ฐานกาย ฐานใจ ไปไหนมา?

อ่าน: 1371

ฐานกาย-ฐานใจ เรื่องนี้พระอาจารย์ไร้กรอบนำเสนอไว้อย่างน่าสนใจ ท่านจัดรายการกระทุ้งใจในวงน้ำชาในสื่อในหนังสือและในห้วงคิดคำนึงของลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ รวมทั้งผมด้วยแหละ ซึ่งถูกยั่วยวนให้คิดต่อตามประสาของคนป่า ที่มองจากป่าออกไปข้างนอก มองแบบคนป่าด้วยนะ ผิดถูกไม่รู้ละ

..ถ้ารู้แล้วเราจะมาเรียนทำไมละครับ ?

ผมไม่กลัวความไม่รู้และความโง่ของตัวเอง

โง่เรื่องอะไรโง่อย่างไรก็โพทะนาไปทั่ว

ให้ใครๆได้ยินได้รู้..เขาจะได้เมตตามาอุปการะความรู้

นี่คือสิ่งที่ฐานกายส่งออกไป..ประกาศว่าไอ่หมอนี่มันไม่ประสีประสาอะไรหรอก

โปรดอย่าเกรงใจ..อยากจะสั่งจะสอนอะไรก็อัดมาเต็มที่เล๊ย

นี่คือทางออกทางปฎิบัติที่ดีของคนโง่อย่างผม

ทำตัวให้เป็นผู้เรียน พร้อมเรียน แสดงออกว่าเรายังเป็นนักเรียน

การเป็นนักเรียนที่ดีอย่าไปมากเรื่อง เปิดหู เปิดตา เปิดใจ

ถ้าเปิดไม่เป็นบอกมา..

จะเอาเครื่องเปิดกระป๋องไปเปิดให้..

อย่าไปเสียเวลาวางท่า..อย่าไปวิตกกังวลกับการถูกคนอื่นมอง

ห้ามความคิดคนมองได้ที่ไหนละ ..อย่าไปเสียเวลาตรงนั้น

บางคนห่วงเรื่องภาพพจน์ เรื่องนินทา เรื่องซุบซิบ

แหม..การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนอีโต้มาโย้หัว

ไม่ต้องระแวดระวังกลัวว่าคนอื่นจะว่าเราไม่รู้ เราไม่ฉลาด จึงอมภูมิ

อมไปทำไมครับ.? อมยิ้มไม่ดีกว่ารึ! 

อยู่กับความจริงได้จะสบายไปสิบอย่าง

อย่างที่1 คิดถูกคิดดีคิดจากฐานความเป็นจริง

อย่างที่2 รู้ตัวเองว่าเจ้าเป็นไผ อยู่กับความรู้อะไร มีกึ๋นพอแล้วหรือยัง!

อย่างที่3 เจ้าพาตัวเองเรียนเรื่องอะไร เพื่ออะไร

อย่างที่4 เจ้ามีวิธีเรียนอย่างไร

อย่างที่5 เจ้ามีครู มีเพื่อน มีตัวช่วย มีคนอุปการะความรู้มากไหมพอไหม?

อย่างที่6 เจ้าเรียนเชิงรับและเรียนเชิงรุกในสัดส่วนเท่าใด

อย่างทึ่7 เจ้ารู้แล้ว เจ้าใช้ความรู้ได้มากน้อยแค่ไหน ใช้ไปในลักษณะใด

อย่างที่8 กายกับใจเจ้าตั้งอยู่บนฐานปกติหรือยังแกว่ง

อย่างที่9 เจ้ามีความรู้เพียงพอที่จะบริหารชีวิตและสังคมแล้วหรือยัง

อย่างที่10 กาย/ใจ ของเจ้าแข็งแรงพอที่จะลุยแล้วหรือยัง

กายผมอยู่ในป่า ใจผมอยู่บนท้องฟ้า คนอยู่ป่าก็คิดๆๆและคิดสิครับว่า..จะเอาความรู้อะไรมาเสริมสร้างพื้นที่ๆตนอยู่อาศัยให้ดีขึ้นสมบูรณ์ขึ้น ไม่ใช่ไปอยู่ตรงไหนทำให้มันเสื่อมลงๆ  แล้วก็สาละวนแก้ปัญหาที่ตนเองสร้างมันขึ้นมา อยู่ที่ไหนไปทำเรื่องติดลบที่นั้น แบบนี้ชีวิตมันก็ทุเรศทุรังนะสิ คิดบวกเป็นไหม ติดเครื่องหมายคูณให้ชีวิตได้ไหม เครื่องหมายลบเครื่องหมายหาญค่อยๆใช้ลดลง สมัยที่เรียนสอบตกวิชาคำนวณ โตมาก็เรียนชดเชยได้นี่เธอ..

..ถามตัวเองสิว่า..ชีวิตนี้ต้องการมีสภาพความเป็นอยู่อย่างไร? กายใจเราต้องการสิ่งใดบ้าง ปัจจัย4ใช่ไหม? ปัจจัยรองปัจจัยเสริมควรมีอะไร ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ต้องการสิ่งใดเป็นอย่างน้อย แล้วเราสนองสิ่งนั้นได้แค่ไหน ใคร่ครวญวางแผนชีวิตไว้อย่างไร ทำตามที่ออกแบบในใจไว้ได้หรือไม่ ในความฝันใฝ่มีความจริงอยู่กี่%

หลายท่านอาจจะคิดว่าไม่พร้อมไม่สะดวกไม่ๆๆๆและไม่โว้ย !

อันนี้ก็ไม่ว่ากัน..มันขึ้นอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่าง

แต่ถ้าหัวใจเสริมใยเหล็ก..มันจะละลายอุปสรรคได้หมดสิ้น

ความแข็งแกร่งของจิตใจนั้นสำคัญนัก

ไม่มีสิ่งใดในโลกแข็งเท่า

ถ้าเอาแต่คิดเยาะแยะวันนี้จะได้เล่นFB. หรือชวนกันไปย่ำดวงจันทร์รึเธอ..

ถ้าไม่มีทุนใจสะสมมากพอมันก็จะกลายเป็น..แข็งใจ ฝืนใจ ปีนเกลียวใจ

อานุภาพของจิตใจไม่เพียงพอที่จะเป็นพลังให้เดินหน้าต่อยอดเรื่องหนักๆและสำคัญได้

เราจะเห็นว่าศาสดาของโลก..ล้วนแล้วแต่เป็นนักผ่าตัด ผ่าหมาก เรื่องเป็นเรื่องตายของมนุษยชาติทั้งสิ้น ท่านมองว่า..มนุษย์มีกิเลสเป็นตัวหล่อเลี้ยงความเป็นไปของพลโลก ถ้ากำกับความคุมกิเลสได้พอสมควร สังคมมนุษย์ก็อาจจะพอประคับประคองอยู่กันไปได้ แต่ถ้าศาสนาเอากิเลสไม่อยู่ โลกนี้ก็จะปึงปังโครมครามเกิดสงคราม เกิดวิกฤติที่จนวิบัติรุนแรง สร้างความทุกขเวทนาไปทั่วโลก

โลกไม่เคยว่างเว้นปัญหาที่เกิดจากกิเลส

ถ้าไม่มีปัญญาพอฟัดพอเหวี่ยงกับวิกฤติปัญหาอาการก็น่าเป็นห่วง

ปัญญาที่ว่าอยู่ที่ไหน? อยู่กับใคร อยู่อย่างไร?

ที่น่ากลัวปัญญายุคใหม่ส่วนใหญ่ไม่บริสุทธิ์

มักจะปนเปื้อนกิเลสแทนที่จะเป็นสีขาวก็เป็นสีเทา

ดูง่ายๆ..คนที่คิดอะไรได้ก็จะจดลิขสิทธิ์ บวกค่าความคิด เอาเปรียบเพื่อกอบโกย

นี่ถ้าพระพุทธเจ้าจดลิขสิทธิ์ ..จะเกิดอะไรขึ้น

  • โลกตะวันตกคิดแต่เรื่องสนองกิเลส
  • โลกตะวันออกคิดเรื่องกำกับควบคุมกิเลส
  • ปัจจุบันเทคโนโลยีล้ำยุคกำลังดึงแนวคิดทั้ง2ฝ่ายนี้มาเผชิญกัน

ไอสไตน์มองว่า..ความรู้ที่มนุษย์มีอยู่ตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะสร้างสันติภาพสันติสุขให้โลกใบนี้ได้ เท็จจริงอย่างไร ท่านก็มีสมองคิดเองได้ประมาณการได้ใช่ไหมเล่า

ไม่ใช่เอาสมองไปซ่อนไว้ในหมวกกันน็อค!

แล้วไม่ยอมคิดอะไร?

ถ้าเป็นอย่างนี้..ก็ไม่ทราบว่า..จะป้องกันก้อนสมองโง่ๆไว้ทำไม?

แหม..จัดหนักไปหน่อย..เรื่องอย่างนี้เขียนยาวก็ไม่ดี

เอาไว้อ่านต่อก๊อก 2 ภาคบ่ายดีไหมครับ?

เอ้อ..จะอ่านให้มันส์ๆก็ควรคอมเมนท์แทรกความคิดเห็นมาบ้าง

ปล่อยให้คนป่าพล่ามเหมือนผีบ้า..เดี๋ยวผีก็มาหลอกจริงๆหร๊อก..

อิอี  อิอี..


