ปีใหม่จะไปเข้าถ้ำ

7 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 13 ธันวาคม 2009 เวลา 20:01 ในหมวดหมู่ ธรรมะ #
อ่าน: 1615

          ปีใหม่ปีหน้า 2553  ที่ใกล้จะถึงนี้ ดิฉันมีโปรแกรมเด็ดที่รอคอยมานาน….หลายปีแล้ว

          ดิฉันจะไปปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานค่ะ  สัก 10 วัน

          ที่พิษณุโลกนี่เอง…..ไม่ไกลบ้าน  และขออนุญาตคนทางบ้านเรียบร้อยแล้ว

          ที่นี่จัดโปรแกรมถูกอัธยาศัยดิฉันมาก…..นั่นก็คือ….เฮี๊ยบสุด…สุด…  ดังนี้

ศีล 
ผู้เข้าปฏิบัติวิปัสสนาทุกท่านจะต้องรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัด ได้แก่
1. เว้นจากการฆ่าสัตว์
2. เว้นจากการลักทรัพย์
3. เว้นจากการประพฤติผิดในกาม
4. เว้นจากการพูดเท็จ
5. เว้นจากการดื่มน้ำเมา
     สำหรับผู้ที่เคยผ่านหลักสูตรนี้มาแล้ว จะต้องถือศีล 8 ซึ่งมีเพิ่มเติม คือ
6. เว้นจากการบริโภคอาหารในยามวิกาล
7. เว้นจากการดูละครฟ้อนรำ และการใช้เครื่องหอมตกแต่งร่างกาย
8. เว้นจากการนอนบนที่นอนที่หนาและอ่อนนุ่ม

ผู้ที่ได้เคยปฏิบัติมาแล้ว จะรักษาศีลข้อ 6 ได้ด้วยการดื่มแต่เพียงน้ำปานะหลังจากการพักในเวลา 5 โมงเย็น  ในขณะที่ผู้ปฏิบัติใหม่ อาจจะดื่มนม น้ำชา หรือรับประทานผลไม้ได้  อาจารย์ผู้สอนอาจจะยอมให้ผู้ที่เคยปฏิบัติมาแล้วบางคนยกเว้นการรักษาศีลข้อนี้ได้ ถ้าหากบุคคลผู้นั้นมีปัญหาด้านสุขภาพ  ส่วนศีลข้อ 7 และ 8 นั้น ทุกคนจะต้องรักษา

การยอมรับอาจารย์ผู้สอนและวิธีการปฏิบัติ

ในระหว่างการฝึก ผู้เข้ารับการฝึกจะต้องรับที่จะปฏิบัติตามวิธีการ และคำแนะนำของอาจารย์ผู้สอนทุกประการนั่นคือ ผู้เข้ารับการฝึกจะต้องปฏิบัติตามวิธีการปฏิบัติที่อาจารย์สอน โดยไม่มีการแต่งเติมหรือตัดทอนใดๆ ทั้งสิ้น  การยอมรับด้วยความเชื่อถือเท่านั้น ที่จะทำให้ผู้เข้ารับการฝึกสามารถปฏิบัติได้อย่างขยันขันแข็งโดยตลอด  ซึ่งการยอมรับนี้ก็ควรจะมีการแยกแยะและทำความเข้าใจด้วย  มิใช่เป็นไปเพราะถูกบังคับหรือหลงงมงายเหมือนคนตาบอด  ความเชื่อมั่นที่มีต่ออาจารย์ผู้สอนและวิธีการปฏิบัติ จำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในการปฏิบัติวิปัสสนา

