เปาฮือลาว

อ่าน: 3887

ช่วงที่น้ำหลาก ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสานปรับตัวไปตามสถานการณ์  โดยเฉพาะอาหารการกิน คนอีสานกินง่าย กินทุกอย่างที่วิ่งตัดหน้า มีคนเอาไปพูดว่า..อะไรวิ่งตัดหน้าคนอีสานเอามาทำกับแกล้มได้หมด แสดงว่าวิชาเปิบพิศดารคงจะมาจากฝีมือพ่อครัวชาวอีสานนี่เอง ผมได้เฝ้าสังเกตุเรื่องนี้จากห่อข้าวของคนงาน ช่วงกลางวันเขาจะตั้งวงกินข้าวปลากัน ใครมีอะไรก็เอามาแบ่งปัน คนที่อยู่ในที่ลุ่มก็เอากุ้ง หอย ปูปลา มาทำอาหารเลี้ยงกัน กระทั้งวันไหนที่ไม่ได้ห่ออะไรมา ก็จะไปสับเอาหน่อไม้มาต้มจิ้มน้ำพริก เอามะละกอมาทำส้มตำ อร่อยซู๊ดซาดผ่านไปมื้อหนึ่ง

(จุดรีๆสีขาวคือตาที่ต้องผ่าออก หอยบางตัวจะมีไข่สีแดงส้มๆ)

เมื่อวานนี้แห้วเดินไปดูคนงานล้อมวงอาหารกลางวัน

สังเกตุเมนู มีปลาตัวเล็กๆปิ้ง ส้มตำ และหอยโข่งต้มจิ้มแจ่ว

เจ้าหอยโข่งนี่ละครับที่แห้วซักไซ้ไล่เลียงว่ามันเป็นยังไงกันแน่

คนงานบอกว่า..ต้องแกะเอาตามันออกก่อน

ไม่งั้นกินไป..จะทำให้ปากเบี้ยวได้ !!

เอ๊ะ ปากเบี้ยวเพราะอะไร แห้วหันมาถาม

ผมก็จนด้วยเกล้า..ไม่แน่ใจว่าปากเบี้ยวเพราะสาเหตุอะไร

บอกคนงาน..พรุ่งนี้ขอหอยโข่งสัก 1 ตะกร้า

(น้ำจิ้มซีฟูดฝีมือแห้ว)

วันนี้ลุงอาน คนเลี้ยงวัว เอาหอยโข่งมาฝากหนึ่งถังตัวโตๆทั้งนั้น มีจำนวนปรระมาณ 40-50 ตัวได้ จึงชวนแห้วศึกษาอาหารอีสาน เผื่อจะได้เป็นต้นทุนในยามวิกฤติภายหน้า ไม่แน่นะครับ ..คนเราถ้ามีความรู้ปรับตัวได้เก่งๆ..ตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่ไหม้ เอาไปวางไว้ตรงไหนก็เอาตัวรอดได้ ผมจึงชวนแห้วเอาหอยมาปรุงอาหาร อันดับแรกเอาหอยไปต้มก่อน แต่ของเราพิเศษหน่อย ในหม้อต้มเอาใบมะกรูด-ใบมะขาม-ผ่าผลเสาวรสใส่ลงไป2ลูก เอาเกลือใส่ลงไปประมาณหางช้อน เคล็บลับสำคัญในการลวกหอยคือ

ต้องใส่หัวน้ำส้มลงไปประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ

จะทำให้เนื้อหอยกรอบ ถ้าเป็นหอยแครงเปลือกจะอ้าจิ้มเนื้อง่าย

หลังจากผ่านกระบวนการต้มนานจนปากหอยหลุดแล้ว  เราจะเอาหอยไปแช่น้ำเย็นทันที จะเห็นว่าเมือกต่างๆจะหลุดล่อนไป เอาซ่อมจิ้มเนื้ออกมา ผ่าตรงกลางหัวหอย จะเห็นถุงกระเปาะกลมๆ ที่ชาวบ้านเรียกว่า”ตา” เท่าที่ผ่าดูผมคิดว่าน่าจะเป็นกระเพาะอาหารของหอยมากกว่า ลักษณะเป็นเหมือนเศษหญ้าหรือใบไม้ป่นที่หอยกินเข้าไป พวกไส้เครื่องในต่างๆเอาทิ้งหมด ล้างให้ดีแล้วเอาเกลือเคล้าอีกรอบ ล้างออกอีกที เอาใส่ถ้วยนำไปเว็ปประมาณ 3 นาที

แห้วเป็นสาวลูกน้ำเค็มเมืองสุราษฎร์

บอกว่าวันนี้หนูจะแสดงฝีมือตำน้ำจิ้มซีฟู๊ด

ที่บ้านเคยมีเรือประมง

จึงมีทักษะทางด้านทำอาหาร

วันนี้โชว์น้ำจิ้มหอยรสเข้มถึงใจ

(หอยที่ต้มสุก-ล้าง-พร้อมนำไปปรุงอาหาร)

คนใต้กินเผ็ดแต่ก็กลมกล่อม น้ำจิ้มเหมาะกับอาหารประเภทนี้ หลังจากชิมกันคนละหมุบละหมับ แห้วให้ความเห็นว่าถ้าเอาเนื้อหอยผัดเผ็ดน่าจะเด็ดสาระตี่ ที่จริงหอยพวหนี้เอาไปแกงเผ็ด เอาไปทำลาบ หรือเอาไปยำก็อร่อยทั้งนั้นแหละ เพียงแต่เราต้องต้มให้สุกและทำตามกรรมวิธีข้างต้น ก็จะได้วัตถุดิบที่มีคุณสมบัติกรุ๊บกรอบไม่แพ้หอยเปาฮือหรือหอยประเภทใดในโลก หลังจากเจี๊ยะกันลงพุงแล้ว เราก็มาคุยกันถึงหอยที่ชาวบ้านเก็บเอาในท้องนา ไม่ต้องซื้อหาใดๆ นอกจากในน้ำมีปลา ในนามีน้ำแล้ว ยังมีหอยตัวโตๆให้เก็บมาทำอาหารอีกด้วย