ผ่าง ผ่าง ประกาศ และประกาศ

อ่าน: 1496

 

ต่อไปนี้พ่อใหญ่อุ๊จะแถลงข่าว

พ่อใหญ่ลีดังเพราะตีกลองประชุม พ่อใหญ่อุ๊จะขอตีเกราเคาะFB.บ้างนะขอรับ

เรื่องที่จะขออนุญาตทำการประชุมญาติโกโหติกาทั้งหลาย ก็คือการเปลี่ยนแปลงในการเขียนบันทึกให้ไฉไลกว่าเดิม นั่นคือ..จะบันทึกในลานปัญญาแล้วลิงก์มาFB.นะครับ เหตุผลเพราะจะทำให้อ่านง่าย ลงภาพประกอบได้ตามจุดที่จะอธิบายเพิ่มเติม คุณๆที่อุปการณะความรู้ผมทุกท่าน ก็คงเข้ามาถ่ายเทความรู้ความคิดได้ดังเดิม เพียงแต่จะไม่ส่งสามารถส่งข่าวไปเคาะประตูบ้าน ทั้งๆที่อยากจะไปยืนรอหน้ารั้วบ้านเหมือนเดิม

ยังไงๆก็อย่าเพิ่งทิ้งพ่อใหญ่อุ๊เด้อ

เสียเวลาทำความคุ้นเคยหน่อยก็จะสดใสตะติ๊งหน่องเหมือนเดิม

ขอเวลาอีกสักจิ๊ดหนึ่ง เอาไว้ให้จัดระบบWiFI. ให้เจิดจรัสกว่านี้

คาดว่า..หลังสงกรานต์เล็กน้อย

เราจะสามารถยกระดับกระชับพื้นที่สัญจรสื่อผ่านดาวเทียมอย่างมีประสิทธิภาพ

คุณที่น่ารักทั้งหลายก็จะได้ชมการรายการคริปวีดีโอของหมู่บ้านโลกฝีมือคอนดรั๊กเตอร์

แบบกระชั้นชิดวันต่อวันเลยละขอรับ

จึงเรียนมาเพื่อทราบ

โปรด ผ่าง ผ่าง ประกาศ  และประกาศ ให้ทราบโดยทั่วกันได้

แชร์ลูกโซ่เขายังทำได้

ทำไมแชร์ความรักจากพ่อใหญ่จะทำไม่ได้ละครับ

บ๋ายๆ  หลับฝันดีเด้อพี่น้อง

หลับขอให้ได้เงินหมื่น

ตื่นขอให้ได้รับเงินเดือนอัตราขั้นต่ำหมื่นห้า

ไม่ผิดหวัง ไม่ประสบเคราะห์หามยามร้าย

ขอให้ได้พบแต่ความสุขสบาย

  • ที่ยิ้มหวานก็ขอให้หวานกว่าเดิม
  • ที่ใบหน้าหวานก็ขอให้หวานแฉล้มสม่ำเสมอ
  • ที่แต่งกลอนเก่งก็ขอให้เก่งเนียนเป็นธรรมชาติ
  • ที่ทำกับข้าวเก่งก็ขอให้แฟนข้างโต๊ะชมไม่ขาดปาก
  • ที่ทำงานเก่งก็ขอให้เจ้านายเพื่อนรอบข้างรักและชื่นชม
  • ที่คอมเมนท์ไม่เก่ง..ก็ขอให้ขยันออกความคิดเห็นมากขึ้น
  • ที่กำลังอ่านอยู่ตอนนี้..ก็ยิ้มหน่อยเถิด..อมยิ้มก็ดีหร๊อก..แต่ยิ้มกว้างๆ..จะดีกว่า

 


มาเป็นนักประกอบการความดีกันไหมครับ?

ไม่มีความคิดเห็น โดย sutthinun เมื่อ 22 กุมภาพันธ 2012 เวลา 3:56 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1401


วิธีทำความดีมีให้เลือกมากมายจนตาลายเลยละครับ ในการที่จะอุทิศตัวเราทำความดีให้แก่บ้านเกิดเมืองนอน หลายท่านได้ทำทะลุเป้าไปแล้วก็มาก บางท่านกำลังทำอย่างเอาจริงเอาจัง บางท่านเลือกทำตามโอกาสอันควร บางท่านยังหากระบวนการไม่เจอ ก็ไม่เป็นไรครับ ของอย่างนี้ขึ้นอยู่กับความสมัครใจและความพอใจ

เอาแค่ชวนคนมาปลูกผัก กินผัก นี่ก็เกิดคุณประโยชน์ต่อคนเอง-ครอบครัว-เพื่อนฝูง-สังคม-และโยงไปถึงความปกติสุขอันมั่นยืนบ้านเกิดเมืองนอนของเรา แค่ที่ผมเอาตัวเองทดลอง ผลที่ได้รับ นับได้ว่าเป็นความโชคดีที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับตนเอง

การเรียกคืนสุขภาพกลับมาได้ในเวลาอันรวดเร็วนั้น

จะไม่เรียกว่าเป็นความโชคดีอันเอกอุได้อย่างไร

อุ้มแตงมานานหลายปี มาวันนี้สามารถจัดการได้เป็นที่น่าพอใจยิ่ง

ลูกน้องที่นานๆมาเยี่ยมครั้ง ต๊กกะใจ..

ถามกันให้แซดว่า..ครูบาป่วยหนักหรือ ทำไมผอมจัง!

เอาละสิ ..ร่างผอมจนมองว่าขี้โรคก็น่าคิดนะครับ

หารู้ไม่ว่า..อ้วนเท่าไหร่ สุขภาพแย่ตามน้ำหนักส่วนเดิน

คนสมัยนี้ไม่มีใครต้องการมีหุ่นแบบอาเสี่ยแล้วนะครับ

ต้องการประเภทหุ่นเฟี๊ยวฟ๊าวกันทั้งนั้น

· ทะเลทรายประกอบไปด้วยทรายเม็ดเล็กๆฉันใด

· การทำความดีก็สามารถทำแบบเก็บเล็กผสมน้อยไปได้เรื่อยๆ

· อย่างน้อยก็ดีกว่านิ่งเฉยหรือถอยหลังตกคลอง

ขออนุญาตเอาเรื่องของโฉมยงมาเป็นกรณีพิจารณา

เรื่องมีอยู่ว่า..โฉมยังกับผมกินผักมาระยะหนึ่ง เห็นว่าเกิดความเปลี่ยนแปลงภายในตัวเราอย่างมาก ทั้งระบบขับถ่าย การลดน้ำหนัก รู้สึกสบายกายสบายใจ สบายที่ไม่ต้องวุ่นวายกับการทำอาหารแต่ละวันด้วย สรุปว่า..ถ้าทำถูกต้องเรามีแต่ได้กับได้ ..ก็อยากจะเผยแพร่แนะนำสิ่งดีๆเหล่านี้ ใครมาเยี่ยมก็ชวนคุยเรื่องอ้วน เรื่องสุขภาพ แทบทุกคนบ่นต่อรำพึงรำพัน

เราจึงหันมาแคะคุ้ยเรื่องอาหารการกินกันอย่างเข้มข้น

บางวันจวนค่ำแล้ว

ยังไปเด็ดผักมาดวลกันในบัดเดี๋ยวนั้น

ผมต้องรับประทานผักมื้อเย็นไปด้วยเพื่อจะได้บรรยากาศ “กินไป-คุยไป”

การปลูกผักนานาชนิดนั้นมีรายละเอียดพอสมควร นับตั้งแต่นิสัยของพืช อายุ ผลผลิต อากาศ น้ำ แดด ล้วนเป็นตัวแปรที่ต้องอาศัยเวลาออกแบบในการปลูกให้สอดคล้องกับ-ความต้องการ–ปริมาณ-ระยะเวลาฯลฯ เพียงเราปลูกแค่นิดหน่อยยังต้องได้การบริหารจัดการอย่างมาก ถ้าปลูกมากๆจะเพียงไหน?

ช่วงนี้เรามีผักเหลือรับประทานมาก ทั้งๆที่เจี๊ยะกันสะบัดช่อแล้ว ตัดต้น ตัดดอก ตัดทั้งดอกทั้งต้นก็ยังเหลือเบอะ ผักก็เหมือนมนุษย์เรา ต้องเดินหน้าไปสู่การแก่-เจ็บ-ตาย ห้ามไม่ได้เสียด้วย ถึงเวลาไม่ตัด ผักก็จะแก่ ยังดีที่บางส่วนเราสามารถเก็บเมล็ดพันธุ์ไว้

การออกแบบให้มีผักต่อเนื่องนั้นไม่ง่ายเลย

แต่ละพื้นที่ต้องวางรูปแบบให้เหมาะสม

นับเป็นความรู้ที่สนุกและอร่อย

เรามาดูประเด็นนี้กับเรื่องราวของโฉมยงดีไหมครับ หลังจากที่มีเพื่อนโรงพยาบาลสตึกมาเยี่ยม ทุกคนบ่นเรื่องสุขภาพ/อาหาร/วิธีการจัดการตนเอง ใครมาเยี่ยม โฉมยังก็จะชวนรับประทานเมี่ยง เด็ดใบชะพลูที่ผมปลูกเป็นไม้ประดับแทนหญ้าที่น่าบ้าน เห็นว่าจะเข้าหน้าแล้งแล้วจึงรดน้ำให้บ่อย ชะพลูก็งามสิครับ แตกอ่อนน่าชิม

สูตรของโฉมยง..จะเด็ดเอาใบชะพลูสดๆมาห่อเมี่ยงคำเป็นคำๆ

คุณผู้หญิงละชอบนัก

หยิบโน่นนิดนี่หน่อย-หยอดน้ำปรุง-ห่อ-หยิบเข้าปาก-เคี้ยวแก้มตุ่ย

แล้วก็คุยกันสารพัดสารเพ ชื่นมื่นทั่วหน้ากัน

กินไปกินมา ความอร่อยเพิ่มขึ้นเป็นความชอบ ก็เกิดเรื่องสิครับ

แม่หวี ช่วยจัดยังงี้ส่งให้โรงพยาบาลได้ไหม?