พิธีกรรมและวัตรทางศาสนาตลอดจนวิธีการปฏิบัติอื่นๆ

ในระหว่างการฝึก สิ่งที่สำคัญมากคือ จะต้องงดพิธีกรรมและวัตรทางศาสนาต่างๆ ทั้งหมด เช่น การจุดตะเกียงนับลูกประคำ ท่องมนต์ อดอาหาร สวดมนต์ เป็นต้น  การปฏิบัติกรรมฐานแบบอื่นๆ หรือการปฏิบัติเพื่อการบำบัดรักษาอื่นๆ จะต้องเว้นด้วย เช่น การเดินจงกรม  การฝึกโยคะโดยใช้สมาธิ  ทั้งนี้มิใช่เป็นการคัดค้านการปฏิบัติวิธีอื่นๆ แต่เพื่อให้ได้ทดลองฝึกวิธีวิปัสสนาแบบนี้เพียงแบบเดียว  เพราะการนำวิธีปฏิบัติวิธีอื่นมาผสมปนเปกับวิธีปฏิบัตินี้ จะทำให้เป็นอุปสรรคต่อความก้าวหน้าในการปฏิบัติ  หรืออาจจะทำให้การปฏิบัติไม่ได้ผลเลย  แม้ว่าอาจารย์ผู้สอนจะคอยเตือนซ้ำแล้วซ้ำอีกก็ตาม  แต่ก็ยังมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นในอดีต  เมื่อผู้รับการฝึกนำเอาวิธีการปฏิบัตินี้ไปรวมกับพิธีกรรมอื่นๆ จนทำให้เกิดอันตรายต่อผู้นั้น  ความสงสัยและความสับสนที่อาจเกิดขึ้นนั้นสามารถจะแก้ไขให้กระจ่างได้ โดยการไปพบอาจารย์ผู้สอน

การเข้าพบอาจารย์ผู้สอน

หากมีปัญหาหรือความสับสนใดๆ เกี่ยวกับการปฏิบัติวิปัสสนา ควรจะไปขอคำอธิบายจากอาจารย์ผู้สอนเท่านั้น เวลาระหว่าง 12.00 - 13.00 น.จะเป็นเวลาที่จัดไว้ให้สำหรับเข้าพบเป็นการส่วนตัวกับอาจารย์ที่ที่พัก  แต่ท่านก็สามารถตั้งคำถามถามอาจารย์ได้ระหว่างเวลา 21.00 - 21.30 น.ในห้องปฏิบัติรวม

การพบกับอาจารย์ผู้สอนนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อขอคำอธิบายสำหรับปัญหาทั่วๆ ไปเกี่ยวกับวิธีการปฏิบัติ  จึงไม่ควรใช้โอกาสนี้ให้เสียไปกับการอภิปรายในเรื่องเกี่ยวกับปรัชญา หรือถกเถียงกันในประเด็นที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานมีเอกลักษณ์ของตัวเองที่ผู้ปฏิบัติเท่านั้นจึงจะรู้ได้  ผู้ที่เข้ารับการฝึกจึงควรมุ่งที่จะปฏิบัติเพียงอย่างเดียว

การรักษาความเงียบ

ผู้เข้ารับการฝึกทุกคนจะต้องรักษาความเงียบ นับตั้งแต่เริ่มต้นฝึกจนกระทั่ง 10.00 น. ของการฝึกวันที่ 10   การรักษาความเงียบนี้ รวมไปถึงความเงียบทั้งทางกาย วาจา และใจ  โดยจะต้องไม่มีการพูดจากับใครเลย  และจะต้องงดการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบใดก็ตาม ทั้งการออกท่าทาง การเขียนโน้ต หรือทำสัญญาณต่างๆ  แต่ผู้เข้ารับการฝึกสามารถพูดคุยกับอาจารย์ผู้สอนได้หากจำเป็น  และติดต่อกับผู้ดำเนินงานได้หากมีปัญหาเกี่ยวกับที่พัก อาหาร และอื่นๆ  แต่การติดต่อพูดจาเหล่านี้ ก็ควรมีให้น้อยที่สุด  ผู้เข้าฝึกทุกคนควรจะสร้างความรู้สึกว่า ตนเองกำลังปฏิบัติอย่างจริงจังเสมือนอยู่คนเดียว

การสัมผัสทางกาย

จะต้องไม่มีการสัมผัสทางร่างกายใดๆ ทั้งสิ้น  ไม่ว่าจะระหว่างเพศเดียวกันหรือต่างเพศ  ตลอดระยะการฝึกและระหว่างที่อยู่ในศูนย์ฯ

