วิจัยสไตล์บ้านนอก
หลายปีดีดักมาแล้วที่ผมไปเที่ยวประเทศออสเตรเลีย ในฐานะคนบ้าปลูกยูคาลิปตัสแบบมุทะลุ ปลูกทดลองตามโจทย์ที่เขาว่าต้นไม้พันธุ์นี้มันไม่ดี..ด้วยอยากจะรู้ว่าไม่ดีอย่างไร ไม่ดีตรงไหน ในเมื่อธรรมชาติได้ส่งพรรณไม้ชนิดนี้มาเกิดในโลก เมื่อเราได้เรียนจากการปฏิบัติ ทำให้เราได้พบแง่มุมที่ด้อยและแง่มุมที่เด่น ในส่วนที่ไม่ดีส่วนมากจะมาจากการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น ที่บริหารจัดการยังไม่ถูกต้องเหมาะสม ถ้าสามารถจัดการให้ถูกต้องแล้วเราจะพบจุดพิเศษของไม้ชนิดนี้ จึงไม่ควรตัดสินกล่าวโทษชนิดไม้แบบที่เราไม่ได้รู้จริงอย่างถี่ถ้วน ส่วนมากมนุษย์จะตัดสินใจจากข้อมูลที่ตนมี หรือ ตัดสินจากเขาว่า..ก็เลยว่าตามเขา..
ประเด็นเหล่านี้เกิดจากวิธีเรียนรู้และวิธีวิจัยที่ยังไงดีล่ะ
(ยูคาฯพันธุ์ให้น้ำมัน กลั่นเมื่อไหร่น้ำมันไหลโจก)
ผมโชคดีที่เจ้าพ่อยูคาลิปตัสโลกและองค์กรเกี่ยวการวิจัยพันธุ์พืชแห่งออสเตรเลีย ควักกระเป๋าเป็นเจ้าภาพให้ผมได้ตระเวณออสเตรเลียจนจุใจ อยากจะไปชมอะไรตรงไหนเขาตามใจจัดให้ ได้พบปะเกษตรกรรายใหญ่ที่ปลูกไม้นับพันนับหมื่นเอเคอร์ มองสุดลูกหูลูกตา ได้ชมไม้ยูคาลิปตัสครบวงจร กิจกรรมหนึ่งที่อยู่ในเป้่าหมายดูงาน คือการกลั่นน้ำมันยูคาลิปตัส เจ้าภาพพาไปชมตั้งแต่การปลูกยูคาลิปตัสเพื่อเอาน้ำมัน ไปชมโรงกลั่นขนาดใหญ่ ไปชมโรงงานผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับน้ำมันยูคาลิปตัส ที่เราเพิ่งทราบว่ามันเอาไปทำยาก็ได้ ทำเครื่องสำอาง ทำสบู่คุณภาพดี ใช้แทนสารCFC.ระบบหล่อเย็น ทำแป้งโรยเท้า ทำยาโด๊ปด้วยนะเธอ ใครได้เจี๊ยะเตะปิ๊บกระเจิงเชียวแหละ ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ ..
(พันธุ์ทั่วไปให้น้ำมัน จ๊อกๆ)
เจ้าพ่อยูคาลิปตัสมอบเครื่องกลั่นน้ำมันยูคาลิปตัสให้ผมชุดหนึ่ง
เอาไว้กลั่นน้ำมันเพื่อทำผลิตภัณฑ์ต่างๆ
มาแรกๆก็กลั่นน้ำมันอยู่หลายครั้ง
แต่ไม่มีเวลาเอาไปคิดทำผลิตภัณฑ์ใดๆ
คุณวิฑูรย์ เหลืองวิรียะแสง แห่งสำนักวิจัยและพัฒนาพันธุ์ไม้ กรมป่าไม้
เอาพันธุ์ยูคาลิปตัสพันธุ์ที่ให้น้ำมันเยอะมาให้ผมปลูกมา5-6 ปี แล้วแหละ
วันพรุ่งนี้จะได้เอาใบมาทดลองกลั่นน้ำมันเป็นครั้งแรก
(ทีมงานจากกรมป่าไม้มาร่วมด้วยช่วยกันฝึกอบรม)
เราจะจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการกลั่นน้ำมันเพื่อนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ โดยผู้เชี่ยวชาญทางด้านนี้จะยกทีมจากกรมป่าไม้ มาฝึกอบรมเกษตรกรจำนวน 30 ชีวิต ใช้เวลา2วัน 1 คืน ในวันที่ 17-18 เดือนมิถุนายน 2554 ก่อนจะถึงวันอบรมผมชวนลูกน้องซ้อมใหญ่ เมื่อวานให้ทำความสะอาดเครื่องกลั่นฯ เช้านี้ไปขนใบยูคามา1รถปิคอัพ เอามาสับๆๆๆได้ 12 เข่ง ใส่ลงในถังกลั่นเต็มพอดี เป็นการกลั่นจากใบยูคาลิปตัสพันธุ์ที่ปลูกๆโดยทั่วไป พรุ่งนี้เราถึงจะไปตัดเอาพันธุ์ที่ระบุว่ามีน้ำมันมากมาทดลองกลั่นเปรียบเทียบกัน
