ชีวิตนี้หนอเหมือนใบไม้ปลิวไปตามแรงลม

อ่าน: 2118
โดย Sutthinun Pratchayapruet เมื่อ 28 กรกฎาคม 2012 เวลา 22:36 น. ·

ฝน และ ฝน

หมู่นี้ฝนตกหยุมหยิมบ้าง ตกพอประมาณบ้าง ตกซู่ๆบ้าง

คืนนี้ดูภาพจากเรดาร์เห็นกลุ่มเมฆฝนจากโคราชกำลังมุ่งมาอีกกลุ่มใหญ่

เที่ยงคืนนี้ หรือพรุ่งนี้เช้าอาจจะมีฝนหนักก็ได้

ถ้าไม่มีฝน หรือฝนทิ้งช่วง

คนงานก็จะเทพื้นปูนทับแผ่นสำเร็จได้เรียบร้อย

หลังจากนั้น 3 วัน ก็ก่อสร้างบ้านบนพื้นที่ว่านี้ได้แล้ว

คนงานกลุ่มหนึ่งไปอัดอิฐดินซีเมนต์

ได้ปริมาณที่พอจะสร้างห้องน้ำ-ห้องเก็บของ-ห้องครัว-ห้องซักล้าง

งานกำลังสัมพันธ์กันได้ด้วยดี

ถ้าไม่มีฝน อุปกรณ์ไม่ติดขัด

20 วันคุณชายก็จะได้บ้านพำนักที่มีต้นไม้แวดล้อม

มีสายลมและแสงแดด มาเยือน

แวดล้อมด้วยธรรมชาติที่เราพอจะสร้างเสริมขึ้นมา

ยังกังวลหน่อยเดียวที่ 2-3วันนี้ผมก็จะไม่ได้อยู่บ้าน

มหาวิทยาลัย อุบลส่งรถมารับ รับไปทำไมหรือครับ มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี เสนอขอพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ให้กับกรรมการสภามหาวิทยาลัยตามกฎหมาย ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ประจำปี 2552 ซึ่งได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ชั้นเบ็ญจมาภรณ์มงกุฎไทย นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณของคนป่าอีกวาระหนึ่ง ผมถือโอกาสจะเอาหนังสือ “โมเดลบุรีรัมย์” ไปฝากคณาจารย์ผู้ใหญ่ด้วย

วันที่ 29 พักที่อุบลหนึ่งคืน

วันที่30 ก่อนเที่ยงรับเครื่องราชฯแล้ว ยังได้รับฟัง ศ.ดร.กนก วงศ์ตระหง่าน

บรรยายพิเศษ : การเตรียมความพร้อมสู่ประชาคมอาเซียน(AEC)

ตอนเย็นจะบินมาเป็นนกขมิ้นเหลืองอ่อนที่บางกอก

วันที่ 31 ไปประชุมคณะกรรมการด้านกำลังพลที่กระทรวงสาธารณสุข

วันที่1 สิงหาคม ไปดูการลงทุนด้านการเกษตรฯให้กับนักธุรกิจชาวอินเดียที่ ลพบุรี

วันที่ 2 จะนั่งรถตู้กลับสวนป่าพร้อมแห้ว

คาดว่าจะถึงอำเภอสตึกประมาณบ่ายโมง

อยู่ โยงถึงวันที่ 7 ก็จะเดินทางเข้าบางกอก แล้วต่อไปเชียงใหม่ มีคนถามว่าจะไปไฟล์ไหน? ยังตอบบ่ได้เพราะยังไม่ได้ดูตารางบิน แต่ไม่ต้องกลัวหรอกนะเธอ ถ้าพลาดเที่ยวบิน อาจจะจี้เครื่องบินไปก็ได้ เอา เป็นว่า 8-12 ลุยเชียงใหม่แน่ ใครจะเลี้ยงข้าวซอยก็จะเป็นพระคุณ เขยเชียงใหม่จะได้กลับมาทบทวนความหลังเมื่อครั้งยังเป็นหนุ่มกระเตาะ แอบมาเต๊าะกุหลาบเวียงพิงศ์ ยุคก่อน ..อีน้องคนงามกินข้าวแลงแล้วก่อ..รายละเอียดจะเรียนให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง ในชั้นนี้บอกเล่าพอสังเขป.. อิ อิ//

: ชีวิตนี้ช่างหันรีหันขวางจริงหนอ

: ชีวิตนี้ขึ้นๆลงๆเหมือนข้างขึ้นข้างแรม

: ชีวิตนี้ไม่ทราบว่าใครลิขิตให้เป็นเช่นนี้

: ชีวิตนี้มีลายแทงพลิกคว่ำพลิกหงาย

: ชีวิตนี้ เป็นเช่นนี้เอง

: ค่ำคืนนี้จะมีคนสวยที่เข้ามา”คอมเมนท์” เราบ้างไหมน่ะ..


เบิ่งตาแลไทยแลนด์ในอีก20ปีข้างหน้า****

อ่าน: 4959

 

 

คนบ้านป่าได้รับการชี้ชวนให้มองเมืองไทยในอนาคต20ปีข้างหน้า นับว่าเป็นโจทย์ที่น่าใคร่ครวญไม่เบาเลยนะครับ ล อ ง ค า ด ห วั ง สิ ว่ า ป ร ะ เ ท ศ ของฉัน จ ะ เ ป็ น ฉั น ใ ด ? . . มองสังคมมองประเทศไม่เหมือนมองคนสวยหรอกนะเธอ มันมีมุมให้พิเคราะห์พิจารณายุบยับไปหมด โดยเฉพาะการมองแบบคาดการณ์นี่สิ ถึงตอนนั้นผมไม่มีโอกาสได้ทราบผลการคาดคะเนที่ว่าไว้ จะใกล้เคียงหรือเอนเอียงไปสุดกู่ประการใดก็ไม่อาจทราบได้

อีก20ปี ใ น ห มู่ เ ร า รุ่ น เ ก๋ า ส์ กึ๊ ก ก็ ค ง แ ย ก ย้ า ย ไ ป เ ป็ น ธ า ตุ อ า ก า ศ ที่ ไ ห น ก็ ไ ม่ รู้ จะยังชีพอยู่ก็แต่รุ่นสวยสะพรั่งตอนนี้ แต่ตอนนั้นก็คงนมยานจนเอาพาดบ่าได้แล้วละ เรื่องอย่างนี้มองคนเดียวไม่กระจ่างหรอก มั น ย า ก ก ว่ า ต า บ อ ด ค ลำ ช้ า ง ห ล า ย เ ท่ า นั ก ..เมื่อรับการบ้านมาก็ต้องทำการบ้านสิเธอ แต่มีปัญญาแค่หางอึ่งจะทำอะไรได้ จึงมองหาตัวช่วย..สมาชิกชาวFB.และลานปัญญาโปรดสะท้อนทัศนคติช่วยผมด้วย อย่าปล่อยให้คนป่าไปขายขี้เท่อบนเวทีเลยนะแม่คุณ

 

เมื่อเร็วๆนี้ได้รับซองเอกสาร เปิดอ่าน..สะดุ้งโหยง!..เรื่อง ขอเรียนเชิญไปเป็นองค์ปาฐกถาบรรยายพิเศษ ..ด้วยวโรกาศมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศร์รามาธิบดี จักรนฤบดินทร สยามมินทราธิราช บรมราชบพิตร เจริญพระชนมพรรษา 84 สำนักงานสภาการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลทั้ง9แห่งทั่วประเทศ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงพร้อมใจกันจัดกิจกรรมเฉลิมพระเกียรติภายใต้โครงการประชุมสัมมนาวิชาการนานาชาติ “การยกระดับคุณภาพชีวิตและภูมิปัญญาท้องถิ่น อาเชียน” ครั้งที่ 1 (International Symposium on Local Wisdom and Improving Quality of Life) ในระหว่างวันที่ 8-11สิงหาคม 2555 ณ อุทยานหลวงราชพฤษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ โดยเชิญชวนภาคประชาชน ผู้ปฏิบัติ นักวิชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิ จากประเทศกลุ่มประชาคมอาเชียนและประเทศภูฐาน,จีน,ญี่ปุ่น,อินเดีย,เกาหลี,ไต้หวัน,มานำเสนอผลงานและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น อาทิ Mr. Muhammad Yunus ผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน (Grameen Bank) ในการบรรยายเรื่อง”การพัฒนาระบบการเงินภาคประชาชน”

หลายปีผ่านมานี้ ผมไปเกี่ยวข้องกับงานคล้ายๆกันนี้ในหลายเวที สิ่งใดที่เป็นงานถวายเทิดพระเกียรติพ่อหลวงของเรา ผมยินดีไปขยายขี้เท่อสุดฤทธิ์สุดเดช แต่ด้วยข้อจำกัดของสติปัญญาที่จำกัดจำเขี่ยและร่อยหรอบริบททางวิชาการ ก็ได้แต่น้อมถวายความจงรักภักดีพ่อหลวงตามมีตามเกิด ทั้งๆที่ตั้งใจไว้เปี่ยมล้นที่จะทำหน้าที่พกนิกรที่ดีของพระองค์

แต่ก็นั่นแหละเธอ..