โยคะและการออกกำลังกาย

แม้การทำโยคะหรือการออกกำลังกายจะไม่ขัดต่อการปฏิบัติ  แต่ระหว่างการเข้ารับการฝึกอบรม 10 วันนี้ ก็ขออย่าให้มีการออกกำลังกายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นโยคะ ท่าดัดตนบริหารร่างกายมือเปล่า หรือวิ่งจ๊อกกิ้ง  ทั้งนี้เนื่องจากศูนย์ปฏิบัติไม่มีสถานที่ที่จัดไว้โดยเฉพาะในเรื่องนี้   ถ้าต้องการออกกำลังกาย ให้ทำได้เฉพาะการเดินไปมาในระหว่างชั่วโมงพักผ่อน ในบริเวณที่กำหนดให้เท่านั้น

เครื่องราง ลูกประคำ หรืออื่นๆ

สิ่งเหล่านี้ห้ามนำเข้ามาในบริเวณที่พัก  หากมีการนำเข้ามาโดยมิได้ตั้งใจ จะต้องนำไปฝากไว้กับผู้ให้บริการตลอด 10 วัน

ของมึนเมาและยา

ห้ามนำเอายา เหล้า หรือของมึนเมา รวมทั้งยากล่อมประสาท ยานอนหลับ และยาระงับประสาท  หากจะต้องรับประทานยาเหล่านี้ตามที่แพทย์สั่ง จะต้องแจ้งให้อาจารย์ผู้สอนทราบล่วงหน้าก่อนการฝึก

สูบบุหรี่ ห้ามสูบบุหรี่หรือเคี้ยวยาเส้นตลอดระยะเวลาการฝึก

อาหาร

เนื่องจากศูนย์ฯ ไม่สามารถที่จะจัดหาอาหารพิเศษตามความต้องการของผู้ปฏิบัติกรรมฐานได้  จึงต้องขอให้ผู้เข้ารับการฝึกรับประทานอาหารมังสวิรัติที่จัดเตรียมไว้ให้  หากผู้ใดที่แพทย์สั่งให้รับประทานอาหารพิเศษ เนื่องจากปัญหาด้านสุขภาพ  ก็ขอให้แจ้งให้ผู้ดำเนินงานทราบในเวลาลงทะเบียน

เสื้อผ้า

เสื้อผ้าที่ใช้ควรเรียบง่ายและสวมสบาย  ไม่จำกัดสีหรือแบบ  แต่ไม่ควรสวมใส่เสื้อผ้าที่รัดตึง โปร่งบาง  เสื้อไม่มีแขน หรือกางเกงรัดรูป  ห้ามนุ่งกางเกงขาสั้นทั้งชายหญิง  และห้ามอาบแดดหรือเปลือยบางส่วนโดยเด็ดขาด  ข้อห้ามเหล่านี้มีความสำคัญมาก  ทั้งนี้เพื่อมิให้รบกวนบุคคลอื่น

ความสะอาด

ผู้เข้ารับการฝึกจะต้องอยู่ และปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติธรรม  จึงจำเป็นที่จะต้องอาบน้ำทุกวัน และรักษาเสื้อผ้าให้สะอาด  ในบางครั้งอาจไม่มีบริการซักผ้า ผู้เข้ารับการฝึกจะต้องซักเสื้อผ้าเอง  แต่ก็ควรทำในช่วงเวลาพักเท่านั้น หากเป็นไปได้ ควรเตรียมเสื้อผ้าให้เพียงพอที่จะใช้ตลอดระยะเวลาปฏิบัติ

การติดต่อภายนอก

ผู้เข้ารับการฝึกจะต้องอยู่ในบริเวณที่ใช้ฝึกตลอดการฝึก จะออกไปภายนอกได้เฉพาะในกรณีจำเป็นอย่างยิ่ง  และจะต้องได้รับอนุญาตจากอาจารย์ผู้สอนก่อน  ผู้เข้ารับการฝึกจะต้องงดการโทรศัพท์ การเขียนจดหมาย และการพบปะกับผู้ที่มาเยี่ยมเยียน  นอกจากในกรณีฉุกเฉิน ผู้ที่มาเยี่ยมจะต้องมาติดต่อกับฝ่ายจัดการ

ดนตรี อ่านหนังสือ และเขียนหนังสือ

ห้ามเล่นดนตรี ฟังวิทยุ และห้ามนำสิ่งที่ใช้เขียน หรืออ่านเข้ามาในสถานที่ฝึก  ผู้เข้ารับการฝึกไม่ควรรบกวนตนเองโดยการเขียนบันทึก  การห้ามเขียนและอ่าน ก็เพื่อที่จะได้ปฏิบัติกรรมฐานได้อย่างเคร่งครัด

