นโยบายคลานขึ้นจากน้ำท่วม ฉบับบ้านนอก

อ่าน: 1489

งานแถลงนโยบายงบประมาณของรัฐบาลเมื่อวานนี้ หลังจากท่านนายกรัฐมนตรีแถลงการณ์ใช้งบประมาณครอบคลุมไปทุกย่อมหญ้า รัฐฯจะกระจายเม็ดเงินให้ทั่วถึงทุกรายหัว เพราะเป็นรัฐบาลสนองความต้องการประชาชน ทุกตัวอักษรล้วนเป็นเจตนาดีที่โดนใจเหล่าประชานิยมทั่วหน้า ตามด้วยท่านประธานฝ่ายเศรษฐกิจประกาศลั่น เราจะไม่ยอมให้น้ำมาท่วมเสียหายยับเยินอย่างนี้อีกแล้ว ฉิบหายเท่าไหร่ก็ต้องควักเงินมาทำให้ได้ เราต้องเรียกความเชื่อมั่นของต่างชาติมาให้ได้ ตั้งแต่ปีหน้าเป็นต้นไป นิคมอุตสาหกรรมทุกแห่งต้องมีมาตรการป้องกันน้ำได้อย่างเด็ดขาด ไม่ต้องตาลีตาเหลือกกระเสือกกระสนเสียหายปี้ป่นอีกต่อไป เป็นเจตนาดีที่มุ่งมั่นอย่างยิ่งเลยใช่ไหมครับ ใครได้ฟังก็ขอเอาใจช่วยให้เป็นจริง ไม่ใช่ราคาคุยอย่างที่ผ่านมาๆ

รอเชียร์ รอดู รอรับบริจาคข้าวห่อ ต่อๆๆไป

หลังจากรู้สึกยินดีกับพี่น้องที่ตกน้ำ..ไม่เป็นท่าไปแล้ว

ไม่รู้จะทำอะไรได้

ผมมาสนใจระบบของรถใต้ดิน

อ ยู่ ใ ต้ ดิ น แ ท้ ๆ แ ต่ ไ ม่ มี ผ ล ก ร ะ ท บ จ า ก น้ำ ท่ ว ม

แปลกไหมละครับ ทางรถไฟอยู่ต่ำยิ่งกว่าที่ลุ่มมากมายนัก น้ำไม่ได้สะกิดผิวสักเอ๊ะ ถ้าของเขาดีและปลอดภัยอย่างนี้ ทำไมรัฐบาลไม่เสนอนโยบายสร้างเมืองใต้ดินละครับ จะได้ขุดดินใต้กรุงเทพออก แล้วอพยพเมืองลงไปอยู่ใต้ดิน แบ่งทำทีละเขตๆ ค่อยๆต่อเชื่อกันไป


ถ้าทำกันอย่างขนาดใหญ่ ดิ น ที่ ขุ ด ขึ้ น ม า จำ น ว น ม ห า ศ า ล ก็เอามาเทเป็นคันคูดินขนาดใหญ่ กว้าง 20 เมตร สูง 8 เมตร ปลูกต้นไม้สวยๆ2ข้าง จะเกิดทิวทัศน์สวยงามปลกตาไม่ซ้ำแบบประเทศอื่น นักท่องเที่ยวก็จะแตกตื่นมาบ้านเราเพิ่มขึ้น ธุรกิจท่องเที่ยวก็จะแจ่มใส ยิงนกโป้งเดียวได้หลายตัว

จัดการวางผังเมืองใหม่ ขยับขยายหลีกทางให้มีพื้นที่สำหรับทำทางไฮเวย์น้ำผิวดิน เพิ่มขึ้นจากเขื่อนดินถาวรริมฝั่งแม่น้ำ พื้นที่ตรงไหนตัดขัดก็เวนคืนทำระบบสาธารณูปโภค ไล่มาจากเหนือจรดภาคกลาง นอกจากเราจะได้ทางระบายน้ำที่มีประสิทธิภาพแล้ว ช่วงที่ไม่มีพายุฝนกระหน่ำ เราก็ยังกักเก็บน้ำขากแหล่งนี้มาทำประปา มาทำการเกษตร เสริมระบบน้ำที่มีอยู่เดิม ถ้าพิจารณาให้เห็นคุณประโยชน์ครอบคลุมอย่างนี้ จะเห็นจุดคุ้มทุนคุ้มค่าได้อย่างสมเหตุสมผล

น้ำมา น้ำต้องมีที่ไป ไม่ใช้น้ำมา ต้ อ ง ม า ร อ รั บ บั ต ร คิ ว

มาจัดสรรน้ำตอนที่ทะลักเข้าเมืองแล้ว..สะอื้น อ่วม กระอัก เหลือทน

ถ้ากรุงเทพฯและเมืองใหญ่ๆทำกันอย่างนี้ หน้าตาที่ดินและเมืองจะได้รับการยกเครื่องบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งประเทศครั้งใหญ่อย่างแท้จริง อาจจะมีคำถาม เราจะทำได้รึเรื่องบ้าบอคอแตกอย่างนี้ ทำได้สิเธอ รถไปใต้ดินเรายังทำสำเร็จมาแล้ว ประเทศฮอลแลนด์เขายังค้นพบวิธีสร้างประเทศจนเป็นเอกลักษณ์ของตนเอง ประเทศเรามีนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญเก่งไม่แพ้ชาติไหนในโลกหรอกนะเธอ เลิกเสียทีวิ่งไปลอกกากเดนวิธีการของต่างชาติมาก็อปปี้ทำ ประเทศเขาก็ออกแบบให้สอดรับกับสภาพปัญหาของเขา

