เพื่อนดีดี

2 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 2 พฤษภาคม 2011 เวลา 5:54 (เย็น) ในหมวดหมู่ เพื่อน #
อ่าน: 1358

ไม่ได้เขียนลงในลานปัญญาเสียหลายวัน เพราะไปท่องเที่ยวเชิงศึกษาธรรมชาติ  กับคณะฮอนด้าซิตี้ของลูก  กลุ่มนี้เขารวมตัวกันค่อนข้างแน่นเหนียว  รู้จักกันทางอินเตอร์เนตเหมือนกัน โดยมีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องรถยนต์โดยเฉพาะ  เห็นว่ามีการรวมกลุ่มทั่วประเทศก็ตั้งเจ็ดหมื่นกว่าสมาชิก  ใครสงสัยอะไรก็เขียนถามกัน  ช่วยเหลือแนะนำกัน   ทำไปทำมาเกิดสนิทสนม เป็นสังคมออนไลน์อีกแบบหนึ่ง  และเมื่อมีมากเข้าจนไม่รู้ใครเป็นใครก็แยกออกมาเป็น ฮอนด้าซิตี้อิสานใต้ (ซึ่งคงเหมือน G2K แล้วแยกบางส่วนออกมาเป็นลานปัญญา)

เคยไปเที่ยวกับเขาครั้งแรกที่ปากช่อง  เพราะตอนนั้นเป็นวันแม่ ลูกอยากพาแม่เที่ยว  เลยชวนไปเป็นผู้ติดตาม  ไปแล้วก็ติดใจ  เพราะเขาจัดทริปได้ดี  พาไปดูสถานที่ต่างๆที่น่าสนใจ โดยที่เราไม่ต้องไปค้นคว้าหาเอง  ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี  

 คราวนี้เขาชวนกันไปเที่ยวเมืองอุบลราชธานี โดยมีกลุ่มฮอนด้าอุบลเป็นเจ้าภาพ   เขาพาไปกราบศาลเจ้าพ่อหลักเมือง  ไปทานอาหารที่แพริมเขื่อนสิรินทร  และไปพักที่ รีสอร์ตริมฝั่งโขง  ห่างจากผาแต้มเพียง  4 กิโล  

 นอกจากนี้เขาพานั่งเรือหางยาวไปชม เก้าพันโบก  (สถานที่ท่องเที่ยวใหม่   ซึ่งเขาว่ามี โบก(รู)มากกว่าสามพันโบกอีก) ผ่านวังน้ำวน ซึ่งมีนิทานเรื่องเมืองบาดาล  มาเล่าให้ฟังอีกด้วย

เสร็จแล้ว ได้ไปกราบสรีระของหลวงปู่คำคนิง     ซึ่งหลังจากมรณภาพไปแล้ว  ร่างกายไม่เน่าเปื่อย  บรรดาลูกศิษย์จึงนำใส่โลงไว้ให้คนไปกราบไหว้   ที่วัดถ้าคูหาสวรรค์  http://www.kammatan.com/board/index.php?topic=273.0

  ก่อนเดินทางกลับขอนแก่น   คณะเจ้าภาพได้พาข้ามไปเหยี่ยบแผ่นดินลาว ที่ช่องเมก ซึ่งมีตลาดชายแดน  ทั้งฝั่งไทยและฝั่งลาว   มีของน่าสนใจให้ซื้อมากมาย แต่เนื่องจากไม่ได้เขียนเรื่อง shopping จึงขอข้ามส่วนนี้ไป

ตั้งใจว่าขากลับจากอุบล จะแวะไปที่ศูนย์วิจัยกล้าไม้อะคาเซีย  เพื่อรับกล้าไม้ มาปลูก แต่ดูแล้วทั้งระยะทางจำนวนคน และภาระหน้าที่ที่จะต้องกลับมาประชุมที่โรงเรียนในวันจันทร์ที่ 2 ไม่อำนวยให้ไปรับเอง  จึงติดต่อลูกออต ให้ไปกับ พขร. โรงเรียน  ไปรับกล้าไม้แทน รายละเอียดมีอยู่แล้วใน ลานชลบทฯของลูกออต