บ้านเราตอนนี้มีพสกนิกรหลายสายพันธุ์

พูดไปก็กระเทือนทรางกันเปล่าๆ

เรามาช่วยกันเทิดพระเกียรติพ่อพระในดวงใจสไตล์เราๆชาวFB.ดีไหมครับ

 

เท่าที่สนทนาเบื้องต้น ผมเห็นความมุ่งมั่นที่จะสนองพระราชดำริเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอย่างเต็มสติปัญญาก็น่าชื่นใจ เมื่อวานให้เจ้าหนูฝนไปประสานงาน ก็ได้งานมาเต็มหน้าตัก ดร.ฝน เล่าว่ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลล้านนาต้องการจะสรุปงานในหลายรูปแบบ โดยเฉพาะในบทสรุปของ20มิตรประเทศที่สะท้อนความเห็น จึงทาบทามมาว่าเราจะอาสารับทำให้ได้ในรูปของพ็อกเก็ตบุกส์ให้ได้ไหม?

เห็นไหมละครับ..วิธีคิดของฝ่ายดำเนินงานบรรเจิดขนาดไหน?

ในฐานะตัวแทนประเทศไทย ถ้าผมสรุปมุมมองประเทศใน20ปีก็คงงั้นๆแหละ แต่ถ้าพี่น้องชาวFB.และลานปัญญาช่วยกันลงขันความคิดช่วยผม เขยเชียงใหม่คงจะไม่ตกม้าตายที่ดอยสุเทพแน่นอน ช่วยๆเขยเชียงใหม่หน่อยนะครับ

เพียงแค่แย้มพรายเรื่องออกมานิดๆ..

ใบหน้าของพี่น้องก็ลอยฟ่องมาเต็มอากาศ

ท่านใดจะอาสา ขอได้โปรดเอามือลง..

แล้วก็เริ่มวางศิลากฤษ์เบิกตัวอักษรได้เลย

รีบๆตะครุบ..ระวังตัวหนังสือจะกระโดดออกมาจากหน้ากระดาษ!

 

อนึ่ง. ช่วงที่เขยเชียงใหม่ไปอยู่หลายวัน น้าอึ่งอ๊อบ ครูอึ่ง ครูอาราม อุ๊ยจันตา เจ้าหนูฝน ฯลฯ อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว คงไม่ยากนักที่จะไล่กอด ยังหนักใจแต่ญาติทางไกล ทำยังไงจะนัดมาพบปะกันสักวันหนึ่ง ในช่วง7-11 สิงหาคมนี้ เ ร า ม า ก ร ะ ดี๊ ก ร ะ ด๊ า กั น ดี ไ ห ม ค รั บ ? คุณหมอจอมป่วน เจ้าตาหวาน พี่บางทราย ท่านอัยการชาวเกาะ รอกอดส์ หมอเบริด์ หมอเจ๊ แหม..ถ้าจะให้ล่ารายชื่อทั้งหมดคงไม่ต้องกินข้าวเช้าแน่ ผมคิดไปถึงลุงเอก พระอาจารย์ไร้กรอบแห่งนาซา และผองญาติในลานปัญญาทุกท่าน ไม่ให้กระเด็นเล็ดลอดหายไปได้สักคนหรอกหนา อยากจะขออนุญาตจับเข่าถามว่า..มาเที่ยวเชียงใหม่กันไหม?

 

เ ป็ น ไ ป ไ ด้ ไ ห ม ค รั บ ที่เราจะนัดจัดงานวันเฮฮาศาสตร์ ฉบับมินิในช่วงดังกล่าว ถ้าตัดสินใจร่วมกันว่าจะลุย ท่านที่มีเวลาก็มาเที่ยวมาชมและมาคุยงานกัน หลังจากจบงานนี้ก็ค่อยไปนั่งละเลียดความครุ่นคิดคำนึง ดึงเอาความรักความคิดถึงมาแชร์กันคนละเข่งสองเข่ง

เรื่องนี้สำคัญนะครับ มุมที่มองต่างอาชีพและประสบการณ์นั้นมีเสน่ห์ยิ่งนัก โ ด ย เ ฉ พ า ะ ค ว า ม มี อิ ส ร ะ แ ห่ ง ตั ว ต น ..ไม่ได้เขียนเสนอผลงานวิชาการ หรือเขียนแบบรายงานเจ้าสำนัก แต่..เป็นการเขียนตามใจฉันที่เห็นและเข้าใจ ขออนุญาต..ฉ ะ อ้ อ น ฉ อ เ ล า ะ ม า ถึ ง ที่ รั ก ส ม่ำ เ ส ม อ เมื่อบรรลุจุดประสงค์ปลงใจแล้ว ทั้งรูปหล่อและรูปสวยกรุณาบอกกล่าวเล่าแจ้งFB.และลานปัญญาด้วยเถิด

โปรดเปลี่ยนความเข้าใจ ให้เป็นความตั้งใจโดยพลัน ! อิ อิ..

 

ผมโชคดีที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาจนถึงวันนี้ ถึงชีวิตจะลุ่มๆดอนๆเพราะโดนสังคมจับเหวี่ยงจนกายาบอบช้ำ แต่หัวใจยังกระชุ่มกระช่วยกระยิ่มยิ้มย่องได้อยู่นะเธอ ..ก่อนที่จะมองไปข้างหน้า20ปี ก็ขอมองย้อนหลังไป20-30-40ปี ในช่วงชีวิตของเราๆท่านๆนี่แหละ สังคมไทยเปลี่ยนแปลงแบบพุ่งกระฉูด หลายเรื่องเป็นเสมือนมีอภินิหาร แต่หลายเรื่องก็พาลพาโลจนเกินความคาดหมาย ตอนผมเป็นเด็กๆ เตี่ยแม่ได้สร้างบ้านเป็นลักษณะร้านค้าเล็กๆในตัวกิ่งอำเภอที่ไกลปืนเที่ยง เป็นบ้าน2ชั้นด้านล่างเทพื้นปูนซีเมนต์

<· เจ้าพื้นซีเมนต์นี่แหละครับที่มันบ่งบอกความหัศจรรย์อย่างเอกอุให้แก่คนชนบท ผู้คนแถบนั้นตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งจะได้เห็นพื้นบ้านแข็งแกร่ง-ดูเรียบและเย็น-เ ด็ ก ๆ ช า ว บ้ า น ต่ า ง พ า กั น ม า ลู บ ม า น อ น ก ลิ้ ง เอาไปโจดขานกันเป็นเรื่องแปลกใหม่

<· <!–[endif]–>วิทยุก็เข้ามา ยุคที่ใช้ถ่านไฟฉายเป็นลังๆนั่นละครับ ชาวบ้านก็มารุมดูกันอีก แปลกใจตู้อะไรนะทำไมมันรายงานข่าว/ร้องเพลง/ประกาศเลขหวยออกอากาศ

<!· <!–[endif]–>ต่อมามีทีวีมันยิ่งมาขยายความอึ้งทึ่งๆและทึ่ง สมัยนั้นใช้ไฟปั่น ยังแพร่ภาพออกอากาศเป็นขาว-ดำ เด็กๆตื่นเต้นมาเฝ้าดูกันจนไม่กินข้าวกินปลา เลิกง้อรถหนังขายยา ไม่ต้องวิ่งตามโฆษกประกาศรอบหมู่บ้าน..ฮัลโหลๆ..คืนนี้จะฉายหนังกลางแปลงที่หน้าสุขศาลา กินข้าวกินปลาแล้วรับมากันนะครับ

<· <!–[endif]–>พาหนะใช้เกวียนบรรทุกสิ่งของ ต่อมาก็มีรถจิ๊ปลากไม้ รถมอเตอร์ไซด์ มาแทนรถจักรยาน ก่อนที่จะรู้จักรถอีตุ๊กอีแต๋นอยู่หลายสิบปี

<!· <!–[endif]–>เจ้าหน้าที่ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาประชุมประจำเดือน ล้วนขี่ม้าบักจ้อนมาประชุม หน้าที่ว่าการอำเภอจะมีหลักสำหรับผูกม้าไว้ใต้ร่มไม้ เด็กๆไปเกี่ยวหญ้าม้ามาขาย หอบละ50 สตางค์ อีตอนเลิกประชุมทุกคนต่างกลับบ้านนี่สิครับ มีม้าวิ่งฝุ่นตลบออกทุกทิศทุกทาง มองดูคล้ายๆกับในหนังคาวบอย

