กว่าคำตอบจะโผล่มา

อ่าน: 3817

ปัญหาของมหาชีวาลัยอีสานอยู่ที่จะเลี่่ยง-เลิก-ใช้สารเคมี-ยาฆ่าแมลงอย่างเบ็ดเสร็จได้อย่างไร ที่ผ่านมาบางกรณีที่ยังแก้ไขปัญหาไม่ตก เราจะใช้ให้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็นเท่าที่จะทำได้ ยกตัวอย่างเช่น เรื่องมดดำพันธุ์ใหม่ที่แพร่ขยายพันธุ์จำนวนมหาศาลอย่างรวดเร็ว ได้ทดลองใช้น้ำสมุนไพรหลายชนิด แต่ก็ยังไม่ประสบผลเท่าที่ควร ปัญหาเรื่องยุงก็เช่นเดียวกัน โดยเฉพาะยุงที่รบกวนสัตว์เลี้ยงหน้าฝน ได้ทดลองใช้เตาเผาถ่านชนิดที่ทำด้วยถัง200ลิตรผลิตควันไล่ยุง ต่อมาใช้เครื่องพ่นควันเป็นครั้งคราว ช่วยไล่ยุงและแมลงได้บ้าง แต่ข้อเสียคือเราต้องใช้ยาฆ่าแมลงผสมน้ำมันโซล่า เข้าทำนองได้อย่างเสียอย่าง

วันนี้มีการอบรมและถ่ายทอดเทคโนโลยีเชิงปฏิบัติการ

หลักสูตร “การใช้ประโยชน์น้ำมันยูคาลิปตัส และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ รุ่นที่ 2″

ภายใต้โครงการวิจัยการใช้ประโยชน์เนื้อไม้และเศษชีวมวลเหลือทิ้งเพื่อพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ชุมชน

แผนงานวิจัยและพัฒนาการปลูก การจัดการ การใช้ประโยชน์ไม้สวนป่าเศรษฐกิจ

วันที่ 17-18 ณ สวนป่ามหาชีวาลัยอีสาน อำเภอสตึก จังหวัดบุรีรัมย์

จัดโดยสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้

กระบวนการฝึกอบรมปฏิบัติการจะบรรยายน้อยทำมาก คณะวิทยากรแบ่งเกษตรกรออกเป็น2กลุ่ม ให้ลงมือปรุงส่วนผสมน้ำมันยูคาลิปตัส เพื่อทดลองทำผลิตภัณฑ์5-6ชนิด เช่น แชมพู ยาหม่อง ครีมบำรุงผิว สเปรย์ไล่ยุง น้ำมันพิเสนหอมระเหย และสบู่ ทุกคนลงมือทำกันอย่างขะมักเขม้นจนได้ผลิตภัณฑ์บรรจุขวดและกระปุกอย่างสวยงาม นำไปจำหน่ายตามรูปแบบของโอท็อป ช่วงท้ายมีการแจกใบประกาศนียบัตร โดยนายสมศักดิ์ วิทยอุดม รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนาการป่าไม้ กรมป่าไม้ พร้อมกับแบ่งผลิตภัณฑ์ที่ทำไปทดลองใช้

ในส่วนของสวนป่า ตั้งหน้าตั้งตากลั่นน้ำมันยูคาลิปตัสด้วยถังใหญ่ของเราเอง เพื่อเปรียบเทียบการให้น้ำมันระหว่างสายพันธุ์ทั่วไป กับสายพันธุ์ที่คัดแล้วว่ามีต่อมน้ำมันที่ใบมาก ผลปรากฎว่า..ใบยูคาลิปตัสประมาณ 200 กิโลกรัม กลั่นได้น้ำมันประมาณครึ่งลิตร ก็ไม่น้อยนะครับ ถ้าสังเกตุใบยูคาลิปตัสบางๆมีน้ำมันซ่อนอยู่นิดหน่อย เราสามารถที่จะรวบรวมเอามาใช้ประโยชน์อย่างสะดวกและหลากหลายยิ่งขึ้น ..ในการใช้น้ำมันยูคาลิปตัสในสปา น้ำมันนวด หรือทำผลิตภัณฑ์อื่น ๆ วิธีทำจะผสมกับสารชนิดอื่น เช่นแอลกอฮอล์ ไม่ได้เอาไปใช้ล้วน ๆ ถ้าเป็นในรูปน้ำมันกึ่งผสมก็จะไม่เปลืองเท่าใดนัก