ที่เขียนมาทั้งหมดนี้ มิใช่จะเน้นเรื่องการท่องเที่ยว  เพียงแต่อยากจะพูดถึงเรื่องเพื่อนมากกว่า   เพราะความเป็นเพื่อนในปัจจุบัน  เกิดขึ้นได้ในหลายลักษณะ    เมื่อก่อนการมีเพื่อนจะอยู่ในวงจำกัด เช่นเพื่อนบ้าน  เพื่อนนักเรียน เพื่อนร่วมที่ทำงานฯลฯ เสียเป็นส่วนใหญ่ แต่เดี๋ยวนี้ การมีเพื่อนออนไลน์  ทำให้ก่อเกิดเพื่อนที่มีความสนใจตรงกันได้มากมายหลายกลุ่ม เช่น เพื่อนกลุ่ม ฮอนด้า ที่กล่าวมาแล้ว  เพื่อนออต  ที่เป็นทั้งเพื่อนลูกแล้วมาเป็นเพื่อนแม่ เป็นเพื่อนร่วมลานปัญญา ไหว้วาน ปรึกษาหารือ  ช่วยเหลือกันได้   

แม่ใหญ่เองมีเพื่อนดีดีมากมาย จากหลายกลุ่ม   เพื่อนกลุ่มหนึ่ง    ที่คบกันมาตั้งแต่อนุบาล รวมสิบคน  ทุกวันนี้ก็ยังคบกันอยู่ วันนี้ มีเพื่อนดีมากๆคนหนึ่งส่ง forwarded mail  เกี่ยวกับนิยามคำว่าเพื่อนมาให้    จนแม่ใหญ่อดเอามาแชร์ไม่ได้ในบล็อกวันนี้

  * คน ที่เป็น เพื่อน **

ไม่จำเป็นต้องจบการศึกษา  ระดับเดียวกัน

ไม่จำเป็นต้องมีฐานะ   เท่าเทียมกัน

ไม่จำเป็นต้องมีตำแหน่งหน้าที่    การงานเท่าเทียมกัน

เพื่อนดีๆคือเพื่อนอย่างไร???

คอยเตือน         ยามเพื่อนพลั้ง      คอยฟัง           ยามเพื่อนขอ

คอยรอ           ยามเพื่อนสาย        คอยพาย          ยามเพื่อนพัก

คอยทัก           ยามเพื่อนทุกข์       คอยปลุก          ยามเพื่อนท้อ

คอยง้อ            ยามเพื่อนงอน       คอยสอน           ยามเพื่อนผิด

คอยสะกิด          ยามเพื่อนเผลอ    คอยเจอ            ยามเพื่อนหา

คอยลา             ยามเพื่อนกลับ      คอยปรับ           ยามเพื่อนเปลี่ยน

คอยเรียน           ยามเพื่อนเที่ยว     คอยเคี่ยว           ยามเพื่อนเล่น

คอยเย็น           ยามเพื่อนร้อน        คอยหอน           ยามเพื่อนเห่า

คอยเฝ้า            ยามเพื่อนฟุบ         คอยอุบ             ยามเพื่อนปิด

คอยคิด             ยามเพื่อนถาม       คอยปราม           ยามเพื่อนหลง

คอยปลง            ยามเพื่อนแกล้ง     คอยแบ่ง           ยามเพื่อนหมด

คอย-อด             ยามเพื่อนทาน       คอยคาน            ยามเพื่อนล้ม

คอยชม             ยามเพื่อนชนะ       คอยสละ             ยามเพื่อนชอบ

ผู้อ่านคิดว่าเพื่อนของคุณอยู่ในคำนิยามนี้บ้างไหมคะ

 


ขอใช้สิทธิสตรีสักหน่อย

2 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 27 เมษายน 2011 เวลา 9:32 (เช้า) ในหมวดหมู่ งานอดิเรก #
อ่าน: 1922