สำหรับพื้นที่ทำการเกษตรนาน้ำชลประทานอย่างในแถบภาคกลาง ถ้าดูภาพบนเครื่องบิน เราจะเห็นรูปที่ดินวางเป็นแถวเป็นแนวอยู่แล้ว แทบทุกแห่งเชื่อมต่อกับคลองส่งน้ำ ถ้าใช้รถเม็คโครขุดคันดินกว้าง6เมตร สูง3เมตร ทั่วทุกพื้นที่ ด้านบนตบแต่งเป็นถนน ปลูกต้นไม้สองข้าง

เราจะได้แก้มลิงเป็นตารางหมากรุกเต็มพื้นที่

เราจะได้น้ำสำรองทำการเพาะปลูกช่วงแล้ง หรือทำประมงแบบพอเพียง

ถ้าพื้นที่มีปัจจัยเอื้ออวยอย่างนี้ พื้นที่นาจะหมุนเวียนไปปลูกพืชอื่นได้อีก

ไม่ต้องก้มหน้าก้มตาทำแต่นาอย่างเดียว

เป็นการยกระดับการใช้ประโยชน์ที่ดินได้หลากหลายวัตถุประสงค์

ส่วนพื้นที่ทำการเกษตรนาน้ำฝน ภาคอีสานเคยมีคนคิดเรื่องจะสูบน้ำโขงมาทำการเกษตร พิจารณาดูแล้วเป็นความคิดครึ่งเดียว ไม่สมประโยชน์กันการลุงทุน ถ้าเอารถแมกโครมาขุดแหล่งน้ำตามพื้นที่กรรมสิทธิ์ที่ดินของแต่ละราย ค่อยๆขายความคิด เลือกจุดที่สนใจและมีความพร้อม เรื่องนี้ลงทุนไม่มาก เป็นการปรับสภาพพื้นที่ทำกินการเกษตรขนาดใหญ่ ทุกพื้นที่มีถนนหนทางเข้าไปถึง มีแหล่งน้ำสำรองใช้ยามฝนทิ้งช่วง และหลังจากการเก็บเกี่ยวสามารถที่จะทำกิจกรรมในท้องไร่ท้องนาเพิ่มขึ้นหลากหลายรูปแบบ

การสร้างงานที่เป็นรูปธรรม

คำตอบอยู่ที่ผลลัพธ์ที่เพิ่มขึ้น

ชาวบ้านจะบอกเราเองว่าเขาความเป็นอยู่เขาดีขึ้นอย่างไรด้วยเหตุอันใด

การแจกเงินใครๆก็ชอบ

แต่ถ้ามีแต่เงินไปไม่มีความรู้กำกับไปด้วย

มันไม่ต่างอะไรกับสามล้อถูกหวย

คิดครึ่งเดียวทำครึ่งเดียวผมที่ได้ก็ จิ๊ดเดียว

ถ้าทุกข์ของชาวนาเป็นทุกข์ของแผ่นดิน

ไม่เปลี่ยนไม่ทำอะไรให้ดีขึ้น..ทุกข์ถาวรจึงเกิดขึ้น

ถ้าแผนฟื้นฟูชาวไร่ชาวนาแบบดั่งเดิมใช้ได้..

ชาวนาไม่เปลี่ยนจาก เ ก ษ ต ร ก ร ไปเป็น ก ร ร ม ก ร หรอกนะเธอ

ลองคิดและทำด้วยสติของปัญญาไทยดีไหมครับ

ไ ป ต า ม ก้ น เ ข า ก็ เ ห มื อ น กิ น ทุ เ รี ย น ทั้ ง เ ป ลื อ ก

ในโลกนี้จะมีผู้ใดศึกษาปัญหาระบบน้ำของประเทศไทย

เท่ากับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ

ในกะโหลกคนไทยมีก้อนสมองคุณภาพดีไม่แพ้ใครหรอก เพียงแต่ต้องยอมรับความสามารถคลังสมองของคนไทย วางแผนศึกษาวิจัย ระดมความรู้ความคิดเห็นให้เกิดเป็นพลังแห่งชาติ ไม่อย่างนั้นเราจะไปตั้งต้นวางรากฐานของประเทศไทยให้เจริญก้าวหน้าแข่งกับอาเชียน แข่งกับสังคมโลกเขาด้วยเรื่องอะไรละครับ ถ้าเลิกวิธีคิดและวิธีทำแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด มาเป็นการตัดเสื้อผ้าให้พอดีตัว เมื่อนั้น ประเทศไทยชาติเชื้อไทยจะเริ่มตั้งไข่จริงๆเสียที

อ ย่ า ช ว น ค น ไ ท ย ..ข า ย ขี้ ห น้ า ช า ว โ ล ก อี ก เ ล ย

ถ้าทำเป็น..ประเทศเรายังไงๆก็ไม่ยากจนอยู่แล้ว

คนที่มีประเทศเป็นของตนเอง จะเรียกว่าคนจนได้อย่างไร

คนที่มีศาสนาสร้างวินัยและยึดเหนี่ยวจิตใจ จะเป็นคนจนได้อย่างไร

คนที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นจุดรวมใจ จะเป็นคนจนได้อย่างไร