เครื่องบันทึกเทปและกล้องถ่ายรูป

สิ่งเหล่านี้จะใช้ได้ต่อเมื่อได้รับอนุญาตจากอาจารย์ผู้สอนเป็นพิเศษเท่านั้น

นาฬิกาปลุก นาฬิกาข้อมือที่มีเสียงบอกเวลา
ห้ามนำมาใช้ในห้องปฏิบัติรวมอย่างเด็ดขาด และไม่ควรใช้นาฬิกาปลุกในที่พัก  เพราะจะเป็นการรบกวนผู้อื่น

ทุนทรัพย์ในการดำเนินงาน

เพื่อให้การเผยแพร่ธรรมะเป็นไปโดยบริสุทธิ์ การฝึกอบรมดำเนินได้ด้วยเงินบริจาคเพียงอย่างเดียว  และการบริจาคก็จะรับจากผู้ที่ผ่านการฝึกมาแล้วเท่านั้น  เหตุผลก็คือ การบริจาคควรมาจากผู้ที่ได้ตระหนักถึงประโยชน์ของธรรมะที่มีต่อตนเอง  ซึ่งจะทำให้การบริจาคนั้นเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิบัติ  หากท่านมีความปรารถนาที่จะแบ่งปันประโยชน์เหล่านี้กับผู้อื่น ท่านก็อาจจะกระทำได้ด้วยการบริจาคในวันสิ้นสุดการอบรม

การรับบริจาคจากผู้ที่ได้รับประโยชน์จากการอบรมธรรมะนี้ เป็นรายได้ทางเดียวสำหรับที่จะนำมาใช้จ่ายในการจัดการฝึกอบรม  โดยมิได้มีความสนับสนุนในด้านการเงินอื่นใด  ทั้งอาจารย์ผู้สอนและผู้ดำเนินงานก็ล้วนไม่ได้รับผลตอบแทนใดๆ จากการจัดการฝึกนี้  โดยวิธีนี้ ธรรมะจึงเผยแพร่ออกไปได้ด้วยเจตนาอันบริสุทธิ์ ไม่มีเรื่องผลประโยชน์ เข้ามาเกี่ยวข้อง  ดังนั้น ไม่ว่าการบริจาคของท่านจะมากหรือน้อย ก็ขอให้มาจากเจตนาที่บริสุทธิ์  เจตนาที่จะช่วยให้ผู้อื่นได้มีโอกาสพบกับธรรมะอันบริสุทธิ์เช่นเดียวกับท่าน  “เพราะเหตุว่า มีผู้ที่ได้ออกค่าใช้จ่ายให้กับการฝึกของข้าพเจ้ามาแล้ว ตอนนี้ขอให้เป็นโอกาสที่ข้าพเจ้าจะได้ให้กับผู้อื่นบ้าง”

สรุป

สาระของกฎเกณฑ์และระเบียบต่างๆ อาจสรุปได้ดังนี้  “จงระมัดระวังการกระทำของตนให้มาก อย่ารบกวนผู้อื่น อย่าสนใจหากมีผู้อื่นรบกวน”  อาจเป็นไปได้ว่า ผู้เข้ารับการฝึกไม่สามารถเข้าใจเหตุผลของกฎระเบียบต่างๆ เหล่านี้หากเป็นเช่นนี้ควรจะไปขอคำอธิบายในเรื่องเหล่านี้กับอาจารย์ผู้สอน มิใช่ปล่อยให้ตนเองเกิดความเข้าใจผิด หรือเกิดความสงสัยมากขึ้น

ดังนั้นการปฏิบัติตามระเบียบและความพยายามที่จะปฏิบัติให้มากที่สุดเท่านั้น ที่จะทำให้ผู้เข้ารับการฝึกปฏิบัติได้ผลดี และได้รับผลตามความมุ่งหมาย  สิ่งที่จะต้องเน้นใน 10 วันนี้ก็คือ “ปฏิบัติ” ปฏิบัติให้เหมือนกับว่า เราอยู่เพียงคนเดียวในการฝึก  เพิกเฉยต่อสิ่งรบกวน และความไม่สะดวกสบายที่ต้องเผชิญอยู่ทั้งหมด  ปฏิบัติด้วยจิตที่มุ่งเข้าสู่ภายในเท่านั้น