(มื้อกลางวันมีต้มซุปข้อขาไก่กับหอยจิ้มน้ำจิ้มซีฟู๊ด)

หอยที่ว่านี้มี 2 ชนิด

ชนิดที่หนึ่งคือหอยโข่งพื้นถิ่นบ้านเรา

หอยชนิดนี้ไม่ต้องแกะเอาตาออก

ชนิดที่สองคือหอยเชอรี่

เข้าใจว่าน่าจะเป็นหอยสายพันธุ์จากต่างประเทศ

เมื่อ 10 ปีที่ผ่านมา หอยเชอรี่เข้ามาทางไหนยังไม่มีเวลาค้นประวัติ ก่อนหน้านี้มีหอยก้นแหลมขยายพันธุ์ไปทั่ว เป็นหอยที่อาศัยอยู่ในที่มีความชื้นบนบก ไต่กินใบไม้ใบหญ้า ขยายพันธุ์ได้ดีแต่ชาวบ้านไม่นิยมรับประทาน ทราบว่ามีผู้เก็บไปต้มแคะเอาเนื้อส่งจำหน่ายต่างประเทศ หลังจากนั้นก็มีหอยเชอรี่แพร่พันธุ์ง่ายระบาดรวดเร็ว ภายในไม่กี่ปีก็มีหอยทั่วทุกหนทุกแห่งในท้องนาและที่ลุ่มบ้านเรา หอยเชอรี่จะกัดกินต้นข้าวที่ปักดำใหม่ๆ บางแห่งข้าวเสียหายอย่างมาก หอยเชือรี่มีไข่สีชมพูเกาะอยู่เหนือน้ำสวยแปลกตา ชาวนาจะเก็บหอยออกไปทำปุ๋ยทำอาหารเลี้ยงเป็ด เอาเปลือกไปเผาแล้วบดผสมหัวอาหารเลี้ยงหมู แต่ก็มีชาวบ้านบางกลุ่มเอาหอยมาประกอบอาหาร เพราะลักษณะและคุณสมบัติใกล้เคียงกับหอยโข่งพื้นบ้านเราทุกอย่าง เพียงแต่ต้องแคะเอาตาออกเสียก่อนดังกล่าวข้างต้น

แสดงว่าชาวบ้านคงสังเกตุเห็นจุดพิเศษดังกล่าวนี้

ไม่ได้หลับหูหลับตาสวาปามใดๆ

คงจะมีคนปากเบี้ยวเพราะหอยประเภทนี้จนผิดสังเกตุ

เรื่องนี้เราจะได้แง่คิดในการใช้ชีวิตเชิงประยุกต์

คนอีสานยังรักษาอัตลักษณ์เรื่องเปิบพิศดารเอาไว้อย่างแน่นเหนียว

เรื่องนี้..สนับสนุนวิธีใช้ชีวิตระหว่างน้ำท่วม

อย่างน้อยคนที่ตกน้ำป๋อมแป๋มเจอหอยตัวกลมๆ..

ช่วยกันเก็บมาทำกับแกล้มได้อร่อยเหอะ

ตอนเย็นเดินผ่าน..

ลุงอาน แกยังร้องบอกว่า..เอาอีกไหมหอย

โธ่ๆๆใจคอจะไม่ให้กินอย่างอื่นเลยรึลุง

จ๋อม จ๋อม จ๋อม..


ATM.น้ำใจ

อ่าน: 5383

(ถั่วพูปลูกง่าย เจี๊ยะอร่อย ดอกสวย)

ตามธรรมดา..น้ำจะไหลจากที่สูงไปหาที่ลุ่ม

น้ำไม่ได้ดื้อนะ

คนนั่นแหละดื้อดึง

ลองนึกดูเถิด ถ้าน้ำไม่ไหลลงที่ต่ำ

เกิดไหลไปที่สูงได้ มนุษย์จะไม่ยุ่งกว่านี้หรือครับ

การที่น้ำไหลไปสู่ที่ต่ำนั่นดีเท่าไหร่แล้ว

เพียงแต่มนุษย์>>ไม่ เ รี ย น รู้ ธ ร ร ม ช า ติ ข อ ง น้ำ

ประมาทพลังของน้ำ

ขงเบ้งยังเคยไขน้ำท่วมข้าศึกพ่ายไม่เป็นท่า

นั่นเพราะ..ท่านรู้จักใช้ธรรมชาติของน้ำ

พูดไปก็ไลน์บอย ..นอกจากเอาใจช่วย ช่วย ช่วย

ขอให้ผู้ประสบภัยปลอดภัยทั่วหน้ากัน

(วิธีนี้เอาไปใช้กับการปลูกต้นไม้ได้ดี ต้นไม้จะเจริญเต็มที่)