ขอแต่คนไทยเรียนรู้วิธีที่จะไม่เหยียบตาปลากัน

อย่าถือโทษ ให้อภัย เคารพการทำหน้าที่ของกันและกัน

จุดนี้ ..จะเป็นการเปิดนโยบายประเทศที่ดีที่สุดเท่าที่ประเทศนี้เคยมีมา


ผูกอู่นอนดีไหม

อ่าน: 1414

อภิมหาโกลาหลเกิดขึ้นกับพี่น้องภาคกลางหลายจังหวัด เมื่อกองทัพน้ำเคลื่อนพละกำลังพังกำแพงดินและทรายราบคาบที่จะจุดๆ ขยุ้มคันดินที่นครสวรรค์ ต้านทานกันได้ 3-4วันก็กำแพงยุ่ย น้ำ น้ำ ทุกหนทุกแห่งสมทบกันบุกอยุธยา อยุธเยศล่มแล้วเบ็ดเสร็จ น้ำสมทบกันมากขึ้น เป็นพลังกดดันดาหน้าเข้าถล่มจังหวัดปทุมธานี ที่มีโรงงานอุตสาหกรรมอยู่จำนวนมาก มีพนักงานนับแสนคน เท่าที่ดูการสร้างกำแพงป้องกัน เห็นว่าทำกันแบบประมาท ถ้าพนักงาน 4-5 หมื่นคน ช่วยกันขนทรายไปตั้งกำแพงคนละ10ถุง ทำให้แน่นหนาและสูงพอควรก็น่าจะต้านทานไหว แต่ก็นั่นแหละคนพูดอาจจะพูดง่าย แต่คนทำเหนื่อยแทบตาย

สรุป น้ำเชี่ยวมากเกินที่จะรับไหว

ความเสียหายเป็นวงกว้าง

ทำให้การป้องกันช่วยเหลือทำได้ยาก

เกินกำลังที่จะทำให้ทั่วถึงได้เท่าที่ควร

บางแห่งจึง อดกลั้น อดทน ตามมีตามเกิด สู้ สู้

พันธกิจกู้วิกฤติน้ำ เกี่ยวข้องกับปัญหาที่ซับซ้อนทั้งประชากรและพื้นที่ก็หลากหลาย สารพัดปัญหาประเดประดัง จนกระทั้งผูัคนที่เผชิญหน้าคงไม่มีเวลาที่จะคิดใคร่ครวญอะไรได้แล้ว มันมึนงงไปหมด คนที่อยู่วงนอกน่าจะมีเวลาช่วยฉุกคิด ก็คิดๆๆๆหาทางออก จะทำยังไงๆๆๆ ผมกำลังลุ้นการใช้ตู้คอนเทนสร้างกำแพงป้องกันน้ำ ทราบว่าเฮลิคอปเตอร์มายกมีปัญหาต้องล่าช้าออกไป  ถ้าน้ำแรงขอเสนอว่า ให้อ็อกเหล็กเป็นเดือยติดด้านหลังฝั่งต้านแรงน้ำ จะช่วยให้ตู้คอนเทนเนอร์ยันรับน้ำหนักน้ำดีขึ้น

เราได้เห็นการอพยพอย่างอลหม่านเกิดขึ้นไม่ต่างกับตกอยู่ในภาวะสงคราม

เด็กๆ คนแก่ คนเจ็บป่วย น่าสงสารที่สุด

ถ้ามีผู้อพยพสมทบกันมากขึ้นๆก็จะแออัด

ขอเสนอว่าถ้ามีอู่ที่ทำด้วยผ้าร่มแบบที่ทหารผูกนอนในป่า

น่าจะช่วยแก้ปัญหาในการหาวิธีนอนชั่วคราวด้วย

เช่น ผู้ที่ออกไปช่วยเหลือน้ำท่วมน่าจะติดอู่ผ้าร่มไปด้วย

หรือเอาไปฝากผู้ที่เดือดร้อนเรื่องที่พัก

อู่ผ้าร่มนี้ม้วนๆติดตัวเอาไปไหนได้สะดวก

จัดหาได้ง่ายกว่าการเตรียมที่นอนประภทอื่น

เพียงแต่จะต้องหามุมผูกอู่ให้ปลอดภัย

อนึ่ง ถ้าจะใช้กลดแบบพระธุดงค์ใช้ก็ดีตรงที่ป้องกันยุงได้ด้วย

จะได้นั่งสมาธิ ยุบหนอ พองหนอ ลดหนอ แห้งหนอ ..


น้ำตาเซียน

อ่าน: 1882

ภาพที่ปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ คือ คำพิพากษาโทษที่มนุษย์ข่มขืนธรรมชาติ สะสมบาปมากก็รับโทษมาก บางคนไม่ได้ทำอะไรก็พลอยติดบ่วงร่างแหไปด้วย คงจะมีความผิดฐานละเมิดโดยไม่เจตนากระมัง จะอ้างว่า..ความไม่รู้ควรจะได้รับการลดโทษ แต่กฎแห่งกรรมก็เหมือนกฎหมายของประเทศนี้นั่นแหละ มัดมือชก..

