ปัญหาซ้ำซากของโรงเรียนเอกชน

โดย maeyai เมื่อ 25 เมษายน 2011 เวลา 8:48 (เช้า) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน #
อ่าน: 2452

วันนี้ขอกลับเข้า  ลานโรงเรียน  ตามชื่อสักหน่อย เพราะออกไปนอกเรื่องมาหลายหัวข้อแล้ว  ที่นึกว่าควรจะเขียนเรื่องนี้  ก็เพื่อปลอบใจคนที่ทำโรงเรียนเหมือนกัน  ว่าอย่าได้ไปท้อถอยกับปัญหาดึกดำบรรพ์ที่จะมาเกิดกับโรงเรียนเอกชนทุกๆปี  ในช่วงก่อนเปิดเรียน หรือเปิดไปแล้วสักเดือนสองเดือนนี้เลย

      ปีนี้จะเกิดปัญหา   หนักหนาสาหัสกว่าทุกๆปี    เพราะทางการเขาเตือนมาตั้งแต่กลางปีที่แล้วว่า  โรงเรียนเอกชนโปรดหาทางแก้เอาเองนะ  เพราะปีการศึกษา 2554   โรงเรียนรัฐฯ  จะขาดครู ห้าหมื่นตำแหน่ง  เพราะครูจะปลดเกษียณ  หรือลาออกไปทำอาชีพอื่นกันมากเป็นประวัติการณ์  แล้วเขาก็จะสอบบรรจุกันราวๆเดือนเมษายนของทุกปี เรียกเข้าทำงานราวๆปลายเดือนพฤษภาคม หลังจากโรงเรียนเปิดเทอมไปแล้ว สองอาทิตย์   ครูโรงเรียนเอกชนที่ไปแอบสอบเอาไว้โดยไม่บอกกล่าว  ก็จะทิ้งเด็กเอากลางๆเทอม   ร้อนถึงผู้บริหารต้องหาครูมาทำงานแทน  ชนิด ไม่รู้เนื้อรู้ตัว เพราะพอเขาได้รับการเรียกตัว  เขาก็หายวับไปกับตาอย่างนั้น

โรงเรียนแม่ใหญ่ก้เจอปัญหานี้มาตลอดเหมือนกัน   แม้ว่าเราจะจ่ายเงินเดือนครูเต็มที่ มืสวัสดิการครบเครื่อง  จัดอบรมสัมนาเพิ่มพูนความรู้ให้ครู จนครูเก่งกันมาก ๆ  ไปสอบบรรจุเมื่อไหร่ก็ติดเมื่อนั้น   แต่ต่อให้ดูแลครูดีอย่างไร   เมื่อมีการสอบบรรจุ   ครูก็ยังไปสอบ กัน   ด้วยความเชื่อที่ว่า ไปทำงานราชการดีกว่าเอกชน   เพราะมั่นคงกว่า  โก้กว่า  หรืออะไรกว่าอีกหลายๆเรื่องก็ไม่ทราบเหมือนกัน     ส่วนใหญ่ครูมักจะมาบอกว่า  ตัวเองไม่อยากไป  แต่ขัดพ่อแม่ไม่ได้  เพราะพ่อแม่อยากเห็นลูกเป็นข้าราชการ จะถูกส่งไปอยู่กันดารอย่างไรไม่ว่า  เพราะอยู่แค่ปีเดียว   ก็จะมีกระบวนการยัดเงินใต้โต๊ะ  ปีต่อไป  ก็จะได้โอนย้ายมาอยู่ใกล้บ้าน  

 

สมัยเปิดโรงเรียนใหม่ๆ   เด็กๆของแม่ใหญ่ โดนครูทิ้งกลางเทอมมาหลายครั้ง    จึงต้องตั้งระเบียบของโรงเรียนไว้ว่า  ใครจะไปสอบบรรจุให้แจ้งตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์  และต้องลาออกไปเลย  ตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม     เพื่อโรงเรียนจะได้หาครูใหม่มาเตรียมฝึกหัด  ให้พร้อมสำหรับปีการศึกษาหน้า   จะมารักพี่เสียดายน้อง หรือเหยียบเรือสองแคมไม่ได้