วันนี้ลองคำนวณค่าใช้จ่าย/การผลิตน้ำมันยูคาลิปตัส 1 ลิตรประมาณ 6,500 บาท

ซึ่งเทียบกับต่างประเทศแล้วราคาต้นทุนเราสูงมาก

พันธุ์ุที่ปลูกในเขตร้อนให้น้ำมันน้อยกว่าพันธุ์ยูคาลิปตัสที่ปลูกในเขตหนาวเช่นจีน

ประเทศจีนเป็นขาใหญ่ด้านการส่งออกน้ำมันยูคาลิปตัส

ซึ่งผมไม่ทราบว่าราคาน้ำมันยูคาลิปตัสเพียว ๆ ลิตรละกี่บาท

ถ้าท่านผู้รู้ทราบเรื่องนี้ขอความอนุเคราะห์เล่าแจ้งด้วยนะครับ

ถ้าต้นทุนเราสูงกว่าเขามากจะได้  ..ถอย

จะกลั่นเพื่อนำมาใช้เองเป็นครั้งคราว

วันนี้ผมทดลองเอาน้ำมันยูคาลิปตัส+น้ำมันควันไม้+น้ำมันโซล่าร์ ใส่เครื่องพ่นควันฉีดไปทั่วบริเวณบ้านและคอกสัตว์ ตอนตี2ย่องไปดู เห็นวัวนอนสงบนิ่ง ไม่ลุกขึ้นมาออกันสะบัดหางไล่แมลง การอดตาหลับขับตานอนทำให้สัตว์เลี้ยงผอมได้ ข้อดีของการใช้สูตรผสม3ตัวดังกล่าว ทำให้เราไม่ต้องใช้ยาฆ่าแมลงมาเกี่ยวข้อง ถ้าสามารถไล่แมลงได้น่าจะดีกว่า ไม่ทำบาปแต่อยู่ร่วมโลกเดียวกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย เรื่องนี้เพิ่งจะทดลองเป็นครั้งแรก ยังไม่ขอฟันธงนะครับว่ามันจะใช้ได้ดี100% ต้องลองอีกหลายครั้ง ถึงจะยืนยันได้

เรื่องพิเศษสำหรับการพบปะกันของเกษตรกรในครั้งนี้ อยู่ที่พ่อวิจิตร จันทรานุงวงศ์ นำเอาเตาเศรษฐกิจใช้แกลบเป็นเชื้อเพลิง โดยต่อไฟฟ้าจากแบตเตอรี่รถยนต์เป็นตัวปั่นพัดลมเล็กๆที่อยู่ด้านล่าง ทำให้ได้พลังความร้อนมาหุงต้มอาหารที่มีประสิทธิภาพไม่แพ้เตาแก็สทั่วไป โดยให้แกลบจำนวน3กก.ครั้ง มีแก๊สสีน้ำเงินพวยพุ่งนาน50นาที ) เกษตรกรเห็นแล้วชอบใจมาก สอบถามราคาอยู่ที่ชุดละ 3,000 บาท ประหยัดค่าเชื้อเพลิงหุงต้มได้อย่างเบ็ดเสร็จ อีกทั้งเอาไปใช้ตามท้องไร่ท้องนาสะดวกสบาย ใช้ที่บ้านก็ดีนะครับ พ่อวิจิตรเล่าว่า เตาชุดนี้พัฒนาโดยฝีมือลูกเขย

แหม มีลูกเขยดี อะไรๆก็ดูดีไปโม๊ดดดดดด..

อิ อิ

« « Prev : วิจัยสไตล์บ้านนอก

Next : ไผ่ไผคิดว่าไม่สำคัญ » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

10 ความคิดเห็น

  • #1 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 มิถุนายน 2011 เวลา 6:06

    :: เรียน อาจารย์นฤมล บรรจงจิตร์
    ตารางเดือนมิถุนายน 2554
    24-25 ไปบางกอกประชุมสภามหาวิทยาลัยอุบล
    27 คณาจารย์จากมหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราชมาสนทนาด้วย
    29 เป็นวิทยากรในงานประชุมวิชาการประจำปี กรมป่าไม้
    เดือน กรกฎาคม 2554
    6 สัมมนา บทบาทกรรมการสภามหาวิทยาลัย ที่ ม. มหาสารคาม
    7 วิทยากรแผน 8 ที่เมืองทองธานี
    12-15 ค่ายเรียนรู้ Cooto
    15-17 คณาจารย์จาก ม.มหิดล มาสนทนาเรื่องโภชนาการ ฯลฯ
    22-23 นักศึกษา ป.เอก มราชภัฎมหาสารคาม มาพบปะ - สนาทนา
    26-29 อบรมเยาวชนจากจังหวัดร้อยเอ็ด