ทุ ก ค น ต้ อ ง รู้ ก ฎ ห ม า ย

เมื่อโลกพิพากษาออกมาอย่างนี้

ทุกคนต้องรับไปเต็มๆทั้งที่ไม่ความผิดมากและน้อย

ไม่สามารถเกี่ยงการรับผิดได้

ชวนให้ปลูกต้นไม้ก็ไม่ปลูก

ชวนให้อนาทรธรรมชาติก็ไม่ทำ

ย่ำต๊อกย่ำยีเดินหน้าดื้อตาใส

เกิดมาทำซากอะไรไม่รู้ > >

ถ้าติดตามข่าวน้ำท่วมติดต่อมาเรื่อยๆ เราจะเห็นภาพซ้อนในอดีตวับแวบ เมื่อครั้งอโยธยาเข้าหน้าน้ำหลาก ผู้คนอยู่เย็นเป็นปกติ ไม่ว่าน้ำจะขึ้นสูงแค่ไหนท่วมท้นอย่างไร ก็ยังพายเรือไปมาทำภารกิจได้ตามปกติ จัดงานรื่นเริงต้อนรับน้ำหลากอย่างสนุก เก็บสายบัว วางข่ายดักปลา งมหากุ้งแม่น้ำตัวใหญ่มาทำอาหารใส่บาตร เตรียมการบ้านการบุญออกพรรษา ชวนกันไปเสริมภูมิคุ้มกันให้ใจอยู่กับเนื้อกับตัว

โฉมยงเตรียมดอกบัวดอกไม้ทำอาหารไปวัด

ตื่นมาไม่เจอ..เธอคงไปสะสมบุญแล้ว

ปล่อยให้คนบาปหาอะไรใส่ท้องช่วยตนเอง

เธอเสียบปลักกระติกน้ำร้อนไฟฟ้าไว้ให้

แค่นี้ก็ดีใจ พอใจ เห็นน้ำใจ ในน้ำร้อนปุดๆ

เอาไม้ฝางที่ฤๅษีเอามาฝากใส่ลงในน้ำร้อน

ได้น้ำชาสีสวยตั้งไว้ข้างๆ

อุ่นกำลังดีก็จิบสดชื่นต้อนรับยามเช้าที่เริ่มอากาศเย็น

พ ร้ อ ม กั บ ดู ข่ า ว ป ร ะ เ ท ศ ไ ท ย ต ก น้ำ !

ออกไปอาบแดดยืดเส้นยืดสาย

อ้าว อ้าว !! เห็ดโคนดอกสวยๆขึ้นรอบบ้าน

เดินไปชม ที่โน่นก็มี ที่นี่ก็มี ..

อยากจะให้คนใจกระด้างมาเห็นมาเก็บ

แต่ก็นั่นแหละ..บรรณาการจากสวรรค์ขึ้นอยู่กับวาสนา..

อีหนูนางหนึ่งโพสใน Facebook ปาฏิหารย์มีไหม?

โธ่ ! มีแต่ปาหัวเธอนะสิ..

ภาพเรือสัญจรไปมาบนท้องถนน ผ่านหน้าร้านค้าซึ่งเคยมีรถยนต์พลุกพล่าน แม้แต่มอเตอร์โซก็ถูกกวาดไปสิ้น ความสะดวกสบายกลายเป็นเดี้ยงทั้งระบบ รถตู้ รถสิบล้อ รถเครน รถแมคโค และรถไฟ ง่อยไปตามๆกัน ในเมื่อน้ำเข้ามายึดพื้นที่คืนอย่างที่เคยเป็นอยู่ในอดีต

ทุกหนทุกแห่งเต็มไปกำแพง มนุษย์กำลังสร้างสิ่งป้องกันน้ำ ไม่ยอมแบ่งปันให้น้ำอยู่ตามธรรมชาติ เมื่อแข็งขืนก็ต้องยืนนอนชุ่มน้ำ บรรจุทราย ขนถุงทราย ตอกเสาเข็ม ห่อหินก้อนโต ไปหย่อนแหย่หยั่งพลังน้ำ หลังจากงัดข้อกันมาระยะหนึ่ง สู้อดหลับอดนอน งัดทุกวิชาความรู้มาใช้ ผลเป็นอย่างไรก็พิเคราะห์เอาเองเถิด

น้ำไม่ได้ทำอะไรเลย ต้องการเพียงไหลจากที่สูงสู่ที่ต่ำ ขอไปดีๆ..ก็ไม่ยอมเปิดทาง ไม่อนุญาต ไม่แจกบัตรคิว แทนที่น้ำจะผ่านไปได้รวดเร็ว ก็ต้องมาผ่านด่านกักกั้นเป็นระยะๆ

มนุษย์คิดอะไรของมันวะ

ทำลายธรรมชาติ ตัดสิทธิธรรมชาติ ไม่รู้ไม่ชี้ไม่ๆๆๆใดๆทั้งสิ้น ถ้ามนุษย์กับธรรมชาติไม่ออมชอมกัน ไม่พบกันครึ่งทาง เรื่องที่คิดว่าวิกฤติจนเกินวิกฤติแล้วนั้น เป็นเพียงเผาหลอก.. เผาจริงยังมาไม่ถึง ถ้าคิดและทำเยี่ยงนี้

อยากจะลองดีก็คงได้ลอง..