การกลั่นวันนี้ได้น้ำมันพอสมควร
กลิ่นยูคาลิปตัสตลบอบอวลไปทั้งป่า
ระหว่างที่ดำเนินการกลั่นอยู่ดีๆพอมีสาวๆจากบางกอกมาชม
เจ้าถังกลั่นเกิดอาการช็อกดื้อๆ
น้ำมันที่เคยไหลโจกเปลี่ยนมาหยดติ๋งๆ
พวกลูกน้องจอมกลั่น..สัญนิฐานว่าผมไม่เซ่นเจ้าที่เจ้าทาง
มันต้องไก่ตัวเหล้า2ขวดถึงจะครบสูตร
(กว่าจะได้น้ำมันมา..)
น้ำร้อนพวงพุงออกจากท่อระบายอย่างน่ากล้ว ผมงงเป็นไก่ตาแตก บอกให้เอาน้ำเข้าถังด่วน ถอยฟืนออกมาครึ่งหนึ่ง ทำให้อาการฉุกละหุกผ่านไปได้หวุดหวิด รอดตัว..ไม่ต้องขายขี้หน้า คณะสาวๆที่มาจากบางกอกช่วยกันจัดบอร์ดเตรียมงานอบรม ขนข้าวของมาเป็นคันรถ พรุ่งนี้เช้า9 โมงก็จะเปิดรายการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องการกลั่นน้ำมันยูคาลิปตัส แล้วนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ
สรุปว่างานนี้มีโจทย์มีประโยชน์เกิดขึ้นดังนี้
1 ทดลองกลั่นยูคาลิปตัสเปรียบเทียบกันรหว่างสายพันธุ์น้ำมันกับพันธุ์ทั่วไป
2 การใช้ใบยูคาลิปตัสสดสับใส่คอกปศุสัตว์เพื่อไล่แมลงและทำปุ๋ย
3 ใช้กากยูคาลิปตัสที่ได้จากการกลั่นใส่คอกปศุสัตว์เพื่อไล่แมลง
4 ใช้น้ำมันยูคาลิปตัสผสมลงในเครื่องพ่นควันเพื่อไล่แมลง
5 น้ำในถังกลั่นยูคาลิปตัส เอาไปผสมน้ำควันไม้ไล่แมลงในแปลงผัก
6 ควัน/ไอน้ำ ระหว่างกลั่นส่งกลิ่นไล่แมลงได้ดี
7 การกลั่นน้ำมันแต่ละครั้งเรายังได้ถ่านประมาณ 2 กระสอบ
เฮ้อ..วันนี้เหนื่อยเป็นบ้า
กลั่นน้ำมันยังเพียงนี้ ถ้ากลั่นน้ำมันพรายจะเหนื่อยสักเพียงไหน
(ใบยูคาลิปตัส 1 รถปิคอับกลั่นน้ำมันได้ ครึ่งลิตร)
บ่ายแก่ๆ กิ๊กจากเชียงใหม่โทรมาชวนให้ไปหาหมอเทวดา บอกว่าอยู่แถวๆจังหวัดลำพูน เธอไปทดลองมาแล้ว หายปวดเมื่อยเป็นปลิดทิ้ง เธอทราบว่าผมปวดทั้งตัวตลอดหัวใจมานาน ทำ ท่า จ ะ ง่ อ ย เ ป ลี้ ย เ พ ลี ย ฮ า ร์ ท อ ยู่ เ รื่ อ ย .. วันนี้จึงส่งข่าวดี ตอนแรกผมว่าจะไปเชียงใหม่คืนวันที่7 ตระเวนดูงานวันที่8 วันนี้มีจดหมายจากสำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ มาชวนไปประชุมวันที่ 7-8 กรกฎาคม ดูตามโผแล้วมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ร่วมเป็นเจ้าภาพ การงานเกี่ยวกับสุขภาพจะรอดมือน้าอึ่งกับอุ้ยไปได้จะใด แต่ไปเพื่อนั่งฟังเฉยเสียดายงบประมาณรัฐฯเป็นบ้า เป็นหมื่นเชียวนะเธอต่อการเสนอหน้าเฉยๆนี่แหละ จึงชั่งใจไม่ถูกว่าจะไปทำอะไร แต่เมื่อมีรายการหมอเทวดามาเกี่ยวข้อง น้ำหนักจะไปก็พุ่งกระฉูด แต่ขากลับต้องบินมาลงพิษณุโลกเพื่อไปเมืองลับแล คุณหมอจอมป่วนให้ข้อมูลมาแล้ว ไม่ทราบว่าจะตรงกับตารางเครื่องบินเล็กหรือเปล่านะครับ
ผมมีรายการยกพลขึ้นบกกับแผน11ที่เมืองทองวันที่ 7
จัดประชุมทับซับซ้อนกันจริงหนอประเทศไทย
จัดลงไป..ประชุมกันให้สมองแฉะ ..