เ ร า ห า ผั ก ส ด ป ล อ ด ส า ร อ ร่ อ ย ๆ อ ย่ า ง นี้ ไ ม่ ไ ด้

ผักในตลาดก็ไม่กล้ากินสดๆ ไม่ไว้ใจ เพราะเห็นๆกันอยู่ว่าปลูกกันยังไง

เรื่องอาหาร..เดินมาหาถึงบ้านอย่างนี้ คุณโฉมยงเธอก็ขมีขมันสิครับ เอาเวลาที่ไม่ต้องยุ่งยากกับการประกอบอาหารในแต่ละมื้อ มาปลูกขยายสมุนไพร ใครว่าอะไรดีเรามีโม้ด!..เธอไปเด็ดสมุนไพร-คาวตอง-วอเตอร์เกรต-หญ้าปักกิ่ง-แปะตำปึง-ยี่ร่า-ผักแพรว-ใบหูเสือ-หว่านง๊อก-ผักหวานบ้าน-ผักชีลาว-แมงลัก-โหระพา-ใบมะกรูดอ่อน-ใบมะตูมอ่อน-ใบมะยม-ชะพลู-ผักเม็ก-ยอดมะม่วงหิมพาน แล้วมาเอาผักในแปลงผมไปเป็นส่วนผสมเข้าไปมี ผักสลัด-ดอกชมจันทร์-ถั่วฝักยาว-ถั่วพู-คะน้า-แตงกวา-ผักกาดกวงตุ้ง-ผักชี-กล้วยดิบ-ผลน้ำเต้าอ่อน

ในเบื้องต้นมีประมาณนี้ ถ้าเข้าช่วงหน้าฝนเธอเอ๋ย ผักพื้นเมืองที่เกิดเองตามธรรมชาติจะอ่อนกรอบ เด็ดเอามาร่วมขบวนนี้ได้เป็นอย่างดี วิธีนี้จะเป็นการโน้มนำให้เกิดความนิยมรับประทานผักสดมากขึ้น หลังจากคุ้นชินแล้วเราถึงจะโน้มน้าวให้หันมารับประทานผักอย่างเป็นล่ำเป็นสัน ขบวนการกินผัก-ปลูกผักกินเองก็จะขยายตัวออกไปในหมู่ผู้รักสุขภาพ

ก่อนหน้านี้ผมปลูกผักสนุกๆไว้รับสำหรับครอบครัว และไว้รับเพื่อนฝูงที่มายิ้ม ที่สำคัญปลูกเอาไว้โม้ อิ อิ..ก็ไม่มีอะไร..สบายๆ แต่พอเข้าสูตรที่จะต้องจักผักบริการเป็นประจำก็ยุ่งสิครับ ต้องเสริมระบบยกระดับการปลูกเพื่อบริการชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียง จึงต้องออกแบบปลูกผักนานาชนิดอย่างน้อย 1 ไร่ วันพรุ่งนี้จะเริ่มดำเนินการแล้วละครับ

· จัดการโปรยมูลวัวลงในพื้นที่

· เอาน้ำควันไม้มาราดลงไป

· เอาฟางมาคลุม

· ตีแปลงผักแต่ละชนิด

· หยอดเมล็ดพันธุ์

· ดูแลรดน้ำ/ไล่แมลง

งานเราก็เยอะ จะบริการไหวหรือ?

โฉมยงบอก ..ทำไงได้ สงสารคนที่ตั้งใจจะรักษาตัวเอง

ถุงละ30บาท/นี่จะไหวหรือ/เสียเวลาเก็บ/เวลาจัด/แถมยังขับรถไปส่งอีก

ราคา 30 บาท เป็นราคาแนะนำให้คนได้ชิมของดีจริงๆ

ถ้าคิดจุดคุ้มทุนก็ทำไม่ได้หรอก..ถ้าคิดแบบการค้า !

แต่ถ้ามองว่า..ทำดี ได้บุญ มันก็แสนคุ้ม ที่ช่วยคนออกจากความทุกข์

พอเขารู้ว่าดีจริงเราถึงค่อยเขยิบราคาขึ้นไปให้พออยู่ได้

ทำดีเพื่อคนไทย ..ทำไปเรื่อยๆ..ความดีก็จะงอกงามขึ้นเรื่อยๆ

เราไม่ได้ขายผักอย่างเดียวนะพ่อ

ยังเอากล้วยหอม/กล้วยไข่/งาคั่ว/น้ำมะสัง/ครีมมะกรูด/ผักอื่นๆ

เปิดท้ายรถ..คนไข้โรงพยาบาลมารุมตึง

แต่ขายให้ไม่ได้ เพราะเตรียมมาให้เฉพาะคุณพยาบาล

บางคนงง..พูดว่า..อยู่ในป่ามีกล้วยหอมมาขายได้ยังไง..

คนขี้สงสัยพวกนะพ่อ..เดี๋ยวก็วิ่งมาชนต้นกล้วยหัวโนเองแหละ

แหม..โฉมยงนี่มีกลเม็ดในการบริการความดีความสุขอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย..

คนเรานี่นะครับ ขอแต่เป็นงานที่ชอบ ทำแล้วมีความสุข ยังไงก็ได้

ผมแอบถามป้าสอน ที่มาช่วยดูแลแปลงผัก

“ป้า..แม่หวีชวนทำอย่างนี้ดีไหม?”

“ดีๆคุณพ่อ..สนุก และชอบด้วย”

ป้าสอนเป็นหญิงแกร่ง ชอบเข้าวัดทำบุญ เป็นคนอ่อนน้อมอัธยาศัยดี มีแฟนคลับทั้งหมู่บ้าน จะเป็นก๊วนที่ชวนกันไปทำบุญวัดโน้นวัดนี้ ว่างก็แว๊บเข้าสวน บางทีก็ไปทำบุญเห็นแม่ครัวเขาผ่าฟักทอง ฟักแฟง ก็ห่อเอาเมล็ดมาหยอดลงหลุม เห็นบ้านไหนมีผักที่เรายังไม่มีก็ขอเข้ามาปลูก ป้าเป็นมือปลูกผักที่น่าสนใจ ผมแนะนำวิธีใหม่ๆป้าจะไม่เชื่อทันที จะแข็งขืนนิ่มๆ..จนเราจะพิสูจน์ให้ประจักษ์ ถึงจะยอมรับ

ป้าสอนถึงจะมีร่างผอม แ ต่ มี โ ร ค ค ว า ม ดั น สู ง ม า ก

เคยขับมอเตอร์ไซหน้ามืดหัวทิ่มมาแล้ว

ไปหาหมอที่ไร..วั ด ค ว า ม ดั น แ ล้ ว ต๊ ก ก ะ ใ จ

เห็นผมนั่งกินผักก็มองเฉยๆ ไม่ยอมเจี๊ยะตาม

แต่พอแม่หวีค่อยๆชวนค่อยๆชิม

ทุกวันนี้ ป้าสอนจะขมีขมันไปเก็บผักมาตั้งวงกินผักกันสนุก

และยังเป็นลูกมือช่วยจัดผักเป็นชุดๆอย่างมีความสุข

..ป้าสอนนี่ละครับ..จะเป็นนักประชาสัมพันธ์ตัวเอ้

ที่จะเจาะเรื่องปลูกผักกินเองเข้าไปในหมู่บ้านและในหมู่ญาติธรรม

และในหมู่ของแฟนคลับป้าสอน

งานประชาสัมพันธ์แบบ..ป า ก ว่ า มื อ ถึ ง เ ยี่ ย ง นี้

ป้าสอนกินขาด!..

ท่านผู้อ่านเป็นอย่างนี้ไหมครับ

คนชอบเขียนกลอน* ..ขนาดบ้านพังยังนั่งๆนอนๆเขียนเฉยเลย

สรุป งานบริการผัก จัดเลี้ยง ส่งเสริม เป็นหน้าที่ของโฉมยง

ผมคงอยู่ฝ่ายอัดฉีดกำลังใจ น่าจะดีนะครับ

· ส่งเสริมคนทำดีไม่ต้องดูไกลหรอก

· ยุให้คนที่นอนข้างเรานี่แหละกระทำความดี

· ถ้าคนทำดีมากๆ ความไม่ดีก็จะค่อยๆลดลง

· เรื่องนี้ยกให้เธอเป็นช้างเท้าหน้า

· ผมอาสาเป็นช้างเท้าหลัง

· ต้องการอะไรบอก..พ่อจะปลูกให้มันระเบิดระเทิดเทิงไปเลย

คำที่ขอถาม

ถ้าคนไทย สุขภาพแข็งแรงดีขึ้น 30% การดูแลรักษาพยาบาลจะลดลงไหมครับ ในเมื่อปริมาณคนป่วยใหม่ค่อยๆลดลง คนป่วยเก่าก็ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้น ถ้ายังไม่เปลี่ยนพฤติกรรมในการกินอาหาร จะทำให้การรักษาโรคยากลำบากมากขึ้น เหมือนการตักน้ำใส่โอ่งที่มีรูรั่วนั่นแหละครับ เสียเวลาหมอ เสียงบประมาณหลวง เสียทรัพย์ของผู้ป่วย ใครในบ้านป่วยเข้าคนหนึ่ง ก็เหมือนป่วยกันทั้งบ้าน ไปๆมาๆก็พากันอมโรคอมทุกข์กันทั้งครอบครัว

ถ้าคนไทย หันมาปลูกผัก/รับประทานผักปลอดสาร เราจะลดการสั่งเข้ายารักษาโรค ลดการสั่งเข้าปุ๋ยและสารเคมีและปัจจัยแวดล้อม เช่น เครื่องจักรกล น้ำมัน ไฟฟ้า ปีละกี่หมื่นล้านบาท

ถ้าคนไทย หันมาใช้ชีวิตแบบพอเพียงตามลำดับขั้น สุขภาวะในครัวเรือน ในสังคม และในระดับชาติจะกระเตื้องขึ้นไหมครับ ในเมื่อคนไทยไม่ต้องเป็นภาระให้รัฐบาลหรือหน่วยงานใดๆมาแบกปัญหาให้ ธนาคารแห่งประเทศไทยก็จะมีเงินไปทำเรื่องที่เป็นประโยชน์ต่อคนไทยมากขึ้น

ถ้าคนไทย รักตัวเอง ดูแลตัวเอง สร้างเป็นเครือข่ายเฝ้าระวังด้านการทำกิน ทำดี ทำถูกต้อง คุณภาพของสังคมจะดีขึ้นกว่านี้ไหมครับ ถ้าคนไทย มีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กัน ช่วยกันพึ่งพากันเองอย่างพี่อย่างน้อง ศิลปะการใช้ชีวิตแบบไทยๆและวัฒนธรรมไทยจะกลับมาไหมครับ