ไม่กี่ปี..ไม่นานหรอก จะได้ลองดีและลองร้ายอีกแน่ๆ

สนามบินสุวรรณภูมิที่ไปสร้างท้าทายในที่ลุ่ม

อีกหน่อยจะเป็นที่ชาวบ้านไปพายเรืออีโป่งเล่น

เป็นสถานที่จัดแข่งกีฬาทางน้ำ

จัดแข่งตีโป่งแห่งชาติดีไหมละ

หลังจากฝนลดน้ำเหือดหายไป ลองทบทวนอะไรๆที่ทำไว้เกินเลย ถนนหนทาง สถานที่ราชการ บรรดาร้านค้า ที่อยู่อาศัย ที่ทำอยู่ทำกิน ที่ทำการผลิตการค้าการขาย มันควรจะเอาไปวางไว้ตรงไหน ปะผุกันอย่างไร ต้องเรื้อทั้งระบบหรือเปล่า วางแผนแก้ไขไปทีละเปลาะๆเอาไหม หรือจะทำระดับสร้างเมืองใหม่ สร้างประเทศใหม่ ทำเป็นเมืองครึ่งบกครึ่งน้ำอย่างในอดีต สร้างอะไรให้สอดรับสอดคล้องกับสภาพธรรมชาติ

พลโลกควรเรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติ

ทุกภาควิชาที่ก๋าๆควรเรื้อชุดวิชาใหม่

ควรมีการสอดแทรกมิติของธรรมชาติในทุกบริบท

เลิกแข็งขืนฝืนสร้างบ้านแปงเมืองอย่างที่ผ่านๆมา

ทำอะไรแบบอำเภอใจ..หยุดเถอะ

ทำอะไรแบบไม่คำนึงถึงสภาพแวดล้อม..หยุดเถอะ

ทำอะไรเพื่อจะให้ร่ำให้รวยแบบมักง่าย..ฉุกคิดเถอะ

นักอุตสาหกรรมอาหารที่กำลังมีชื่อเสียง ลงทุนสร้างโรงงานไปสดๆร้อนๆหลายพันล้านบาท อนาคตกำลังพุ่งทะยานสดใส เงินไหลมาเทมาเป็นกะตักอยู่เห็นๆ เมื่อคืนนี้นอนเฝ้าโรงงานน้ำตาไหลพราก เขาเก่งทุกอย่าง ..แต่ยังบกพร่องความรู้เรื่องธรรมชาติ ไปลงทุนตั้งโรงงานในพื้นที่ลุ่มอยุธยา น้ำบ่ามาก็ท่วมวินาศสันตะโรนะสิ

น้ำ ช า เ ขี ย ว ที่ โ ร ง ง า น ผ ลิ ต จำ ห น่ า ย ข า ย ไ ด้ เ งิ น

น้ำ ที่ ไ ห ล บ่ า ท่ ว ม โ ร ง ง า น บ ร ร จุ ข ว ด ข า ย ไ ม่ ไ ด้

ทั้งๆที่มันเป็นน้ำเหมือนกัน..แ ต่ ไ ม่ เ ห มื อ น กั น

เราจึงได้เห็นน้ำตาเซียน > >

นิทานเรื่องนี้ สอนว่า..

นั ก ล ง ทุ น ต้ อ ง มี จ ริ ย ธ ร ร ม

ปัญหาโลกร้อนไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

มนุษย์พากันก่อการร้ายต่อธรรมชาติไม่บันยะบันยัง

วันนี้จึงมีจึงเห็นเซียนสะอื้นนับล้านคนทั่วโลก!

ถึงมนุษย์สร้างกฎโน่นกฎนี่ออกมามากมาย

แต่มันไม่สามารถมาลบล้างกฎของโลกได้หรอกนะ

อยู่ในโลก พึ่งพิงอิงทรัพยาการของโลก

แต่ก็พากันทำลายต้นทุนของโลก

อย่าดื้อและกระด้างนักเลยพ่อคุณแม่คุณเอ๋ย


ดีกว่านั่งหายใจทิ้ง

อ่าน: 1667

ถ้าสถานการณ์เฉพาะหน้าสำคัญ

สถานการณ์เฉพาะหลังก็สำคัญไม่แพ้กัน

เห็นข่าวและภาพกำแพงต้านน้ำที่เร่งทำกันอย่างโกลาหล การถุงทรายทำกำแพงใช้ได้ผลดี ทำสะดวกแล้วยังกู้กลับคืนได้ง่าย แต่เหมาะกับสถานการณ์น้ำท่วมธรรมดาๆ ไม่สามารถที่จะเอามาใช้ป้องกันน้ำท่วมระดับมหาวิปโยคได้ ถ้าน้ำพุ่งกระฉูดหนุนเนื่องมหาศาล บางทีการเซาะซึมข้างล่างก็เป็นจุดเปราะบางได้ ความสูงความแรงความดันของน้ำคราวนี้เกินกำลังของกำแพงทรายจะต้านได้ การใช้ดินหรือหินเกล็ดก็มีจุดอ่อนเหมือนกำแพงทราย เพราะไม่สามารถสร้างสูงๆให้แข็งแรงได้