ประการสุดท้าย ผู้เข้ารับการฝึกควรระลึกไว้เสมอว่า ความก้าวหน้าในการปฏิบัติวิปัสสนาขึ้นอยู่กับบารมี (กุศลที่ได้สะสมมาแต่ปางก่อน) และปัจจัย 5 ประการคือ ความเพียร ความศรัทธา ความจริงใจ สุขภาพอนามัย และปัญญา

ตารางเวลา

04:00 น.  ระฆังปลุก
04:30 น. - 06:30 น. นั่งปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
06:30 น. - 08:00 น. อาหารเช้า
08:00 น. - 09:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
09:00 น. - 11:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวม หรือในที่พักส่วนตัวตามที่อาจารย์กำหนด
11:00 น. - 12:00 น. อาหารกลางวัน
12:00 น. - 13:00 น. พักผ่อน
13:00 น. - 14:30 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักส่วนตัว
14:30 น. - 15:30 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
15:30 น - 17:00 น. ปฏิบัติในห้องปฏิบัติรวมหรือในที่พักตามที่อาจารย์กำหนด
17:00 น. - 18:00 น. พักดื่มน้ำปานะ
18:00 น. - 19:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
19:00 น. - 20:15 น. ฟังธรรมบรรยายในห้องปฏิบัติรวม
20:15 น. - 21:00 น. ปฏิบัติร่วมกันในห้องปฏิบัติรวม
21:00 น. - 2130 น. สอบถามข้อสงสัยกับอาจารย์เกี่ยวกับการปฏิบัติธรรม
21:30 น.  พักผ่อน

—————————————————————————————-

โอ้…..พระเจ้า…..แค่ต้องตื่นตี 4  ก็ไม่รู้จะไหวหรือเปล่า?? 

มาคิดดัดเอาตอนเป็นไม้แก่….คงแย่แน่เรา….

ใจเต้นระทึก   รอคอยวันนั้น

—————————————————————————————-         

คำแนะนำเพิ่มเติม

1. สถานที่
  - ศูนย์วิปัสสนาธรรมอาภา  ตั้งอยู่หลังตลาดทรัพย์ไพรวัลย์
    ลึกเข้าไปราว 3 ก.ม.  ประมาณ ก.ม.49 ของทางหลวงหมายเลข 12


2. การลงทะเบียน
   - ให้ท่านลงทะเบียนเข้ารับการอบรมในวันแรกซึ่งเป็นการเปิดการอบรม
     ระหว่างเวลา 15.00 - 17.00 น. หลังจากนั้นจะมีบริการอาหารว่าง แล้วมีการปฐมนิเทศ
-   การอบรมจะสิ้นสุดในวันสุดท้ายเวลาประมาณ 06.30 น. รถจะออกจากศูนย์ฯ
    เวลาประมาณ 08.00 น.
3.  การใช้รถส่วนตัว
    -  ผู้ปฏิบัติใหม่ควรใช้รถที่ศูนย์ฯ จัดให้เพราะนอกจากท่านจะไม่คุ้นเคยกับท้องที่แล้ว  ที่สำคัญก็
       คือต้องการจะให้ท่านได้ตัดความกังวลจากโลกภายนอกให้มากที่สุด การใช้รถส่วนตัวจึง
       เหมาะสำหรับศิษย์เก่าที่ต้องการปฏิบัติในระยะเวลาอันสั้นไม่เต็มหลักสูตรเท่านั้น
4. การนั่งปฏิบัติ
     -  ส่วนใหญ่ให้นั่งปฏิบัติกับพื้นโดยศูนย์ฯได้จัดเบาะที่นั่งไว้ให้สามารถนั่งกับพื้นได้  ผู้ที่ไม่
        สามารถนั่งกับพื้นได้ โปรดแจ้งให้ทราบล่วงหน้า  เพื่อทางศูนย์ฯ จะได้จัดเตรียมเก้าอี้ไว้ให้
        หรือจะแจ้งให้ ทราบในขณะที่ลงทะเบียนก็ได้  หากท่านไม่มีโอกาสได้แจ้งล่วงหน้าไว้
5.การแต่งกาย
       - ควรใช้เสื้อผ้าที่สวมใส่สบาย  แต่ไม่มีสีสันฉูดฉาดจนเกินไป
         ห้าม นุ่งกางเกงขาสั้น กระโปรงสั้น ผ้าถุงสั้น ทั้งหญิงและชาย ตลอดจนห้ามใส่เสื้อเอวลอย หรือ
         เสื้อผ้าที่โปร่งบางเกินไป หรือรัดรูปจนไม่สุภาพ

