สวรรค์ล่มจนได้
..ตะวันตกดินกำลังโพล้เพล้ ไก่ต๊อกและนกยูงเริ่มโผบินไปเกาะคอนเตรียมหลับนอนในค่ำคืนนี้ โฉมยงถามว่า จะรับประทานมื้อเย็นที่ไหน ก็เอาตรงชานบ้านนี่แหละน้อง เป็นมุมอาหารที่แวดล้อมไปด้วยความรื่นรมย์ เปิดสปริงเกอร์โปรยละอองชุ่มชื่นให้ปลิวไสว มีไก่ยำมะม่วง น้ำพริก/ผักลวก ปลาตัวเล็ก ๆ อบกรอบ ตามด้วยมะม่วงสุกตบท้าย นั่งคุยไปคุยมานึกขึ้นได้ว่าเมื่อตอนกลางวันเอามะละกอสุกแช่เย็นมาชิม เป็นของว่างยามบ่ายที่เหมาะยิ่งกว่ารายการคลายเครียดเสียอีก มะละกออย่าเอาที่สุกเกินไป ฝานตอนที่เนื้อยังกึ่งแข็งกึ่งนิ่ม เนื้อสีทองไม่หวานมากนักเป็นคุณสมบัติของมะละกออีสาน โฉมยงเก็บมาตุนไว้ทีละ 2-3 ลูก กลายเป็นผลไม้ประจำในช่วงนี้เสียแล้ว
ตอนที่หมอเจ๊มาได้ชวนปลูกมะละกอไปหลายต้น
หลังจากนั้นก็เพาะและปลูกเพิ่มเรื่อย ๆ
พบว่ามีทั้งมะละกอที่งอกเองและที่เราปลูก
สังเกตได้จากที่เป็นแถวเป็นแนวและขึ้นเปะปะทั่วไป
เนื่องจากไม่ใช่ไม้ยืนต้นจึงปล่อยให้ขึ้นตามอำเภอใจ
ลูกสุกคาต้นก็ปล่อยให้เป็นอาหารนกหนู
เมล็ดร่วงลงมาไก่ไปจิกนกไปชิมแล้วเอาก้นหว่านไปทั่ว
บอกให้โฉมยงเก็บเมล็ดไว้จะเพาะขยายปลูกให้เต็มสวน
ถ้าน้าอึ่งน้าแป๊ดมาอย่าลืมเอาครกมาด้วย
พริก-มะเขือเทศ-น้ำตาลปึก-กุ้งแห้งมีแล้ว อิอิ..
ปีนี้แปลกเหลือเกิน กลางวันอากาศร้อนอบอ้าว แต่กลางคืนกลับเย็นสบาย นั่งตากอากาศยามราตรีแล้วไม่อยากเข้าบ้าน คืนนี้เดือนมืดดาริกาเต็มท้องฟ้า ลมพัดเบา ๆ หอบกลิ่นดอกราตรีหลังบ้านโชยกลิ่นข้ามหลังคามาได้ยังไงไม่ก็ไม่รู้ ท้องถิ่นไทยมีอะไรดี ๆ เหลือล้น ถ้าคนไทยรู้จักคิดรู้จักมองรู้จักดำเนินชีวิตแบบพอเพียง เราก็จะอยู่สุขสบายไม่ต้องไปตะกายหาเหาใส่หัว ตกอยู่ในสภาพที่อ่อนแออ่อนไหว ยอมให้เปรตขอส่วนบุญหลอกไปทนทรมานทรกรรมตากแดดตากฝน ไปเป็นคนที่สร้างปัญหาให้กับอนาคตของตนเองและบ้านเมือง
ตอนหัวค่ำLogos โทรมาบอกว่าพระอาจารย์ไร้กรอบจะออกทีวีแต่ไม่ทราบเวลา นึกในใจว่าช่างเหมาะเจาะเหลือเกินที่พระอาจารย์จะออกมาเคาะสติคนไทยในช่วงนี้ ปรึกษากับโฉมยงว่าเอาอย่างนี้ไหม ..