· คนที่มีหน้าที่การงานก็ตั้งใจทำงานให้เรียบร้อย

· แล้วมาทำหน้าที่ๆสอง คือหน้าที่ดูแลตัวเองและสังคม

· เราอย่าลอยเพสังคมต่อไปเลยครับ

· ถ้าเราละทิ้งสังคม สังคมก็จะละทิ้งเรา

· เอาอย่างนี้ก่อนดีไหมครับ

· ตั้งแต่วันนี้ไปจะเริ่มทำดีกับตัวเองให้มากขึ้น

ชักชวนตัวเองคิดดี ทำดี เปลี่ยนแปลงในสิ่งดีๆ

กินอาหารดีๆ ยิ้มหวานอารมณ์ดี อยู่ในสภาพแวดล้อมที่สะอาด

ละลดเลิกเข้าสถานที่ๆไม่สมควร

กลับมามองครอบครัว ญาติๆ

ควรอ่านFB.ที่เพื่อนๆเขียนบ่อยๆ

· อ่านแล้วอย่ากดชอบใจเฉยๆ

· คนสวยโปรดกรุณา comment ด้วย

· จะได้เกิดการเชื่อมโยงความรู้เป็นวงจร

· ท้ายที่สุดก็จะเกิดสังคมแห่งการเรียนรู้

· แล้วต่อยอดไปเป็นสังคมอุดมปัญญา

หลายท่านอาจจะมึนงงกับสังคมในปัจจุบัน อยากจะเข้าไปมีส่วนช่วยชาติบ้านเมือง แต่ก็ไม่รู้ว่าจะเข้าตามตรอกออกตามประตูได้อย่างไร? ดังนั้นจึงขออนุญาตเชิญชวนให้ที่รักโปรดพิจารณา เรื่องการเริ่มต้นที่ใจตนเองแล้วใช้สติปัญญาร่วมกัน ก็จะเกิดเป็นพลังจุดชนวนระเบิดความดีให้แผ่ไพศาลไปได้เร็วขึ้น

จะเห็นว่าการทำอย่างนี้ไม่ต้องมีโครงการใหญ่โตมารองรับ

เราลงขันความดีกันคนละนิดละหน่อยตามกำลัง

ไม่นานหรอกคุณความดีก็จะทวีค่า แตกออกเป็นดอกผลความหวังดีไม่มีจบ

ใครเห็นด้วย ..เอามือลง แคว๊กๆ


จดหมายถึงท่านเง๊กเซียนฮ่องเต้

4 ความคิดเห็น โดย sutthinun เมื่อ 17 กุมภาพันธ 2012 เวลา 7:38 ในหมวดหมู่ สวนป่าฮาเฮ #
อ่าน: 1512

ท่านเง๊กเซียนครับ ผมได้รับบัญชาให้เขียนถึง สันติวิธีหรือวิธีสันติ ฉบับมหาชีวาลัยอีสาน จึงขออนุญาตมารบกวนให้ท่านช่วยพิจารณาช่วยด้วย ผมจะทำยังไงดีกับเรื่องที่คันอยู่ในหัวใจ แต่หาคนช่วยเกายังไม่ได้ ชวนคนไหนเขาเอาแต่โบ้ยบ้าย ทุกคนซังกะตายหมดแล้ว ที่ยังเต้นแร้งเต้นกาก็พอมีบ้าง แต่ก็อ่อนแรงเต็มที ท่านเง๊กเซียนมียาโด็ปไหมละครับ โปรดประทานให้ผมสักจอกหนึ่ง ผมจะเอาไปแจกเพื่อนๆพี่ๆผมใน สสสส.

งานเข้าอีกแล้วพี่น้อง เจอรายการคำขอมา2ฉบับ

รายการแรกมาจากนายแพทย์สุธี ฮุนตระกูล นักศึกษาสสสส.3 หลักสูตรเสริมสร้างสังคมสันติสุข(สสสส.) สถาบันพระปกเกล้า คุณหมอขอให้เขียนเรื่องอะไรก็ได้ไปเขย่าบล็อกหน่อย ไอ่อะไรก็ได้นี่แหละยากที่สุด อีกทั้งเป็นพื้นที่ของจอมยุทธระดับสูง จะบุ่มบ่ามบุกเข้าไปก๋าๆหาได้ไม่ จะต้องใช้แม่ไม้มวยไทยกี่แม่ก็ไม่ทราบได้ แม่ยกก็ไม่มีกับเขาเสียด้วย มีแต่แม่ยาย แต่ก็เอาเถอะไหนๆก็ไหนๆแล้ว ผมนะร่ำรวยอารมณ์รื่น ตั้งแต่มายืนอยู่ในพื้นที่FB.ก็ได้รู้จักญาติมิตรคนดีๆน่ารักทั้งนั้น ท่านเหล่านี้เป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นน้อง เป็นครู เป็นผู้อุปการะให้ความเมตตาต่อผม เอื้ออาทรความรู้สึกระหว่างกัน แบ่งปันประโยชน์ความรู้ความรักความสุขกันสม่ำเสมอ

· เราพูดกันมากมายเรื่องสันติสุข สันติภาพ

· เราคิดกันมากมายเรื่องจังหวัดชายแดนภาคใต้

· เราแสวงหากันมากมายเรื่องสมานฉันท์

มีทฤษฎี มีงานวิจัย งานสังเคราะห์กรณีศึกษา มีการปฏิบัติการหลายรูปแบบ ผมในฐานะลูกศิษย์สำนักนี้ก็ได้แต่มองดูอยู่ห่างๆ จะยื่นหมูยื่นแมวตัวเองก็แค่หมาน้อยธรรมดา จึงมาปักหลักค้นหากระบวนสร้างสันติสุขภาคประชาคม เท่าที่ตัวเองพอจะทำอะไรได้บ้าง ..ย่างกรายมาร่ายรักต่อกลอนเขียนโน่นนี่ เพื่อผูกมิตรไมตรีกับเครือญาติของผม เนื่องจากเพิ่งจะเริ่มตั้งไข่ยังไม่มีอะไรมาก แต่ผมเชื่อโดยสุจริตใจว่า คนไทยที่ผมเป็นเพื่อนกับเขาล้วนเป็นคนดี รักและห่วงใยบ้านเมือง และมีมิติสังคมในหัวใจ ไม่อย่างนั้น จะมีระบบไหนละที่จะมาเอื้ออวยให้ท่านเหล่านี้ เข้าไปมีส่วนช่วยเหลือประเทศชาติ

มองหารูยังไม่เจอครับ

คนดีของแผ่นดินมากมายเหล่านี้ มีความพร้อมทั้งความรู้ความคิดประสบการณ์และอุดมการณ์ แต่ความผันผวนในสังคมได้คุมกำเนิดความรู้ความคิดภาคประชาชนไว้แน่นหนึบยิ่งกว่าปลากระป๋อง ปัญหาของประเทศชาติจึงถูกลอยเพ เหมือนผักตบชะวาที่ไหลไร้ทิศทาง ตามแต่น้ำเน่าจะพัดพาไปทางไหน

คนเบี้ยน้อยหอยน้อยอย่างผม

ทำได้แค่ไหนก็แค่นั้น

แต่อย่างน้อยก็บอกตัวเองได้ว่าทำแล้วนะ ได้แค่นี้แหละ

ส่วนที่เหลือผมคิดว่ามีคนไทยอีกมากมายทำเรื่องดีๆให้กับบ้านเมือง เพียงแต่เขาไม่ทำเอาหน้าและไม่เสนอหน้า ผมรู้จักครูบาอาจารย์บางคนก้มหน้าก้มตาสอนลูกศิษย์ให้เป็นคนดีอย่างเต็มความสามารถ ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมและบรรยากาศบ้าๆบอๆ ผมรู้จักนักธุรกิจบางคนที่ไม่คิดแต่จะร่ำรวยแบบเอาเปรียบสังคม ไม่บ้าเงินบ้ากล่องจนกระทั้งไม่เห็นศีรษะเพื่อนร่วมแผ่นดิน รู้จักหมอหลายคนที่ทุ่มเททำงานในชนบท

นอกจากรักษาคนแล้ว ยังรักษาโรคทางสังคมอีกด้วย

สังคมสันติสุข ฟังแล้วหัวใจพองโต แต่มันช่างอยู่ไกลแสนไกลเหลือเกิน แต่พ่อหลวงสอนเราด้วยเรื่องราวพระมหาชนก ขนาดตกเรือลอยคอมองไม่เห็นฝั่งก็ยังไม่ท้อ นี่พวกเรายืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทยเต็ม2ขา ถ้ามาคิดถดถอยก็ไม่ต่างกับหมาน้อยธรรมดา

ผมสำนึกบุญคุณสถาบันพระปกเกล้า เคารพในบุญครูบาอาจารย์ที่อบรมสั่งสอน เคารพรักพี่ๆที่เมตตาส่งอะไรมาให้มากมาย ทั้งๆที่เสียมารยาทไม่ตอบกลับ แต่ก็จำไว้มั่นว่าเราได้รับความกรุณาจากเพื่อนที่เต็มไปด้วยมิตรภาพของแท้ ไม่ใช่การเลียนแบบของความเป็นเพื่อนอย่างที่เห็นอยู่ทั่วไป ผมติดตามข่าวคราวท่านพี่ๆอยู่เสมอ ทราบข่าวเพื่อนเราก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่การงานทุกปีก็ดีใจด้วย แต่ไม่ได้แสดงออกจนกว่าจะได้เจอหน้ากัน หลายท่านปักหลักทำงานเชิงรุกอย่างเอาจริงเอาจัง อย่างท่านพลตำรวจเอกวันชัย ศีนวลนัด ขออนุญาตที่เอ่ยนาม แหม..ขอเลียนแบบชาวสภาเขาหน่อย ท่านพี่สว.สุนันท์ สิงห์สมบูญ คงอนุญาตนะครับ ท่านพี่วันชัยเปิดเวทีองค์กรสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง ทุ่มเทบัญชาการเองทุกวันขยันมาก ผมไปแอบตอดนิดตอดหน่อยเพราะมีเวลาจำกัด

ญาติผมทางนี้เขารอผมตั้งแต่ตี3 ท่านลองเข้าแง้มดูได้ในเฟสบุกค์ก็จะเจอ หรือยังข้องใจจะตามไปที่บล็อกลานปัญญา ถามหาลานสวนป่าจะเจอไม่ยาก ผมใช้สื่อไอทีในการพัฒนาตนเองและมิตรสหายที่อยู่รอบตัวทำแบบวิชาเกิน ไม่มีความรู้อะไรหรอก