ฝนปีนี้ตกพร่ำเพรื่อจริงๆ  วันนี้ให้คนงานเอาสว่านเจาะหลุมปลูกกล้วย ตัวสว่านเจาะได้ลึกเกือบ1เมตร ติดเครื่องพรึด!..สว่านหมุนคว้านลงไปในดินแป๊บเดียวก็เจาะได้เรียบร้อย หลุม 1 ใช้เวลาไม่ถึง 1นาที จึงให้เจาะเรียงแถวจุดละ3 หลุม ห่างกันประมาณครึ่งคืบ หลุมกลางสำหรับปลูกกล้วย 2 หลุมซ้าย-ขวาสำหรับใส่มูลโค เป็นการเติมปุ๋ยลงในระดับล่างให้รากกล้วยดูดไปใช้ได้สะดวก กล้วยได้ปุ๋ยตลอดระยะเวลา 1 ปี แนวคิดนี้เป็นงานวิจัยไทบ้าน จากโจทย์ที่ว่า>>

จะปลูกกล้วยอย่างไรให้ดีกว่าวิธีที่เคยทำมา

การทำงานต้องพัฒนาทุกเรื่องใช่ไหมครับ

ถามว่า..ถ้าปลูกกล้วยละ จะปรับปรุงวิธีการให้สะดวกและดีขึ้นอย่างไร

การนำร่องเช่นนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้เกษตรกรไม่ประมาท

ขอให้ช่วยกันคิดค้นวิธีการใหม่ๆ

ถ้าคิดได้คิดดี ผลลัพธ์มันก็คุ้มค่าอยู่แล้ว

ถ้าผลงานดีถูกต้อง ..เราก็จะได้กินกล้วยหอม กล้วยไข่ ผลเต่งหอมอร่อย

(หลุมกลางไว้ปลูกต้นกล้วย หลุมซ้าย-ขวาใส่ปุ๋ยคอก)

(ปลูกกล้วยช่วยชาติ อิอิ)

ทำไมถึงเลือกปลูกกล้วย ที่จริงผมก็ปลูกโน่นนี้อยู่เรื่อยละครับ ปีนี้ปลูกต้นไม้เพื่อการวิจัยไปหลายชนิด ต้นไม้ได้น้ำฝนต่อเนื่องกำลังเติบโตดี ปีที่แล้วปลูกมะละกอไว้หลายต้น แรกๆเจอฝนก็ติดผลเยอะ แต่พอฝนกระหน่ำลำต้นแบกรับน้ำหนักไม่ไหว ผมเผลอ..ไม่เก็บลูกออกบ้าง ต้นมะละกอหักพับลูกกระจายเกลื่อน อีกสาเหตุหนึ่งที่แปลกมาก ดินอุ้มน้ำไว้เยอะ มะละกอต้นโตๆลูกเยอะอยู่เฉยๆก็ค่อยเอนนอนพังพาบต่อหน้าต่อตา ผมไม่เคยเห็นเรื่องลักษณะนี้มาก่อนเลย แปลกแท้ๆ นี่ขนาดอยู่ในที่ราบนะครับ

ผมจึงหายสงสัยเรื่องดินถล่มที่เกิดขึ้นในจังหวัดต่างๆ

(นั่งร้านสำหรับปลูกผักไต่ราว)

มุมมองของชาวไร่ชาวสวน ประเมินว่าไม้ผลที่น้ำท่วม เช่น มะละกอ กล้วย ทุเรียน ส้ม มะนาว มะม่วง ขนุน ถ้าจมน้ำเป็นเดือนมีหวังสวนล่มกันเป็นแถว ส่วนผักล้มลุก ผักรากตื้น เน่าตายไปตั้งแต่เจอน้ำด่านแรกแล้ว นั่นก็แสดงว่า พืชผลของพี่น้องในภาคกลางคงจะเสียหายเป็นส่วนใหญ่ กว่าจะฟื้นฟูสวนขึ้นมาใหม่อีกครั้งหนึ่ง ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 2-3 ปี ส่วนพืชไร่ก็คงอ่วมไม่น้อย พวกปลูกมันสำปะหลังหัวมันเน่าเต็มดิน บางรายเสียดายอุตส่าห์ไปขุดขึ้นมา ก็ไม่รู้จะเอาไปฝานไปตากที่ไหน ในเมื่อฝนตกไม่บันยะบันยัง ต้องปล่อยให้เน่าเหม็นทิ้งอย่างสุดแสนอาดูร พวกปลูกอ้อยในระยะหลัง อพยพสวนอ้อยลงมาปลูกในที่นาที่ลุ่ม ส่งเสริมกันว่าอ้อยพันธุ์ใหม่ปลูกในที่ลุ่มได้ ปลูกในนาดอนได้ แช่น้ำนิดหน่อยไม่เป็นไร

พ า กั น เ ป ลี่ ย น น า ข้ า ว ม า เ ป็ น น า อ้ อ ย

ถ้าน้ำไม่ท่วมแบบเป็นบ้าเป็นหลังก็อาจจะได้ผลดี

แต่แช่น้ำท่วมขังเป็นเดือนๆอย่างนี้

อ้อย ที่ลงทุนลงแรงไปกลายเป็น อ๋อย อย่างระทดระทวยใจ

เห็นทุกข์ของชาวไร่ชาวนามโหราฬอย่างนี้ อะไรที่พอจะทำได้ผมก็ทำไปตามกำลัง ที่ปลูกปลูกกล้วยหอม กล้วยไข่ กล้วยตานีไว้หลายร้อยต้น ก็เผื่อไว้เอาหน่อกล้วยไปช่วยการฟื้นฟูพี่น้อง ยุคที่น้ำกวาดทุกสิ่งทุกอย่างไปเกลี้ยงแผ่นดินอย่างนี้ พันธุ์พืชต่างๆย่อมขาดแคลนเป็นธรรมดา จึงตั้งใจจะเพาะกล้าไม้ผล ไม้ยืนต้น อยากจะส่งเสริมให้ปลูกไผ่มากๆ ถ้าน้ำท่วมอีกชาวน้ำจะได้ตัดไผ่มาทำแพ ตัดกล้วยมาทำกล้วยตากไว้เป็นเสบียงยามยาก แพะที่เลี้ยงไว้ ถ้ามีมากๆเราสามารถเอามาทำเนื้อแห้งไว้ล่วงหน้าได้