อิ อิ และ อิ
« « Prev : ช่วยกันทำมาหากินด้วยครับบบ..
3 ความคิดเห็น
คงเรื่องสมัชชาสุขภาพ??
มีงานวิจัยที่ใช้สมัชชาขับเคลื่อนที่น่าสนใจมากนะคะ
มีวิจัยที่ไปถึงการเปลี่ยนนโยบายก็เยอะค่ะ …อาจารย์ที่ร่วมขับเคลื่อนการประชุมสมัชชาครั้งนี้คือ ท่าน รศ.วิลาวัณย์ เสนารัตน์ เป็นอดีตคณบดีคณะพยาบาลศาสตร์ มช. ที่เก่งมากๆ ค่ะ สุดยอดคนเป็นผู้นำคนหนึ่งเลยค่ะ
อุ้ยเองมีงานวิจัยส่วนหนึ่งที่ไปร่วมวิจัยสุขภาวะตำบลนำเสนอเป็นโปสเตอร์ค่ะ แต่ตัวเองไม่ได้ไปร่วมประชุมค่ะเพราะว่าพานักศึกษาฝึกปฏิบัติ ส่วนผลงานวิจัยสุขภาพชุมชนรอตีพิมพ์ในวารสารค่ะ ที่จริงวิจัยในชุนชนต่างๆ ของไทยมีมาก แต่ไม่ยั่งยืนเพราะภาคการเมืองท้องถิ่นที่ไม่ต่อเนื่องนโยบายเนี่ยแหล่ะค่ะ จุดอย่างนี้เราเคยนำเสนอตอนที่มีการติดตามงานวิจัยเหมือนกันค่ะ
อุ้ยไม่เข้าร่วมงานสัมมนา ข้าน้อยก็เลยเบี้ยวตาม
ปรับเข้าแผนเดิม
วันที่ 7 หลังจากคุยกับสถาบันวิจัยสังคมจุฬาฯ ก็จะนอนไปกับรฟท. เช้าๆลงสถานีเมืองลับแล ไปเยี่ยมสวนไผ่ ชมการผลิตตะเกียบ/ไม้เสียบๆๆ ไปหาหมอนวดเจ้าเก่าที่บ้านอยู่ที่นี่ ตอนเย็นหารถนอนเข้าเชียงใหม่ เช้าวันที่9 อยากจะไปชมโรงงานอุตสาหกรรมไม้ไผ่ อยู่ที่จังหวัดลำพูน จบแล้วให้กิ๊กพาไปหาหมอนวด ตอนเย็นไปเยี่ยมครูอึ่ง น้าอึ่ง อุ้ย ครูอาราม ถ้าไฟล์ดึกมีก็จะบินกลับคร๊าาาบ ถ้าตะกุกตะกักก็จะนอนลำพูน1คืน แล้วค่อยกลับช่วงสายๆวันที่10
ตอนนี้รอน้าตุ๊กลับบ้านที่ลับแลช่วง 23-25 มิ.ย.นี้ค่ะ เพราะน้าตุ๊จะถามญาติๆว่าช่วงวันที่ 7-9 กค.มีสวนไหนยังพอมีทุเรียนหลงลับแลให้พ่อครูบุกไปชิม ชม บ้าง และจะทำแผนที่+เบอร์โทร.ของเจ้าของสวนมาให้เบิร์ดแจ้งพ่อครูอีกครั้งค่า
กรุณาอดใจรออีกนิด อิอิอิ