เรามาแปลงชานบ้านเป็นวิมานฉิมพลีกันดีกว่า กวาดบ้านแล้วเอาสื่อมาปู ขนที่หลับที่นอนออกมา กะจะนอนดูดาวดูเดือน และดูพระอาจารย์ไร้กรอบออกทีวีให้สำเริงใจ แม่โฉมยงก็ดีเหลือเกิน จัดแจงลากโต๊ะทีวีออกมานอกบ้าน ปูที่หลับที่นอนแล้วก็เรียกผมมานอนชม ในช่วงนั้นอาจารย์ปราโมท นาครทรรพ กับอาจารย์อีกท่านหนึ่งมาจากจุฬาฯ มาสะท้อนมุมบ้านมุมเมืองมุมสังคมได้อย่างจะแจ้ง ทะลวงกำพืดของไอ้คนลวงโลกได้สะเด็ดสะเด่าถึงใจ ใคร ๆ ได้ฟังอย่างใช้ปัญญาจะตระหนักความเป็นจริงได้ไม่ยากนัก
บ้านเรามีทีวีหลายช่อง แต่ผู้บริหารสื่อก็ไม่เคยคิดบริหารข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แก่สังคมเท่าที่ควร เปิดดูเถอะวัน ๆ มีแต่รายการตลกกับรายการบ้า ๆ บวม ๆ มอมเมาประชาชนทั้งวัน ละครก็มีแต่เรื่องในมุ้ง เรื่องแม่ยายแม่ผัวตัวดีออกมาว๊ากเพ้ย ชิงรักหักสวาทกันทั้งปี เรื่องประเทืองปัญญาก็เพิ่งจะมาคิดกันเอาตอนบ้านเมืองเดือดปุด ๆ นี่แหละ สังคมสิ้นคิดก็เกิดขึ้นอย่างที่ท่านอาจารย์ทั้ง 2 มาออกรายการ
ชานบ้านผมดัดแปลงแล้วเป็นสวรรค์ดี ๆ นี่เอง
มีร่มไม้บาง ๆ ให้พอมองเห็นดาวระยิบระยับ
ได้เสียงดนตรีธรรมชาติจากแมลงกลางคืนร้องกล่อม
คืนนี้สงบสุขจนแม้แต่นกถึดทือก็ลืมละเมอ
ยุงไม่มี..
ลมหอบกลิ่นหอมเย็น ๆ โชยมา
ผมเผลอหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้
รายการพระอาจารย์ไร้กรอบออกทีวีก็เลยไม่ได้ดู
เสียโอกาสฟังเสียงหัวเราะสะท้านทรวงจนได้
โฉมยงบอกว่า..ปลุกเหมือนกันแต่พ่อไม่ตื่น
โธ่! น้องเอ๊ย!..ทำไมไม่เอาน้ำราดสักโครมละ
โธ่! และโธ่ๆ ..
« « Prev : วิธีหาเสียงล่วงหน้า
Next : โลกมนุษย์คงจะดีกว่านี้แน่ » »
7 ความคิดเห็น
ฮี่ๆ หลับก่อนพ่อ แต่ตื่นมาพร้อมกันค่ะ ^_^
อิจฉานิ หนูยังต้องซื้อมะละกอกินอยู่เลย ตอนนี้ตลาดในกรุงเทพหามะละกอพันธุ์ไทยไม่ค่อยมีแล้วอ่ะค่ะ มีแต่พันธุ์ฮอลแลนด์ (ไหงมาไกลจ๊าดนักล่ะ?) กิโลละ 30 บาทค่ะ เนื้อหลวมกว่าของสวนป่า ลูกเล็กและสั้นกว่าและหวานกว่าหน่อยค่ะ ซึ่งตรงหวานนี่แหล่ะค่ะ ที่ไม่ค่อยชอบเท่าไหร่
มะละกอที่พ่อฝากพี่หมอเจ๊มาให้ หนูเอาเมล็ดมาเพาะในกระถางที่บ้านอ่ะค่ะ ยังคิดอยู่ว่า ถ้าโตแล้วคงต้องหาที่ให้ลงใหม่ โอ๊ย ถ้าปลูกมะละกอกินเองได้ คงดีใจแย่เลยล่ะหนู
ลูกที่ผ่าแจกที่ทำงาน มีอาจารย์ท่านนึงมาบอกว่าเอาเมล็ดไปเพาะแล้ว ถ้าขึ้นแล้วจะเอาไปลงที่บ้านแพร้วด้วย
หนูบอกดีเลยค่ะ ยังไงหนูจะรอกินนะ :P เสร็จเรา!