เนื้อแพะแห้งแช่น้ำสักพักเอามาย่าง

แล้วเอาไปแกงป่า แกงเผ็ด เอาไปยำ เธอเอ๋ย แซบหลายยยย

ถ้าน้ำไม่ท่วมก็เอาไปดัดแปลงเป็นเมนูเด็ดประจำร้านก็ได้นี่นะ

(แพะเจี๊ยะใบไม้=แพะกินมังสะวิรัต เราเจี๊ยะแพะก็=เจี๊ยะมังสะวิรัต)

พรุ่งนี้ มะรืนนี้ จะปลูกกล้วย ปลูกละมุดมาเลเซีย ปลูกไม้หอมพันธุ์ใหม่  หลังจากนั้นจะทำรั้วกั้นบริเวณปล่อยแพะ ผมมีแผนจะเอาแพะนมมาเลี้ยงเพิ่มอีก เพื่อศึกษาและเตรียมเพิ่มทางเลือกโปรตีนในอนาคต การเตรียมตัว..ช่วยให้เราไม่ประมาท น้ำมาก็ได้ น้ำไม่มาก็ดี การขุดหลุมลึกรอบๆต้นไม้นอกจากใส่ปุ๋ยแล้ว ยังช่วยเก็บความชุ่มชื้นลงระดับรากต้นไม้ ดีกว่าปล่อยให้น้ำไหลทิ้งเปล่าๆ

ผมเห็นน้ำไหลทิ้ง..แล้วเสียดาย

จะเก็บไว้ก็ท่วมกรุงเทพ

แหม..ถ้ามนุษย์มีเทคโนโลยีเก็บน้ำไว้ในรูปก้อนภูเขาน้ำแข็งเหมือนขั้วโลกเหนือ

เราจะจัดการน้ำได้อย่างวิเศษกว่าทุกวันนี้เป็นไหนๆ

ว่างเมื่อไหร่ก็ไปงัดมาทำน้ำแข็งไสชิมกับคนรู้ใจ

แต่ตอนนี้ไม่มีปัญญา

ปล่อยให้น้ำฝนกลายเป็นน้ำเน่า น้ำท่วมขัง น้ำกัดเท้า

มี แ ต่ น้ำ ใ จ นี่ แ ห ล ะ  .. มี ม า ก เ ท่ า ไ ห ร่ ก็ ไ ม่ บู ด ไ ม่ เ น่ า

ยิ่งท่วมขังก็ยิ่งดี จะได้มีน้ำใจหล่อเลี้ยงหัวใจให้กระฉึกกระฉักกระชุ่มกระชวย

ผมอยากจะตั้งศูนย์รับบริจาคน้ำใจ

ถ้าท่านบริจาคกันมามากๆ..ผมจะตั้งเป็นตู้ ATM.น้ำใจ

ท่านใดใจน้อย เอ๊ย ..น้อยใจ ก็เอาบัตรมารูดเบิกน้ำใจออกไปได้

นั่นก็หมายความว่า..ท่านต้องเคยฝากน้ำใจไว้สม่ำเสมอ

ส่ ว น ด อ ก เ บี้ ย จ ะ จ่ า ย เ ป็ น กอด..ตามวาระอันควร

ใ ค ร ห น อ จ ะ ฝ า ก เ ป็ น ค น แ ร ก  . . .

จ๋อม  จ๋อม


หนูน้ำฝน

อ่าน: 3925

(หนูน้ำฝนเชื่องใครอุ้มก็ได้)

เช้านี้ได้ยินเสียงลูกแพะร้อง

ย่องไปดู โอ๊ะโอ๋..แพะออกลูกครับท่านผู้อ่าน

คุณแม่คงจะเบ่งออกมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้ว

แพะนี่แหละเป็นเจ้าตำหรับพึ่งตนเองขนานแท้

ออกลูกกี่ครั้งๆก็ไม่เคยพึ่งหมอตำแย

เลี้ยงลูกเอง สอนลูกเอง ไม่ต้องส่งลูกไปเรียนพิเศษให้เสียดุลย์การค้า

วันนี้จึงโชคดีเป็นบ้า

จู่ๆก็ได้ลูกสาวหนึ่งอนงค์

ช่วงที่เห็นลูกแพะกำลังพะวงอยู่กับการดูดนมจากเต้า ปกติแพะจะออกลูกฝาแฝด แต่คราวนี้ทำไมถึงออกมาตัวเดียวก็บ่ฮู้.. ย่องไปดูใกล้ๆเป็นลูกแพะเพศเมีย หน้าตาบ๊องแบ๊วแข็งแรงดี เลยตั้งชื่อให้ว่า “หนูน้ำฝน” น้ำฝนอยู่กับคุณแม่ที่หวงคุณลูกน่าดู ตั้งใจป้อนนมเพื่อให้แข็งแรงในเร็ววัน จะได้ไปกระโดดโลดเต้นกับพวกพี่ๆ