มีแต่กำลังใจ กับ กำปั้น ไว้ทุบดิน

ประเทศไทยวันนี้ได้ลงทุนสร้างโครงข่ายพื้นฐานการโทรคมนาคมไปทั่วทุกหัวระแหง วิทยุชุมชน ทีวี โทรศัพท์ อินเตอร์เน็ท สามารถเข้าได้เข้าถึงพอสมควร อีกหน่อย3G. แพร่หลายจะสะดวกกว่านี้ การคมนาคมถนนหนทางสะดวกมาก รถทัวร์ รถบัส รถตู้ วิ่งกันให้ควัก หลายจังหวัดมีบริการเดินทางโดยเครื่องบิน แต่บ้านผมแย่หน่อยเข้าลักษณะลูกเมียน้อย มีเครื่องบินโดยสารเฉพาะวันศุกร์กับวันอาทิตย์ ส่วนรถทัวร์สบายมาก เที่ยวสุดท้ายออกจากบางกอกเที่ยงคืน มาถึงบุรีรัมย์ตอนรุ่งสาง ส่วนรถไฟ รอรัฐบาลสร้างรถไฟหัวกระสุนเมื่อไหร่จะสุดเริดเลยละครับ

ที่พูดถึงเรื่องนี้เป็นคุ้งเป็นแควก็เพื่อจะบอกว่า อุปกรณ์/เครื่องมือเหล่านี้ น่าจะเป็นปัจจัยเอื้อการการสร้างสังคมสันติสุขได้ไม่มากก็น้อย ถ้าเรารู้จักใช้/ใช้ให้ถูกทางและใช้ให้คุ้มค่า. เรามาส่งเสริมให้เกิดความตระหนักที่จะพัฒนาตนเองและเครือข่าย ด้วยการใช้ไอทีที่เป็นกระแสทั่วโลก จะไม่ดีกว่าการพร่ำบ่นว่าจะเข้าไปสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในเชิงทฤษฎีอย่างโน้นอย่างนี้รึครับ มันสำคัญที่ให้แก่นสารกับผู้คนมีส่วนร่วมในวงกว้างได้อย่างไร?

· ทำอย่างไรรึ

· ก็ทำอย่างที่หลายๆท่านกำลังกระทำอยู่นี่แหล่ะ

· ยังอีกหลายพันวิธีที่จะเลือกปรับใช้ตามศักยภาพของแต่ละท่าน

ผมและเพื่อนๆจากกลุ่มเฮฮาศาสตร์ จะสร้างกุฏิเล็กๆถวายท่านเจ้าคุณพระมหานภัณต์ สนติภทุโท (ถาวรเจริญบรรจบ)ที่สวนป่า เพื่อจะหาจังหวะนิมนต์ท่านมาเคาะกะโหลกเป็นครั้งคราว ผมยังมีโครงการสร้างหมู่บ้านโลกในปีนี้ หมู่บ้านโลกที่ว่า..หมายชุมชนเล็กๆที่ประกอบด้วยผู้คนที่มีจิตใจคล้ายกัน ที่อยากจะมาอยู่รวมตัวกัน แลกเปลี่ยนความรู้กันฉันญาติร่วมสุขร่วมทุกข์กัน มีอะไรก็หันหน้าเข้าหากัน อยากจะทดลองทำวิจัยเรื่องอะไรก็ลงมือกระทำไปเรื่อยๆ ถ้ามีชุดความรู้ไหนเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติเราก็จะนำไปเผยแพร่ พยายามช่วยกันหาคำตอบ..เราจะช่วยอะไรประเทศนี้ได้บ้างในสไตล์ของเรา การคิดการทำแบบนี้ไม่ได้ไปเบียดบังใคร แต่เปิดโอกาสให้คนดีความสามารถมาพบปะจับมือจับใจกันทำงานเชิงรุก

จะทำงานเชิงรุกได้มันต้องลุกจากเก้าอี้

บางท่านบอกว่าเท่านี้ไม่พอหรอก

มันต้องลุกขึ้นมาทั้งตัวและหวังใจ

ท่ามกลางความอลวนของสังคม เกษตรกรเป็นจำนวนมากต้องทิ้งถิ่น เพราะไม่มีความรู้เพียงพอที่จะอยู่ในท้องถิ่น ประมาณเกินครึ่งของครัวเรือนเกษตรกรต้องกลายเป็นผู้อพยพในประเทศของตนเอง เปลี่ยนจากเกษตรกรไปเป็นกรรมการเพราะความประมาทหรือเพราะอะไรมาบีบไปก็ไม่ทราบได้

ในขณะเดียวกันคนกรุงที่มีวิชาความรู้ แต่อุดอู้อยู่แต่ในกรุงเทพฯเหมือนปลากระป๋อง ผมจึงคิดเบาๆแต่เอาจริงว่า..จะชวนท่านที่มีวิชาความรู้เหล่านี้ออกมาพัฒนาชนบท แล้วให้คนชนบทไปอยู่ในเมืองแทน กระแสคนชนบทเข้ากรุงเป็นไปพอสมควรแล้ว แต่กระแสคนกรุงออกชนบทยังไม่เห็นเท่าใดนัก นอกจากตอนน้ำท่วมใหญ่ ไปๆมาๆแล้วกลับไปเผชิญไฟเขียวไฟแดงต่อไป..

การที่คนเมืองจะออกมาอยู่ในชนบทควรมีแบบแผนบ้าง

มันไม่ใช่แบบออกมาจับจองพื้นที่ปลูกสร้างรีสอร์ท ผมคิดมากไปกว่านั้น ทำอย่างไรถึงจะให้เขาตระหนักว่า อยู่ที่ไหนก็ผืนแผ่นดินไทย อยู่ที่ไหนก็ทำความดีงามให้กับบ้านเมืองได้ โดยเฉพาะท่านที่มีประสบการณ์และทักษะมหาศาล ถ้ามีการกำจัดเงื่อนไขให้เหลือน้อยที่สุด การอพยพทรัพยากรมนุษย์สายพันธุ์ดีให้มาแพร่ขยายความดี ให้มารู้เห็นความเป็นไปของบ้านเมือง ช่วยเหลือเกษตรกรที่ยังลำบาก เป็นเรื่องที่ท้าทายน่าประลองสติปัญญาไหมละครับ

เรื่องเหล่านี้จะเขียนหรือโม้โอ้อวดอย่างเดียวก็คงไม่ต่างกับเด็กเลี้ยงแพะ

ผมจึงต้องเอาตัวเองนี่แหละเป็นหนูลองยา

ไม่อย่างนั้นก็จะมีแต่เรื่องเสมือนจริงออกไปลับ-ลวง-พราง

ผมทำอะไรบ้าง

1. เรื่องสุขภาวะด้านสุขภาพของคนไทย

2. เรื่องมิติทางสังคม สำนึกรักบ้านเกิดรักแผ่นดิน

3. เรื่องการจับมือกันร่วมทุกข์ร่วมสุขของคนไทย

4. เรื่องการเชื่อมโยงสติปัญญาวิชาความรู้ และทักษะชีวิต แบบอิงระบบ

เอาแค่4เรื่องนี้ เดินขาเป็นเลข8แล้วละครับ

1.เรื่องสุขภาวะด้านสุขภาพของคนไทย คนเราอยู่ที่ไหนควรจะมีความรู้เพียงพอที่จะพัฒนาพื้นที่อยู่ที่ทำกินให้เจริญขึ้นตามลำดับ ผมจึงปลูกป่าไม้เป็นหลัก อีสานบ้านผมตัดไม้ทำลายป่าเยอะ เกิดวิกฤติทางธรรมชาติรุนแรงมากขึ้นๆ เป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน ถ้ามีต้นไม้เป็นต้นทุนอยู่บ้างก็จะช่วยลดปัญหาแถมยังนำพาไปสู่การพึ่งตนเอง เช่น เอากิ่งไม้มาทำเชื้อเพลิง เอาใบไม้มาสับเลี้ยงปศุสัตว์ เอามัน-กลอย-เสาวรส-ไปปลูกข้างต้นไม้ใหญ่ให้เป็นค้างธรรมชาติ ในแต่ละปีผลผลิตวิธีนี้จะให้เรามีอาหารและผลไม้ปีละ2เข่ง/ต้น ถ้าทำ1,000 ต้น เหลือกินเอาไปแจกญาติผมได้ไม่น้อย หรือจะพัฒนาเป็นสินค้าอนามัยก็ไปได้อีกไกล เป็นส่วนเสริมด้านสภาพแวดล้อมที่มั่นยืนโดยไม่รีบตัดต้นไม้ก็อยู่ได้ ใช้เป็นแหล่งพลังงาน ผลิตผลไม้และอาหาร สร้างงานและอาชีพในท้องถิ่น ปฏิบัติการเหล่านี้เป็นต้นทุนให้แต่ละครัวเรือนอย่างแท้จริง แค่ชาวบ้านเก็บเอาเมล็ดไม้ไปเพาะปลูกหรือจำหน่ายก็มีงานทำที่ไม่เบาแล้วนะครับ ส่วนปศุสัตว์ผมเลี้ยงวัวเพื่อผลิตปุ๋ย เลี้ยงแพะเพื่อวางแผนให้เป็นโปรตีนที่เหมาะในอนาคต เลี้ยงไก่ให้อยู่ตามธรรมชาติ

ที่สำคัญผมปลูกผักทำการวิจัยเรื่องผักและกินผัก เรื่องนี้เกิดผลต่อตัวเองมาก หลังจากที่ผมเลิกรับประทานเนื้อสัตว์ ทำให้ท้องป่องเหมือนลูกแตงโมลดลงเรื่อยๆ อาการท้องผูกหายเป็นปลิดทิ้ง น้ำหนักตัวจาก 60 ..วันนี้ลดลงเหลือ 57 ..และจะลดลงไปที่ 55. .. ตามที่หมอแนะนำได้ไม่ยากนัก โดยไม่ได้พึ่งยาชนิดใดแม้แต่น้อย ทุกอย่างเกิดความตระหนักในตัวเอง สิ่งใดก็ตามถ้าทำแล้วเกิดประโยชน์โดยตรงต่อชีวิตของผู้คน ผมเชื่อแน่ว่าจะมีผู้คนหันมาทางแนวทางนี้มากขึ้น ส่วนกระบวนการก็ไม่จำเป็นต้องไปขืนโคให้กินหญ้า แนะนำกันด้วยเหตุด้วยผล ให้เขาจัดการบริหารชีวิตด้วยตัวของเขาเอง