สภาพการณ์ดังกล่าวนี้ มีมาก่อนหน้าเพลงผู้ใหญ่ลีตีกลองประชุม พ..2504 หลังจากนั้นแผนพัฒนาเศรษฐกิจสังคมแห่งชาติฉบับต่างๆก็ทยอยออกมา ในช่วงแผนพัฒนาฉบับที่8 ก่อนหน้าช่วงฟองสบู่แตก ในแผนฯมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ แต่พอเศรษฐกิจมีปัญหาเราก็ปรับแผนฯมาเน้นเรื่องความเป็นนิกส์ ลดความสำคัญของการพัฒนาการศึกษา ผลเป็นประการใดท่านทั้งหลายก็คงจะทราบกันดีอยู่แล้ว

 

ดังนั้นถ้าจะตั้งข้อสังเกต พอให้ได้ข้อสรุปหยาบๆในการพิจารณาวันข้างหน้า ก็คงจะมองสภาพการณ์บ้านเมืองในเวลานี้กระมังครับ สังคมบ้านเรามีข้อดีข้อด้อยประการใด มันก็จะไปส่งผลในอนาคตภายหน้าครบเครื่องเรื่องกลไกของสังคม พอจะประมาณได้ว่า

“ถ้าจะดูวันหน้า ก็ควรดูวันนี้”

“ทำวันนี้ให้ดี วันข้างหน้าก็จะออกมาดี”

<!· วันนี้..เราทำหน้าที่พลเมืองไทยแล้วหรือยัง!<!–[endif]–>

<!· วันนี้<!–[endif]–>..เราเป็นพกสกนิการที่ดีแล้วหรือยัง!

<!· วันนี้<!–[endif]–>..เธอเล่นบทไหนในฐานะประชาชนคนไทย!

อย่างน้อยคนไทยก็ควรทำหน้าที่ 2 ประการ

1 ทำ ห น้ า ที่ ก า ร ง า น ข อ ง ต น ใ ห้ เ รี ย บ ร้ อ ย ไม่ว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไรก็ขอให้มีความรับผิดชอบ

2 ทำ ห น้ า ที่ พั ฒ น า แ ล ะ ดู แ ล สั ง ค ม ถ้ายังเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ปล่อยให้กระแสเถื่อนลากจูงสังคมเข้ารกเข้าพง สร้างความปั่นป่วนวุ่นวาย ถามว่าสังคมเราเกิดอะไรกันครับ

“ถ้าเราลอยเพสังคม สั ง ค ม ก็ จ ะ ล อ ย เ พ เ ร า ”

สั ง ค ม ที่ ถู ก ล อ ย เ พ วั น นี้ วันข้างหน้าจะไม่เพแตกรึครับ!

หลายท่านอาจจะตัดช่องน้อยแต่พอตัว ฉันรวย ฉันพร้อมเผ่น ฉันพร้อมแก้ปัญหาด้วยตนเอง เรื่องของสังคมก็ปล่อยให้เป็นสวะลอยไปในน้ำเน่าปล่อยให้เหตุการณ์บ้าๆบอๆล้วงควักประเทศชาติกันไป บางกลุ่มคนก็อึ้งกิมกี่ด้วยไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ได้แต่เข้าวัดเข้าวาสงบจิตสงบใจ บางกลุ่มก็ถือโอกาสชุลมุนแย่งชิงฉกฉวยประโยชน์ สถาบันต่างๆคลอนแคลน เกิดสภาวะวิกฤติศัทธา กาวใจไร้ประสิทธิภาพ ทั้งๆที่ประชาชนคนไทยโชคดีที่สุดในโลก ก็ลองนึกดูสิเธอ

<!1. คนไทยมีสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่พระประมุขทรงทุ่มเททำงานให้แก่คนไทยตลอดพระชนชีพของพระองค์ ทรงยอมเหนื่อยยากเพื่อให้พกสกนิกรกินอิ่มนอนอุ่น ทรงทำหน้าที่พระมหากษัตริย์จนเป็นเลิศเป็นแบบอย่างทั้งโลก ได้รับการยกย่องและชื่นชมเสมอมา ทั้งในระดับราชวงศ์ ระดับประมุขของประเทศ และระดับสหประชาชาติ

<!2. คนไทยมีสถาบันศาสนา เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ศาสนาเป็นวินัยทางสังคมที่ผู้คนน้อมปฏิบัติ มีวัฒนาธรรมจารีตประเพณีและครรลองครองธรรมเป็นหลักชัยให้ดำเนินรอยตาม

<!3. คนไทยมีความเป็นชาติ ชาติที่มีความพร้อมมีอัตลักษณ์ มีความเป็นไท มีปัจจัยพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีพและพัฒนา

<!4. คนไทยมีความเป็นไท ยิ้มสยามเป็นตัวชี้วัดคุณภาพของจิตใจและอารมณ์ มีความเอื้ออาทรกัน “ข้าวบ้านเหนือ เกลือบ้านใต้” บ่งบอกถึงความสมานไมตรีจิตทุกระดับ มีภูมิปัญญาคอยดูแลวิถีไทให้ปกติสุขเรื่อยมา

<!5. คนไทยอาศัยอยู่ในพื้นที่ๆมีความหลากหลายทางชีวภาพ จึงมีสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ ดินฟ้าอากาศความชุ่มชื้นพอเหมาะต่อการเพาะปลูก ภาคการเกษตรได้ทะนุบำรุงภาคอุตสาหกรรมจนรุ่งเรือง

<!6. คนไทยมีศักยภาพที่จะพัฒนาตนเองให้ก้าวทันโลกภายนอก ชนบททุกวันนี้มีไฟฟ้าทุกซอกทุกซอย มีประปาหมู่บ้าน มีถนน2เลน4เลนบรรจบกันทั่วประเทศ มีวิทยุทีวีไม่รู้กี่ร้อยช่อง มีอินเตอร์เน็ท และกำลังแจกเท็บเล็ทให้เด็กนักเรียนชั้นประถมทั่วประเทศ มีสพานข้ามแม่น้ำเชื่อมประเทศเพื่อนบ้านหลายจุด มีสนามบินทันสมัยไม่แพ้ประเทศใดในโลกนี้

ถ้าพิเคราะห์ถึงต้นทุนและปัจจัยในการพัฒนาประเทศ โดยเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านแล้ว ประเทศของเราได้เปรียบทางด้านกายภาพมาก ถ้ารัฐบาลและคนไทยใส่ใจเรื่องเทคโนโลยีที่เหมาะสม ส่งเสริมการผลิตบุคลากรทางด้านเทคนิคอย่างเป็นรูปธรรม โดยพิจารณาโครงสร้างทางด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ลูกหลานไทยที่ศึกษามาทางด้านอาชีวะ นอกจากจะไม่เป็นปัญหาสะสมให้ระบบการพัฒนาสังคมแล้ว ยังเป็นตัวคูณที่ไปเสริมสร้างความเข้มแข็งที่ทรงพลัง ไปเกื้อหนุนให้แรงงานช่างที่ขาดแคลนในประเทศและในต่างประเทศ จุดสำคัญดังกล่าวนี้จะช่วยการสร้างงานสร้างชาติให้ดำเนินไปได้อย่างเท่าทันกับสถานการณ์โลก

ถ้าระบบการศึกษาเน้นมาทางด้านสายอาชีวะ มากกว่าที่จะไปเน้นทางสายสังคม ที่ผลิตกันจนเกร่อแถมยังด้อยคุณภาพอีกต่างหาก ขอเสนอให้ปรับปรุงบางสถาบันที่สอนสายสังคม ให้เปลี่ยนมาสอนสายอาชีวะให้ได้สัดส่วนระหว่างอาชีวะกับสายสังคม70:30 ไม่อย่างนั้น ประเทศนี้จะสะสางเรื่องแรงงานช่างเทคนิคขาดแคลนด้วยวิธีไหนละครับ

ปัญหาอยู่ที่..ค่านิยมเต่าล้านปีของผู้ปกครอง ต้องการให้ลูกเรียนสายสามัญ -เรื่องเงินค่าหัว ทำให้แต่ละโรงเรียนกักเด็กไว้นาน ไม่แนะนำให้เด็กไปเรียนปวช.ปวส. –นโยบายเชิงโครงสร้างของสถาบันอาชีวะควรได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง-ข่าวด้านลบของเด็กอาชีวะ ทำให้เกิดภาพพจน์ที่ไม่ดีในสายตาสังคม -วิธีการเรียนการสอนเน้นทฤษฎี ทำให้เด็กมีคุณสมบัติเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ไม่สนใจทำงานที่ใช้แรงงาน ไม่นิยมไปฝึกงานฝึกทักษะ ต้องการเรียนแบบจบง่ายๆได้กระดาษเปื้อนหมึกพอใจแล้ว หลังจากนั้นก็ถูลู่ถูกังกระเสือกกระสนเอาตัวไม่รอด ตกงาน เลือกงาน อู้งาน เบื่องาน แบบมือขอตังส์ ให้พ่อแม่เลี้ยงไปจนโข่ง

 

จุดยักแย่ยักยันเรื่องการผลิตบุคลากรทางด้านสายอาชีวะ

จะยกเครื่องกันอย่างไร? ใครเป็นพระเอก ใครเป็นพระรอง

นโยบายที่เป็นรูปธรรม ความรับผิดชอบ มีประสิทธิผลแค่ไหน?

