น้ำขึ้นอย่ารีบตัก
เทวดายุติธรรมเสมอ
วันนี้นอกจากชาวไร่ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้แล้ว
กลุ่มอุตสาหกรรมที่มองว่ามีความพร้อมความเข็มแข็ง
แต่ละโรงงานมีพนักงานเป็นพันๆคน มีเงิน มีเครื่องมือ แต่ก็ช่วยตนเองไม่ได้
แสดงว่าศึกครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก>>
น้ำขึ้นอย่ารีบตัก ให้หนี หนี น้ำสุดชีวิต
ชั้นแรกไม่คิดว่าจะต้องหนี
คุณยายหลายคนไม่ยอมออกจากบ้าน
บอกว่ายายอยู่มาตั้งแต่อ้อนแต่ออก
ทำไมจะต้องอพยพทิ้งบ้านทิ้งช่อง
ผู้ที่ไปรับ..อ้อนวอน ขู่ว่า ถ้าคุณยายไม่ยอมไปกับหนู
หนูก็จะไม่เข้ามาอีกแล้วนะ
คุณยายยอมจำนน ..ออกมาเห็นโลกภายนอก
ถึงเข้าใจว่าวิบากมหันตภัยน้ำท่วมเที่ยวนี้เป็นอย่างไร?
ความเข้าใจ..ของแต่ละคนนี่น่าศึกษาไหมละครับ
จะมีนักศึกษาสักคนไหมที่เอาเรื่องน้ำท่วมใจนี้ไปเป็นหัวข้อวิทยานิพนธ์
วันนี้ยังต้องลุ้นระทึกต่อๆไป ตัวเลขน้ำท่วมมีแต่ขึ้นๆและขึ้น กำแพงจุดโน้นพังจุดนี้เละ การที่จะระดมสรรพกำลังเข้าไปปิดประตูน้ำที่พังไม่ง่ายหรอก สู้สุดชีวิต24ชั่วโมงอาจจะทำสำเร็จ แต่ตอนนั้นน้ำก็ท่วมไปเรียบร้อยแล้ว การตั้งรับภายนอกล้มระเนระนาด ทุกด่านต้านน้ำไม่ไหว สิ่งที่น่าสนใจคงจะมาดูการป้องกันกรุงเทพภายใน คุณชายแห่งกรุงเทพมหานคร ระดมพลคนกทม.สู้สุดฤทธิ์ เสียดายว่าอุโมงค์ยักษ์ทำยังไม่ครบตามแผน ไม่ยังงั้นจะหายใจโล่งกว่านี้ ข่าวรอบนอก กทม.น้ำก็ปริ่มๆแล้ว ช่วงทะเลหนุนมาตรงกับน้ำเขื่อนเปิดเต็มที่ จะออกหัวหรืออกก้อยหนอ
เอาใจช่วยอย่างเดียวไปพอหรอก
จะเอาอะไรไปช่วย..นี่สิน่าคิด
คนปกติก็ย่ำแย่แล้ว
คนที่เจ็บป่วย ย้ายโรงพยาบาล แล้วยังไงต่อ
วิกฤติที่ตอกย้ำอยู่นี้ เป็นประวัติศาสตร์ช่วงหนึ่งในชีวิตของเรา ซึ่งเราอาจจะเจอเรื่องหนักๆใหญ่ๆ4-5 ครั้ง ในอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะเจออะไรอีก ..หลังจากนั่งลุ้นระทึกกับมหาวิปโยคแห่งชาติ พ.ศ.นี้ ถามตัวเองว่าจะช่วยอะไรได้บ้าง ถ้าเข้าไปช่วยก็คงจะไปเกะกะเขาเปล่าๆ นั่งถอนใจเฮือกๆทั้งวันทั้งคืน ติดตามข่าวไม่ได้หลับได้นอน มองว่านี่คือบทเรียนสดๆของคนไทยทั้งชาติ ที่ควรจะใส่ใจศึกษาและใคร่ครวญ ประมวณผลถึงความเข็มแข็งของระบบการพัฒนาและดูแลป้องกันของชาติ ก่อนหน้านี้เราเคยได้ยินคำว่า”ไทยเข้มแข็ง” วันนี้ได้คำตอบแล้วบางส่วนว่าเราเข็มแข็งอยู่ในระดับไหน ควรจะอุดช่องโหว่หรือเสริมสร้างความมั่นคงให้เป็นจริงได้อย่างไร?