วันนี้มีเพื่อนส่ง forwarded mail ว่าด้วยเรื่อง พลังหญิงมาให้อ่าน  เลยอยากเอามาเผื่อแผ่บรรดาสุภาพสตรีในลานเสียหน่อย  สุภาพบุรุษมาอ่าน จะไม่เห็นด้วยก็ไม่ว่ากัน   เราชื่นชมกันเองก็ได้ เนาะ  แล้วเลยแถมกลอนที่เราแปลและแต่งเล่นๆเป็นงานอดิเรกมาให้อ่านด้วย

พลังหญิง           มีมากมาย               จนชายงง

เธอ ยืนยง         หยัดสู้                      อุปสรรค

มากความคิด     มากความสุข               มากความรัก

ยังยิ้มได้          แม้ใจอยาก               จะกรีดร้อง

เธอร้องเพลง     ขณะใจ                     ยังไห้หวล

ไม่คร่ำครวญ    แม้กริ่งกลัว                 ไม่มัวหมอง  

ให้ความรัก       ไร้เงื่อนไข                  ไม่จับจอง   

 แต่เธอลิม       ที่จะมอง                     ค่าของตน

 


เริ่มกระบวนการฝึกครูใหม่

1 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 26 เมษายน 2011 เวลา 8:09 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน #
อ่าน: 1623

เรื่องการฝึกครูใหม่นี้ เป็นหน้าที่ของแม่ใหญ่มาตั้งแต่เริ่มเปิดโรงเรียน  เกษียณแล้ว ก็ยังทำอย่างต่อเนื่อง  ทำด้วยใจรัก   ทำแบบลูกทุ่ง    ไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำกันอย่างเป็นทางการ  ไม่มีการจัดปฐมนิเทศ  เรียกครูเข้ามานั่งฟังๆๆๆๆๆ แล้วก็ส่งครูเข้าไปจมน้ำตายในห้องเรียน 

แม่ใหญ่จะใช้วิธีเหมือนสอนว่ายน้ำ  คือให้เริ่มต้นทีละเล็กทีละน้อย   มีพี่เลี้ยงที่ว่ายน้ำเก่งแล้วคอยประกบอยู่ข้างตัว เพื่อสร้างความมั่นใจ  มีโค๊ชคอยชี้ๆแนะๆ อยู่เหนือขอบสระ  เพราะโค๊ชจะมองเห็นภาพรวมมากกว่าลงไปคลุกในสระเอง   ให้เขาได้ทดลองตั้งแต่ เป่าปาก  ตีขา  หายใจเข้าให้เต็มปอดก่อนมุดน้ำ   แล้วขึ้นมาเป่าปากหายใจออกเหนือพื้นน้ำ   หัดโผไปมาจากฝั่งตื้นๆ ก่อน    หัดลอยตัวปลาดาว  เมื่อมั่นใจว่าไม่จมแน่ๆแล้ว     จึงค่อยไปปล่อยให้ ลงว่ายที่น้ำลึกเพื่อพิสูจน์ตัวเอง อ่านต่อ »


ปัญหาซ้ำซากของโรงเรียนเอกชน

4 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 25 เมษายน 2011 เวลา 8:48 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน #
อ่าน: 2453

วันนี้ขอกลับเข้า  ลานโรงเรียน  ตามชื่อสักหน่อย เพราะออกไปนอกเรื่องมาหลายหัวข้อแล้ว  ที่นึกว่าควรจะเขียนเรื่องนี้  ก็เพื่อปลอบใจคนที่ทำโรงเรียนเหมือนกัน  ว่าอย่าได้ไปท้อถอยกับปัญหาดึกดำบรรพ์ที่จะมาเกิดกับโรงเรียนเอกชนทุกๆปี  ในช่วงก่อนเปิดเรียน หรือเปิดไปแล้วสักเดือนสองเดือนนี้เลย อ่านต่อ »