ฝูงแพะพากันไปเล็มต้นไม้ใบหญ้าและวัชพืช แพะชอบเครือตดหมูตดหมา เถาว์ต้นไมยราบเป็นทั้งอาหารและยาของแพะ ทั้งๆที่ฝนพรำๆแพะก็ลงจากคอกไปหากินหน้าตาเฉย ขนแพะเกรียนไม่อมหน้า ถ้าเป็นแกะขนปุกปุ๋ยออกมาท่ามกลางฝนจะอมน้ำ ทำให้ไม่สบายได้ ดังนั้นแพะจึงเป็นสัตว์ที่ทรหดไม่มีจุดอ่อนเหมือนสัตว์อื่นๆ ไม่อย่างนั้นโนอาร์จะเอาแพะลงเรือด้วยรึครับ

แพะไม่ชอบที่รกทึบ ถ้าเป็นป่าไม้ร่มเงาครึ้มแพะจะไม่เข้าไปใกล้ แต่ถ้าเป็นป่าละเมาะ แปลงหญ้าที่โล่งโจ้งแพะจะชวนกันกินอาหารเพลินเลยละครับ ในระหว่างที่ปากเจี๊ยะใบไม้ ก้นก็โปรยมูลเป็นก้อนกลมๆเล็กๆออกมา แพะมีระบบขับถ่ายพิเศษอย่างน่าทึ่ง

(อุจาระแพะ เป็นเหมือนยาอมหรือยาลูกกลอน)

ปากกินอาหาร

ก้นทำหน้าที่ปลดปล่อยกากอาหาร

ถ้าระบบท้องไส้คนเราเป็นอย่างนี้ละยุ่งตายหะ..

โดยเฉพาะคนที่ชอบกินจุบกินจิบ..ก้นไม่ว่าง..จะบริหารของเสียยังไง

มูลแพะเป็นก้อนกลมๆเล็กๆเหมือนยาลูกกลอน

ถ้าขี้แพะกินแก้อกหักได้ เธอเอ๋ย

เก็บขี้แพะบรรจุขวดตีตราขายก็อื้อซ่าแล้ว

(โบโบ้ จ่าฝูงเคราสวย)

ช่วงนี้ยังไม่ได้ทำรั้วล้อมแปลงหญ้าของแพะ ใบหญ้าใบไม้อุดมสมบูรณ์ จึงปล่อยให้หากินแบบบุฟเฟ่ย์ แทบไม่มีค่าใช้จ่ายอะไร แต่ก็มีแผนที่จะตัดไม้ไผ่มาล้อมบริเวณให้แกะกินในแปลงจำกัด ไม่อย่างนั้นแพะก็จะมาลุยสวนผักเรานะสิครับ เท่าที่สังเกต แพะชอบกินใบขมิ้นมาก การที่แพะกินใบไม้ เนื้อแพะจึงไม่สะสมไขมันเหมือนสัตว์อื่น ถ้าชำแหละที่อายุ8-9เดือน เนื้อแพะจะนุ่มไม่เหนียวไม่มีไขมัน บางตำราบอกว่าเนื้อแพะเป็นยาโด๊ปด้วยนะเธอ

ถ้าคนที่นอนกอดเหงาหง๋อย

ก็ลองสะกิดให้เจี๊ยะแพะตุ๋นดูสัก10หม้อ

ถ้าอุปกรณ์พิเศษยังโงไม่ขึ้นก็ อนิจจา วัตสังขารา เถอะนะ

ก่อนหน้านี้มีข่าวตำรวจไล่จับพวกค้าหมาข้ามชาติ เรื่องราวฉาวโฉ่อึงคะนึง ต้องสร้างที่อนุบาลหมา รักษาหมา เลี้ยงดูหมาอุตลุด เป็นปัญหาทั้งในส่วน คนรักหมา คนค้าหมา คนกินหมา เรื่องนี้ยังค้างคาไม่รู้ว่าจะหาทางออกอย่างไร แหม..แนะนำให้กินแพะแทนหมาก็สิ้นเรื่อง นอกจากถูกกฎหมายแล้ว ยังถูกปากถูกระบบโภชนาการด้วยสิ

เนื้อแพะนี่นะ

ทำให้เป็น

ปรุงให้เป็น

เมนูไหนก็แซบถึงใจ

(กินนิดเดียวก็นอนพักผ่อน)

ประชากรโลกเพิ่มขึ้นมากทุกปี ปากท้องของมนุษย์ต้องการอาหารมากขึ้น ต้นทุนการผลิตอาหารสูงขึ้น เกิดภัยพิบัติมากขึ้น ทำให้ครัวโลกมีปัญหาเรื่องความมั่นคงทางอาหาร เกิดจุดเสี่ยงที่จะเลี้ยงดูประชากรให้อิ่มท้องได้ตลอดไป เราจึงควรมองหาโปรตีนในอนาคต ที่ผลิตง่าย ต้นทุนต่ำขยายปริมาณได้เร็วมีจุดเสี่ยงน้อย ปรับเข้ากับสภาพความเปลี่ยนแปลงของภูมิสังคม เท่าที่เปรียบเทียบดูแล้ว ก็เห็นแต่แพะนี่ละครับที่มีคุณสมบัติน่าสนใจ สมควรได้รับการหยิบยกขึ้นมาวางแผนการผลิตอย่างเป็นรูปธรรมในอนาคต ปลูกต้นไม้ใบหญ้าแล้วเอาเฉพาะกิ่งกับใบมาเป็นอาหารแพะ แพะเปลี่ยนใบไม้เป็นโปรตีนเป็นปุ๋ย ง่ายๆตรงๆอย่างนี้ละ เอาไหม?

แพะให้นม

แพะให้เนื้อ

แพะให้ปุ๋ย

แพะให้หนัง

แพะช่วยกำจัดวัชพืช

คุณหมอจอมป่วนชอบแพะตุ๋น ตาหวานชอบข้าวหมกแพะ ท่านอื่นๆไม่ทราบว่าเคยลองชิมหรือเปล่า อาจจะเริ่มที่..สะเต๊กแพะ ทำแบบสุกรสะเต๊ะนั่นแหละ หั่นเนื้อหมักบาง เอาไม้เสียบแล้วช่วยกันย่าง จิ้มอาจาดรสเด็ด ไม่อร่อยให้มันรู้ไป ..