ใครบ้างจะต้องทำหน้าที่นี้
ก็คนไทยทุกคนนั่นแหละ..ถ้ายังมีความเป็นไทยอยู่ในหัวใจ
ในระหว่างที่พี่น้องหลายล้านครอบครัวเครียดและสั่นงันงกเหมือนลูกนกตกน้ำ พวกเราที่อยู่นอกรัศมีอุกกภัยเริ่มรับรู้ถึงช่วงรอยต่อของอากาศ ฤดูหนาวเริ่มนับหนึ่งแล้วตั้งแต่วันนี้ อากาศเย็นสบายพอดีในรอบปี เป็นวันที่เห็ดโคน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าเห็ดปลวก เป็นยอดมหาเห็ดแห่งความอร่อย ที่มนุษย์ยังไม่สามารถเพาะได้เหมือนเห็ดอย่างอื่น ผู้รู้บอกว่า..มันเกี่ยวข้องกับวิถีของปลวก ชาวบ้านจึงเรียกว่าเห็นปลวกยังไงละเธอ เห็ดที่ว่านี้จะนัดกันออกดอกมาเต็มที่คราวละ 2-3 วันต่อปี ระยะก่อนหน้านี้ก็เห็นมีเห็ดโคนดอกเล็กๆมาวางขายบ้าง ราคาในตลาดสตึก ก.ก. ละ 200 บาท เป็นเห็ดที่ล้างดินทำความสะอาดแล้วพร้อมลงหม้อ เมื่อก่อนไม่แพงอย่างนี้ ก.ก.ละ 50 บาทก็แพงแล้ว ส่วนมากชาวบ้านจะไปเก็บกันเอง ได้มาก็แบ่งกันกินไม่มีใครเอามาขาย เป็นของฝากที่มากด้วยไมตรีจิต คนยากคนจนไม่มีของขวัญแพงๆให้กันหรอก แต่เขามีไมตรีไม่อั้นพร้อมที่จะแชร์กัน
สมัยนี้ไม่มีการแบ่งปัน
ทุกอย่างตีค่าเป็นเงิน
น้ำจิตน้ำใจถ้าต้องซื้อหากันมันก็ไร้ค่า
ไม่มีเงินตราสกุลใดในโลกมีมูลค่าสูงกว่าของน้ำใจ
คุณค่าน้ำจิตน้ำใจประเมินมูลค่าไม่ได้
เมื่อวานนี้คนงานเก็บเห็ดโคนมาฝาก 1 หม้อต้ม เมื่อคืนนี้เป็นช่วงมหกรรมเห็ดโคนออก เสียงชาวบ้านจ๊อกแจ็กจอแจมาหาเห็นกันเต็มสวนป่า หมาเห่าขรมตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืน ผมนอนดูข่าวน้ำท่วม จนกระทั้งรุ่งเช้าเจ้าเก่าเอาเห็ดโคนดอกงามมาให้ต้ม 1 หม้อ ป้าสอนกับคนงานไปเก็บมาให้อีกประมาณ 2-3 หม้อ ช่วยกันทำความสะอาดเก็บไว้ทำอาหารมื้อเย็น มื้อเที่ยงผมขอแสดงฝีมือเอง ให้ป้าสอนเก็บใบแมงลักมาเตรียมไว้ ตอนเที่ยงจะเข้าครัว ต้มเห็ดโคนซดให้ชื่นสะดือสักกะหน่อย
วิธีต้มเห็ดโคน
เอาหม้อตั้งไฟ อย่าใส่น้ำมาก ในเห็ดจะมีน้ำหวานออกมาสมทบ
หั่นหอมใส่ลงไปสัก 2 หัว
โรยกุ้งแห้งสัก 2 ช้อนโต๊ะ
ใส่เกลือนิดๆ บุบพริกสดใส่ 2 เม็ด
เอาเห็ดเทลงหม้อ
ตามด้วยใบแมงลัก ใบมะขามอ่อน 1 ขยุ้ม
เติมซีอิ้วขาวหน่อยอย่ามากจะกลบรสเห็ด
ต้ม 2 นาทีควันฉุย ตักใส่ถ้วยยกไปเสริฟ์คนที่รัก
แค่นี้แหละ อย่าไปใส่โน่นใส่นี้ให้มากเรื่อง
ทำง่ายๆอร่อยง่ายๆแต่ได้ภูมิคุ้มกันเยอะเลย
รับประทานกับส้มตำรสจัด
จะได้เมนูที่จิ๊ดจ๊าดอาหย่อยยยย
ฝนจะร่ำลาไปแล้ว ให้คนงานเตรียมนั่งร้านปลูกน้ำเต้า ที่คัดพันธุ์ไว้ว่าจะปลูกเพื่อพัฒนาพันธุ์ชนิดไหนบ้าง เพื่อให้เกิดความหลากหลาย นั่งร้านที่ว่านี้จะแบ่งปลูกดอกชมจันทร์ ปลูกฟักแฟง ปลูกตำลึง มะระจีน ถั่วพู ถั่วฝักยาว พริกพันธุ์เลื้อย ใช้สว่านเจาะหลุมแล้วใส่ปุ๋ยให้เต็มที่ มีระบบน้ำหยดให้ทุกหลุม แค่นี้แหละเธอเอ๋ย อีกไม่กี่เดือนก็จะมียอดน้ำเต้าลงกะทะร้อน มีผลน้ำเต้าอ่อนมาจิ้มน้ำพริก มาชุบแป้งทอด จัดเป็นแปลงสาธิตการปลูกผักเลี้อยค้างแบบประณีตพ่วงกับงานวิจัย
ข้างๆแปลงน้ำเต้า ปลูกกล้วยไข่ทดลองไว้เมื่อปีที่แล้ว
ช่วงระหว่างแถวลงต้นอินทผลัมไว้แล้ว
พบว่ากล้วยไข่ กล้วยหอม กล้วยน้ำหว้า ได้ผลดีพอสมควร
ส่วนมะละกอปะเลอะปะเตอ ล้มหมอนนอนเสื่อไป20กว่าต้น
ผักยืนต้นระยะชิดกำลังงามพออวดได้
น้ำท่วมผักแพงถ้าทำวิธีนี้จะพอแก้ขัดได้บ้าง
ต้นมะเขือการ์ตูนปลูกโชว์ ไม่ทำให้ขายหน้า
กำลังทยอยออกลูกแล้วนะเธอ
จะเร่งปลูกผักบุ้ง ผักกาด คะน้า กุยฉ่าย เรียงล่ายซ้าย
จบข่าว..
« « Prev : ดีกว่านั่งหายใจทิ้ง
Next : ขออุปการะความเห็น ด่วน! » »
2 ความคิดเห็น
บุ๋ย ๆ ๆ ๆ ๆ :(
นึกว่าป๋อมๆๆๆ