ในยุคของการเปลี่ยนแปลงอย่างดุเดือดนี้ การแข่งขันขึ้นอยู่กับคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ในประเทศนั้นๆเป็นสำคัญ

ถามว่า คุณภาพคนไทยอยู่ในระดับไหน มีศักยภาพเป็นอย่างไร?

ใ ค ร จ ะ เ ป็ น ค น รับผิดชอบ ต อ บ คำ ถ า ม นี้ ?

จุดเปราะบางของสังคมไทยอยู่ที่ความรู้ไม่พอใช้ ทำให้เราต้องนำเข้าวิชาความรู้ นำเข้าอุปกรณ์เครื่องมือ นำเข้าเทคโนโลยี นำเข้าทุน นำเข้าแม้กระทั้งวัฒนธรรมประเพณีที่มีทั้งเหมาะสมและซับซ้อน ที่ควรคำนึงก็คือ..เรายังนำเข้าปุ๋ยเคมีสารเคมี ยาฆ่าแมลง เครื่องจักรกลการเกษตร พันธุ์พืชพันธุ์สัตว์และเมล็ดพันธุ์มีมูลค่าปีละหลายแสนล้านบาท หักลบกลบนี้แล้วคงจะเหลือแต่ถุงกระดาษ ที่ซ้ำร้าย..เรายังนำเข้าพืชผักผลไม้เพิ่มมากขึ้นทุกปี นี่แหละหนอความล่าช้าของการพัฒนาฝีมือแรงงาน

สิ่งที่น่าเป็นห่วงก็คือการสอนวิชาทิ้งถิ่น

ลูกหลานไทยเรียนไปแล้วหาทางกลับบ้านไม่เจอ

ภาคการเกษตรกำลังง่อยเปลี้ยเสียขา

เด็กรุ่นใหม่ไม่นิยมศึกษาภาคการเกษตร

หรือที่ศึกษาจยไปแล้วก็ไม่ทราบว่าหายไปหาย

ปล่อยให้ภาคการเกษตรต่ำต้อยเป็นลูกเมียน้อย

ต้องแบมือขอทุน ขอความเอื้ออาทรอย่างน่าเวทนา

ถ้าเปลี่ยนจากลบเป็นบวกไม่ได้ เจ้าประคุณเอ๋ยไม่รู้จะออกหัวออกก้อย

อย่ามาชวนเป่าหยิงฉุบนะตัวเอง..

สรุปว่า..เราพัฒนามาจนถึงขั้นเลือกจะโชว์เบอร์โชว์ใจกันแล้ว ต่อไปจะเป็นยังไงคงต้องขอเวลาเขียนทบทวนอีกสักตั้ง ในชั้นนี้ขอรายงานช่วงจังหวะเวลาที่นัดพบปะ จะได้ไม่คลาดเคลื่อนและคลาดครากัน

ผมมีภาระกิจดังนี้

วันที่ 8 สิงหาคม 2555 บรรยายพิเศษกลุ่มย่อย หัวข้อ “ผู้ปฏิบัติจริงในชุมชนท้องถิ่น” เวลา 13.00-14.30 ณ อุทยานหลวงราชพฤษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

วันที่ 9 สิงหาคม 2555 บรรยายพิเศษในประเด็น “วิถีชีวิตชุมชนอยู่กันอย่างไร หากมองไกล 20 ปี” ในมุมมอง

v มิติต่างประเทศ โดย Mr. Muhammad Yunus ผู้ก่อตั้งธนาคารกรามีน

v มิติประเทศไทย โดย หม่อมราชวงค์ดิศนัดดา ดิสกุล

v มิติชุมชนท้องถิ่น โดย ครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์

เวลา 09.00 เป็นต้นไป ณ อุทยานหลวงราชพฤษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

วันที่10สิงหาคม 2555 ร่วมประชุมเสวนาโต๊ะกลม เพื่อกำหนดแนวทางการยกระดับคุณภาพชีวิตและภูมิปัญญาในกลุ่มภูมิภาคอาเซียนในหัวข้อ “ชุมชนท้องถิ่นจะอยู่กันอย่างไร หากมองไกล20ปี” กับผู้นำในระดับชาติและกลุ่มอาเซียนประมาณ20-30คน เวลา 09.00-16.00.ณ อุทยานหลวงราชพฤษ์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่

วันที่11จะกลับบางกอกไฟล์บ่าย หรือจะเอ้อระเหยยังบ่แน่บ่นอน

 

ง า น นี้ ห นั ก ห น่ ว ง ทั้ ง ต อ น อ ยู่ บ น เ ว ที และ ล ง เ ว ที

ตั้งแต่นี้ไปคงต้องทำการบ้านแล้วละเธอ

ถ้าคนสวยว่างช่วยไปหิ้วปีกลงจากเวทีด้วยเน้อ มี ใ ห้ เ ลื อ ก ถึ ง 3 วั น

อิ อิ..


โบนัสหลังเที่ยงคืน

อ่าน: 1793

ตลอดเดือนที่ผ่านมาชวนลูก น้องทำงานหนักตลอด มีงานเลื่อยไม้-ปรับปรุงภูมิทัศน์-เทพื้นปูนซีเมนต์หน้าบ้าน ดูอาการแล้วอ่อนระโหยโรยแรงไปตามๆกัน จึงจัดพิธีเซ่นวักตั๊กแตนเจ้าที่เจ้าทางตามธรรมเนียมพื้นถิ่นบุรีรัมย์ สุรินทร์ ที่ชาวบ้านมีพื้นเพทางด้านจารีตประเพณีอันเดียวกัน ..ศีรษะสุกร-ไก่ต้ม-สุรา-อาหาร-ดอกไม้-ธูปเทียนจัดเตรียมมาบวงสรวง หลังจากนั้น ลูกหลานเจ้าที่ก็พากันฉลองต่อ..

สิ่งนี้ถ้าดูผิวเผินก็ไม่กระไรนัก

ที่จริงแล้วมันเป็นการเสริมกำลังใจให้กับผู้ร่วมงานได้กลมเกลียวกัน

เป็นน้ำหนึ่งใจเดียว ร่วมทุกข์ร่วมสุข สามัคคีกัน

ส รุ ป ว่ า วิ ธี นี้ ก็ คื อ การให้โบนัสทางใจนั่นเอง

ประเด็น ที่ชาวบ้านคุยกันก็คงหนีไม่พ้นเรื่องฝนฟ้าอากาศ บ่นกันเหลือเกินว่าความแห้งแล้งมาเยือน ข้าวกล้าแห้งเหี่ยวทั้งท้องทุ่ง ไม่เหมือนคนกรุงที่ไม่ต้องพึ่งพาธรรมชาติอะไร ฝนตกเสียอีกที่ทำให้รถวิ่งคลานไปอย่างกับหนอน..คำกล่าวขมุบขมิบตอนจุดธูป เทียนไหว้เจ้า

จึ ง มี เ รื่ อ ง ข อ ฟ้ า ข อ ฝ น ติ ด ป ล า ย น ว ม ม า ด้ ว ย

ในส่วนของสวนป่าแล้ว ถ้าฝนตกเราก็สบายไม่ต้องรดน้ำในแปลงผักและต้นไม้ที่ปลูกใหม่ ประหยัดน้ำและเวลาไปได้โข ตอนบ่ายคุณชายมาชวนไปเหมาถังพลาสติกในตัวเมือง ขากลับมองเห็นเมฆก้อนหนึ่งทำท่าจะโปรยฝน แต่ก็ลางเลือน เพราะมีกระแสลมบนพัดเฉออกจากเส้นทางมาที่สวนเรา หลังจากมาถึงสวนป่าสักครู่.. อ้าว! มีฝนหล่นมาเปาะแปะจะแฉะก็ไม่เชิง ตกแค่หน้าดินเปียกลื่นนิดหน่อย

