เมื่อคุณท่านใช้หม้อหุ่งข้าวอัจฉะริ(นะ)ยะ

อ่าน: 3182

สืบเนื่องจาก คุณท่านไป ช้อปปิ้งที่เดอะมอลล์ เมื่อวาน ๒๖ กค. ๒๕๕๔ มีอ.แพนด้าเป็นสารถี ว่าก็ว่าเถอะพักนี้ไม่ค่อยขัดใจคุณท่านเลย ไม่ทราบกินยาลืมเขย่าขวดหรือเปล่า เอาเป็นว่าช้อปกระจายตามลิสท์รายการที่จดไปได้ครบหมด แถมได้หม้อหุ่งข้าวคอมพิวเตอร์อัจฉะริ(นะ)ยะ ขนาด ๑.๘ ลิตรหุงข้าวได้ทุกชนิด รวมทั้งข้าวเหนียว และข้าวต้ม แถมอบเคกก็ได้ ตุ๋นก็ได้ นึ่งก็ได้ ทำไมเก่งกว่า….คุณท่านเสียจริง

เลิศเสียมิมี เชียวหละ กลับมาถึงบ้านรีบแกะกล่องเอาคู่มือออกมาอ่านทันที แทบตกเก้าอี้ม้วนหน้าห้าตลบ ก็คู่มือนะซิขนาดกระดาษA4 พับครึ่ง มีทั้งสองภาษาในหน้าเดียวกัน ตัวหนังสือโตกว่าขี้มดจุดสามมิล มันเดือดร้อน สายตา(ทัศนวิสัยไกล)ของคุณท่านซิค่ะ ร้อนถึงหมีแพนด้ารีบไปหาแว่นขยายมาให้ ตั้งใจอ่านเป็นอย่างดี เตรียมความพร้อมจะหุงข้าวกล้องหอมมะลิแดงเย็นนี้ ทุกอย่างพร้อม ทำทุกอย่างตามคู่มือ เวลาหน้าจอหมอหุงข้าว ๑๗.๓๓ น.กดเมนูเลือกโหมดข้าวกล้อง กดสตาร์ท แล้วก็รีบทำกับข้าว กะว่าทำกับข้าวเสร็จคงได้หม่ำข้าวร้อนๆ ฝันเริ่มระส่ำระสายผ่านไปครึ่งชั่วโมงก็แล้ว หนึ่งชั่วโมงก็แล้ว เลยต้องจบการหุงข้าว ตรวจสอบหม้อและสายไฟปลั๊กทุกอย่างอีกรอบโดยหมีแพนด้า คุณท่านต้องอุ่นข้าวเก่ากินกันก่อน เพราะผิดเวลามามากแล้ว กินข้าวเสร็จแล้วก็ไม่มีวี่แววว่าข้าวในหม้ออัจฉะริ(นะ)ยะจะสุกสักที่ เมื่อคุณท่านอิ่มแล้วก็เลยบอกว่า เหมือนเวลาคอมพิวเตอร์แฮ้ง ลองถอดปลักออกรีเซทใหม่ คราวนี้คุณท่าน ลงมือหุงใหม่อีกรอบ กดปุ่มเมนูตั้งโหมดหุงข้าวกล้อง พร้อมยกมือไหว้ หนึ่งที่ แล้วมากดปุ่มสตาร์ทไม่่ลืมยกมือไหว้อีก ที อย่าเข้าใจผิดคุณท่านไหว้หม้อหุงข้าวจริงๆ อย่างนอบน้อม ทันใดนั้นได้ยินเสียงระเบิดหัวเราะดังขึ้น จนทำให้คุณท่านตกใจ จึงหันไปปรามด้วยเสียงนุ่มๆ อะไรที่ไม่เห็นด้วยตา อย่าคิดว่าไม่มีนะ ได้ผลค่ะหมีแพนด้าดีใจมากได้ยินเสียงหม้อหุงข้าวเริ่มทำงาน เรากลับมานั่งรอที่โต๊ะกินข้าวคุยกันต่อ พร้อมทั้งอุ่นมันเทศปิ้งกินอย่างมีความสุข เวลาผ่านไปไม่มีวี่แวว ว่าการหุ่งข้าวกล้องจประะสบความสำเร็จ คราวนี้แพนด้าขอหุงข้าวด้วยโหมดหุ่งด่วน ไชโยหม้อหุงข้าวอัจฉะริ(นะ)ยะ ทำงานแล้ว  ส่วนอามา่กลับมาทบทวนอ่านคู่มือใหม่อีกครั้ง หน้าสุดท้าย เจอตารางแสดงเวลาที่ใช้หุงข้าวในแต่ละโหมด