จุดขายอยู่ที่ถามว่า

คุณรักตัวเองแค่ไหน

คุณต้องการเพิ่มความรักให้ตัวคุณเองอีกไหม

มีวิธีนี้นะ..ยังงี้ๆ เลือกเอาประยุกต์เอาตามความเหมาะสม

เรื่องลักษณะนี้ตัวผู้แนะนำส่งเสริมต้องเป็นต้นแบบเชิงประจักษ์ จะไปส่งเสริมเรื่องมังสวิรัติทั้งๆที่ตัวเองพุงป่องเหมือนเจ้าไข่นุ้ยก็ใช่ที่..ควรทำให้ดูอยู่ให้เห็นกันจะๆ แล้วเอาสิ่งที่เราลงมือปฏิบัติมาชี้แนะกันมันถึงจะชัวร์ ใช่ไหมะครับ

· ความมั่นคงด้านอาชีพการงาน

· ความมั่นคงด้านอาหารและสุขภาพ

· ความมั่นคงด้านความรู้และทักษะชีวิตของตัวเองและบุตรหลาน

· ความมั่นคงด้านสภาพแวดล้อมและภูมิปัญญาท้องถิ่น

· ความมั่นคงด้านการพลังงานและเชื้อเพลิง

· ความมั่นคงด้านบริบททางสังคม

· ความมั่นคงด้านความปลอดภัยและทรัพย์

· ความมั่นคงด้านเข้าถึงทุนเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร

ประเด็นเหล่านี้เป็นรากฐานของการสร้างเสริมสังคมสันติสุขที่แท้จริง ถ้าเราไปจับกระเดียดเรื่องความรุนแรง เรื่องความขัดแย้ง ชอบชอบธรรมในสังคม โดยละเลยเรื่องความมั่นคงพื้นฐาน ก็เท่ากับเราไปเกี่ยวข้องกับภาพรวมของสังคมยังไม่สมบูรณ์นัก

รถยนต์วิ่งไม่เต็มลูกสูบมันก็กระฉึกกระฉักอย่างที่เป็นอยู่นี่ละครับ

2. เรื่องมิติทางสังคม สำนึกรักบ้านเกิดรักแผ่นดิน

เรื่องมิติทางสังคมกำลังเป็นปัญหาร้ายแรงที่กบดานอยู่อย่างน่าวิตกกังวล เกิดการเปรียบเทียบระหว่างสวัสดิการของข้าราชการ กับ ภาคธุรกิจเอกชน เรื่องระบบข้าราชการมีปัญหาด้านกำลังผล ด้านประสิทธิภาพของการปฏิบัติงาน เรื่องความซับซ้อนของกฎระเบียบ เรื่องพวกนี้ปะทุขึ้นมาล้วนเป็นหมัดตายทั้งนั้นละครับ ดังที่เราจะสังเกตเห็นความเปราะบางอ่อนแออ่อนไหวในหมู่ข้าราชการมากขึ้น ศักดิ์ศรีเกียติภูมิของข้าราชการออกอาการอีบัดอีโรย หลายคนเบื่อหน่ายกับระเบียบเต่าล้านปี พอไปเทียบกับภาคเอกชนมันคนละเรื่อง ทำให้เกิดสมองไหลบ้าง แย่งกันเออรี่บ้าง ที่สาหัสคือเกิดวิกฤติศรัทธาระหว่างข้าราชการกับประชาชน

ไม่ทราบว่าสิ่งนี้เป็นตัวแปรต่อการสร้างเสริมสังคมสันติสุขไหมครับ

ในฐานะคณะกรรมการด้านกำลังพลของกระทรวงสาธารณสุข ซึ่งเป็นกระทรวงชั้นเยี่ยมทางด้านการปรับปรุงตนเองตลอดเวลา คณะผู้บริหารฯทำการบ้านอย่างสม่ำเสมอ ก็ยังเจอปัญหาหืดขึ้นคอ เรื่องการโยกย้าย เรื่องการขยายขอบข่ายงานสู่โรงพยาบาลเพื่อสุขภาพในชุมชน เรื่องสมองไหล แต่ละปีมีนักศึกษาแพทย์มาเข้าค่ายดูงานที่นี่ สิ่งที่อาจารย์หนักใจก็คือ ลูกศิษย์ไม่อยากทำงานในชนบท มาขอให้ผมประนีประนอมหว่านล้อมให้ที เรื่องนี้ไม่มีใครถูกใครผิด เพียงแต่นักศึกษามีมิติทางสังคมบ้างเขาถึงจะย้อนคิดเรื่องนี้ เราจะบรรจุพลังเหล่านี้ใส่ลงไปในหัวใจนักศึกษาแพทย์ เมื่อเร็วๆนี้นักศึกษาและอาจารย์แพทย์ขอนแก่นก็มาที่นี่

วันที่ 23 มีนาคม ก็จะไปงานปฐมนิเทศนักศึกษาแพทย์จุฬาฯที่จังหวัดชลบุรี ได้หัวข้อมาแล้วครับ..อาจารย์แพทย์เชิญไปพูดเรื่อง “หมอของชาวบ้าน” คงจะไปจำมาจากสโลแกนของที่นี่..

“มหาชีวาลัยอีสาน คือยาขมหม้อใหญ่

ที่ปรุงแต่งขึ้นมาเพื่อรักษาไข้ใจของคนอีสาน”

ผมสะท้อนให้นักศึกษาเห็นว่า ในชนบทยังมีเรื่องดีงามมากมายที่นักศึกษาควรจะได้แสวงหา องค์ความรู้เรื่องพัฒนาการกินอยู่ต่างหากที่เป็นหัวใจของระบบปฏิรูปสุขภาพ เอาแค่คนไทยกินเนื้อสัตว์ลดลงสักกึ่งหนึ่ง การเจ็บไข้ได้ป่วยก็ลดลงได้มากแล้ว แต่ถ้าเอาแต่เพิ่มเตียงเพิ่มหมอทำเท่าไหร่ถึงจะพอ ปีนี้มีโครงการเพิ่มหมออีก 10,000 คน แต่คนป่วยรอหมดล้นทะลักเป็นหลักล้าน แก้กันเป็นวัวพันหลัก ก็คงเหมือนไม่ลดรายจ่าย มันจะเพิ่มรายได้ตรงไหนละครับ โครงการรณรงค์เลิกเหล้าเลิกบุหรี่ยาบ้า สวมหมวกกันน็อกก็จะลดลง การประกันสุขภาพ ควรโยงไปถึงวัฒนธรรมด้านการความเป็นอยู่อาหารการกินอย่างมีนัยสำคัญ ถ้าสามารถทำให้คนไทยรักตัวเองดูแลตนเองมากยิ่งขึ้น

ชี้ให้เห็นว่าโจทย์พวกนี้ ถ้านักศึกษาแพทย์ช่วยระดมกันทำได้

จะช่วยให้วิกฤตด้านการรักษาพยาบาลเห็นหน้าเห็นหลังเลยละครับ

แพทย์/พยาบาลจะได้ทำงานเหนื่อยน้อยลง

งบประมาณใช้จ่ายน้อยลง

ผู้คนแข็งแรงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สภาพผู้คนปลอดโรคยิ้มแย้มแจ่มใส

· ถามว่าถ้าผู้คนในชาติมีสุขภาพแข็งแรง

· ประเทศชาติแข็งแรงขึ้นด้วย

· การสร้างเสริมสังคมสันติสุขก็จะฟิตปั๊งตามไปด้วยไหมละครับ

· เราจะสร้างเสริมสังคมสันติสุขท่ามกลางคนป่วย

· คนยากคนจนไส้เต็มไปด้วยน้ำเหลืองสำเร็จได้หรือครับ

3.เรื่องการจับมือกันร่วมทุกข์ร่วมสุขของคนไทย

เรื่องนี้พูดไปแล้วเสียดายนัก จากการจารีตประเพณี/วัฒนธรรมที่ดีงาม หล่อหลอมคนไทยจนทำให้เกิดนิยามคำว่า “ยิ้มสยาม” อยู่กันอย่างเอื้ออาทรฝากผีฝากไข้กันได้ “ข้าวบ้านเหนือเกลือบ้านใต้” กลายมาเป็น “ทำไหรทำเถิ๊ด อย่าเปิดผ้า ทำไหร่ไม่ว่าผ้าอย่าเปิ๊ด วนๆเวียนอยู่แค่นี้ เมื่อปัญหาซับซ้อนมากขึ้นแบ่งกันออกเป็นหมู่เหล่า บ้างที่ไม่สนใจก็อยู่กันอย่างอีแอบ

ถ้าเป็นอย่างนี้สังคมจะสันติสุขอย่างไรก็ยังงงอยู่นะครับ

เรื่องใหญ่ๆอย่างนี้ จะไปทำแบบเห็นช้างขี้ก็ขี้ตามช้างไม่ได้หรอก

แต่ถ้าชี้ชวนให้ผู้คนตระหนักหันหน้าเข้าหากัน เรียนรู้ร่วมกัน เกี่ยวก้อยเดินทางไปในทิศเดียวกัน อาจจะพอเห็นหน้าเห็นหลังได้บ้าง ถึงจะเร็วขนาดไวไฟ อย่างน้อยมันยังมีแต้มบวกมาให้เห็น มีกลุ่มองค์กรมากมายที่กระจายตัวกันทำอยู่ในชนบทต่างๆ ถ้าจะให้ผลดังกล่าวนี้แตกลูกแตกหลานออกไป หน่วยราชการควรจะอยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เข้าไปเป็นเจ้าของโครงการ พวกเธอต้องทำตามกฎระเบียบอย่างนี้ๆนะ บางเรื่องอาจจะพอใช้ได้ แต่หลายเรื่องไม่มีทาง

บางกรณีมีข้อพิเศษที่คนหนึ่งคิดแล้วเอามาให้คนหนึ่งทำ

ทำได้ครับเพราะมีงบประมาณมาล่อ

แต่มันก็ซังกะตายปีนเกลียวกันไปอย่างนั้นแหละ

เสียดายเวลาและงบประมาณ

แถมยังมาสร้างวิกฤติศรัทธาระหว่างกันขึ้นมาอีก

เพลาๆบ้างได้ไหมครับเรื่องพวก

ถ้าไม่ใจเย็นพอที่จะให้เขาเกิดการเรียนรู้

ความรู้ไม่พอใช้ของทุกฝ่ายนี่แหละ

คือตัวปัญหาเชิงโครงสร้างสังคมสันติสุข

· ผมทดลองมาควานหาคำตอบในเฟสบุกค์

· และลงมือสร้างกลุ่มเฮฮาศาสตร์และกลุ่มลูกหลานครูบาในFB.

