ฐานกาย ฐานใจ ไปไหนมา?
ฐานกาย-ฐานใจ เรื่องนี้พระอาจารย์ไร้กรอบนำเสนอไว้อย่างน่าสนใจ ท่านจัดรายการกระทุ้งใจในวงน้ำชาในสื่อในหนังสือและในห้วงคิดคำนึงของลูกศิษย์ลูกหาอยู่เสมอ รวมทั้งผมด้วยแหละ ซึ่งถูกยั่วยวนให้คิดต่อตามประสาของคนป่า ที่มองจากป่าออกไปข้างนอก มองแบบคนป่าด้วยนะ ผิดถูกไม่รู้ละ
..ถ้ารู้แล้วเราจะมาเรียนทำไมละครับ ?
ผมไม่กลัวความไม่รู้และความโง่ของตัวเอง
โง่เรื่องอะไรโง่อย่างไรก็โพทะนาไปทั่ว
ให้ใครๆได้ยินได้รู้..เขาจะได้เมตตามาอุปการะความรู้
นี่คือสิ่งที่ฐานกายส่งออกไป..ประกาศว่าไอ่หมอนี่มันไม่ประสีประสาอะไรหรอก
โปรดอย่าเกรงใจ..อยากจะสั่งจะสอนอะไรก็อัดมาเต็มที่เล๊ย
นี่คือทางออกทางปฎิบัติที่ดีของคนโง่อย่างผม
ทำตัวให้เป็นผู้เรียน พร้อมเรียน แสดงออกว่าเรายังเป็นนักเรียน
การเป็นนักเรียนที่ดีอย่าไปมากเรื่อง เปิดหู เปิดตา เปิดใจ
ถ้าเปิดไม่เป็นบอกมา..
จะเอาเครื่องเปิดกระป๋องไปเปิดให้..
อย่าไปเสียเวลาวางท่า..อย่าไปวิตกกังวลกับการถูกคนอื่นมอง
ห้ามความคิดคนมองได้ที่ไหนละ ..อย่าไปเสียเวลาตรงนั้น
บางคนห่วงเรื่องภาพพจน์ เรื่องนินทา เรื่องซุบซิบ
แหม..การนินทากาเลเหมือนเทน้ำ ไม่ชอกช้ำเหมือนอีโต้มาโย้หัว
ไม่ต้องระแวดระวังกลัวว่าคนอื่นจะว่าเราไม่รู้ เราไม่ฉลาด จึงอมภูมิ
อมไปทำไมครับ.? อมยิ้มไม่ดีกว่ารึ!
อยู่กับความจริงได้จะสบายไปสิบอย่าง
อย่างที่1 คิดถูกคิดดีคิดจากฐานความเป็นจริง
อย่างที่2 รู้ตัวเองว่าเจ้าเป็นไผ อยู่กับความรู้อะไร มีกึ๋นพอแล้วหรือยัง!
อย่างที่3 เจ้าพาตัวเองเรียนเรื่องอะไร เพื่ออะไร
อย่างที่4 เจ้ามีวิธีเรียนอย่างไร
อย่างที่5 เจ้ามีครู มีเพื่อน มีตัวช่วย มีคนอุปการะความรู้มากไหมพอไหม?
อย่างที่6 เจ้าเรียนเชิงรับและเรียนเชิงรุกในสัดส่วนเท่าใด
อย่างทึ่7 เจ้ารู้แล้ว เจ้าใช้ความรู้ได้มากน้อยแค่ไหน ใช้ไปในลักษณะใด
อย่างที่8 กายกับใจเจ้าตั้งอยู่บนฐานปกติหรือยังแกว่ง
อย่างที่9 เจ้ามีความรู้เพียงพอที่จะบริหารชีวิตและสังคมแล้วหรือยัง
อย่างที่10 กาย/ใจ ของเจ้าแข็งแรงพอที่จะลุยแล้วหรือยัง
กายผมอยู่ในป่า ใจผมอยู่บนท้องฟ้า คนอยู่ป่าก็คิดๆๆและคิดสิครับว่า..จะเอาความรู้อะไรมาเสริมสร้างพื้นที่ๆตนอยู่อาศัยให้ดีขึ้นสมบูรณ์ขึ้น ไม่ใช่ไปอยู่ตรงไหนทำให้มันเสื่อมลงๆ แล้วก็สาละวนแก้ปัญหาที่ตนเองสร้างมันขึ้นมา อยู่ที่ไหนไปทำเรื่องติดลบที่นั้น แบบนี้ชีวิตมันก็ทุเรศทุรังนะสิ คิดบวกเป็นไหม ติดเครื่องหมายคูณให้ชีวิตได้ไหม เครื่องหมายลบเครื่องหมายหาญค่อยๆใช้ลดลง สมัยที่เรียนสอบตกวิชาคำนวณ โตมาก็เรียนชดเชยได้นี่เธอ..
..ถามตัวเองสิว่า..ชีวิตนี้ต้องการมีสภาพความเป็นอยู่อย่างไร? กายใจเราต้องการสิ่งใดบ้าง ปัจจัย4ใช่ไหม? ปัจจัยรองปัจจัยเสริมควรมีอะไร ร่างกายและจิตใจของมนุษย์ต้องการสิ่งใดเป็นอย่างน้อย แล้วเราสนองสิ่งนั้นได้แค่ไหน ใคร่ครวญวางแผนชีวิตไว้อย่างไร ทำตามที่ออกแบบในใจไว้ได้หรือไม่ ในความฝันใฝ่มีความจริงอยู่กี่%
หลายท่านอาจจะคิดว่าไม่พร้อมไม่สะดวกไม่ๆๆๆและไม่โว้ย !