  • #2 putarn ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 มิถุนายน 2011 เวลา 19:22

    เรื่องการป้องกันแมลงรบกวน พอดีทราบแต่การช่วยม้ามาบ้างค่ะ
    อย่างที่ทราบกันทั่วไปนะคะว่าเวลากลางคืนม้าจะอยู่ในคอกม้าเสียส่วนมาก แต่ถ้าจำต้องอยู่ข้างนอกซิ่งโดยปกติจะหนาว ม้าก็มีผ้าตลุมตัวอยู่แล้ว ก็มีช่วยอีกนิดหนึ่งคือใช้สเปรย์ช่วยไล่แมลง แบบเดียวกับที่เราฉีดสเปรย์กันยุงบนตัวเราค่ะ

    ส่วนราคาน้ำมันยูคาลิปตัสเพียวๆ ถ้าหาพบแล้วจะกลับมาเรียนให้ทราบค่ะ

  • #3 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 18 มิถุนายน 2011 เวลา 20:14

    ขอบคุณมากครับ ที่อุปการะข้อมูล

  • #4 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 เวลา 7:37

    ดูรูปเตาที่พ่อวิจิตรเอามาแล้ว สงสัยว่าจะเป็นเตา gasifier ครับ

  • #5 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 เวลา 9:04

    พ่อวิจิตรแกบอกว่า มีคนประดิษฐ์ต้นแบบอยู่แล้ว ลูกเขยมาดัดแปลงให้ดีขึ้น ใช้แบ๊ตเตอรี่รถยนต์เป็นตัวปั่นพัดลงยามออกไปท้องทุ่งทำไร่ทำนา ถ้าอยู่บ้านก็ต่อไฟบ้าน เท่าที่ทดลองจ๊าบส์มาก เร่งไฟให้ค่อย-แรง-ได้เหมือนเตาแก๊ส ประหยัดสุดๆ ส่วนเชื้อเพลงนอกจากแกลบแล้ว ยังใช้ขี่เลื่อย หรือเศษไม้สับตากแห้งน่าจะใช้ได้ดี
    ในกรณีของการต้มน้ำผลิตไฟฟ้า ถ้าขยายแบบ แล้วเอาเชื้อเพลิงที่ว่าไปต้มน้ำร้อนปั่นไฟอีกทีหนึ่งน่าจะประหยัดมาก
    เห็นแล้วน่าทดลองจริงๆ

    ถ้้าสำเร็จจะช่วยลดแก๊สหุงต้มได้หลายแสนครัวเรือน หรือถ้าต้มน้ำปั่นไฟฟ้าก็นาจะได้เพราะมีวัตถุดิบเพียงพออยู่แล้ว
    ปัญหาอยู่ที่งบวิจัย ได้แต่คันในหัวใจ ถ้าจะใช้หุงต้มระดับครัวเรือนแบบนี้น่าจะฉลุย
    แต่ถ้าจะต้มหม้อสตีมปั่นไฟฟ้า ก็ท้าทาย ม๊ากกกกก..

    เมื่อวานซื้อวัวชาโลเล่ล์ในหมู่บ้านแก พ่อวิจิตรขนมาส่งให้
    ก็ยังคุยกันเรื่องขยายผล หน่วยงาน หรือ รัฐฯ น่าจะเอาไปดำเนินการ
    เหมือนกับการเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าผอมทั่วประเทศ
    แต่ตัวนี้ลดแก๊สหุงต้มได้อย่างเป็นรูปธรรม

  • #6 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 เวลา 9:19

    แหม นึกถึงในยุคหลังสงครามโลก ที่ไทยขาดแคลนน้ำมันเชื้อเพลิงเพราะตอนนั้นเราต้องนำเข้าน้ำมัน

    จอมพล ป. (มั้งคะ) ที่ให้คนไทยแข่งกันออกแบบรถยนต์ที่ใช้ถ่านไม้ต้มน้ำ แล้วดึงพลังไอน้ำมาใช้ ซึ่งการแข่งขันจัดที่สนามหลวง โดยให้รถที่เข้าแข่งขันต้องบรรทุกเต็มคันตามที่ใช้จริง อย่างรถประเภทรถเมล์ก็ต้องมีคนนั่งเต็มคัน รถบรรทุกของก็ต้องมีของที่บรรทุกเต็มคัน เพื่อดูประสิทธิภาพการทำงาน แม่บอกว่าเป็นการแข่งขันที่มันมาก