ถ้าจะให้ดีควรจะจัดในช่วงหนาว

ตั้งเตาไฟไว้ปิ้งย่าง2-3ลูก

แล้วล้อมวง..ปิ้งไปเจี๊ยะไป..คุยกันไป

กลับไปบ้านยังได้ทดสอบพลังรักในครอบครัว

แพะกี่ตัว..ถึงจะพอละนี่ ..

แบ ..แบ..


น้ำขึ้นอย่ารีบตัก

อ่าน: 2504

เทวดายุติธรรมเสมอ

วันนี้นอกจากชาวไร่ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้แล้ว

กลุ่มอุตสาหกรรมที่มองว่ามีความพร้อมความเข็มแข็ง

แต่ละโรงงานมีพนักงานเป็นพันๆคน มีเงิน มีเครื่องมือ แต่ก็ช่วยตนเองไม่ได้

แสดงว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก>>

น้ำขึ้นอย่ารีบตัก ให้หนี หนี น้ำสุดชีวิต

ชั้นแรกไม่คิดว่าจะต้องหนี

คุณยายหลายคนไม่ยอมออกจากบ้าน

บอกว่ายายอยู่มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก

ทำไมจะต้องอพยพทิ้งบ้านทิ้งช่อง

ผู้ที่ไปรับ..อ้อนวอน ขู่ว่า ถ้าคุณยายไม่ยอมไปกับหนู

หนูก็จะไม่เข้ามาอีกแล้วนะ

คุณยายยอมจำนน ..ออกมาเห็นโลกภายนอก

ถึงเข้าใจว่าวิบากมหันตภัยน้ำท่วมเที่ยวนี้เป็นอย่างไร?

ความเข้าใจ..ของแต่ละคนนี่น่าศึกษาไหมละครับ

จะมีนักศึกษาสักคนไหมที่เอาเรื่องน้ำท่วมใจนี้ไปเป็นหัวข้อวิทยานิพนธ์

วันนี้ยังต้องลุ้นระทึกต่อๆไป  ตัวเลขน้ำท่วมมีแต่ขึ้นๆและขึ้น กำแพงจุดโน้นพังจุดนี้เละ การที่จะระดมสรรพกำลังเข้าไปปิดประตูน้ำที่พังไม่ง่ายหรอก สู้สุดชีวิต24ชั่วโมงอาจจะทำสำเร็จ แต่ตอนนั้นน้ำก็ท่วมไปเรียบร้อยแล้ว การตั้งรับภายนอกล้มระเนระนาด ทุกด่านต้านน้ำไม่ไหว สิ่งที่น่าสนใจคงจะมาดูการป้องกันกรุงเทพภายใน คุณชายแห่งกรุงเทพมหานคร ระดมพลคนกทม.สู้สุดฤทธิ์ เสียดายว่าอุโมงค์ยักษ์ทำยังไม่ครบตามแผน ไม่ยังงั้นจะหายใจโล่งกว่านี้ ข่าวรอบนอก กทม.น้ำก็ปริ่มๆแล้ว ช่วงทะเลหนุนมาตรงกับน้ำเขื่อนเปิดเต็มที่ จะออกหัวหรืออกก้อยหนอ

เอาใจช่วยอย่างเดียวไปพอหรอก

จะเอาอะไรไปช่วย..นี่สิน่าคิด

คนปกติก็ย่ำแย่แล้ว

คนที่เจ็บป่วย ย้ายโรงพยาบาล แล้วยังไงต่อ

วิกฤติที่ตอกย้ำอยู่นี้ เป็นประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งในชีวิตของเรา  ซึ่งเราอาจจะเจอเรื่องหนักๆใหญ่ๆ4-5 ครั้ง ในอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีก ..หลังจากนั่งลุ้นระทึกกับมหาวิปโยคแห่งชาติ พ.ศ.นี้ ถามตัวเองว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ถ้าเข้าไปช่วยก็คงจะไปเกะกะเขาเปล่าๆ นั่งถอนใจเฮือกๆทั้งวันทั้งคืน ติดตามข่าวไม่ได้หลับได้นอน มองว่านี่คือบทเรียนสดๆของคนไทยทั้งชาติ ที่ควรจะใส่ใจศึกษาและใคร่ครวญ ประมวณผลถึงความเข็มแข็งของระบบการพัฒนาและดูแลป้องกันของชาติ ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินคำว่า”ไทยเข้มแข็ง” วันนี้ได้คำตอบแล้วบางส่วนว่าเราเข็มแข็งอยู่ในระดับไหน ควรจะอุดช่องโหว่หรือเสริมสร้างความมั่นคงให้เป็นจริงได้อย่างไร?