ข้าวกล้องใช้เวลา ๑๒๐ นาที ค่ะ คุณท่านแทบตกเก้าอี้อีกรอบ กว่าข้าวจะสุกก็ปาเข้าไปสองทุ่มกว่า…


เพื่อหนูเฌวา ดวงใจของพ่อหนานเกียรติ

อ่าน: 3697

เป็นธรรมดาโลก ที่ต้องพบกับความพลัดพราก หลายคนก็เคยพบผ่านความพลัดพรากมาแล้ว แแต่คราวนี้มันเป็นการพลัดพรากอย่างกระทันหัน ดวงใจน้อยๆ ของหนูเฌวา เด็กตัวเล็กๆ แสนจะน่ารัก ที่พ่อหนานเกียรติรักปานดวงใจ แล้วพ่อก็จากไปไม่มีวันกลับ น้องหนูเฌวา เธอจะเจ็บปวดสักเพียงใด บางคนแค่เห็นจากดวงตาเธอที่ซ่อนไว้ซึ่งความเศร้า แต่หัวใจดวงน้อยๆ มีร่องรอยความเจ็บปวด พวกเราที่เป็นเพื่อนพ้องน้องพี่ และเป็นผู้ใหญ่ที่รักน้องหนานเกียรติ คงจะช่วยกันประคับประคองหนูเฌวา และแม่ ให้อยู่บนโลกใบนี้ อย่างเป็นสุขได้ ถึงไม่เท่าน้องหนานเกียรติเคยทำ ก็ขอได้ทำหน้าที่กัลยาณมิตรที่ดีตลอดไป

อ.แพนด้าขับรถพาอาม่าเข้าเมืองไปโอนเงินสมทบทุนเพื่อหนูเฌวา ๑,๐๐๐ บาท เมื่อวานไม่สามารถขับรถเข้าเมืองได้เพราะฝนฟ้าคะนองน่ากลัวมาก เมื่อฟ้าเปิดอ.แพนด้าก็รีบขับรถให้ทันที่ แต่ขากลับฝนฟ้าเทลงมายังกะฟ้ารั่ว จนถนนกลายเป็นคลอง พอมาถึงบ้านฝนซาลงค่ะ

ความเห็น

แม้จะรู้ว่า มันเป็นธรรมดา แต่มันก็เจ็บปวดนะคะ เราเป็นคนนอกยังรู้สึกได้ คนในครอบครัวคงยิ่งกว่า

เป็นกำลังใจให้กับครอบครัวหนานเกียรติค่ะ

ขอบคุณค่ะ..ร่วมด้วยช่วยกันเพื่อครอบครัวของคนดีของพวกเรานะคะ

“เฌวา ลูกยอดปรารถนาของพ่อหนานเกียรติ-แม่กวาง”

http://www.gotoknow.org/blog/nongnarts/450291

อาม่าครับ

เอกต้องขอบคุณอาม่าเเละ อ.เเพนด้า มากๆครับ ที่เมตตาสมทบทุนกองทุนการศึกษาของ น้องเฌวาครับ

ผมได้รับการเเจ้งโอนเเล้วครับ

ขอบพระคุณมากๆครับ

ลบ
Ico48

สวัสดีค่ะ

นำดอกไม้ที่ de’ Musoi ฝีมือการถ่ายภาพของน้องหนานเกียรติฝากค่ะ


เชิญชวนเพื่อนพ้องน้องพี่ให้กำลังใจชาวนา

อ่าน: 2291

อาม่าขอเชิญชวน ชาวเฮฮาศาตร์ ชาวลานปัญญา และเพื่อนพ้องน้องพี่ ที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยียนลานปัญญา พากันไปแลกเปลี่ยนเรียนรู้ เรื่องการทำนาดำที่ได้มากว่าข้าวค่ะ เป็นนวัตกรรมที่ชาวนามืออาชีพ ทำแล้วจะยิ้มอย่างมีความสุข ถ้าอยากรู้ว่ามีไผบ้างก็คลิกดู ใบปลิวที่ไม่ปลิวที่ลิงค์ไว้ข้างล่างนี้ค่ะ รัยรองว่าทุกคนจะมีความสุข ที่จะได้พบตัวจริงเสียงจริงเครื่อข่าย ชาวนาวันหยุด และชาวนามืออาชีพ

http://technopolis.sut.ac.th/2009/index.php?option=com_content&view=article&id=988&limitstart=1