และโรงเรียนก็ไม่ได้โกรธเคืองคนที่ไปสอบบรรจุ  แม้จะเสียดายก็ตาม  เพราะวิถีชีวิตของคนแต่ละคน ต้องเป็นไปตามทางที่เขาเลือก  เราจะจากกันด้วยดี    แต่ก็ขอฝากความหวังไปกับเขาว่า เมื่อบรรจุได้แล้ว   ขอให้เอาประสบการณ์ดีดีที่ได้รับ จากโรงเรียนของเราในช่วงที่ทำงานกับเรา ไปใช้ในโรงเรียนรัฐบาลด้วย  เพื่อเราจะไม่รู้สึกสูญเปล่าที่ได้พัฒนาครูเพื่อไปให้สิ่งดีดีต่อเด็ก   ไม่ว่าจะเป็นเด็กที่โรงเรียนไหนก็ตาม       ขอร้องว่าอย่าไปถูกระบบกลืนจนกลายเป็นคุณครูเช้าชามเย็นชามก็แล้วกัน

วันนี้วันที่ 25 เมษายน   ครูดีของเราคนหนึ่ง  คือ ปิติลันธ์ กำลังไปสอบบรรจุที่กาฬสินธุ์    เมื่ออาทิตย์ที่แล้ว  ครูวรัญชรี  ก็ไปสอบบรรจุที่อยุธยา  ปีนี้มีขอลาไปสอบแค่สองคน  แต่ทั้งสองคน เข้าตามตรอกออกตามประตู  จะไปลา มาไหว้  ไม่มีปัญหาอะไร  แม่ใหญ่ก็ขอให้เธอทั้งสอง  สอบได้สมความตั้งใจของครอบครัวนะ ถ้าพลาดพลั้งยังไง  ก็ไม่ต้องหายหน้าไปเลย  กลับมาหากันบ้าง เผื่อว่าแม่ใหญ่จะหาตำแหน่งอะไรไว้ให้      ให้ทำงานกับเราไปพลางๆ ดีกว่าจะไปว่างงาน เพื่อรอสอบปีหน้าอีกครั้ง

“ไปดีเถอะนะ…… แม่ขออวยพร …….ให้เจ้าไปดี ….. อย่าลืมสี่ปีที่นี่นะน้อง”……เสียงเพลง สิบหกปีแห่งความหลัง ของสุรพล สมบัติเจริญ   แว่บเข้ามาในสมองส่วนอดีต   ทำให้แม่อดแปลงเป็นเพลงลาให้ปิติลันและวรัญชรี ไม่ได้

« « Prev : รู้ว่าไม่รู้อีกมากมาย

Next : เริ่มกระบวนการฝึกครูใหม่ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 เมษายน 2011 เวลา 9:56 (เช้า)

    ปัญหาครูหาย ไม่เหมือนวัวหาย ล้อมคอกไม่ได้เสียด้วย
    โรงเรียนเอกชน คือ ที่พักรอรถประจำทาง
    โรงเรียนเอกชน คือ สถานฝึกอบรมวิทยาการให้ครูที่มีประสิทธิภาพสูงสุด
    โรงเรียนเอกชน คือ สนามฝึกครูให้ทำการสอนได้ทุกกระบวนท่า
    โรงเรียนเอกชน คือ แหล่งปลูกฝังจิตวิญาณความรักในหน้าที่ มีวินัย ไม่ต้องวิ่งเต้น
    โรงเรียนเอกชน คือ สถานที่ผู้บริหารการศึกษา ต้องแก้ปัญหา 360 องศา
    โรงเรียนเอกชน คือ ลูกเมียน้อยในระบบการศึกษาของประเทศนี้
    โรงเรียนเอกชน คือ พิมพ์เขียวของการศึกษาที่ผู้ปกครองอยากจะให้เกิดให้เป็น
    โรงเรียนเอกชน คือ สถานศึกษาที่ครูในระบบส่งลูกเรียน
    โรงเรียนเอกชน คือ ระบบการจัดการศึกษาที่ต้องชนหน้าชนหลังทั้งปี
    โรงเรียนเอกชน คือ โรงเรียนที่มีความเป็นเอกหลายด้าน
    โรงเรียนเอกชน คือ กระโถนท้องพระโรงของนโยบายการศึกษาไทย
    โรงเรียนเอกชน คือ แหล่งผลิตผู้บริหารการศึกษาที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศนี้มี