      - ขณะนี้ มีบริการรับจ้างซักผ้าในราคาชิ้นละ 3.50 บาท โดยไม่รีดหากท่านไม่ประสงค์จะใช้
        บริการนี้ ก็ควรนำเสื้อผ้าไปให้มากพอที่จะผลัดเปลี่ยนได้ตลอดการอบรม
6. ของใช้
      -  นอกจากของใช้ส่วนตัวในชีวิตประจำวันแล้ว ควรนำไฟฉาย รองเท้าแตะ หรือรองเท้าที่สวมใส่
         สบาย เสื้อกันหนาว  ตลอดจนของใช้เพื่อสุขภาพอนามัยติดตัวไปด้วย
7.  ยารักษาโรค
        - ศูนย์ฯ ได้เตรียมยาสามัญประจำบ้านไว้บริการท่านแล้ว  สำหรับผู้มีโรคประจำตัวโปรด
          นำยาที่แพทย์สั่งให้ใช้ประจำติดตัวไปให้เพียงพอทั้ง 10 วันด้วย  แต่ต้องแจ้งให้
          เจ้าหน้าที่ทราบขณะที่ลงทะเบียนด้วย
8. ข้อห้าม
      - ห้ามนำอาหารติดตัวเข้ามาในศูนย์ฯ ยกเว้นกรณีที่จำเป็น เช่น แพทย์สั่ง แต่ให้ขออนุญาตจาก
        อาจารย์ผ่านทางผู้จัดการหลักสูตรเสียก่อน ที่สำคัญจะต้องไม่เป็นอาหารที่มีเนื้อสัตว์หรือไข่
        ผสม
     - ห้ามนำโทรศัพท์มือถือ วิทยุ เครื่องดนตรี กล้องถ่ายรูป เครื่องเขียน หรือหนังสืออื่นใดเข้าไป
       ในห้องพัก หากท่านนำติดตัวไปด้วย จะต้องฝากไว้กับผู้จัดการหลักสูตร เมื่อลงทะเบียน
     - โปรดอย่าไปถึงศูนย์ฯ ก่อนวันเปิดการอบรม เพราะไม่มีเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์
       ส่วนวันเปิดอบรม ท่านจะต้องไปให้ถึงศูนย์ฯ ไม่ช้ากว่า 17.00 น.

—————————————————————————————- 

หมายเหตุ

  ศูนย์วิปัสสนาธรรมอาภาแห่งนี้ อยู่ในความดูแลของสำนักงานมูลนิธิส่งเสริมวิปัสสนากรรมฐาน ในพระสังฆราชูปถัมภ์ สอนตามแนวปฏิบัติของ “ท่านอาจารย์สัตยา นารายัน โกเอ็นก้า” (S.N. Goenka) วิปัสสนาจารย์ชาวอินเดียที่ถือกำเนิดในประเทศพม่า ซึ่งท่านจึงได้ก่อตั้งและเป็นประธานสถาบันวิปัสสนานานาชาติศูนย์แรกชื่อ “ธรรมคีรี” ขึ้นที่เมืองอิกัตปุรี ใกล้ๆ กับเมืองบอมเบย์ รัฐมหาราษฎร์ ประเทศอินเดีย มีการจัดอบรมวิปัสสนาในประเทศต่างๆ กว่า 90 ประเทศทั่วโลก  


มะรุม : ปลูกง่ายจัง

2284 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 13 ธันวาคม 2009 เวลา 16:15 ในหมวดหมู่ ธรรมชาติ/สิ่งแวดล้อม #
อ่าน: 22452

