย่างนักร้องระดับ Super Star ของโลกที่จากไปเมื่อไม่นานมานี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจน และก็ไม่ใช่เพิ่งมี เคยมีมาแล้วก่อนหน้านี้
  • #7 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 29 กรกฏาคม 2009 เวลา 17:50

    ขอบพระคุณพี่แพนด้าค่ะ  อ่านแล้วได้คิดนะคะ  ถ้าแนวโน้มไปเหมือนญี่ปุ่นดูน่าเศร้าจังเลยค่ะ แต่ในสังคมปัจจุบันก็มีตัวอย่างให้เห็นในหนังสือพิมพ์กับ
    ในทีวีที่  คนแก่ถูกทอดทิ้ง ไม่น่าเลย เราจะทำอย่างไรที่จะดึงแนวโน้มกลับไปสู่สังคมอบอุ่นในอดีตได้ไหมคะ  ภาวะเศรษฐกิจกับการดำเนินชีวิตน่าจะมีผลต่อแนวโน้มไหมคะ  ความผูกพันธ์ สายใยชีวิตนั้นเกิดขึ้นโดยการวางแผน หรือ เกิดตามๆกัน  มองเห็นอนาคตอีกแบบหนึ่งนะคะ 
    ป้าหวานเคยได้ข่าวว่ามีบ้านพักคนชราแบบใหม่  สำหรับคนที่มีสตางค์  ส่งคนชราที่บ้านไปอขู่  ที่นั่นมีบริการแบบโรงแรม ผสม กับโรงพยาบาล  ค่ะ

  • #8 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 กรกฏาคม 2009 เวลา 10:14
       บ้านพักคนชราแบบใหม่ที่ป้าหวานว่านั้น เข้าใจว่าที่ญี่ปุ่นก็มีมากมายครับ  ก็เป็นความคิดของลูกหลานว่าไปอยู่ที่บ้านพักคนชรา ที่มีบริการดีกว่าที่บ้านของตนเองเสียอีก พ่อแม่ปู่ย่าตายาย น่าจะมีความสุขกว่าอยู่บ้านกับลูกหลาน แต่….จากการสำรวจผู้สูงอายุในประเทศไทย (ตามที่ ผอ. ศูนย์อนามัยที่ 5 นครราชสีมา บอก) พบว่าความต้องการสูงสุดของผู้สูงอายุคือ

    1. ต้องการอยู่บ้านของตนเอง จนวาระสุดท้ายของชีวิต
    2. มีสุขภาพดี และ มีรายได้พอเพียงต่อการดำรงชีวิต และ
    3. ต้องการอยู่กับลูก ๆ หลาน ๆ

  • #9 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 กรกฏาคม 2009 เวลา 14:16

    ป้าหวานคิดว่า ความต้องการสูงสุดของผู้สูงอายุจริงๆคือความต้องการทางใจ มากกว่าทางกาย  การเกิดบริการแบบนั้นตอบโจทย์ที่เกี่ยวกับทางกายมากกว่า
    เช่น ไม่มีใครดูแลผู้สูงอายุใกล้ชิดตลอดเวลาได้  มีปัญหาสุขภาพ เป็นต้น อย่างที่พี่แพนด้าบอกนะคะสังคมปัจจุบันโครงสร้างเปลี่ยนไป
    การสร้างเสริมความสุขให้ผู้สูงอายุจึงอยู่ในสถานการณ์น่าเป็นห่วง  การจัดกิจกรรมดีๆของศูนย์ส่งเสริมฯจึงช่วยบรรเทาปัญหาลง  ผู้สูงอายุที่
    ลุขภาพดีทั้งกายและใจ จะปรับตัวอยู่ได้ดีกว่าในเวลาบั้นปลายชีวิต ร่วมกับ การเสริมสร้างความแข็งแรงของสายใยครอบครัวให้แก่คนรุ่นใหม่
    จะช่วยรักษาสังคมไทยให้อบอุ่น  ในขณะเดียวกันคนเราก็ต้องเรียนรู้ เตรียมต้ว ที่จะพบเวลานั้น  ขอบคุณพี่แพนด้าค่ะ ที่ช่วยกระตุ้นความคิด
    เกิดความคิดเกี่ยวกับ  โรงเรียนผู้สูงอายุ ค่ะ  เรียนคล้ายกับเด็ก  เตรียมความพร้อม  เรียนรู้ทางกาย และ ทางใจ เรียนรู้สุขภาพ เช้าลูกนำมาส่งแล้วไปทำงาน
    เย็นมารับพ่อแม่กลับบ้าน  อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข  ผู้สูงอายุไม่เหงา  มีกิจกรรม มีเพื่อน มีการเรียนรู้  น่าจะดีนะคะ

  • #10 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 30 กรกฏาคม 2009 เวลา 14:26
    ถูกต้องแล้วครับ ป้าหวาน สังคมและสิ่งแวดล้อม ย่อมมีการเปลี่ยนแปลง เสมอ  ไม่มีหยุดนิ่ง…..สุขภาพใจ และ สุขภาพกาย จะต้องพึ่งพาอาศัยกันตลอดเวลาครับ

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.19654297828674 sec
Sidebar: 0.044461011886597 sec