สรุปว่า ต้องหาวิธีสร้างกำแพงใหม่ที่แข็งแรง ทำง่าย ทำเร็ว

ผมลองคิดเล่นๆ แต่อยากให้ทดลองทำดู

โดยเอา ตู้ ค อ น เ ท น เ น อ ร์ เก่ามาใช้

เอารถเครนยกตั้งๆๆเรียงๆๆตามจุดที่กำแพงพัง

จุดที่จำเป็นต้องเร่งสร้างกำแพงใหม่

หรือจำต้องเร่งสร้างเสริมแนวป้องกัน

เรียงตู้ฯตามแนวตั้งในจุดที่น้ำลึก

เรียงตู้ฯตามแนวนอนในจุดที่น้ำตื้น

ถ้าเกรงว่าน้ำจะพัดตู้คอนเทนเนอร์ไหลไปตามน้ำ

ให้เอาดินหรือทรายใส่ลงบางส่วนถ่วงน้ำหนัก

เมื่อตั้งเข้าที่แล้วจึงเอาวัสดุหนักๆใส่ข้างในให้เต็ม

ถ้าสร้างตามแนวคิดนี้จะทำกำแพงได้เร็ว

หลังจากน้ำลดยังกู้คืนได้ง่าย

ตู้ ร ถ บ ร ร ทุ ก สิ น ค้ า เ ก่ า ร ถ ไ ฟ ก็ เ อ า ม า ใ ช้ เ ส ริ ม ไ ด้

ที่ช่วยคิดช่วยลุ้นอย่างนี้

เพราะเป็นห่วงพื้นที่กรุงเทพฯด้านใน

บ้านญาติโกชาวเฮก็อยู่ในนี้ไม่ใช่น้อย

จะขนถุงทรายจากบุรีรัมย์ไปฝากก็คงไม่ทันการ

จะชวนแห้วเปิดร้านขายทรายถุง..ก็ออกจะเกินไป

ผมชอบใจที่นักศึกษาเทคโนโลยีแห่งหนึ่ง (เสียดายจำชื่อไม่ได้) ที่อาจารย์/นักศึกษาช่วยกันประดิษฐ์เครื่องบรรจุทราย ได้นาทีละ10กระสอบ แถมยังใช้แรงงานไม่กี่คน เรื่องนี้สมควรชื่นชมที่สถาบันการศึกษาเอาวิชาความรู้มาช่วยคลี่คลายปัญหาอย่างตรงจุด

ระหว่างน้ำท่วม นักศึกษาหลายสถาบันมาช่วยเหลือประชาชนอย่างแข็งขัน

หลังน้ำท่วม นักศึกษาสายช่างต่างๆจะช่วยได้อย่างมาก

จะสอนวิชาจิตอาสาก็ต้องเลือกโจทย์สดๆร้อนๆอย่างนี้แหละ

ช่างไม้ ช่างปูนฯ ช่วยซ่อมบ้าน

ช่างก่อสร้าง ข่วยสร้างบ้านตัวอย่าง

ช่างอ๊อกช่างเชื่อม ช่วยปะผุงานเหล็ก

ช่างไฟฟ้ ช่วยดูระบบไฟฟ้าในครัวเรือน ซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า

ช่างยนต์ ช่วยซ่อมเครื่องยนต์ รถยนต์ มอเตอร์ไซด์

ช่างสี ช่วยซ่อมแซมเฟอร์นิเจอร์

ช่างเย็บปักถักร้อย ช่วยซ่อมแซมงานผ้า ที่นอนหมอนมุ้ง

ช่างโภชนาการ ช่วยแนะนำเมนูอาหารที่ปลอดภัยราคาถูก

ช่างศิลปะ ซ่อมแซมโบราณสถาน

ช่างโยธา ช่วยเรื้อเก็บวัสดุที่เกะกะกำแพงสู้น้ำ

ช่างออกแบบ ช่วยวางแผนวางผังการแก้ไขทางน้ำ/ร่องน้ำ/ถนน

ช่างเถอะ..ชวนไปเก็บขยะ ทำความสะอาดบริเวณทั่วไป

ช่างเขียน..ชวนมาเขียนบล็อกในลานปัญญา

ช่างคุย.. ไล่ไปเล่น Facebook..อิ อิ


วิทยานิพนธ์

อ่าน: 1512

วิทยานิพนธ์ คืออะไร ไม่ขอตอแยตีความนะครับ อนึ่ง ผมประเภทจบมัธยมพอกะเทิน ไม่มีคุณสมบัติที่จะอาจเอื้อมทำเรื่องยิ่งใหญ่และสำคัญยิ่งยวดอย่างนั้นได้ จึงสังเกตสังกาอยู่ห่างๆ  และคอยอ่านเรื่องผู้ที่ศึกษาสำเร็จแล้วนำมามอบให้ เรื่องของสวนป่ามีนักศึกษาจากหลายสำนักเอาไปเป็นหัวข้อวิทยานิพนธ์ แม้แต่สถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯก็หยิบเอาไปทำวิจัยในหัวข้อ “บทบาทศูนย์เรียนรู้:กรณีศึกษามหาชีวาลัยอีสาน ยังมีนักศึกษา ป.โท ของจุฬาฯมาทำเรื่อง …นักศึกษา ป.เอก แม่โจ้ และ ป.เอก ม.อุบล กำลังเขมักเขม้นทำเรื่องของผมมาหลายปีดีดักแล้วละครับ ทำยังไงๆก็ไม่จบสักที น้ำตาเช็ดหัวเข้าจนแห้งแล้วแห้งอีก เข่าทั้ง 2 ข้างด้วยนะเธอ