4.เรื่องการเชื่อมโยงสติปัญญาวิชาความรู้ และทักษะชีวิต แบบอิงระบบ

เมื่อเห็นว่าในระบบมันเต็มไปด้วยเงื่อนไข การที่จะทำอะไรเพื่อสังคมในสภาพตัวเองก็ไม่ได้มีความพร้อมอะไร มีแต่น้ำลายกับกำปั้น จะทำอะไรได้นอกจากทำตัวให้เป็นผู้เรียน ชักชวนให้หมู่มวลมิตรเป็นผู้เรียน ผู้เรียนจะต้องมีคุณสมบัติอยากเรียนรู้ อยากรู้อยากเห็น อยากทดลอง สู้สิ่งยาก อยากเปลี่ยนแปลงสิ่งรอบตัวให้ดีขึ้น สู้กับปัญหาแบบกัดไม่ปล่อย ถ้าผมมีญาติพี่น้องคุณสมบัติดังกล่าวนี้ คนตาบอดอย่างผมก็จะมีคนจูง เท่าที่ปฏิบัติมาก็พบว่า..คนมีความรู้ ความสามารถ คนดีคนเก่งอยู่รอบๆตัว คอยอุ้มชู คอยอุปการะความรู้ ผมเองไม่มีอะไรหรอก เป็นหมาน้อยธรรมดา ที่ผู้ใหญ่ลีจะขอกล่าวนั่นแหละ แต่พอมีการเชื่อมโยงความรู้ ทำให้สามารถปลดสิ่งที่ค้างคาใจออกไปได้มาก อยู่ในป่าก็เรียนรู้ได้ทะลุไปถึงต่างประเทศ มีข้อแนะนำดีๆ เรื่องราวดีๆมากมาย ที่ไม่ต้องรออนุมัติแบบทางการ

สิ่งนี้อาจจะเป็นการจำลองสังคมสันติสุขได้อีกในแง่มุมหนึ่ง

· ที่นี่ไม่มีอำนาจ

· ที่นี่ไม่มีผลประโยชน์

· ที่นี่มีแต่ความรักกับความรู้

ความรู้ในตัวคนนั้นสำคัญนัก ความรักในตัวคนก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากัน

ถ้า2สิ่งนี้เดินคู่ขนานกันมา

พลังของประชาคมก็อยู่ไม่ไกลนัก

ที่สำคัญทำได้ทันที ไม่ต้องรอสิ่งใดๆ

· อยากได้เมล็ดพันธุ์ผักจากตะวันออกกลางเพื่อนใจดีก็ส่งมา

· อยากได้หมวกไหมพรมเพื่อนอุตส่าห์ถักก็ส่งมา

· อยากได้เสื้อยืด ปากกา ยาดม เพื่อนก็ส่งมา

· อยากได้ไม้ใช้วัดเห็ดเป็นพิษเพื่อนก็ส่งมา

· อยากรู้วิชาธรรมชาติบำบัดเพื่อนก็มาสอนให้

· อยากหายปวดหลังปวดเอวเพื่อนก็มาสอนวิธีแก้ปวดให้

· อยากได้ความรู้ความคิดเพื่อนก็ส่งมาให้

· อยากได้เครื่องสับกิ่งไม้เพื่อนก็หามาให้

· อยากได้ต้นมะตูมยักษ์/มะขามป้อมยักษ์เพื่อนก็ซื้อมาให้

· อยากได้ความรัก ..เมื่อคืนส่งมาแบบถล่มทลาย

แม้แต่ในขณะที่เขียนเรื่องนี้ก็มีโทรศัพท์เข้ามาถาม

จะไปมาหา ต้องการอะไรหรือเปล่าจะจัดไปฝาก

บอกว่า..ไม่ต้องการอะไร ขอแค่รอยยิ้มกับเสียงหัวเราะก็พอ

ก็ยังถามมาอีกว่า..คิดดูนะ ..แล้วบอกมา

โถ แม่คุณทูลกระหม่อม ..แบบนี้ไม่ให้รักได้ยังไง?

· ผมไม่ทราบว่า..ตัวชี้วัดสังคมสันติสุขมีอะไรบ้าง

· สำหรับตัวผมแล้ว..ผมวัดที่มิตรไมตรีไม่มีพรมแดนนี่ละครับ

· ถ้าสังคมมีการร่วมทุกข์ร่วมสุขกันอย่างแท้จริง

· เราจะบ้าไปเอาเกณฑ์อะไรมาวัดอีกละครับ

· แม้แต่ KPI. เป๋ๆผมถือว่ากระจอกมากถ้ามาวัดกันในมิติดังกล่าวนี้

· เครื่องมืออะไรละครับที่จะวัดใจกันได้

· ถ้าไม่ใช้ใจวัดใจ

Key Word : สังคมสันติภาพ ขึ้นอยู่กับคุณภาพของสังคม

———————————————————————————

เรียนคุณหมอสุธี ฮั่นตระกูลที่เคารพรัก

วันนี้ทำได้เพียงนี้ แต่หนทางข้างหน้ายังอยู่อีกไกล จะไปไหวไหมหนอ แต่ไม่ท้อหรอกนะครับ ลูกศิษย์หลวงพ่อศรีวิชัย เอ๊ย! พลเอกเอกชัย ศรีวิลาศ จะมาถอดใจกลางคันมีหวังโดนพระอาจารย์ถี- คุณหมอช่วยหิ้วปีกด้วยนะครับ เพราะหมอเองขอให้ผมเขียนแบบจัดหนักๆ..

ถ้าพระอาจารย์ใหญ่อัด หมออย่าลืมวิ่งมาให้ทันก็แล้วกัน

.. ด้วยรักในอัตราก้าวหน้าตลอด อิอิ.

แคว๊กๆ .


ควายยังเคี้ยวเอื้อง คนเราจะเคี้ยวอะไร?

อ่าน: 1724

หลังจากที่เข้ามาสู่กระบวนการรับประทานภักษาหาร ความคิดก็พุ่งทะยานขึ้นมา ตามอัตตาของคนขี้โม้ เห็นสิ่งใดดีถ้าไม่ได้บอกกล่าว..อกจะแตกตาย นี่ถ้าเน็ทบ้านนอกไม่เดี๊ยง เธอเอ๋ย..อ่านกันจนตาแฉะ เพราะมีเรื่องบอกเล่าให้คนดีที่น่ารักได้ช่วยกันพิจารณา ดังนั้น ..สิ่งที่เขียนในFB.ไม่ใช่เรื่องวิเศษวิโสอะไร เป็นแต่เพียงความรู้หยาบๆ ส่งมาให้พวกเราช่วยเติม ช่วยแก้ ช่วยขัดเกลา ถ้ามองอย่างตรงจุดก็คือ..เป็นการส่งอวดความไม่รู้ มาให้คณะผู้รู้-ผู้มากประสบการณ์-ผู้เชี่ยวชาญช่วยกันแกะร่างแห

โจทย์ในวันนี้ก็คือ มังสวิรัติจะเดินหน้าอย่างไร

คนไทยถึงจะไปสู่ความตระหนัก และเข้าถึงญาติที่แสนรักของผมได้ วันวาเลนไทด์ ผมมีแต่ดอกน้ำเต้า-ดอกมะเขือ-ดอกฟักทอง ไหนเลยจะสู้ดอกกุหลาบได้ จึงขออนุญาตส่งความปรารถนาดีเกี่ยวกับการกินอยู่ของพวกเรามาแทน หวังว่าคุณคนดีคงไม่น้อยอกน้อยใจ

ที่ไม่มีกุหลาบมาปัก ฉึก กลางหัวใจนะครับ

ช่วงนี้ดอกประดู่แดงกำลังชูช่อระย้าย้อย สีแดงระเรื่อเจือสีแสดนิดๆ เป็นสีเฉพาะของเขาเลยละครับ ดอกซากุระอีสานบานต้อนรับเทศกาลแห่งความชื่นมื่นแล้วก็รีบโรยรา ทิ้งกลับดอกสีชมพูเล็กๆเกลื่อนพื้น ดอกไผ่ผึ้งมาบินตอมเซ่งแซ่ทุกเช้า โลกของดอกไม้เบิกบานไสวไม่อนาทรอะไร ถึงเวลาก็แย้มบานให้ ผีเสื้อ นก และเราได้ชมชื่น

ขอส่งมอบความรักอย่างนี้ครับ

เรื่องมังสวิรัติ ที่เราไม่รู้ว่าจะเอายังไงดี หรืออยู่ในระหว่างหาคำตอบ กำลังดำเนินการและประกอบการให้เหมาะสมกับสภาวะแห่งตน เรื่องความเคยชิน เรื่องของนิสัย ใช่ว่าจะจัดการอะไรได้ง่ายๆ การอธิบายหรือชักชวนเรื่องนี้ ผมย้อนไปถึงคำสุภาษิตที่ว่า

“สร้างเรือนตามใจผู้อยู่ ผูกอู่ตามใจผู้นอน”

เมื่อมีที่หลับนอนสะดวกสบายใจฝันหวานได้ไม่อั้นแล้ว ก็จะชวนมาดูเรื่องอาหารการกินที่ปฏิบัติมา เป็นอย่างไรบ้าง ไม่ชอบอะไรบ้าง และติดอกติดใจกับเมนูอะไรบ้าง เรื่องพื้นฐานของจิตใจที่เคลือบความชอบไว้สำคัญนักเชียว ถ้ามองข้ามก็ตกม้าตายได้ง่าย ความหวังดีที่เราจะบรรจุเข้าไปก็อาจจะโดนดีดกลับ สุดท้ายก็ปล่อยเลยตามเลย..