    รถที่ชนะ ผู้ผลิตได้สิทธิในการผลิตเครื่องยนต์ให้คนไทยใช้ในยุคที่น้ำมันขาดแคลน คุยกับแฟนก็ต้องดับไฟน่ะค่ะ อย่างรถเมล์ที่วิ่งทางไกลก็ใช้ถ่านต้มน้ำอยุ่ท้ายรถ เวลาที่รถเริ่มอืด เด็กท้ายรถก็จะปีนไปพัดไฟ เติมฟืนเหย็งๆ อิอิอิ

  • #7 Logos ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 เวลา 11:32

    เพิ่มโควต้าจาก 1100 MB เป็น 1200 MB แล้วนะครับ ถ้าเห็นวิธีใส่แกลบหรือใส่ขี้เลื่อย ก็จะบอกได้แน่นอนว่าใช่หรือไม่ ลองค้นดูคำว่า เตาเทวดา ก็จะเห็นรูปแบบอีกหลายอย่างครับ

  • #8 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 เวลา 19:22

    เรียน บาท่าน

    เรื่องเตาแกลบ ที่เวียตนาม และ ฟิลิปปินส์ทำใช้มาได้สัก 30 ปีแล้วครับ ไม่ต้องมีพัดลม ไฟแรงและสะอาดดี มีฝรั่งแคนาดามาทำวิจัยช่วยด้วย ทุนจาก UN + CIDA

    ข้อเสียคือ ผู้ใช้ต้องมาเคาะเตาประมาณ 5 นาทีเคาะสามครั้ง เพื่อให้ขี้เถ้าหล่าน

    สักสิบปีมาแล้ว ผมเคยลองให้เด็กป.โท ทำเป็นงานวิจัย โดยเป้าหมายคือไม่ต้องเคาะ จุดแล้วทิ้งไปได้เลย ปรากฎว่าทำไม่สำเร็จครับ สู้เขาไม่ได้ เลยยอมแพ้มาจนบัดนี้ ผมทำโครงการสิ่งประดิษฐ์มานับร้อยโครงการ ชนะหมด ยกเว้นโครงการนี้ ยอมรับว่าแพ้ครับ

    ของไทยเรา แถวแปดริ้ว ถึงสุพรรณ ก็มีใช้มานานนับร้อยปีแล้วครับ ฉลาดมากๆ ทำเป็นเตาสี่เหลี่ยม เป็นเหล็กเส้นพาด เอียงทำมุมประมาณ 60 องศา แต่ก็ต้องมีการเคาะเหมือนกัน

    ส่วนของเวียตและปินส์นั้น ทำเป็นกรวยกลม เจาะรู

    เตาแบบนี้ผมจำชื่อ ฝรั่งไม่ได้ ta..อะไรสักอย่าง หาดูได้ในกูเกิล ครับ นอกจากนี้ยังมีเตาแกลบใหม่ๆ ออกมาขายอีกมาก ครับ (ลองหาคำว่า rice husk stove น่าจะเจอครับ)

    ขณะนี้ผมเองก็กำลังคิดหาทางทำเตาฟืนประหยัดพลังงานอยุ่ครับ เคยทำมาสองครั้งแล้ว ก็ดีพอใช้ครับ แต่อยากเพิ่มปสภ.ให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ รวมทั้งการลดควันการเผาไหม้ให้มากที่สุด

    ต่อไปกะทำเตาใบไม้ (ป่นแห้ง) อีกด้วยครับ

  • #9 withwit ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 เวลา 19:26

    คลิกหา rice husk stove เจอเพียบเลยครับ เช่น

    http://www.google.com/search?q=rice+husk+stove&hl=th&rls=com.microsoft:th:IE-SearchBox&prmd=ivns&tbm=isch&tbo=u&source=univ&sa=X&ei=9un9Ta6kAYfQrQfMupCyBA&ved=0CD4QsAQ&biw=1003&bih=546

    เวียตเรียกว่า Lotrau (โล้เตรา หรือ เตาโล้..ภาษาไตดำหรือเปล่าหนอ) ส่วนปินส์เรียก Mayon (แล้วผมไปเอา ta..มาจากสมอง cortex ส่วนไหนหนอ เฮ้อ ความจำ ..ถ้าผมจำอะไรได้สัก 49% ผมคงทำอะไรได้ดีกว่านี้อีกมาก อิอิ)

  • #10 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 19 มิถุนายน 2011 เวลา 23:31

    ขอให้ท่านจอหงวนคิดและลุยงานประดิษฐ์เรื่องเตาประหยัดแถมดีด้วย ต่อๆๆๆไปอีก
    จะรอใช้ อิ อิ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.10857701301575 sec
Sidebar: 0.22228384017944 sec