แสดงว่า  การที่จะเป็น ดร.ได้นี่ยากเย็นชะมัดเลย

แต่ก็ทราบข่าวว่ามีช่องทางทำวิทยานิพนธ์ให้ได้เป็น ดร. กำมะลออยู่เหมือนกัน

เช่นบินไปชุปตัวที่ประเทศฟิลิปปินส์บ้างอินเดียบ้าง

วิธีนี้ง่าย ปีเดียวก็ได้เป็นดร.อุบอิบแล้ว

ผมละอึ้งจริงๆที่ครูบาอาจารย์พากันทำอย่างนี้

ถ้าอาจารย์โง่ จะมาสอนลูกหลานผมให้ฉลาดได้อย่างไร

เรื่องนี้หน่วยงานที่กำกับดูแลควรมีมาตรการเฉ่งปี่ ดร.จำบ่มพวกนี้ให้ชัดเจน

ไม่อย่างนั้นแยกยากครับ คนไหน ดร.จริงคนไหน ดร.เสมือนจริง

พวกที่เสมือนจริงนี้แหละที่ก๋าๆกว่าตัวจริงเสียอีก

สอนลูกศิษย์แบบตัดไม้ข่มนามไว้ก่อน

อาจารย์เก่งยังโง้นเก่งยังงี้ ผ่านงาน ผ่านประสบการณ์มาจนจำแทบไม่ไหว

ลองไล่เรียงดูเถอะ  กลิ่นน้ำนมยังไม่หย่าจากแหล่งที่ไปทำอีแอบมามีเยอะ

หัวข้อวิทยานิพนธ์จะว่ายากก็ยากง่ายก็ง่าย ขึ้นอยู่กับต้นทุนของแต่ละคน ผ่านสมรภูมิการวิจัยมาในระดับไหน สมัยที่เรียนโทตั้งใจทำการบ้านเต็มที่ หรือเรียนแบบปริญญาโธ่! ปริญญาโถ ! เมื่อเช้านี้มีบลอก “ลานชาวนา” โผล่มาแนะนำตัวว่าเป็นนักศึกษาปริญญาเอก สาขานวัตกรรมเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น มหาวิทยาลัยราชภัฏมหาสารคาม นักศึกษากลุ่มนี้เคยเข้ามาขลุกอยู่ที่สวนป่าเมื่อเร็วๆนี้ ผมวางยาไว้ว่าให้ลองเข้าไปค้นอ่านในลานปัญญา และเมื่อร้อนวิชาก็ทดลองเขียนบล็อก ปรากฎว่านักศึกษาท่านนี้เป็นหมูไม่กลัวน้ำร้อน เป็นไงเป็นกัน เต้นก๋าออกมาปรากฎตัว ผมเห็นแล้วชื่นชมยินดีเป็นอย่างมาก น่าจะเป็นคนแรกที่ค้นพบวิธีไล่ล่า ดร.

การเรียนระดับปริญญาเอกสมัยนี้จะไปรออาจารย์ป้อนนมไม่ได้หรอก

นักศึกษาต้องหาทางค้นคว้าจากแหล่งต่างๆด้วยตัวเอง เดินทางไปพบปะพูดคุยกับผู้สันทัดกรณีจำนวนมากให้ครบถ้วนทุกระดับ  เช่น โรงสี ข้าราชการที่เกี่ยวข้อง อบต. ผู้ใหญ่บ้าน เจ้าแม่โอท็อปประจำตำบล กรมการข้าว ร้านค้า แม่ค้า ชาวนา หัวหน้าม็อบชาวนา เครือข่ายชาวนา เครือข่ายผู้บริโภค แม้แต่เจ้าแม่โพสพ เจ้าที่เจ้าทาง ขาใหญ่ นายทุนปล่อยดอก พวกรับจำนำข้าวเขียว โอย เขียนไม่ไหวหรอก ลงไปทำถึงจะรู้ว่ายังขาดเหลืออะไร ศึกษานโยบายและมาตรการต่างๆ ข้อดี ข้อด้อย กรณีการทุจริตในวงการรับจำนำข้าว เล่ห์กลที่ชาวนาถูกกระทำ ฯลฯ

จงลงมือทำในบ้างเรื่อง หลายๆเรื่อง

ที่ผมแนะนำมาที่ลานปัญญญาก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

ยังมีเรื่องที่จะฝ่าด่านอรหันต์อีกไม่รู้กี่ด่าน

ต้องค้นคว้าเรื่องหนึ่งเรื่องใดให้แตกฉานจนสามารถหยิบมาเขียนเป็นโมเดลได้

ไม่อย่างงั้นจะเอาอะไรไปรับปริญญา

นักศึกษาต้องไปเก็บเรื่องธรรมดาไม่รู้ก๊่ร้อยฉบับมาร้อยเรียงให้เป็นเรื่องพิเศษ 1 เรื่อง