แต่ลมนี่สิเธอ ช า ว บ้ า น เ รี ย ก ล ม แ ล้ ง มันพัดตึงๆทั้งวัน กระตุ้นให้คุณชายอยากจะทำกังหันลมให้เร็วขึ้น ..ใบไม้ร่วงพราวเต็มพื้น บอกน้าสุขที่กวาดลานปูนฯ  ให้รวบรวมเอาใบไม้ไปใส่แปลงผัก ทำให้ฉุกคิดได้ว่า ..จ ะ ฝ น ห รื อ จ ะ แ ล้ ง ..ต้ น ไ ม้ ส ร้ า ง คุ ณ ป ร ะ โ ย ช น์ ใ ห้ เ ร า ไ ด้ ทุ ก ก ร ณี ทำ ให้คิดต่อไปอีกว่า..โครงการสร้างเขื่อนต่างๆ  อย่าคิดแต่จะสร้างๆๆ ซึ่งทำลายพื้นที่ป่าไปไม่น้อย ถ้าจะให้สมดุลกัน ผู้ที่ออกแบบสร้างเขื่อนควรจะคิดเรื่องสร้างป่าชดเชยพื้นที่น้ำท่วมไว้ด้วย มีแต่เขื่อนไม่มีป่าไม้เรียกฝนมาตกลงในเขื่อน มันก็ชีช้ำได้เหมือนกันนะ

ความ รับผิดชอบในแต่ละเรื่องนั้นละเอียดอ่อน ถ้ามองให้ครอบคลุมนอกจากจะสมประโยชน์กับทุกฝ่ายแล้ว ยังไม่ทำลายความสมดุลระบบนิเวศของธรรมชาติ การเสนอแผนฯไม่เห็นผลลัพธ์กับประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ..ทำ ใ ห้ เ ป็ น ที่ ม า ข อ ง ม็อบคัดค้านกันอึงคะนึง

ยกตัวอย่าง “เขื่อนแก่งเสือเต้น”

เสนอเรื่องเข้ามาครั้งใด ก็ มี ทั้ ง ค น เ ต้ น ยิ่ ง ก ว่ า เ สื อ เ สี ย อี ก

ภารกิจในช่วงนี้ผมคงเร่งปลูกไม้กระถางตอไม้ให้เสร็จ เมื่อวานก็บอกให้ลูกน้องขนตอตาลที่ชำกิ่งไม้ไว้มารายเรียง แล้วเอาต้นไม้ที่ดร.ฝนชี้ชวนไปชมไม้ดอกแปลกๆในวัดที่สุดแสนประทับใจ ได้ขอซื้อต้นพันธุ์จากคุณยายแม่ชีที่กรุณาเพาะชำไว้ ท่านจำหน่ายแบบแล้วแต่เราจะสมทบบุญ มีต้นอโศกระย้า และ ต้นอื่นๆที่ดอกสวยแต่จำชื่อไม่ได้ ซื้อแล้วครูอึ่งกับครูอารามเอาเป็นธุระขนมาจากเชียงใหม่ ให้ เกรงว่าต้นไม้จะเฉาเพราะการย้ายที่ เมื่อวานนี้จึงรีบปลูกลงไว้ที่จุดกึ่งกลางของสนามหน้าบ้าน เป็นไม้ที่ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง

ถ้าทะนุบำรุงดีๆ.. อีก2-3ปีก็คงได้ยลโฉมดอกสวยห้อยระย้าแล้วล่ะเธอ

ตอนหัวค่ำลมกรรโชกรุนแรงมาก อาการคล้ายๆพายุฝน ไฟฟ้าทำท่าติดๆดับๆอยู่พักหนึ่ง ฝนก็ตกซู่แต่ไม่ถึงกับเทลงมาเหมือนฟ้ารั่ว ช่วยเพิ่มเติมความชุ่มชื้นจากฝนชุดแรกได้พอสมควร คืนนี้ก็นอนสบาย นอนแต่หัวค่ำ มาตื่นเอาตอนเลยเที่ยงคืนไปแล้ว ตั้งใจจะอ่านหนังสือทำการบ้านก่อนที่จะไปโม้ให้ลยีราชมงคลล้านนา ภาคพายัพที่เชียงใหม่ ต้นเดือนหน้า ..อ่านไปได้ไม่กี่หน้าก็ทำท่าจะม่อยลงๆ..

จึงเปลี่ยนมานั่งบันทึกให้คนสวยช่วยกันอ่าน และช่วยคอมเม้นท์ด้วย..

ดึกดื่นถึงเพียงนี้ก็ยังมีนกฮูกเยอะแยะ คุณกิ่ง อารยา บอกจะอยู่เป็นพื่อน อาจารย์อักษรา ศิลป์สุข เข้าFB.มาบอกว่า ตุลาฯนี้ก็จะมีอิสระไร้พันธะพัวพัน จะได้มีเวลาไปไหนมาไหนได้สะดวก แ ล ะ เ ก ริ่ น นำ ว่ า จ ะ ม า เ ยี่ ย ม ช า ว ป่ า ที่ นี่ ด้ ว ย

ถึงจะอีกหลายเดือน ..

เ ร า ก็ จ ะ ตั้ ง ต า ร อ รั บ คุ ณ ค รู แ ม ว

ค รู ที่ ลู ก ศิ ษ ย์ เ ค า ร พ รั ก ทั่ ว เ มื อ ง ลำ ป า ง

คน เรานี่นะเธอ มีเวลาช่วงกลางวันกับกลางคืนเท่าๆกัน ส่วนการใช้เวลานั้นขึ้นอยู่กับการบริหารเวลา หรือติดกับเงื่อนไขของหน้าที่การงาน บางคนทำงานกะกลางคืน บางคนทำเหลื่อมเวลากลางวันกับกลางคืน แต่ส่วนใหญ่ทำงานตอนกลางวันพักผ่อนตอนกลางคืน ไม่ได้แยกชัดเจนเหมือนโลกของแมลง มีแมลงหลายกลุ่มที่ทำมาหากินเฉพาะตอนกลางคืน

หนอนบางชนิดก็ออกมาเยี่ยมผักเราตอนกลางคืน

ถ้า ไม่นอนขี้เซา..ควรฉวยไฟฉายไปส่องดู ก็จะเห็นหนอนและแมลงกำลังอร่อยกับใบผักของเรา ..บรรจงหยิบใส่ถุง ก็จะเป็นการตัดตอนแมลงรบกวนผักได้ตั้งแต่เริ่มเกิดปัญหา ดีกว่าปล่อยให้หนอนระบาดตามอำเภอใจ ตื่นมาเห็นผักยับเยินก็ต๊กกะใจ รี บ ไ ป ห า ย า อั น ต ร า ย ม า ฉี ด ฆ่ า ห น อ น

โดยลืมไปว่า..วิธีนี้ก็เท่ากับเป็นการฆ่าเราทางอ้อมด้วย

การ ตื่นนอนกลางดึก นอกจากจะสะกิดใครหรือทำอะไรๆแล้ว อย่าลืมคว้าไฟฉายไปส่องดูหนอนด้วยนะเธอ รึถ้าเกรงว่าจะเจอผี!!..ก็ชวนคนที่นอนข้างๆนั่นแหละไปเป็นเพื่อน ถ้าคุณพี่งอแง..ก็เอ่ยมธุรสวาจาว่า..

“คุณพี่ขา..การพาน้องไปท่องสวนผักยามราตรี”

“นอกจากจะไปกำจัดหนอนแล้ว”

“ยังจะได้ไปชมเดือนแจ่มกระจ่าง”

“เราไปกระชับพื้นที่หัวใจกันดีไหมคะ”

เรื่องนี้ชี้โพรงให้กระรอกแล้ว..

โปรดใช้-แปลงผัก-หนอน-ดวงเดือน-ความสงบ-ให้เป็นประโยชน์

จ ะ ช ว น นั่ ง อ อ ด อ้ อ น พิ รี้ พิ ไ ร ยั ง ไ ง ก็ไม่มีใครเห็นหรอก

แ ม้ แ ต่ น ก ทึ ด ทื อ ก็ ยั ง ทำ ไ ม่ รู้ ไ ม่ ชี้ ..

เอวัง  ก็มีด้วยประการละฉะนี้

ขออนุญาตไปนอนฝันหวานก่อนนะคนสวย..

อิ อิ  และ อิ..