ขาดประชุมวุฒิอาสาฯ เพื่อช่วยชีวิตมนุษย์

อ่าน: 3448

๒๒ กค. ๒๕๕๔ วันนี้มีการประชุมวุฒิอาสาธนาคารสมอง จ.นครราชสีมา ซึ่งได้รับแจ้งทางโทรศัพท์ แต่ไม่มีแจ้งวาระการประชุม หลังจากประธานวุฒิอาสา ผศ.ถนอมศรี ปรารถนาดี ไปทำการหาเสียงเลือกตั้งสส.รายชื่อของพรรครักสันติ ลำดับที่ ๓๔ ของ ร.ต.อ.ปุระชัย พรรคนี้ไดรับเลือกตั้งคนเดียวคือคุณปุรชัย

เสร็จหน้าทีแล้วจึงมีการเชิญประชุมทางโทรศัพท์ กระทันหัน ซึ่งปกติจะส่งหนังสือเชิญประชุมทั้งทางไปรษณีย์ และทางอีเมล์

เผอิญวันนี้มีเรื่องเกี่ยวการให้ความช่วยเหลือน้องต้นกล้า ชาวนาวันหยุด เนื่องจากพี่ชายเป็นไข้เลือดออก เสียเลือดมาก จนเกล็ดเลือดต่ำมาก หมอต้องการเติมเกล็ดเลือดด่วน เผอิญเกล็ดเลือดกรุ๊ป B ของโรงพยาบาลหัวหินขาด น้องต้นกล้าโทรฯ มาปรึกษา อาม่าเห็นว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมาก มันเกี่ยวกับชีวิตจึงตัดสินใจ หาทางช่วยเหลือน้องต้นกล้าทันที

อันดับแรกบอกน้องต้นกล้าติดต่อชาว G2K ที่อยู่ใกล้ที่สุด จำได้ว่าผอ.โสภณ อยู่แถวๆไกลกังวล หัวหิน เลยให้น้องต้นกล้าติดต่อโดยตรง

ส่วนอาม่ารีบโพสข้อความช่วยเหลือในเฟสบุ๊ค และในทวิตเตอร์ทันที่ พร้อมทั้งรีบโทรฯ หาเเครือข่ายพื่อนที่เป็นวุฒิอาสาธนาคารสมอง จ.เพชรบุรี ท่านคือ คุณวรรณ แสงเจริญวัฒนะ MPA 13 นิด้า, พยาบาลวิชาชีพ ท่านเป็นผู้สื่อข่าวอำเภอชะอำ ทันที่ที่รับสายและรู้ความประสงค์ในการขอความช่วยเหลือ ท่านรีบออกข่าวให้ทันที่ จากนั้นไม่นาน มีน้องผู้หญิงสองคน คือน้อง มณนิชา และน้องปริษนาโทรฯกลับมาพร้อมที่จะไปบริจากเลือดกรุ็ปบีให้ คุณวรรณจะติดต่อมาหาอาม่าคลอดเวลา และบอกข่าวดีมาโดยตลอด และเธอขับรถพาน้องทั้งสองจากเพชรบุรี ไปบริจากเลือดกรุ๊ป B ที่โรงพยาบาลหัวหิน เมื่อบ่ายสองโมงกว่า อาม่าประสานงานให้น้องต้นกล้าทราบตลอดเวลาเช่นกัน น้องต้นกล้าพบกับคุณวรรณที่เพชรบุรี แล้วไปโรงพยาบาลหัวหินพร้อมๆกันค่ะ

น้องต้นกล้าก็ได้ประสานงานกับเพื่อนศิษการบิน และเพื่อนที่ทำงาน ทำให้มีผู้ไปบริจากเลือดในครั้งนี้ถึง ยี่สิบคนค่ะ ตอนนี้ได้เลือดเพียงพอแล้ว น้องต้นกล้าขอให้อาม่า โพสข้อความยุติขอบริจากเลือดในเฟสบุ๊คด้วย อาม่าจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ

นี่แหละคือความงดงามของน้ำใจหมู่มิตรแท้ ที่มีจิตใจประเสริฐช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ เป็นสิ่งที่น่ายกย่องอย่างยิ่ง