รู้ว่าไม่รู้อีกมากมาย

8 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 24 เมษายน 2011 เวลา 7:41 (เช้า) ในหมวดหมู่ เรื่องที่เรียนรู้ #
อ่าน: 1784

การเดินทางไปร่วมกับกลุ่ม “เฮ” ที่โคราชครั้งนี้  ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆมากมาย  แม้จะเป็นช่วงเวลา เพียง หนึ่ง คืนสองวัน เท่านั้น  เรื่องแรก ที่ได้เรียนรู้เมื่อไปถึง  ก็คือเรื่องจุลินทรีย์  สามารถเอาไปทำ  พลาสติค ได้  อะไรจะขนาดนั้น!!! อาจารย์อธิบายได้อย่างชัดเจน   แต่คนฟัง   ฟังอย่างเบลอๆเล็กน้อย   เพราะตัวเอง ไม่มีพื้นฐานทางนี้เลย  เป็นนักเรียน สายศิลปภาษา   เลยไม่ค่อยจะคุ้นเคยกับจุลินทรีย์   นอกจากได้ยินผ่านหู ผ่านตาบ้าง  รู้เรื่อง EM มา หน่อยๆ รู้เรื่องการหมักแก็สธรรมชาติมานิดๆ  พอมารู้ว่า เจ้าตัวเล็กๆที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็นนี้ สามารถนำไปทำอะไรต่อมิอะไร ได้มากมายแล้ว จึงต้องยอมรับว่าทึ่ง และอึ้ง ไปเลย  แล้วก็จะต้องมีการบ้าน หัวข้อใหญ่ที่ต้องกลับมาศึกษาต่อไปอีกมาก

ตอนเย็นไปทำอาหารทานกันที่บ้านอาจารย์ทวิช อาจารย์ย่างไก่ด้วยเตาพิเศษแบบใหม่ล่าสุดที่ประหยัดเวลา และรสชาดอร่อยนุ่มนวล   แต่เนื่องจากบรรยากาศไม่ค่อยเป็นใจ  เพราะต้องทำตัวสั่น แข้งขากระดิก หลบยุงป่า  อยู่ตลอด เวลา จนไม่เป็นอันตั้งสติสังเกต หรือพูดคุยกับใคร   ดีที่ช่วงหลัง คุณ logos ไปซื้อยากันยุง มาวางไว้ให้     จึงค่อยคุยได้รู้เรื่องมากขึ้น

มาคราวนี้ ได้เจอชาวลานตัวเป็นๆเพิ่มขึ้นอีกหลายคนเช่น  อ.ทวิช  ลุงเปลี่ยน ครูปู คุณ Logos และป้าจุ๋ม   คนสุดท้ายนี้  พอเจอแล้วตื่นเต้นมาก  เพราะกลายเป็นคนที่เคยรู้จักคุ้นเคยกันมาก่อน ตั้งแต่เมื่อ  40 ปีที่แล้ว  พอเห็นหน้ากันก็รู้สึกคุ้น  แต่พอป้าจุ๋มรำลึกเรื่องความหลังเก่าๆ บางเรื่องขึ้นมาให้ฟัง    ก็นึกออก  เหมือนได้เอา ภาพเก่าๆในสมัยกระโน้น  ขึ้นมาฉายซ้ำ จนแจ่มแจ๋วไปเลย