ก่อนกลับจาก กทม. พ่อแบ่งเมล็ดมะรุมให้ 4-5 เมล็ด  บอกว่าลองเอาไปปลูกดู  พ่อซื้อมากินเป็นยาสมุนไพร

พ่อรู้ว่าดิฉันชอบปลูกต้นไม้  ทั้งที่ดิฉันปลูกต้นไม้ไม่เก่ง

ตอนนี้มะรุม กำลังดัง

แล้วอีกอย่าง 

ต้นไม้ที่บ้านดิฉัน ทุกคนต่างแซวว่า กินไม่ได้สักอย่าง  ปลูกแต่ไม้ดอก

OK  ดิฉันก็แค่ขุดหลุมตื้นๆ  โปรยเมล็ดไว้อย่างไม่ยี่หระ  บริเวณริมรั้ว  รดน้ำอย่างไม่มีความหวังเลยว่า ต้นมะรุมจะงอกได้

เพียงแค่ 2 สัปดาห์  หลังจากนั้น คือวันนี้  ดิฉันสังเกตเห็นต้นอ่อนเล็กๆ 2 ต้นงอกออกมา

          เอ…..จะใช่มะรุมไม๊น้อ……

          อะไร….จะปลูกง่ายปานนั้น

          แล้วจะโตเร็วด้วยรึเปล่านะ…..

          ชักตื่นเต้นแล้วสิเรา…………

————————————————————————————–

ไหนๆ ก็ถ่ายรูปต้นจิ๋ว….ที่คาดว่าจะเป็นมะรุมแล้ว  แถมรูปดอกไม้ในบ้านเก็บไว้ดูด้วยดีกว่า

          

   

ช่างเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่มีความสุขจริงๆ    


ลุงทองปาน : ปราชญ์ชาวบ้านแห่งหนองกุลา พล.

7385 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 13 ธันวาคม 2009 เวลา 13:58 ในหมวดหมู่ การศึกษา #
อ่าน: 67925

          งานเข้า….งานเข้า….

          เมื่อต้นธันวา มหาวิทยาลัยแจ้งผลการจัดสรรงบประมาณรายจ่าย  ประจำปีงบประมาณ 2553 สำหรับผลผลิตการให้บริการวิชาการ และการทำนุบำรุงศิลปวัฒนธรรม  มาว่า  ดิฉันได้รับอนุมัติโครงการที่เสนอขอไปตั้งแต่ปีที่แล้ว (2552) ทั้ง 2 โครงการ

          โครงการด้านบริการวิชาการที่ดิฉันเสนอขอไป คือ โครงการส่งเสริมสุขภาพใจ-กาย ผู้สูงวัยท่าโพธิ์

          ส่วนโครงการทำนุฯ คือ โครงการส่งเสริมอัตลักษณ์ของนิสิตด้วยจิตตปัญญาศึกษา

          เรื่องที่อยากจะเล่าก็คือ  โครงการทำนุฯ  พอเอาเข้าจริง  ดิฉันก็เริ่มกลุ้มว่า จะดำเนินอย่างไรดีน้อ?  ตอนที่เขียนของบไปนั้น  ก็เขียนกว้างๆ  ยังไม่ลงรายละเอียด  พอได้เข้าจริง….เลยต้องอาศัยสัพพัญญู “จูเจิ้ล”  “Google”  เพื่อขอวิธีเด็ดๆ

          ในที่สุด…..จูเจิ้ล ก็บันดาลได้ทุกอย่าง….และที่สุดจะดีใจ ไปยิ่งกว่าก็คือ  ดิฉันค้นพบปราชญ์ชาวบ้าน ที่พิษณุโลกนี่เอง  ไม่ต้องไปไหนให้ไกลเลย

          ลุงทองปาน  เผ่าโสภา เป็นปราชญ์ชาวบ้าน ปี 2551 ที่ศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงชุมชนตำบลบ้านหนองกุลา  อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก จาก มน. ไป ก็ราว 35 กิโล  หาไม่ยากเลย  ดิฉันไปเยี่ยมมาแล้ว

          ที่ศูนย์เรียนรู้นี้มีหลักสูตรที่เหมาะจะพานิสิตไปสัมผัส และบ่มเพาะอัตลักษณ์ของนิสิตด้วยจิตตปัญญาศึกษาจริงๆ 