ไม่เป็นไร ขาดการประขุมฯ แต่ได้มีส่วนช่วยเหลือ ชีวิตเพื่อนมนุษย์นั้นเป็นสิ่งพึงกระทำมิใช่หรือ

อาม่าขอบขอบพระคุณทุกคนที่มาบริจากเลือดกรุ๊ป B ที่โรงพยาบาลหัวหิน ให้คุณฉัตรชัย ปิติวุฒิ พี่ชายของน้องต้นกล้า ชาวนาวันหยุด เครือข่ายของอาม่าค่ะ


เหตุผลที่ไม่ให้เผาฟางข้าว

อ่าน: 98163

ทำไมชาวนาถึงถูก ต่อว่าเและถูกห้ามไม่ให้เผาฟางข้าวทั้งในนา และนอกนา

หลายครั้งหลายหนที่ชาวนาได้ยินได้ฟัง แต่ไม่ทำตามนั้นต้องเข้าใจและเห็นใจเขานะคะ เพราะสังคมทุนนิยมเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว ชาวนาทิ้งไร่นาไปสู่แรงงานภาคอุตสากรรม ทำคนให้เป็นเครื่องจักร จึงทำให้ขาดแรงงานภาคเกษตรกรรมรุนแรงขึ้นทุกวัน ทำอะไรที่ต้องพึ่งการซื้อแรงงานจากคน จะพบเห็นการพึ่งพาแรงแบบลงแขกที่เป็นวัฒนธรรมวิถีชีวิตที่มีคุณค่ายิ่งหายไปจากไร่นา เพราะถูกวิถีชีวิตเร่งรีบครอบงำด้วยวัตถุนิยม จนลืมความงดงามของสังคมชนบทที่พึ่งอาศัยแบ่งปันกัน มาเป็นสังคมชาวนาที่ต้องจ่ายค่าจ้างเป็นค่าแรงงานเพิ่มขึ้น นับวันแรงงานยิ่งหายากมากขึ้น จนชาวนาท้อ เพราะถึงแม้มีแรงแต่ขาดทักษะการทำนา จ้างค่าแรงงาน จบแล้วจบเลยไม่มีความพูกพันแบบดั้งเดิม เงินมิอาจซื้อความงดงามของวัฒนธรรมความมีน้ำใจได้ค่ะ  ความจำเป็นที่จะลดค่าแรงงานในการไถกลบหมักฟางในนา กว่าฟางเปื่อยก็ใช้เวลาไม่ทันใจ จึงอาศัยการเผาฟาง อาศัยยาฆ่าหญ้า อาศัยสารเคมีกำจัดแมลงแลพศัตรูพืช ทั้งที่รู้ถึงอันตรายจากสารเคมี แต่จะอ้างว่าไม่มีทางเลือก อาม่าจึงพยายามไปเสาะทางเลือกมาให้ค่ะ บันทึกนี้มีข้อมูลที่น่าสนใจมากมาให้พิจารณาค่ะ ในการตอบโจทย์ว่าทำำไมไม่ให้เผาฟาง

ทำนาปลูกข้าวแบบไม่ต้องฉีดพ่นฮอร์โมนทางใบ ประหยัดค่าแรง ลดต้นทุน
ในฟางข้าวที่ให้ผลผลิตเมล็ดข้าวเปลือกหนึ่งร้อยถังหรือหนึ่งตัน

ในฟางข้าวที่ให้ผลผลิตเมล็ดข้าวเปลือกหนึ่งร้อยถังหรือหนึ่งตัน
จะมีไจนโตรเจน 7.6 กก., ฟอสฟอรัส 1.1 กก., โพแทสเซียม 28.4 กก., แมกนีเซียม 2.3
กก., แคลเซียม 3.8 กก. กำมะถัน 0.34 กก. เหล็ก 150 กรัม. สังกะสี 20 กรัม ทองแดง 2
กรัม โบรอน 16 กรัม. ซิลิก้า 41.9 กิโลกรัม คลอรีน 55 กิโลกรัม (สถาบันข้าวนานาชาติ
IRRI, Manila, Philippines (1987)) จากตัวเลขดังกล่าว
สะท้อนให้เห็นถึงคุณค่าและประโยชน์ของฟาง
ถ้าไม่เผาฟางก็สามารถประหยัดปุ๋ยเคมีและฮอร์โมนอาหารเสริมได้มาก