จบแบบเอวังก็มีด้วยประการละฉะนี้

ผมรักใครแล้วไม่ยอมให้จบลงง่ายๆหรอก

พยายามใคร่ครวญว่าจะชวนที่รักให้รับประทานมังสวิรัติเพิ่มขึ้นได้อย่างไร?

มังสวิรัติสไตล์มหาชีวาลัยอีสานจะเดินสายกลางครับ

จะมาข่มขืนความรู้สึกของที่รักนั้นไม่บังควร

ลำดับที่ 1

ท่านใดรับประทานอาหารประเภทใดอยู่ก็รับประทานต่อไป เพียงแต่ขอความร่วมใจลดเมนูเนื้อสัตว์ลงบ้าง เคยสั่งถ้วยใหญ่ก็ลดลงเป็นถ้วยเล็ก เคยประประทานเต็มที่ก็ยั้งๆช้อนไว้บ้าง เคยสั่งเมนูเนื้อเต็มโต๊ะก็ลดลงสักครึ่งโต๊ะ ค่อยๆลดไปเพื่อให้กระเพาะและจิตใจรับสภาพความเปลี่ยนแปลง

ลำดับที่ 2

ทดลองชักชวนตัวเองให้ลองรับประทานผักมากขึ้น เลือกชนิดผักที่ตนเองชอบมากที่สุด ซึ่งก็คงจะมีบ้างละน่า คงไม่มีใครไม่เคยกินผักเอาเสียเลยในชีวิตนี้ ถ้ายังไม่กล้าสั่งเมนูผัก ก็มองไปที่โต๊ะข้างๆก็ได้ พร้อมกับถามตัวเองว่า..ทำไมท่านอื่นๆจึงรับประทานผัก ตัวเราผิดปกติตรงไหนหรือเปล่า ถ้าผักไม่ดีไม่อร่อย ใครจะบ้าสั่งมารับประทานกันละครับ ลองคิดเบาๆ..อาจจะฉุกคิดขึ้นมาก็ได้ ถ้าอยากจะลองชิมชิ้นมา..คราวนี้ละได้เรื่อง..

เอ๊ะ มีคนพูดว่ากินผักบุ้งแล้วตาหวาน

ถ้างั้น..นี่หนูๆ..พี่ขอสั่งผักบุ้งไฟแดงจานหนึ่ง

ลำดับที่ 3

ทดลองชิมผัดผักต่างชนิดมากขึ้นแบบค่อยเป็นค่อยไป ให้ตัวเราคุ้นชิน จะได้พิจารณาสั่งอาหารแปลกเพิ่มขึ้น เช่น จับฉ่าย ฟักตุนมะนาวดอง น้ำเต้าชุบแป้งโกกิทอด พิจารณาสั่งอาหารที่มีส่วนผสมของผักมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็สั่งผลไม้จำพวก ฝรั่ง กล้วยสุก แอปเปิล แคนตาลูป ส้ม มังคุด สับปะรด มะพร้าวอ่อน ผักกับผลไม้คุณสมบัติใกล้เคียงกัน ก่อนที่จะโดดไปสู่การรับประทานผักสด ก็อยากจะให้ชิมชอบความสดของพืชผักเป็นเบื้องต้นเสียก่อน

อย่าสั่งผลตาลสุก! ก็แล้วกัน

ลำดับที่ 4

จะชวนที่รักชิมผักสดแล้วละนะ เมนูที่เลือกคือ “เมี่ยงคำ” “แหนมเนือง” อาหารกลุ่มนี้กระจุ๋มกระจิ๋ม เครื่องเคียงมีให้เลือกแยะ สนุกตรงช่วยกันหยิบโน่นเติมนี้มาห่อแผ่นแป้งเป็นคำๆ หรือจะลองใช้ใบชะพลูก็ได้ ที่สวนช่วงนี้งามมากๆ ชะพลูยอดเขียวอ่อนแต่ละใบขนาดฝ่ามือแน๊ะ เพื่อให้ซู่ซ่ายิ่งขึ้น น่าจะเสริม ส้มตำ ยำถั่วพู ยำหัวปลี ยำแตงกวา ถ้ามีผู้สูงอายุก็เพิ่มยำมะเขือยาว ถ้าเป็นเมนูน้ำๆ ก็ทำประเภทแกงจืดตำลึง หรือประเภทซุปผักต่างๆ ตามด้วยผลไม้ มะละกอ ขนุน แตงโมนี่ถ้าไม่ได้ปลูกเองอย่าซื้อเลย ให้สารเคมีมากที่สุด หันไปหามะม่วง ส้มโอ กล้วย จะดีกว่า

ลำดับที่ 5

เราคุ้นชินกับการกินผักแบบหยั่งเชิงผ่านไปแล้ว คราวนี้ก็เข้าสู่การรับประทานผักมากขึ้นๆ 50%-60%-80%-99.9% ขึ้นอยู่กับประมาณตนประมาณใจตัวเองว่าแค่ไหนพอดี ท่านที่ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บก็พิจารณาได้ว่าควรจะเลือกสัดส่วนการรับประทานผักแค่ไหนอย่างๆไร ส่วนท่านที่สุขภาพชำรุดก็ควรจะใส่ใจมากขึ้น มากเป็นพิเศษ ก็ย่อมได้

มื้อเช้าผมรับประทานผักสด

มื้อกลางวันถ้าหิวก็รับประทานผักสุก/ข้าวนิดหน่อย

มื้อบ่าย-เย็น รับประทานผลไม้และ น้ำมะพร้าวอ่อน

รายการทั้งหมดนี่ไม่ตายตัว ถ้าไม่หิวก็ไม่รับประทาน

ปล่อยท้อง-ปล่อยใจ-ว่างบ้างไม่ได้รึไง!

ลำดับที่ 6

ผมมีเพื่อนที่ชอบรับประทานอาหารประเภทเนื้อแบบชูชกเรียกเฮียนั่นแหละ เรียกแกเล่นๆว่า “ขาใหญ่” ร้านอาหารประเภทที่เชลชวนชิมและลืมชิม ถ้าหนังสือพิมพ์ลงเรื่อง/รูป ทีวีออกรายการ..แกจะหูผึ่ง โทรมาชวนยิกๆ ..ไกลแค่ไหนแพงแค่ไหนก็บ่ยั่น!

ขาใหญ่เพิ่งจะออกโรงพยาบาล

ผ่าตัดลิ้นหัวใจรั่วระดับ..สุวรรณเกือบเปิดดูบัญชี

ยังไม่แข็งแรงดีโทรมาชวนอีกแล้ว

จะมากรุงเทพฯแล้วยัง จะได้ไปหาอะไรกินกันอร่อยๆ

..ผมเลิกกินเนื้อสัตว์แล้วครับ ..

แกร้องเสียงหลง..”เป็นไปได้ยังไง

“คราวนี้ผมจะไปกินข้าวกับใครละ”

อ้าว! ยุ่งแล้วไหมละ

ลองกินมังสวิรัติดูไหมละเฮีย

“ไม่ไหวละมั๊ง มันจะอร่อยตรงไหน”

ผมเตรียมวิธีปราบเซียนไว้แล้ว

1 ถ้าไปกินข้าวด้วยกันคราวนี้ ผมจะเลี่ยงไปรับประทานเฉพาะที่เป็นน้ำๆ

ถ้าเป็นจำพวกปลา ปูนึ่ง อาจจะชิมพอไม่ให้เสียน้ำใจ

2 ผมจะขอสั่งเมนูผักๆ แล้วลองชวนแกชิม

3 แกอยากมาสวนป่าอยู่แล้ว ก็จะทำอาหารประยุกต์เลี้ยง แต่จะไม่ตัดบัวไม่เหลือใยเสียทีเดียว อาจจะทำไก่อบโอ่ง ปลาอบโอ่ง แถมด้วยผัดยอดน้ำเต้า ผัดฟักทองอ่อน แล้วกินผักสดโชว์ ว่ามันดียังไง สะดวกสบายยังไง เป็นผลดีต่อสุขภาพยังไง รักตัวเองไหม อยากจะมีชีวิตอยู่จะทำงานต่อไปอีกนานๆไหม เงินทองที่หามาได้ร่ำรวยจะมีประโยชน์อะไร

ผมไม่เคยเห็นคนนอนโลงศพแล้วเซ็นเช็คได้ !

ผมชอบใจคุณโยโกะ มาครั้งที่แล้ว ทดลองทำอาหารแปลกๆให้รับประทาน ล่อกันขนาดแกงขี้เหล็กกันเลย นึกว่าจะตาหน้าแหย กลับยิ้มกว้าง ยกนิ้วชู บอกว่าชอบมาก.. อาร๊อย อาร่อย ! มาช่วงผักกำลังงามด้วยสิ มาที่นี่ไม่กินผัก นับว่าวาสนาอักเสบแน่ๆเลย วันที่17-19 คุณโยโกะก็จะมากับคุณจินตนาที่สวนป่าอีกครั้งหนึ่ง

ถ้าไม่ติดใจ..จ้างสักพัน ก็ไม่หันหน้ามาอีกหรอกหนา

ครูสมบูรณ์บอกให้เคี้ยวช้าๆ..

เคี้ยวอาหารอย่างเดียวไม่ทำอะไรก็เสียเวลา

ระหว่างเคี้ยวเบาๆคิดเบาๆ..ก็เขียนเรื่องราวออกมา

ผ่านการกลั่นกรองจากปากสู่ตัวอักษรให้ที่รักอ่าน

นี่ดีนะ ถ้าอินเตอร์เน็ทส่งกลิ่นและเสียงไปได้ด้วย

ที่รักจะน้ำลายไหลแม๊ะๆ..มากกว่านี้..

· ใช้เวลารับประทาน 1.5 ชั่วโมง

· ผมกลืนอาหารลงท้องประมาณ 80%

· 20% กลืนเฉพาะน้ำผัก ส่วนกากคายทิ้ง

· อุ้ยจันตา..มากระเซ้าว่า ลดได้2รูเข็มขัดจริงหรือเปล่า?

· ผมก็ยิ่งลดภาระการบดย่อยอาหารลงด้วยวิธีนี้

· เคยเห็นแต่วัวควายเคี้ยวเอื้อง

· คนเราก็เคี้ยวเอื้องได้นะจ๊ะคนสวย

แคว๊ก แคว๊ก



Main: 0.11716508865356 sec
Sidebar: 0.047207832336426 sec