การเจอตัวเป็นๆหลังจากที่เคยได้อ่านความคิดของเขามาก่อนแล้วนั้น  ทำให้เรารู้สึกคุ้นเคยกันได้รวดเร็ว และจับแนวถูกว่า คนไหนเป็นอย่างไร  สันทัดเรื่องอะไร  เพราะในลานปัญญา  คนเขียน เอาตัวจริง  ความรู้สึกนึกคิดจริง    มาตีแผ่อย่างค่อนข้างตรงไปตรงมา  ไม่มีอาการเขียนอย่างพูดอย่าง  ไม่ต้องกลัวว่าจะมาถูกหลอก   ไม่เหมือนพวกเด็กสาวๆที่ไปแอบมีกิ๊กในเนต  แต่พอไปเจอตัวจริง แล้วก็ผิดหวัง  เพราะไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้  เคยมีเรื่องราวฟ้องร้องกันในต่างประเทศ  ที่ชายหญิงสองคน คุยกันในเนตมาแรมปี จนรักกัน ชอบพอกัน  จึงนัดเจอตัวจริง   ปรากฎว่าฝ่ายชายพบว่า  ฝ่ายหญิงแก่กว่าฝ่ายชายเกือบสองรอบ  เลยโดนฝ่ายชายฟ้องว่าฝ่ายหญิงหลอกลวง  เรื่องนี้ จบลงอย่างไร ไม่ได้ติดตาม   แต่การไปเจอตัวเป็นๆของชาวลานครั้งนี้  แม่ใหญ่ไม่แปลกใจ เพราะรู้จักทุกคนมาก่อนแล้วจากการอ่าน

วันรุ่งขึ้น  ตอนเช้า ได้ไปชมพิพิธภัณฑ์ ที่รวบรวม เครื่องไม้เครื่องมือต่างๆที่เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านของคนไทยตั้งแต่สมัยโบราณมาแสดงไว้อย่างมากมาย  มีห้องเล็กๆห้องหนึ่งที่  อาจารย์ทวิช  แสดงผลงานที่คิดขึ้น  มีทั้งที่ยังไม่ได้จดสิทธิบัตร  และยังไม่ได้นำออกเผยแพร่    ที่แม่ใหญ่ติดใจก็มี ที่ดื่มน้ำของเด็กๆ ที่ปรับระดับได้ตามความสูงต่ำของคนดื่ม  ที่สีข้าว ซึ่งหน้าตาเหมือนเครื่องออกกำลังขาแขน ในโรงยิมไม่มีผิด  เตาถ่าน ที่อาจารย์ นำมา วิจัยและพัฒนา จนได้เตาที่ให้ความร้อนสูง  ใช้เชื้อเพลิงไม้(น้อยกว่าเตาทั่วไปหลายเท่า) ราคาแค่ห้าร้อยบาท  ถ้านำไปแจกชาวบ้านที่ใช้เตาถ่าน  จะลดการเผาป่าไปปีละเป็นหมื่นล้าน  สิ่งประดิษฐ์สุดท้ายที่แม่ใหญ่ชอบมากๆ คือที่ตากเมล็ดข้าว  ซึ่งทำง่ายมากๆ แต่มันช่าง practical จริงๆ  ไม่ว่า จะการกลับหน้าเมล็ดข้าว  การประหยัดเวลาในการตาก  แถมไม่ต้องกลัวน้ำท่วมอีกด้วย (ขออนุญาตไม่อธิบายในรายละเอียด   เพราะพูดได้ไม่เหมือนเจ้าของสิ่งประดิษฐ์ )ระหว่างการชมพิพิธภัณฑ์ ได้เดินคุยกับพวกพ่อใหญ่สามคนที่พ่อครูพามาจากพุทไธสงค์  พ่อใหญ่สามคนนี้จะรู้จักเครื่องไม้เครื่องมือโบราณนี้ได้ดีกว่าพวกเรา  เพราะหลายอย่างพ่อใหญ่เคยได้ใช้มาก่อน  ได้แอบถามเรื่องปลูกข้าวทำนา  และบอกว่าแม่ใหญ่อยากทำนาสาธิตที่ขอนแก่นสักหนึ่งไร่ โดยใช้เทคโนโลยี่พื้นบ้าน  อย่างกังหันลมและระหัดวิดน้ำเข้านา  แม่ใหญ่ก็อยากนำมาใช้ที่นา  เอาไว้ให้เด็กนักเรียนได้ศึกษากัน    ป้าจุ๋มได้ยิน  เลยอาสาจะมาเป็นที่ปรึกษาให้อีกแรง  พ่อใหญ่ทั้งสามก็แนะนำพันธ์ข้าว  และวิธีการปลูกแบบต่างๆ  แม่ใหญ่เลยบอกว่า มาบอกเล่าแค่นี้ ไม่พอ  แม่ใหญ่เอาไปทำไม่ได้หรอก ไม่มีประสบการณ์เลย  ต้องมาเป็นที่ปรึกษาตัวจริงให้ด้วย เลยตกลงกันว่า  เราจะเริ่ม โครงการแปลงข้าวสาธิตกันต้นเดือนสิงหาคมนี้ เพราะป้าจุ๋มให้ความรู้แม่ใหญ่ว่า  ให้ปลูกวันเกิดแม่ (12 สิงหาคม) เก็บเกี่ยววันเกิดพ่อ( 5 ธันวาคม)  ต้องขอบคุณป้าจุ๋มที่บอกอะไรที่ทำให้แม่ใหญ่จำง่ายๆดีจริงๆ