ต้นข้าวต้องการปุ๋ยธาตุอาหารหลักเพื่อให้ได้เมล็ดข้าวเปลือก
100 ถังหรือหนึ่งตันโดยต้องการ ไนโตรเจน 22.2 กก. มีอยู่ในฟางแล้ว 7.6 กก.
ต้องการเพิ่มอีก 14.6 กก. ฟอสฟอรัส 7.1 ก.ก. มีอยู่ในฟางแล้ว 1.1 ต้องการเพิ่มอีก
6.0 กก. โพแทสเซียม 31.6 กก. มีอยู่ในฟางแล้ว
28.4 ต้องการเพิ่มอีก 3.2 กก.
จะสังเกตุเห็นได้ว่าในส่วนที่ขาดหายไปนั้นก็คือออกไปในรูปของแกลบหรือเปลือกข้าว
จึงควรต้องเพิ่มเข้ามาให้เกิดความสมดุลกัน ธาตุอาหารหลักทั้งสามตัวถ้าสังเกตให้ดี
ไนโตรเจน 7.6 กิโลกรัมจากฟางข้าว เทียบเท่าได้กับ ปุ๋ยเคมี 16-20-0 หนึ่งกระสอบ
คือมีไนโตรเจนตัวหน้าร้อยละ 16 ปุ๋ยหนัก
50 กิโลกรัมต่อกระสอบ ก็เท่ากับมีไนโตรเจนอยู่ 8 กิโลกรัม ในฟางข้าวขาดเพียง 0.4
กิโลกรัมเท่านั้นเอง ส่วนโพแทสเซียมในฟางข้าวมีอยู่ 28.4 กิโลกรัม
เทียบเท่าได้กับปุ๋ย 0-0-60 หนึ่งกระสอบ เทียบเปอร์เซ็นต์เหมือนกับปุ๋ยไนโตรเจนในข้างต้น

ถ้าเกษตรกรกระทำการเผาตอซังฟางข้าว
ก็เท่ากับว่าได้เผาปุ๋ยทิ้งไป 2 กระสอบ เป็นเงินก็เกือบ 2,000 บาทสูญเสียรายได้หรือกำไรไปแล้วโดยที่ยังไม่ได้ลงมือปลูก
แต่ถ้าเราไม่เผาฟางเท่ากับเราได้สร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินโดยเพิ่มปุ๋ยให้กับดินไปอีก
2 กระสอบ แถมยังได้ธาตุอาหารเสริมจุลธาตุต่างๆ
ช่วยให้ข้าวเจริญเติบโตได้อย่างแข็งแรง โดยอาจจะเติมปุ๋ยลงไปบ้างเพียงเล็กน้อยตามปริมาณที่ต้นข้าวต้องการจากผลการวิจัย
IRRI ด้านบน

อีกทางเลือกหนึ่งเราสามารถใช้กลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟที่ชื่อว่า
“ซีโอ-พูมิชซัลเฟอร์” ซึ่งมีแร่ธาตุและสารอาหารต่างๆ มากมาย ทั้งฟอสฟอรัส,
แคลเซียม, แมกนีเซียม, กำมะถัน, เหล็ก, ทองแดง แมงกานีส , สังกะสี, โบรอน,
มิลิบดินัม ฯลฯ และที่สำคัญคือแร่ซิลิก้าหรือซิลิสิค แอซิด (H4Sio4) ที่ช่วยให้ข้าวใบตั้งชูสู้แสง
ไม่ล้มง่ายปลอดภัยในช่วงเก็บเกี่ยวที่มีพายุฟ้าฝนลมแรง ช่วยเพิ่มน้ำหนัก
เมล็ดแกร่ง โดยทำการหว่านเตรียมดินตอนทำเทือกเพียง 1 – 2 กระสอบต่อไร่
จะช่วยลดทดแทนการฉีดพ่นปุ๋ยยาฮอร์โมนและธาตุอาหารเสริมทางใบ ช่วยลดต้นทุนไม่ต้องสิ้นเปลืองเรื่องแรงงานในการฉีดพ่น
อันนี้ก็ฝากพี่น้องเกษตรกรให้ช่วยเลือกพิจารณากันสักนิดนะครับ หากเลือกพรรค เลือก
ส.ส. ยังตัดสินใจไม่ได้ ก็ลองเลือกใช้
“ซีโอ-พูมิซซัลเฟอร์” กันดูก่อนนะครับ

มนตรี
บุญจรัส

ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ http://www.thaigreenagro.com



Main: 0.26265001296997 sec
Sidebar: 0.23298311233521 sec