          ลุงทองปาน ไปเรียน KM มาจากไหนรึเปล่าก็ไม่ทราบได้  แต่ที่ลุงทองปานเล่าวิธีสอนแก่ผู้มาอบรมให้ดิฉันฟัง  ดิฉันว่า…..มันเป็นแบบ KM+จิตตปัญญา  โดยแท้

          ลุงทองปานบอกว่า  ถ้าจะให้ดี ต้องมาอยู่สัก 2 คืน  จะได้มี 2 เช้า ที่จะมีกิจกรรมฝึกจิตเป็นประเดิมยามเช้า  มีการพูดคุยกันแบบสุนทรียสนทนา  แต่ลุงทองปานเรียกว่า เทศน์สู่กันฟัง  มีวีดีโอดีดีให้ดู  แล้วก็มีเรื่องสอนปฏิบัติจริงหลายเรื่อง  เช่น  ปลูกพืชสมุนไพรผสมผสานเพื่อสุขภาพ  อาชีพเกษตรกรรมที่ปลอดภัยจากสารเคมีเพื่อการพึ่งพาตนเอง  การทำนาแบบใหม่ (ข้าวโยน)  เรียนรู้เรื่องปุ๋ยอินทรีย์  สารไล่แมลงและโรคพืช  เรียนรู้เรื่องระบบนิเวศน์จากแมลงชนิดต่างๆ  การเพาะเห็ดชนิดต่างๆ  การทำแชมพู  สบู่  น้ำยาเอนกประสงค์เพื่อลดรายจ่ายในครัวเรือน  และทำไบโอดีเซลจากน้ำมันพืชเก่าและการทำน้ำมันแบบสกัดเย็น  ทาบกิ่ง ตอนกิ่งไม้ผลพันธุ์ดี  การแปรรูปอาหารจากถั่วเหลืองและเห็ด  ทำขนมหัวเราะ  ข้าวเกรียบฟักทอง  ปาท่องโก๋  ไอสครีมข้างกล้องงอก  ฯลฯ 

          โห……จะเรียนหมดไหมเนี่ย  สงสัยต้องอยู่สักอาทิตย์

          ลุงทองปานดีใจ  และเต็มใจอย่างยิ่ง ที่ดิฉันจะพานิสิตมาเรียนรู้

          ดิฉันก็ดีใจเหลือเกินที่จะได้จัดโครงการนี้ให้กับนิสิตในปีการศึกษาหน้า  จะจัดให้กับนิสิตคณะสหเวชศาสตร์ทุกสาขาเลยทีเดียว  แต่คงจะได้เฉพาะขั้นปีเดียว ประมาณ เกือบ 200 คน  ตอนแรกว่าจะเริ่มบ่มกันตั้งแต่ชั้นปีที่ 1  แต่พอปรึกษากับ น้องแหม่ม นักกิจการนิสิตแล้ว  แหม่มแนะนำว่า  น่าจะเป็นนิสิตปี 2  เพราะนิสิตปี 1 กิจกรรมล้นหลาม  เนื่องจากถูกโยนกลองโดยพี่ๆ  พี่ที่ขึ้นปี 2 แล้ว ก็จะเริ่มแก่วัด  ไม่ค่อยทำกิจกรรมใดใด  ดิฉันจึงทำตามคำแนะนำของแหม่มโดยดี

          อันที่จริง….ไม่เพียงกิจกรรมข้างต้นเท่านั้น…..ดิฉันยังจะเสริมให้ด้วย กิจกรรมเอ็นเนียแกรมอีกด้วย โดยเชิญคุณวาจาสิทธิ์  ลอเสรีวานิชย์ มาเป็นวิทยากร  (ดิฉันเดาว่า คุณวาจาสิทธิ์ ยังไม่เคยเล่นกับนิสิตแน่ๆ) 

          ลองดูซิว่า  แบบลูกทุ่ง กับแบบลูกกรุง ผสมกันแล้วจะปั้นนิสิตออกมาหน้าตาเป็นอย่างไร? 

          แล้วถึงตอนดำเนินโครงการจริง  ดิฉันจะกลับมาเล่าให้ฟังนะคะ………

          Comming soon  ;-)



Main: 0.077172040939331 sec
Sidebar: 0.19516587257385 sec