จะมาสวนป่าละล้าละลังทำไมละเธอ ****

อ่าน: 2150

ไปบางกอกคราวนี้ไม่ได้เขียนบันทึกทุกวัน เพราะโน๊ตบุกค์มันเดี้ยง เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ทไม่ได้จึงต้องชะลอความคิดมาจนถึงวันนี้ หลังจากรับประทานมื้อเย็นกัน3คน คุณชายพยายามจะแก้ปัญหาเรื่องลงรูปภาพให้ แต่ไม่สะดวกเรื่องการมอง จึงยกยอดไปพรุ่งนี้เช้า

ในการอภิปรายให้สถาบันรับรองคุณภาพสถานพยาบาล(องค์กรมหาชน)ที่โรงแรมรามาการ์เด็นท์ครั้งนี้ นับเป็นการประชุมที่เต็มไปด้วยสิ่งสวยๆงามๆ โดยเฉพาะบุคคลากรที่มาร่วมงาน เต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งมิตรไมตรี เห็นแล้วอยากจะขนกลับสวนป่าเสียทั้งหมด ยิ้มหวานๆทั้งนั้น.. จะเป็นเพราะตื่นเต้นที่ได้พบคนสวยหรืออย่างไรไม่ทราบได้ ทำ ใ ห้ ผ ม ลื ม บ อ ก เ ล่ า เ กี่ ย ว กั บ ก า ร ค้ น พ บ จุ ด พิ เ ศ ษ ใ น ธ ร ร ม ช า ติ

นั่นก็คือสิ่งที่ผู้หญิงทุกคนอิจฉามดแดง..

ทำ ไ ม ต้ อ ง อิ จ ฉ า ม ด แ ม ล ง !

จะไม่อิจฉายังไงละครับ..

ใ น เ มื่ อ ม ด ทุ ก ตั ว มั น มี เ อ ว ม า ต ร ฐ า น

เ ธ อ เ ค ย เ ห็ น ม ด แ ด ง ตั ว ไ ห น พุ ง พ ลุ้ ย ไ ห ม ล ะ . .

มดแต่ละตัวหุ่นเช้งวับกันทั้งนั้น อิ อิ..

ขอขอบคุณคณะดำเนินงานประชุมในครั้งนี้ จัดได้ดีเหลือเกิน ประทับใจมากนะแม่ต้อยและหนูพอลลา..ทำเอาผมแทบไม่อยากกลับบ้าน ท่านที่มาอุดหนุนหนังสือ ถ า ม ดู แ ล้ ว ล้วนมาจากจังหวัดโน้นจังหวัดนี้ ลงเวทีมาได้มอบลายเซ็นให้บางท่าน แต่งานนี้มีเรื่องแปลกใหม่ที่คาดไม่ถึง..

มีหลายท่านมาขอถ่ายรูปด้วย

แ ล ะ มี บ า ง ท่ า น โ น้ ม ศี ร ษ ะ ล ง ม า ใ ห้ เ ค า ะ โ ป๊ ก . .

บอกว่า..อยากได้กำลังใจแบบหนักหน่วง

เอาละสิ ! ถ้าจะอย่างนั้น..ส น อ ง ไ ป ห ล า ย โ ป๊ ก !

ขอให้เจริญๆ ประสบสุขและบุกบ่าฝ่าอุปสรรคไปได้ด้วยดีเถิดแม่คุณ!

บ่ายวานนี้ ศ า ต ร า จ า ร ย์ ท า ง ด้ า น รั ฐ ป ร ะ ศ า ส น ศ า ส ต ร์ เจ้าของตำราตำรับรัฐประศาสนศาสตร์เปรียบเทียบที่เกษียณแล้วท่านหนึ่ง อยากจะคุยด้วยแล้วชวนให้ไปเที่ยวที่บ้าน รายการพิเศษอย่างนี้มีรึจะไม่เจ้นไปหา ชวนเจ้าดร.ฝนไปเป็นพี่เลี้ยง..หลังจากโทรศัพท์ถามเส้นทางรู้แล้ว..บอกเท็กซี่บึ่งไป และแล้วก็ได้เจอกัน ได้รับเลี้ยงอาหารว่างที่อร่อยๆ ได้เดินชมห้องทำงาน ไปเห็นวิธีทำงานและกระบวนการทำงานที่อึ้งกิมกี่.. อาจารย์กำลังเขียนตำราพจนานุกรมทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์ ร อ บ โ ต๊ ะ จ ะ มี ถุ ง ติ ด เ ท ป ห้ อ ย ล้ อ ม ร อ บ ที่มุมห้องตรงกันข้ามเต็มไปด้วยถุงเอกสารอีกกองเบ่อเร้อ

โอ้แม่เจ้า..

กว่าจะเป็นตำราวิชาการสักเล่มหนึ่งมันช่างมโหรทึกเหลือเกิน

ผู้เขียนจะต้องใช้ความอุตสาหพยายามอย่างยิ่งยวด

ผมนึกไปถึงคนที่เอาไปศึกษา..อ ย่ า ท้ อ ถ้ อ ย

ถ้ า ท่ า น ท ร า บ ที่ ไ ป ที่ ม า จ ะ เ ห็ น ค ว า ม เ ห นื่ อ ย ย า ก ข อ ง ผู้ เ ขี ย น มันทบเท่าทวีคูณความยากกว่าการนำเอาวิชาความรู้ไปใช้ไปอ้างอิงไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า ผมจึงไม่แปลกใจเลย ที่ทำไมประเทศของเราชอบไปลอกตำราฝรั่งมาสอน กว่าที่จะผลิตตำราสายพันธุ์แท้ของเราขึ้นมาสักหนึ่งเล่ม มั น ลำ บ า ก แ ส น เ ข็ น จ น เ ลื อ ด ต า แ ท บ ก ร ะ เ ด็ น

กลับมาถึงที่พักยังไม่หายหอบแดด ขาใหญ่ไล่ตามมาติดๆ ชวนไปเลี้ยงมื้อเย็นที่ร้านเบียร์หิมะ ได้พบได้รู้จักนักพัฒนาระบบไอที3-4จีซึ่งจะทำให้ไอเพดที่แจกเด็กประถมทั่วประเทศใช้งานได้ ระหว่างที่ท่านผู้เชี่ยวชาญปรึกษาหารือกัน ผมก็ก้มหน้าก้มตาเจี๊ยะกุ้งหอยปูปลา พ ร้ อ ม กั บ ป ล ง อ นิ จ จั ง ไ ป ด้ ว ย คิดถึงผักหญ้าอาหารแบบพื้นบ้านของเราเองเป็นบ้า

เออหนอ..จ ะ มี ค น ก รุ ง สั ก กี่ ค น

ที่คิดจะเลี้ยงเพื่อนๆด้วยอาหารปลอดสารพิษ

เลือกเมนูผักมากกว่าเลือกอาหารทะเล

รึ..ถ้ า ร า ค า ไ ม่ แ พ ง ดู ไ ม่ ดี ไ ม่ มี ส กุ ล . .

ปู บ า ง ก อ ก ตั ว ใ ห ญ่ ๆ ก้ า ม โ ต ๆ ..ตัวละพันกว่าบาท..

ปู น า บ้ า น ผ ม อย่างมากก็ ตัวละบาท . .

คนบางกอกจึงอยู่กับสินค้าราคาแพง

เปลืองงบประมาณกระเป๋า และฟุ่มเฟือยทางด้านจิตใจเป็นบ้า..

ตอนนี้โน๊ตบุกส์ผมมีปัญหาเรื่องการลงภาพ

ขออนุญาตโพสต์ภาพผ่านมือถือไปพลางๆก่อนนะครับ

หมู่นี้ค้นพบวิธีการเดินทางที่สะดวกสบายอย่างมาก ผมก็เพิ่งทราบว่ามีรถตู้วิ่งประจำเส้นทาง สตึก-กทม. ไปกลับวันละหลายเที่ยว รถใหม่นั่งสะดวกสบาย คนโดยสารมาไม่มาถึงเวลาจะออกทันที คิดดูสิ วันนี้ผมนั่งมากับผู้โดยสารอีกท่านหนึ่ง มันยิ่งกว่าเช่าเหมาตู้อีกนะเธอ

อยากจะชวนแห้วว่า..รถเที่ยวสุดท้ายออก 16.00 .

วันสุดสัปดาห์เคลียงานให้ปลอดโปร่งเปลี่ยนกระโปรงแล้วกระโดดขึ้นรถ

เสื้อผ้าไม่ต้องขนมา..นุ่งผ้าถุงสวมเสื้อบักกะแหล่งก็สบายเหลือล้น

3ทุ่มมาถึงสวนป่า

ตอนนี้ลานซีเมนต์ข้างบ้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว พร้อมที่จะปรับเป็นลานอเนกประสงค์ จะเต้นแอร์โรบิค-เล่นโยคะ-เตะตะกร้อ-ตีแบตบินตัน-ตีปิงปอง-ปูเสื่อนั่งเสวนา-นอนชมดาวก็ยังได้ ยังมีโปรแกรมง่ายๆให้เลือก..