ใครบ้างจะต้องทำหน้าที่นี้

ก็คนไทยทุกคนนั่นแหละ..ถ้ายังมีความเป็นไทยอยู่ในหัวใจ

ในระหว่างที่พี่น้องหลายล้านครอบครัวเครียดและสั่นงันงกเหมือนลูกนกตกน้ำ พวกเราที่อยู่นอกรัศมีอุกกภัยเริ่มรับรู้ถึงช่วงรอยต่อของอากาศ ฤดูหนาวเริ่มนับหนึ่งแล้วตั้งแต่วันนี้ อากาศเย็นสบายพอดีในรอบปี เป็นวันที่เห็ดโคน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเห็ดปลวก เป็นยอดมหาเห็ดแห่งความอร่อย ที่มนุษย์ยังไม่สามารถเพาะได้เหมือนเห็ดอย่างอื่น ผู้รู้บอกว่า..มันเกี่ยวข้องกับวิถีของปลวก ชาวบ้านจึงเรียกว่าเห็นปลวกยังไงละเธอ เห็ดที่ว่านี้จะนัดกันออกดอกมาเต็มที่คราวละ 2-3 วันต่อปี  ระยะก่อนหน้านี้ก็เห็นมีเห็ดโคนดอกเล็กๆมาวางขายบ้าง ราคาในตลาดสตึก ก.ก. ละ 200 บาท เป็นเห็ดที่ล้างดินทำความสะอาดแล้วพร้อมลงหม้อ เมื่อก่อนไม่แพงอย่างนี้ ก.ก.ละ 50 บาทก็แพงแล้ว ส่วนมากชาวบ้านจะไปเก็บกันเอง ได้มาก็แบ่งกันกินไม่มีใครเอามาขาย เป็นของฝากที่มากด้วยไมตรีจิต คนยากคนจนไม่มีของขวัญแพงๆให้กันหรอก แต่เขามีไมตรีไม่อั้นพร้อมที่จะแชร์กัน

สมัยนี้ไม่มีการแบ่งปัน

ทุกอย่างตีค่าเป็นเงิน

น้ำจิตน้ำใจถ้าต้องซื้อหากันมันก็ไร้ค่า

ไม่มีเงินตราสกุลใดในโลกมีมูลค่าสูงกว่าของน้ำใจ

คุณค่าน้ำจิตน้ำใจประเมินมูลค่าไม่ได้

เมื่อวานนี้คนงานเก็บเห็ดโคนมาฝาก 1 หม้อต้ม เมื่อคืนนี้เป็นช่วงมหกรรมเห็ดโคนออก เสียงชาวบ้านจ๊อกแจ็กจอแจมาหาเห็นกันเต็มสวนป่า หมาเห่าขรมตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืน ผมนอนดูข่าวน้ำท่วม จนกระทั้งรุ่งเช้าเจ้าเก่าเอาเห็ดโคนดอกงามมาให้ต้ม 1 หม้อ ป้าสอนกับคนงานไปเก็บมาให้อีกประมาณ 2-3 หม้อ ช่วยกันทำความสะอาดเก็บไว้ทำอาหารมื้อเย็น มื้อเที่ยงผมขอแสดงฝีมือเอง ให้ป้าสอนเก็บใบแมงลักมาเตรียมไว้ ตอนเที่ยงจะเข้าครัว ต้มเห็ดโคนซดให้ชื่นสะดือสักกะหน่อย

วิธีต้มเห็ดโคน

เอาหม้อตั้งไฟ อย่าใส่น้ำมาก ในเห็ดจะมีน้ำหวานออกมาสมทบ

หั่นหอมใส่ลงไปสัก 2 หัว

โรยกุ้งแห้งสัก 2 ช้อนโต๊ะ

ใส่เกลือนิดๆ บุบพริกสดใส่ 2 เม็ด

เอาเห็ดเทลงหม้อ

ตามด้วยใบแมงลัก ใบมะขามอ่อน 1 ขยุ้ม

เติมซีอิ้วขาวหน่อยอย่ามากจะกลบรสเห็ด

ต้ม 2 นาทีควันฉุย ตักใส่ถ้วยยกไปเสริฟ์คนที่รัก

แค่นี้แหละ  อย่าไปใส่โน่นใส่นี้ให้มากเรื่อง

ทำง่ายๆอร่อยง่ายๆแต่ได้ภูมิคุ้มกันเยอะเลย

รับประทานกับส้มตำรสจัด

จะได้เมนูที่จิ๊ดจ๊าดอาหย่อยยยย

ฝนจะร่ำลาไปแล้ว ให้คนงานเตรียมนั่งร้านปลูกน้ำเต้า ที่คัดพันธุ์ไว้ว่าจะปลูกเพื่อพัฒนาพันธุ์ชนิดไหนบ้าง เพื่อให้เกิดความหลากหลาย นั่งร้านที่ว่านี้จะแบ่งปลูกดอกชมจันทร์ ปลูกฟักแฟง ปลูกตำลึง มะระจีน ถั่วพู ถั่วฝักยาว พริกพันธุ์เลื้อย ใช้สว่านเจาะหลุมแล้วใส่ปุ๋ยให้เต็มที่ มีระบบน้ำหยดให้ทุกหลุม แค่นี้แหละเธอเอ๋ย อีกไม่กี่เดือนก็จะมียอดน้ำเต้าลงกะทะร้อน มีผลน้ำเต้าอ่อนมาจิ้มน้ำพริก มาชุบแป้งทอด จัดเป็นแปลงสาธิตการปลูกผักเลี้อยค้างแบบประณีตพ่วงกับงานวิจัย

ข้างๆแปลงน้ำเต้า ปลูกกล้วยไข่ทดลองไว้เมื่อปีที่แล้ว

ช่วงระหว่างแถวลงต้นอินทผลัมไว้แล้ว

พบว่ากล้วยไข่ กล้วยหอม กล้วยน้ำหว้า ได้ผลดีพอสมควร

ส่วนมะละกอปะเลอะปะเตอ ล้มหมอนนอนเสื่อไป20กว่าต้น

ผักยืนต้นระยะชิดกำลังงามพออวดได้

น้ำท่วมผักแพงถ้าทำวิธีนี้จะพอแก้ขัดได้บ้าง

ต้นมะเขือการ์ตูนปลูกโชว์ ไม่ทำให้ขายหน้า

กำลังทยอยออกลูกแล้วนะเธอ

จะเร่งปลูกผักบุ้ง ผักกาด คะน้า กุยฉ่าย เรียงล่ายซ้าย

จบข่าว..