อันนี้ก็ไม่ว่ากัน..มันขึ้นอยู่กับหลายสิ่งหลายอย่าง
แต่ถ้าหัวใจเสริมใยเหล็ก..มันจะละลายอุปสรรคได้หมดสิ้น
ความแข็งแกร่งของจิตใจนั้นสำคัญนัก
ไม่มีสิ่งใดในโลกแข็งเท่า
ถ้าเอาแต่คิดเยาะแยะวันนี้จะได้เล่นFB. หรือชวนกันไปย่ำดวงจันทร์รึเธอ..
ถ้าไม่มีทุนใจสะสมมากพอมันก็จะกลายเป็น..แข็งใจ ฝืนใจ ปีนเกลียวใจ
อานุภาพของจิตใจไม่เพียงพอที่จะเป็นพลังให้เดินหน้าต่อยอดเรื่องหนักๆและสำคัญได้
เราจะเห็นว่าศาสดาของโลก..ล้วนแล้วแต่เป็นนักผ่าตัด ผ่าหมาก เรื่องเป็นเรื่องตายของมนุษยชาติทั้งสิ้น ท่านมองว่า..มนุษย์มีกิเลสเป็นตัวหล่อเลี้ยงความเป็นไปของพลโลก ถ้ากำกับความคุมกิเลสได้พอสมควร สังคมมนุษย์ก็อาจจะพอประคับประคองอยู่กันไปได้ แต่ถ้าศาสนาเอากิเลสไม่อยู่ โลกนี้ก็จะปึงปังโครมครามเกิดสงคราม เกิดวิกฤติที่จนวิบัติรุนแรง สร้างความทุกขเวทนาไปทั่วโลก
โลกไม่เคยว่างเว้นปัญหาที่เกิดจากกิเลส
ถ้าไม่มีปัญญาพอฟัดพอเหวี่ยงกับวิกฤติปัญหาอาการก็น่าเป็นห่วง
ปัญญาที่ว่าอยู่ที่ไหน? อยู่กับใคร อยู่อย่างไร?
ที่น่ากลัวปัญญายุคใหม่ส่วนใหญ่ไม่บริสุทธิ์
มักจะปนเปื้อนกิเลสแทนที่จะเป็นสีขาวก็เป็นสีเทา
ดูง่ายๆ..คนที่คิดอะไรได้ก็จะจดลิขสิทธิ์ บวกค่าความคิด เอาเปรียบเพื่อกอบโกย
นี่ถ้าพระพุทธเจ้าจดลิขสิทธิ์ ..จะเกิดอะไรขึ้น
- โลกตะวันตกคิดแต่เรื่องสนองกิเลส
- โลกตะวันออกคิดเรื่องกำกับควบคุมกิเลส
- ปัจจุบันเทคโนโลยีล้ำยุคกำลังดึงแนวคิดทั้ง2ฝ่ายนี้มาเผชิญกัน
ไอสไตน์มองว่า..ความรู้ที่มนุษย์มีอยู่ตอนนี้ไม่เพียงพอที่จะสร้างสันติภาพสันติสุขให้โลกใบนี้ได้ เท็จจริงอย่างไร ท่านก็มีสมองคิดเองได้ประมาณการได้ใช่ไหมเล่า
ไม่ใช่เอาสมองไปซ่อนไว้ในหมวกกันน็อค!
แล้วไม่ยอมคิดอะไร?
ถ้าเป็นอย่างนี้..ก็ไม่ทราบว่า..จะป้องกันก้อนสมองโง่ๆไว้ทำไม?
แหม..จัดหนักไปหน่อย..เรื่องอย่างนี้เขียนยาวก็ไม่ดี
เอาไว้อ่านต่อก๊อก 2 ภาคบ่ายดีไหมครับ?
เอ้อ..จะอ่านให้มันส์ๆก็ควรคอมเมนท์แทรกความคิดเห็นมาบ้าง
ปล่อยให้คนป่าพล่ามเหมือนผีบ้า..เดี๋ยวผีก็มาหลอกจริงๆหร๊อก..
อิอี อิอี..
« « Prev : ผ่าง ผ่าง ประกาศ และประกาศ
Next : ดีใจที่ได้คุยกับครูใต้ » »
2 ความคิดเห็น
ฝรั่งเริ่มหัมมาให้ความสำคัญด้านจิตใจ แต่คนไทยย้อนศรไปตามก้นฝรั่ง…..โลกตะวันตกคิดแต่เรื่องสนองกิเลิส อิอิ
สังคมไทยมีทางออกหลายทางในการเผชิญประเด็นที่กระทบใจ หนึ่ง เผชิญหน้าแตกหักให้จบลงไปเลย สอง ดูท่าทีหากคุยได้ แก้ไขได้ก็ทำ หากท่าทีไม่ค่อยดีก็เฉยๆซะ สาม หลีก ห่าง หายไปเลย ปล่อยให้เวลาเยียวยา
กลุ่มเฮฮา เป็นหนึ่งในกรณีนี้ กำลังปรับตัว ดูท่าที ห่างๆ ทั้งๆที่รักกันนะ คิดถึงกัน แต่ขอห่างๆไว้ก่อน ผมเห็นปรากฎการณ์เหล่านี้ในชุมชนเช่นเดียวกัน ผมไม่มีทางออกใดๆมาเสนอ เรียกร้อง ตะโกนหา กระซิบ ดึง ลาก ขู่… อิอิ
รักพ่อครู รักแม่หวี รักสวนป่า รักเฮฮาศาสตร์ ก็เธอเป็นคนดีน่ะซี ยิ่งคนดีดีหายาก เพียงแต่เรามีลักษณะเฉพาะของกันและกันนั่นแหละ ก้าวข้ามความแตกต่างเพื่อสร้างเฮฮาศาสตร์ ..
บ่น..เพราะรักนะ..ตัวเอง..