ตื่นเช้าๆ..เราจะได้ขี่จักรยานออกกำลังพอเหงื่อซึมๆ

วกกลับมาอาบน้ำรับประทานผักสดๆจากแปลงข้างบ้าน

ช่วยกัน-เก็บ-หั่นๆ-ซอยๆ-ผัด-ต้ม-ยำ-ตำ-แกง

ประเดี๋ยวเดียวก็ควันโฉ่หอมฟุ้งออกจากหม้อจากกะทะแล้ว..

หลังจากนั้นก็จะได้ผ่อนพักใจไปจนถึงเย็นวันอาทิตย์

เดินทางกลับเที่ยว16.00.ไปถึงบางกอก3ทุ่ม

ยังเหลือเวลานอนพักผ่อนเอาแรงไปสู้งานวันจันทร์ได้..

วิธีนี้ช่วยย่นย่อระยะห่างระหว่างหัวใจกับหัวใจได้นะเธอ ไม่ต้องปวดหัวจัดตารางการเดินทางวุ่นวะวุ่นวายเช่นเมื่อก่อน ไม่แน่นะต่อไปเครื่องบินโดยสารก็อาจจะมาบริการทำนองนี้ สวนป่านี่นะ..อยู่ห่างจากสนามบินบุรีรัมย์10กม.เท่านั้นจิบอกไห่ มีบางคนเย้าว่าครูบามีสนามบินส่วนตัว..อิ อิ..แต่ตอนนี้มีรถตู้โดยสารบริการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จะชักช้าให้ความคิดถึงขึ้นสนิมเขรอะก็ตามใจ..

สำหรับญาติมิตรที่อยู่แดนไกลจากเหนือจรดใต้ ก็มีช่องทางสะดวกขึ้นมาก เชียงใหม่-ภูเก็ต-อุบล-ระยอง ฯลฯ มีรถทัวร์นครชัยแอร์วิ่งถึงบุรีรัมย์ทุกวัน ไม่ต้องกัลวลเรื่องขับรถมาเองให้เมื่อยตุ้ม มาเมื่อไหร่คุณชายอาสาไปรับเองเลยนะครับ คิ คิ..

ที่เล่าเรื่องนี้

ก็เพื่อชี้ชวนให้ เห็นพัฒนาการเรื่องคุณภาพชีวิตเชิงบูรณาการ

ไ ม่ ใ ช่ อ ย า ก จ ะ ม า ๆ ๆ .. มัวแต่โอ้เอ้วิหารราย..

ผมละเสียดายโอกาสชีวิตของคนเธอเป็นบ้า ..

จะมีเวลาลังเลในชีวิตของเราไปได้อีกนานสักเท่าไหร่ครับ

ไ ม่ รั ก ไ ม่ บ อ ก ห ร อ ก น ะ เ ธ อ

ด้วยวิธีเดินทางในปัจจุบัน พบว่า..

ข้อดี..ถ้าเราอยู่ในระหว่างทางผ่าน โชเฟอร์ก็จะแวะไปส่งไปรับได้ด้วยถ้าท่านพักอยู่ถนนสายวิภาวดีจะสดวกมาก ผมพักอยู่พหลโยธินเพลส์ ไม่ต้องเดินทางไปขึ้นรถที่อนุเสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ถึงจะอยู่นอกเส้นทางก็โทรฯประสานให้รถคอยตรงจุดนัดพบได้

ข้อดี..นอกจากไม่ต้องวิ่งมาลงรถทัวร์ในตัวจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ถ้าไปกันเป็นหมู่คณะอาจจะเจรจาให้ไปส่งถึงสวนป่าได้ด้วย ก็เท่ากับว่าสวนป่ามีรถตู้วิ่งประจำเส้นทางแล้วนะสิเธอ..

ข้อดี..ท่านไม่ต้องขับรถมาเอง เดินทางโดยวิธีนี้ไม่เหนื่อย ทันใจ ไม่หลงทาง แถมประหยัดอีกต่างหาก ค่ารถ 380 บาท/เที่ยว

ข้อเสีย..รถวิ่งเร็วมาก บางกอก-สวนป่า ใช้เวลา6ชั่วโมง สำหรับท่านที่หัวใจสั่นคลอนควรพกยาหม่องยาดมติดตัวไว้

รายละเอียดมีดังนั้นครับ

เบอร์โทรประสานกลาง 084-9318759

กทม.-สตึก เบอร์โทรประสาน 090-820-9869

สตึก-กทม.- เบอร์โทรประสาน 090-821-1981

มีวันละ 5 เที่ยว -7.00.-9.00.-11.00.-13.30.-16.00 .

ขากลับเที่ยวนี้ ผมเลือกเวลาออกจากบางกอก9.00.มาถึงสตึกบ่าย2

จะเห็นว่า..ถึงจะไม่ได้ออกมาอยู่สวนป่านานๆแบบคุณชาย

แต่เธอก็มีช่องจะคลิกชีวีให้มีชีวาสดใสได้

ข น เ อ า ค ว า ม ข ม ขื่ น ใ น ก รุ ง ม า ทิ้ ง ล ง ห ลุ ม ปุ๋ยผักที่นี่

ยังจะมีอะไรที่ดีกว่านี้รึคนสวย..

ตื่นเช้าๆชวนกันถีบจักรยานสูดโอโซน

อาบน้ำ ปะ แ ป้ ง ม อ ง เ ล่ ย ะ ..ให้สดชื่น

แล้วนั่งจิบน้ำชาอาบแดดอุ่นฟังเสียงนกเขาขันท่ามกลางลมเย็นสบาย

นั่งทอดอารมณ์..อ่านหนังสือ เล่นFB..รึจะลุกไปปลูกผัก

ทำขนม ทำกับข้าว นั่งเม๊าท์กัน คิ คิ..

ก็ ล อ ง ถ า ม ใ จ ตั ว เ อ ง ดู น ะ เ ธ อ . .

จะจ่อมจมขมขื่นกับการทรมานขับรถฝ่าจราจรจราจลทุกวัน

รึจะนั่งรถสบายๆเป็นคุณนายเฉิดฉายมาเที่ยวสวนป่า..


กว่าจะเป็นโมเดลบุรีรัมย์

อ่าน: 2311

พี่น้องครับ ผมต้องใช้เวลาปั้นดินทรายที่แห้งแล้งให้เป็นป่าผืนเล็กๆขึ้นมา ด้วยการใช้เวลาไปมากกว่าค่อนชีวิต ที่แทบไม่ได้ทำอย่างอื่นอย่างใดกับใครเขาเลย ก้มหน้าก้มตาสะเปะสะปะในพื้นที่ปลูกต้นไม้ ไ ม่ มี อ า ชี พ อื่ น แ ล ะ ก า ร ง า น อื่ น ด้ ว ย น ะ .. ผมเหนียมอายที่จะตอบว่ามีอาชีพอะไร? ครั้นจะตอบว่า..มีอาชีพปลูกสร้างสวนป่า ตามที่ระบุไว้ในโล่รางวัลเกษตรกรดีเด่นแห่งชาติสาขาปลูกสร้างสวนป่า ที่ได้รับพระราชทานจากพระหัตถ์สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ และรับเหรียญรางวัลของFA0. ก็ยังไม่กล้าที่จะพูดเต็มปากเต็มคำ..เพราะพูดไปก็ยากที่ใครจะทำความเข้าใจได้ แม้แต่สถาบันการเงินก็ยังไม่มีมาตรการเงินกู้เกี่ยวกับเรื่องนี้โดยตรง

ก า ร นำ พ า ค ร อ บ ค รั ว อ อ ก น อ ก ลู่ น อ ก ท า ง ก ร ะ แ ส สั ง ค ม

มั น เ จ็ บ ตั ว จ น ห นั ง กำ พ ร้ า ถ ล อ ก ป อ ก เ ปิ ก อ ย่ า ง นี้ แ ห ล ะ

ทำไงได้..ในเมื่อเรากำหนดเอง ก็ควรรับเละรับทุกอย่างเอง

มาวันนี้..วันที่สรุปบทเรียนฉากใกล้สุดท้าย ซึ่งไม่ง่ายเลยถ้าไม่มีคุณชายและลูกสาวขันอาสา มาระดมพลังทำงานแบบหัวชนฝา ที่มีเรื่องลุ้นระทึกทุกๆ3เวลาก่อนอาหาร เ มื่ อ คื น ค น ทำ ห นั ง สื อ ยั ง อ ด ห ลั บ ขั บ ต า น อ น เ ขี ย น สิ่ ง ที่ เ รี ย ก ว่ า ถ อ ด บ ท เ รี ย น แหม..นึกว่าจะเข็ดหลาบรึอ่อนเพลียจนแผ่สองสลึงหลับนอน ยังมารำพึงรำพันต่อเสียยืดยาว แล้วให้ผมคอมเมนท์ ..เอาละสิ..ค น ที่ จุ ก จิ ก ก ว น ใ จ คุ ณ เ ธ อ ทั้ ง ห ล า ย ใ น เ รื่ อ ง ค อ ม เ ม น ท์ . . คราวนี้ โ ด น ย้ อ น ศ ร ใ ห้ ค อ ม เ ม น ท์ เ สี ย เ อ ง . .