    อิอิ

  • #2 ป้าหวาน ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 เมษายน 2011 เวลา 10:51 (เช้า)

    อ่านแล้งอึ้ง..รู้สึกอินไปเหตุการณ์ แต่จะอ่านเฉยๆดีไหม..ไม่ทราบจะคอมเม้นท์อย่างไร คงเป็นเหตุให้ไม่ได้คอมเม้นท์

    ถ้าคอมเม้นท์จะต้องหมายถึงข้อเสนอแนะ ป้าหวานคงไม่มีโอกาสได้คอมเม้นท์มากน้ก เพราะความรู้ความสามารถมีไม่มากพอ แต่ถ้าคอมเม้นท์คือการแสดงออก การแสดงความคิดเห็นและความรู้สึก นึกคิด เช่นนี้คงพอจะขอแสดงออกได้บ้าง

    ขอเข้ามาให้กำลังใจ-(ที่ไม่ให้ก็มีล้นเหลือ)-แม่ใหญ่ค่ะ ป้าหวานคิดถึงขบวนการเช่นนี้ว่าเป็นขบวนการฉีดวัคซีน ทุกองค์กรและหน่วยงาน ถูกฉีดวัคซีนเป็นปรากฎการณ์ธรรมชาติไปแล้ว ความมั่นคงแข็งแรงที่พัฒนาเพิ่ม มาจากการปรับ ขยับ และ แรงยึดเหนี่ยวที่สร้างสะสมภายในองค์กร องค์กรที่มีอายุย่อมพัฒนาภูมิต้านทานเสริมตามอายุ ร.ร.อนุบาลพัฒนาเด็ก เปรียบดั่งไม้ยืนต้นแล้ว ย่อมมั่นคงสูง และ เป็นที่พักพิงของบริวารน้อยใหญ่ แต่ก็ยังไม่วายถูกกระทบบ้าง แต่พัฒนาเด็กคงยิ่งเติบโตงดงามดั่งไม้ยืนต้นหลังผ่านลมฝน เช่นนั้น..

  • #3 maeyai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 เมษายน 2011 เวลา 12:59 (เย็น)
    # พ่อครูพูดถูกหมดทุกข้อค่ะ แต่เราก็ทำโรงเรียนเอกชนมาอย่างมีความสุข เพราะเป้าหมายใหญ่ของเราคือตัวนักเรียนแต่ละคนที่ผ่านมือเราไป ปัญหาต่างๆเลยกลายเป็นเรื่องรอง มองให้เป็นเรื่องขำไป เพราะ เรามีความสุข รู้สึกเหมือนได้ทำบุญทุกๆวันไม่ขาดเลย ทำกับเด็กๆที่เราโอบอุ้ม ทะนุถนอมกล่อมเกลี้ยง จนเขาเติบใหญ่เป็นคนเต็มคน พร้อมที่จะก้าวเข้าสู่โลกกว้างอย่างเข้มแข็งและมั่นคง
    # ขอบคุณกำลังใจจากป้าหวานค่ะ แม่ใหญ่เขียนมาเผื่อโรงเรียนอื่นด้วยค่ะ จะได้ตระเตรียมการได้ทัน สำหรับที่พัฒนาเด็กนี่เจอจนชินแล้วค่ะ เตรียมสร้างตัวสำรองไว้ได้เรื่อยๆแล้วค่ะ
  • #4 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 25 เมษายน 2011 เวลา 2:23 (เย็น)

    ไม่บันทึกไว้ก็ไม่รู้นะครับ อือออออ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่
You must be logged in to post a comment.

Main: 0.041957855224609 sec
Sidebar: 0.057183980941772 sec