อ่านเรื่องมะละกอ ทำให้นึกถึงมะม่วงที่วัดตอนนี้…
ตอนนี้ ที่วัดมีมะม่วงอยู่ต้นหนึ่ง น่าจะเป็นเขียวเสวยเพราะสุกไม่สุกผลก็เขียวเหมือนเดิม ปีนี้ออกผลเต็มต้น ตอนแรกก็ไม่ค่อยมีใครสนใจบอกว่าเปรี้ยว แต่พอผลสุกหล่น รสชาดดีหอมหวาน พวกเวียนไปเวียนมาอยู่ใต้โคนจึงค่อยๆ เพิ่มขึ้น วันก่อนก็มีพวกเก็บมาให้สมภารฉันพิสูจน์ว่ารสชาดดีจริงๆ…
ปัญหาใหม่จึงค่อยๆ ตามมา เริ่มมีคนปีนขึ้นไปเก็บ หรือใช้ไม้สอย เพราะรอสุกหล่นไม่ทันใจ มีบางกลุ่มก็ขอ บางกลุ่มก็มาเอาหน้าตาเฉย บางกลุ่มก็จัดว่าขโมย…
สมภารปรึกษากับหลวงพี่ว่า ไม่ให้ก็มีปัญหา ให้ก็มีปัญหา ให้บ้างไม่ให้บ้างก็มีปัญหา น่าจะโค่นทิ้งเหมือนหลายๆ วัดที่ไม่นิยมปลูกไม้มีผล… รู้สึกว่าหลวงพี่ค่อนข้างจะเห็นด้วย ก็คงจะรอดูต่อไปอีกหน่อย…
เจริญพร
กราบนมัสการหลวงพี่
อย่าโค่นมะม่วงต้นเขียวไม่เขียวก็เสวยเลยขอรับ อย่างน้อยก็มีร่มเงาให้แก่พื้นที่
ส่วนผลถือว่าของแถม
มีไว้ประเมินกิเลศภายในชุมชนว่ารู้จักอะไรควรและไม่ควรแค่ไหน?
แต่ถ้าโดนขะโมยหมดต้น แสดงว่ามะม่วงต้นนี้อร่อยพิเศษจริงๆ
น่าให้ญาติโยมเอาไปขยายพันธุ์
วันที่มีการทำบุญที่วัด มัคทายกอาจจะขอความเห็นเรื่องการบริหารมะม่วงพันธุ์พิเศษต้นนี้
เกิดเป็นประเด็นสนุกเสียอีก
ว่าแต่ช่วงสงกรานต์จะมีผลให้คนไกลไปแอบสอยบ้างไหมหนอ?
อยากเห็นภาพต้นมะม่วงต้นนี้แล้วสิครับ
สาธุ
ถ้าให้ดีปูต้องมาปลูกมะละกอไว้ที่สวนป่า
แล้วติดป้ายไว้จะได้ไม่หลงลืม
เวลามาสวนก็เดินไปเด็ดมะมะกอจากต้นของตนเอง
ไม่ต้องไปคิดมากว่าจะเอาพื้นที่ๆไหนไปปลูกมะละกอ
-ที่สวนมีพันธุ์ไว้รอ
-มีหลุม/มีปุ๋ยไว้ให้
-มีการรดน้ำแถมอีกต่างๆหาก
-///แต่ค่าดูแลแพงหน่อย
-ถ้าตกลงตามนี้ทุกคนก็จะมีมะละกอต้นส่วนตัว
-ไม่ต้องไปเก็บจากต้นคนอื่นเหมือนมะม่วงของหลวงพี่
-เฮคราวหน้ามีรายการปลูกมะละกอพันธุ์แคว๊กๆจะดีไหมนะ
อาจารย์ปราโมท นาครทรรพ แสดงทัศนะได้น่าสนใจมากครับ
คม ได้สาระ แทรกวิชาการ
คมอีหลี
ผมได้ดูทั้งสองรายการชอบทั้งสองรายการ
ผมเป็นแฟน อ.ปราโมท มานานแล้ว ผมชอบบุคลิคท่าน และเนื้อหาสาระท่านมากครับ
สุดยอดจริงๆ โชคดีที่ได้ดู
วันนี้20 จะตามพระอาจารย์ไร้กรอบไปที่อยุธยา ครับ