คืนนี้มองใครก็สวย
มีเรื่องบังเอิญที่เป็นสาเหตุที่เข้าทางกลุ่มหน้าตาดี
ช่วงบ่ายผมนอนอ่านหนังสือ
ตอนลุกขึ้นมือไปปัดแว่นตาตกกระเด็น
กระจกแว่นหายไป 1 ข้าง
หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
ยกผ้าห่ม เอาไม้กวาดค้นหาตามพื้นใต้เตียงทุกซอกทุกมุม
จนปัญญาหาไม่เจอจริงๆ
มีเรื่องบังเอิญที่เป็นสาเหตุที่เข้าทางกลุ่มหน้าตาดี
ช่วงบ่ายผมนอนอ่านหนังสือ
ตอนลุกขึ้นมือไปปัดแว่นตาตกกระเด็น
กระจกแว่นหายไป 1 ข้าง
หาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ
ยกผ้าห่ม เอาไม้กวาดค้นหาตามพื้นใต้เตียงทุกซอกทุกมุม
จนปัญญาหาไม่เจอจริงๆ
รัฐบาลใจดี ใครมีอายุเกิน 60 ปี จะจ่ายเงินสงเคราะห์คนชราเดือนละ 500 บาท แต่คนชราภาพอย่างผมมันเลอะเลือนปล่อยไว้ก็จะเลอะเทอะ ไปรับปากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย สกว. ไว้ว่าจะเขียนบทความสั้น ๆ ให้เขา แล้วเรื่องก็ผ่านมาจนเข้าระยะไฟลนก้น กลับจากบ้านมาเจอเอกสารประกอบการสัมมนา 10 ปี “งานวิจัยท้องถิ่น : คุณค่าและความหมาย (Meaning) ต่อสังคมไทยและก้าวต่อไปในอนาคต” ในวันที่ 6-7 กุมภาพันธ์ ณ โรงแรมสยามซิตี้ ถนนศรีอยุธยา กรุงเทพฯ
เท่าที่อ่านรายชื่อผู้อาวุโสและผู้สันทัดกรณี พบว่างานนี้ไม่ธรรมดา มีแต่หัวกะทิทั้งนั้น หางกะทิก็มีอยู่คนหนึ่งคือกระผมนี้แหละขอรับ หางกะทิเกิดความคิดแว๊บหนึ่งขึ้นมาว่า การจัดประชุมสัมมนาเชิงรุกเพื่อตอบคำถามเรื่องก้าวต่อไปในอนาคต กระผม คิดว่าเราควรจะมีเรื่องใหม่ๆ หรือมีกระบวนการแสวงหาพวกหัวโตสมองใสใจเต็มร้อยเข้ามาสู่เวทีลักษณะนี้ เป็นการเปิดพื้นที่เพื่อสังคมอย่างแท้จริง ผมมีความรู้สึกว่างานวิจัยในประเทศไทยเสมือนกับงานการเมือง ที่ผู้คนหัวใจเป็นประชาธิปไตยมิใช่น้อย แต่ไม่รู้ว่าจะเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไร จึงงึมงำและป้อไปป้อมาไม่สามารถพอที่จะรวมพลังเป็นคานงัดอะไรได้
อยากจะตั้งหัวข้อว่า…อย่างนี้ก็มีด้วยหรือ
บ่ายเมื่อวานนี้ ระหว่างนั่ง ๆ นอน ๆ จะหลับมิหลับแหล่
ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้ามา
คุณสุภาพสตรีท่านหนึ่ง..เล่าว่าไปเดินซื้อหนังสือ
อ่านเจอเรื่องการปลูกป่า ตรงกับที่ตัวเองสนใจ
มีที่นาอยู่ที่สุรินทร์ เล่าว่า..ยกคันดินปลูกต้นไม้นานาชนิด