หลังจากนั้น ได้ไปชมพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน  ซึ่งได้จัดแสดงอย่างน่าสนใจ  และมีชีวิตชีวา   ได้ขอรายละเอียดจากเจ้าหน้าที่เอาไว้แล้ว   ตั้งใจจะนำไปให้ครูที่โรงเรียน พานักเรียน   มาทัศนศึกษาที่นี่ภายในภาคการศึกษาหน้า

ตอนบ่ายได้ตามพ่อครูไปที่ศูนย์วิจัยไม้อาคาเซีย  หรือที่เรารู้จักกันในนาม กระถืนณรงค์  ได้ไปเห็นกระถินณรงค์พันธ์ใหม่ต้นตรง สูงชลูด อายุประมาณสิบปีขึ้น  พ่อครูบอกว่า  เป็นไม้เนื้อแข็ง  สวยงาม เอาไปปลูกสร้างบ้านเรือนได้ดี  ใช้เวลาปลูกน้อยกว่าต้นสัก  แต่คุณภาพไม่แพ้กัน  แม่ใหญ่เกิดกิเลสอีกแล้ว  เอ มีที่ดินอยู่อยู 4 ไร่ ปลูกข้าวไปแล้ว 1 ไร่  ยังพอมีที่ปลูกป่าอีก สัก 1 ไร่กระมัง  เจ้าหน้าที่บอกว่า วันที่ 2 พฤษภาคม จะแจกกล้าไม้ 500 ต้น โดยแค่เอาบัตรประชาชน  มาแสดงเท่านั้น  ป้าหวานบอกจะเอา 1000 ต้นก็ได้นะ ป้าหวานให้ยืมบัตรอีกใบ  ก็เลยบอกว่า 500 ต้นคงพอแล้ว  อาจจะมากเกินที่ดินก็เป็นได้ ยังไม่ได้เรียนรู้เลยว่า เขาปลูกห่างถี่กันแค่ไหน  ได้ยินพ่อครูสอนคุณชลิตที่ร่วมเดินทางมาด้วย ว่าให้ปลูกห่างทุกๆหกตารางเมตร แล้วปลูกไม้หอมจีนแทรกตรงกลางระหว่างต้นอาคาเซีย   แม่ใหญ่ก็ได้ การบ้านอีกข้อให้ต้องค้นคว้าต่อไปอีกแล้ว

สรุปว่า เดินทางคราวนี้  ได้เรียนรู้เรื่องใหม่อีกมาก  ได้การบ้านมาหาคำตอบก็อีกหลายเรื่อง   ขอบคุณผู้คนที่ได้ไปพบเจอะเจอ และโอกาสดีดี ขอบใจยายจิ๊กที่ช่วยขับรถและถ่ายรูป  เชื่อว่าจิ๊กเองก็ได้เรียนรู้ไม่น้อยไปกว่าแม่เหมือนกัน



Main: 0.08928108215332 sec
Sidebar: 0.079673051834106 sec