แถมยังไม่ซ้ำรอยซ้ำแบบใครด้วยนะ

ยกตัวอย่างเรื่องของชาวนา โอ้โฮ้ มีโจทย์วิทยานิพนธ์ไม่เลือกทำได้รู้กี่ร้อยฉบับ เพียงแค่ผมอยากจะรู้ว่า ชาวนาจะสร้างเครืองข่ายวิวัฒนาการการทำนาให้เข้ากับยุคสมัย ที่มีกระบวนการยกระดับการปลูก การผลิต การจำหน่ายของตนเอง ที่ตั้งสมมุติฐานไว้นี้ นักศึกษาบอกได้ไหมว่า ถ้าจะไปสร้างกลุ่มชาวนาที่ลืมตาอ้าปากได้ด้วยตนเองจะต้องคิดต้องทำอย่างไร ถ้านักศึกษาไปลงมือพาชาวบ้านทำขึ้นมา ตัวเองลุยโคลนไปกับเขาด้วย แล้วตามเก็บกระบวนการทุกลำดับชั้นไว้มาร้อยเรียง ให้เห็นแผนที่การสร้างชาวนาพันธุ์ใหม่ ถ้าทำหัวข้อการเกิดขึ้นชาวนาพันธุ์ใหม่ โห  ผมว่าจะจ๊าบส์มากเลยละครับ

ถามว่ายากไหม

เอาอะไรมาวัด

ในระหว่างทำวิทยานิพนธ์ ถ้านักศึกษาไม่ไปเป็นตัวชาวนาเสียเอง

มันตีบทไม่แตกหรอก

เ รื่ อ ง ช า ว น า ใ ค ร จ ะ ม า รู้ ดี ก ว่ า ตั ว ช า ว น า ละ ค รั บ

อยากจะเป็น ดร.เรื่องชาวนา ก็ต้องไปเป็นชาวนา

ถามว่ามีวิธีอื่นที่ดีและง่ายกว่านี้ไหม ?

มี

แ ต่ ผ  ม ไ ม่ รู้ จั ก  ?

อนึ่ง ในระหว่างเขียนต้นฉบับโมเดลอีสาน เส้นทางมันก็คล้ายกับที่เล่ามาข้างบนนั่นแหละ ผมต้องมาออกแบบว่าจะร่ายทวนอย่างไร คำถามแรก เจ้าเป็นไผ เจ้าทำอะไรมาบ้าง เจ้าไปเกี่ยวข้องกับงานใดบ้าง เมื่อได้ประเด็นหยาบๆมาอย่างนี้ ผมก็พอจะได้เค้าแบ่งเรื่องที่จะเขียน เช่น

ไปยุ่งกับการศึกษา ก็เขียนกระเทาะมุมการศึกษาเท่าที่ไปรู้เห็นมา แล้วคิดว่าจะทำอย่างไร มีข้อเสนอแนะอย่างไร

ไปยุ่งกับกระทรวงสาธารณสุข ก็เขียนเรื่องสุขภาพสุขภาวะที่เกี่ยวข้องและเผชิญอยู่

ไปเกี่ยวข้องกับงานวิจัย ก็เขียนเรื่องวิจัยไทบ้าน เรื่องวัวกินใบไม้ วัวกินไวน์ก็ว่าไป

ไปเกี่ยวข้องกับงานพัฒนาท้องถิ่น ก็เขียนเรื่องบทบาทของมหาชีวาลัยอีสาน

ไปเกี่ยวข้องกับการจัดการความรู้ ก็เขียนเรื่องชุมชนคนแซ่เฮยังไงละเธอ

ไปเกี่ยวข้องกับแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ก็เขียนประมวลไว้ในโมเดลอีสาน

ก็เหมือนผมรักใครสักคน ผมก็ต้องเขียนถึงคนนั้นสิครับ

เขียนและทำในสิ่งที่ตัวเองรู้ มันสอบไม่ตกหรอกนะเธอ อิ อิ ..

:: ข่าวล่ามาเร็ว 12-14 นี้ ต้องไปร่วมงานมหกรรมสุขภาพแห่งชาติ ครั้งที่ 2 ที่เมืองทองธานี

ชาวแซ่เฮ มีใครมาบ้างไหมครับ แหม มันน่าชุมนุมชาวเฮนะนี่

ผมมีรายการจะตามมูลนิธิชัยพัฒนาไปที่ลาวในช่วงนี้ แต่ก็ต้องบายเสียแล้ว

จำต้องเข้ากรุงไปงานดังกล่าว เบี้ยวประชุมเขาบ่อย จนหนังสือเชิญมีรังสีอำมหิต ..ตอกย้ำจัง..

” ในฐานะที่ท่านเป็นกรรมการในคณะกรรมการกำลังคนด้านสุขภาพแห่งชาติ ที่แต่งตั้งโดยคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ สวรส.จึงขอเชิญท่านเข้าร่วมการประชุมวิชาการดังกล่าว จึงเรียมาเพื่อโปรดพิจารณาดัวย จะเป็นพระคุณ “

งานดังกล่าว อยากให้เบริด์มา เตรียมเรื่องใส่ซองมาด้วย จะได้จับแพะชนแกะให้รู้แล้วรู้รอดเสียที

เข้าไปดูรายละเอียดที่นี่ >> ผู้ประสานงาน คุณวันเพ็ญ ทินนา e-mail:wan...@hsri.or.th



Main: 0.094514131546021 sec
Sidebar: 0.047478914260864 sec