ผมอยากจะบอกว่า ..นี่ไงมหากาพย์แห่งการทำหนังสือ ฉบับที่ได้ประมวลผลคนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายที่เรียกว่ากองบรรณาธิการ ที่ต้องทำงานแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ยอมทุ่มเททุกอย่าง ทุกอย่างที่เหมารวมถึง-กำลังกาย-กำลังใจ-กำลังสติปัญญา มีเท่าไหร่โป๊ะลงหมดหน้าตัก..ท่ามกลางความบีบคั้นที่มาจากรอบทิศทาง

คณะทำงานโดนบีบ บีบ ๆๆ จนเหลือแต่หัวกะทิ ..

ผมอยากให้ท่านผู้อ่านหนังสือเล่มนี้ ได้รับทราบอะไรที่อยู่เบื้องหลังบ้าง เพื่อจะได้สัมผัสวิถีความดีของคนดีที่เรารู้จัก ว่าที่เขาทำอย่างนี้ได้เพื่ออะไรเพราะอะไร ..กว่าจะจับตัวอักษรออมาจากป่ามาร้อยเรียงได้นั้น ต้องชำระคราบไคลไปกี่ครั้ง แม้แต่ตอนท้ายๆที่จับอาบน้ำทาแป้งก่อนจะส่งขึ้นแท่นพิมพ์ ก็ยังดึงมาส่องกระจกจนเวียนหัว..

ผมอยากให้ “แม่หยิบ” และท่านที่อุปการคุณหนังสือเล่มนี้ได้รับรู้เรื่องหลังโรง ว่าที่ท่านช่วยกันอ่านสะดวกสบายนั้น คนที่ทำถูกกดดันจนอ้วกแตก! แต่เขาหายเหนื่อยจนปลิดทิ้งถ้าเห็นหนังสือโมเดลบุรีรัมย์ไปอยู่ในมือของท่าน ..เมื่อทุกอย่างเดินหน้าได้ทันครรลองของลิขิตฟ้า.. สามารถนำเสนอในงานที่โผล่ขึ้นมาแบบฟ้าผ่า!

เราจะไปเปิดตัวหนังสือเล่มนี้ที่ตึกสันติไมตรีครับผม..

และที่สำคัญโดยบังเอิญหรืออย่างไรก็สุดอธิบายได้

การประชุม r2r ครั้งที่ 5 “วิถี R2R: เรียบง่าย คุณภาพ ครบวงจร

การประชุมแลกเปลี่ยนเรียนรู้จากงานประจำสู่งานวิจัย(R2R)ครั้งที่5
วิถีR2R:เรียบง่าย..คุณภาพ..ครบวงจร
10-12กรกฎาคม2555
ศูนย์การประชุมอิมแพ็คฟอรั่มเมืองทองธานี
จัดโดยสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุขและภาคีเครือข่าย R2R

คือ…การร่วมวงสุนทรียสนทนากับปราชญ์แห่งชีวิตสองท่านคือ…

วันพุธที่ 11 กค. 2555 เวลา 10.30 - 12.00 น.

ห้องGrandDiamondBallroom:
ใครๆ ก็ทำ R2R กัน”

วิทยากร: ปราชญ์พ่อสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ อำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ (Sutthinun Pratchayapruet )
อาจารย์วิเชียร ไชยบัง ผู้อำนวยการโรงเรยนลำปลายมาศพัฒนา จ.บุรีรัมย์ (
โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา)

ซึ่ง..ประเด็นแห่งสุนทรียสนทนานี้…นำไปสู่การเรียนรู้ในประเด็นที่ว่า…

1.อยากให้เล่าบริบทในงานของตัวเองก่อนว่าทำงานด้านไหน เมื่อเกิดปัญหาแล้วแก้ยังไง โดยใช้แนวคิดเชิงวิจัย (R2R) อย่างไร เช่น วิธีตั้งคำถาม การเก็บและวิเคราะห์ข้อมูล

2.จากการทำงานนี้ เกิดการเรียนรู้ในชุมชน/องค์กรอย่างไร มีการนำความรู้นี้ไปใช้ในทางปฏิบัติอย่างไร มีการกระจายไปภาคอื่นๆ หรือไม่อย่างไร

**อยากให้เน้นที่กระบวนการเรียนรู้ของบุคลากร/องค์กร และการสนับสนุนที่ให้นี้ ทำอย่างไรในเชิงโครงสร้าง จึงเกิดขึ้นมาได้

และสิ่งที่ข้าพเจ้าคาดหวังก็คือว่า…อยากให้ผู้เข้าร่วมฟังได้เกิดการเรียนรู้ในวิธีคิด และการเรียนรู้จากวิทยากรทั้งสองท่านค่ะว่า ตลอดชีวิตแห่งการงานนั้น มีสิ่งใดบ้างที่เกิดเป็นประเด็นแห่งการเรียนรู้เกิดขึ้น …

ใน เวทีนี้ … คิดว่านี่เป็นโอกาสอันดีที่หลายๆ ท่านจะได้รับโอกาสที่ดีที่ร่วมฟัง เรื่องราว เรื่องเล่า…ผ่องถ่ายจากประสบการณ์ถือเป็นความงดงามแห่งชีวิตการงาน

ท่านคงเห็นโจทย์บนเวทีวันที่ 11 .. แล้วใช่ไหมครับ ผมไม่ทราบว่าประเด็นหลักๆมันมาจ๊ะกันได้ยังไง ถึงตอนผมโม้..ผมก็จะบอกว่าเรื่องมันยาว..ฟังที่เล่าบนเวทีมันเป็นแค่น้ำจิ้ม..ถ้าอยากได้มหานทีคุณพี่ต้องอ่าน ..”โมเดลบุรีรัมย์” จึงจะได้คำตอบครบถ้วนตามที่ผู้ดำเนินการสนทนาจุดประเด็น อนึ่งผมทราบว่าเครือญาติคนสวยชาวFB.หลายท่านจะไปพบปะกัน ขอลายเซ็นคุณชายและคณะบรรณาธิการ นับเป็นมหาโอกาสดีเหลือเกิน ที่เราจะได้ให้กำลังใจ

ค น ที่ เ สี ย ส ล ะ สุ ข ส่ ว น ตั ว มา เ พิ่ ม ค ว า ม สุ ข ใ ห้ ส่ ว น ร ว ม ..

ความเหนื่อยยากเดินทางมาถึงป้ายจอด เราสามารถเก็บความรู้สึกที่เรี่ยราดตามรายทางระหว่างทำงานให้ทันเวลา เพื่อจะมาบอกเล่าหมายเหตุแห่งชีวิตต่อหน้าผู้คนที่ลงทะเบียน 2,000 คน เรื่องนี้มันไม่ง่ายเลยแม้แต่จุดเดียว การสรุปบทชีวิตของชาวป่าที่ผ่านมา30ปี ทีมีแต่น้ำลายกับกำปั้นเป็นปัจจัย ดิ้นรนทำงานบนฐานความไม่พร้อม พอถึงตอนถอดบทเรียน บ ท ที่ ว่ า นี้ มั น ติ ด เ ชื้ อ ค ว า ม ย า ก ลำ บ า ก ป ะ ป น ม า กั บ จ น ถึ ง อั ก ษ ร ตั ว สุ ด ท้ า ย

จ ง ภู มิ ใ จ เ ถ อ ะ คุ ณ ช า ย

ถอนลมหายใจ ร ะ บ า ย ค ว า ม ห นั ก ใ จ อ อ ก ไ ป ใ ห้ ห ม ด

เ ปิ ด รั บ ค ว า ม ห นั ก แ น่ น ใ ห้ ก ลั บ ม า อ ยู่ ใ น ตำ แ ห น่ ง เ ดิ ม

ค ว ร ห ลั บ พั ก ย า ว ๆ อ ย่ า ง อิ่ ม สุ ข

ขอบคุณมากมาย..จ น ไ ม่ รู้ จ ะ เ ขี ย น ว่ า ยั ง ไ ง

รวบรวมแรงไว้ไปเซ็นชื่อให้คนที่รักหนังสือเล่มนี้ก็แล้วกัน

อิ อิ ..



Main: 0.469398021698 sec
Sidebar: 0.049149036407471 sec