โม้จนเจอดี

อ่าน: 2504


ถ้ า ห วั ง  จ ะ อ ยู่ อ ย่ า ง ส ง บ   อ ย่ า อ ย า ก ดั ง !

ผมก็ไม่ได้อยากเด่นอยากดังอะไรหรอกนะครับ ภาษิตโบราณบอกว่า..กลองอยู่เฉยๆถ้ามันดังขึ้นมาเองเขาถือว่า..กลองจัญไร แต่ถ้าดังเพราะมีคนตีตามโมงยามก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดา หมู่นี้สงสัยพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก เสียงโทรศัพท์เข้ามาทั้งวันจนหูไหม้ แต่ละคนโทรยาวเยียด สาเหตุมาจากหนังสือพิมพ์มติชนรายวันฉบับวันที่ 30 นะสิครับ ไปลงเรื่องราวครูบาหราเต็มหน้า มีรูปภาพประกอบเต็มพิกัด เสนอเรื่องงานวิจัยเอาใบไม้เลี้ยงวัว ซึ่งผมก็จำไม่ได้ว่าไปขี้โม้ไว้ที่ไหนบ้าง คนที่เขามาเยี่ยมมาศึกษาดูงานก็ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าใครเป็นใคร จะเอาเรื่องราวไปทำอะไร จนกระทั้งวันนี้ละครับ เรื่องใบไม้เลี้ยงวัวแตกดังโพล๊ะ

เรื่องวัวกินใบไม้

ยังไม่มีใครหยิบยกมาวิจัยจริงจัง

ผมจึงตั้งเป็นหัวข้อวิจัยเสนอ(วช.)

เสนอไปแล้วก็โม้สะบัดสิครับ

เอามาขยายความขยายผลผู้คนก็สนใจ

มีเกษตรกรที่เลี้ยงปศุสัตว์โทรฯถามจากทั่วราชอาณาจักร

บางท่านถามรายละเอียดแล้วยังถามถึงระยะทางที่จะมาหา

บางท่านก็จ้ำจี้นัดหมายว่าอยู่บ้านวันไหน

บางท่านขู่มาแน่..จะบอกล่วงหน้า2สัปดาห์

บางท่านบอกจะเชิญไปโม้เดือนนี้-เดือนหน้า-เดือนโน้น

มีท่านหนึ่งเป็นผอ.โรงเรียนที่สงขลา

โทรมายินดีที่ยังมีชีวีอยู่ บอกว่าติดตามงานอยู่เสมอ น้ำใจหนอน้ำใจ..

ยังคิดไม่ออกบอกไม่ได้ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไร?

คงจะรีบๆเขียนต้นฉบับหนังสือ”บุรีรัมย์โมเดล” ให้เสร็จด่วนจี๋

เผื่อจะได้ส่งหนังสือเล่มนี้แทนตัวไปให้อ่านกันพลางๆ

ฝนตกขี้หมูก็ไหลมาตามๆกัน  วันนี้สภาการศึกษาแห่งชาติ โทรมาให้ไปซ้อมรับเครื่องราชฯดิเรกคุณาภรณ์เหรียญทอง ในวันที่ 14 ในช่วงบ่าย แล้วรับจริงวันที่ 15  แต่ผมไปติดรายการของสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์ข้าว เชิญไปเป็นวิทยากรบรรยายพิเศษ ที่กรมการข้าวจะจัดงานสัมมนา “อนาคตกรมการข้าวและการผลิตข้าวของประเทศไทย” ที่โรงแรมเฟลิกซ์ ริเว่อร์แคว จังหวัดกาญจนบุรี เวลา 10.30-12.30 น. ให้ไปโม้ในหัวข้อ “การทำเกษตรกรรมพึ่งตนเอง อย่างเพียงพอยั่งยืน” ไปชนกับวันที่ผมจะต้องมาซ้อมฯที่สภาการศึกษาในช่วงบ่าย คงต้องขอไปนอนที่เมืองกาญจนบุรีคืนวันที่ 14 ขอแซงคิวโม้เป็นคนแรกสัก 1.30 นาที แล้วเผ่นเข้าบางกอก จะทันไหมนี่ !!

ใครมีเฮลิคอปเตอร์ช่วยบินไปรับหน่อยนะครับ.. โธ่ๆๆๆ

ช่วงนี้พายุฝนกระหน่ำหนัก ขี้หมูก็ไหลเป็นพักๆ หนังสือพิมพ์คมชัดลึกแจ้งให้ครูบาไปรับรางวัล ๗๗ ต้นแบบคนดี แทนคุณแผ่นดิน ปี ๕๔ เป็นตัวแทนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จังหวัดละ1คน วันที่ 10 กันยายน ที่ห้องมงกุฏเพชร โรงแรมโฆษะ กะว่าจะไปเย็นวันที่ 9 นอน1คืน ไปเสนอหน้าเสร็จก็จะรีบเผ่น เพราะมีเด็กนักเรียน 50 ชีวิตมาเข้าค่ายรอตั้งแต่เช้าแล้ว

ป้าหวาน  ออต  ท่านบางทราย แม่ใหญ่ อยู่ไหมหนอ

จะชวนดวลข้าวต้มมื้อเย็นกันจั๊กหน่อย

จบข่าว อิ..



Main: 0.061591863632202 sec
Sidebar: 0.052792072296143 sec