งานที่เหมาะกับคนขี้เกียจ
ในวันวาเลนไทน์นะสายจิต
ขอชื่นชมมิ่งมิตรที่คิดถึง
บอกทื่อ ๆ ซื่อ ๆ ฮือกันตึง
อย่าอื้ออึงเอะอะมะเทิ่งไป
ขอส่งข้อความดีที่เบิร์ดเขียน
หลายเล่มเกวียน มุมมองครรลองใส
เปรียบเปรยงานนั่งอ่านสำราญใจ
วาเลนไทน์ให้ผ่องจิตมวลมิตรเทอญ
มนุษย์เราพยายามสร้างเงื่อนไขมาพัวพันตนเองมากขึ้น ๆ
แล้วเรียกสิ่งนั้นว่าการพัฒนา
บางเรื่องก็สมควรถ้าเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสม
แต่หลายสิ่งก็เลยเถิดเกิดอาการเว่อร์ร้อยแปดพันประการ
โดยเฉพาะเรื่องสนองกิเลสที่ไม่มีจุดจบสิ้น
มนุษย์พยายามเอาชนะธรรมชาติจนเกินงาม
ทำให้หลงมุมอยู่กับสิ่งสมมุติที่ปรุงแต่งขึ้นมา
ตกอยู่ในอุบายของนักเสริมสร้างความทะเยอทะยานจริต
คนขี้เกียจอย่างผมก็ต้องมองหางานเบา ๆ ง่าย ๆ
ที่ไม่ต้องใช้ความขยันมากมากหรือจำเจอะไร
การมองหางานที่เหมาะกับตนเอง
ได้พบได้เห็นสิ่งที่น่าจะนำมาบอกคุณชะลอหลังยาว
บัดนี้มีงานที่เหมาะกับท่านแล้ว
เป็นงานที่ทำอะไรเล็ก ๆ น้อยแต่ส่งผลได้ในระยะยาว
ยกตัวอย่างเช่น
1 ปลูกต้นไม้บนตอต้นตาล
เอาต้นตาลมาตัดเป็นท่อน ๆ แล้วเจาะเนื้อไม้ตรงกลางให้มีขนาดพอดีกับกระถาง แล้วเอาดินเอาปุ๋ยใส่ แล้วปลูกต้นไม้ที่ชอบลงไป ถ้าตอใหญ่ก็ปลูกไม้ยืนต้น ถ้าตอเล็กปลูกไม้ประดับหรือไม้พุ่มเล็กที่ต้องการ รดน้ำเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น จะประหยัดน้ำ ประหยัดเวลา เหมาะกับคนขี้เกียจจริง ๆ นะ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเนื้อไม้ภายในท่อนตาลจะอมน้ำไว้ ทำให้มีความชื้นเพียงพอต่อความต้องการของต้นพืช เนื่องจากการระบายน้ำได้ช้า จึงงดรดน้ำบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นพืชจะรากเน่าและเฉาตายในที่สุด เนื้อไม้ตาลมีอาหารที่สมบูรณ์อย่างน่าทึ่ง ดังจะสังเกตเห็นได้จากที่มีเห็ดเกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่ออุณหภูมิเหมาะสม การปลูกต้นไม้ในตอตาลต้องการรดน้ำน้อยมาก ดังนี้
ปีหนึ่งรดน้ำเดือนละ 2 ครั้ง = 24 ครั้ง
หักช่วงฤดูฝนออก 4 เดือน = 8 ครั้ง
เหลือที่ต้องรดน้ำ 8 เดือน = 16 ครั้ง/ปี
: อัตรานี้เท่ากับการใช้โพลิเมอร์
เนื้อไม้ตาลดีกว่าตรงที่ไม่ต้องซื้อสารเก็บความชื้นอื่น มีสารอาหารโดยธรรมชาติ
(ปีนี้กินเห็ดธรรมชาติมาตลอด กำลังศึกษาเห็นในตอตาล)
2 เลี้ยงผึ้งโพรงพันธุ์ไทย
ปกติเราเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหมู หมา แมว หรือช้างม้าวัวควาย จะต้องมีการบริหารจัดการ เช่น สร้างโรงเรือน ระบบน้ำ รางอาหาร เลี้ยงอาหาร ดูแลทุกขั้นตอนฯลฯ แต่ถ้าเลี้ยงผึ้งโพรงพันธุ์ไทย เราเพียงหาโพรงไม้มาปิดหัวท้าย เจาะรูเล็กๆให้พอดีกับตัวผึ้งบินเข้าออก เอาขี้ผึ้งแท้ใส่ข้างในเพื่อให้มีกลิ่นผึ้ง เอาขอนไม้ที่ว่านี้แขวนไว้ตามต้นไม้ ผึ้งป่าก็จะมาอาศัยอยู่เอง เราไม่ต้องให้น้ำ ให้อาหาร ถ้าต้องการน้ำผึ้งเพียงเอามาแกะฝากล่องเอาน้ำผึ้งมาบริโภค หรือถ้าจะทำให้ดูดี ตีกล่อง 4 เหลี่ยมแบบที่เขาเลี้ยงผึ้งพันธุ์ทั่วไป ..เช้า ๆ ผึ้งจะบินไปหาน้ำหวาน ซึ่งเป็นการช่วยผสมเกสรให้ผลไม้เรา งานนี้จึงเหมาะกับคนขี้เกียจจะพิจารณา
3 เลี้ยงไก่ต๊อก
ไก่ต๊อกเป็นสัตว์ปีกประเภทไก่ฟ้า จึงมีสัญชาตญาณป่าอยู่มาก กลางคืนจะบินไปเกาะคอนนอนบนต้นไม้ เช้า ๆ ก็โผลงบินไปคุ้ยเขี่ยหาอาหารกินเอง เราเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ได้สบายมาก ช่วงออกไข่ก็จะไปรวมกันหยอดไข่ที่เดียวกองโตเชียวแหละ คนขี้เกียจไม่ต้องเดินไปหลายที่ เจอรังไข่ที่เดียวก็จบ การเลี้ยงไก่ต๊อกจะเสียเวลานิดหน่อย ตอนไปเก็บไข่ไก่ต๊อกไปให้แม่ไก่บ้านฟัก แม่ไก่บ้านก็จะฟูมฟักดูแลลูกไก่ต๊อกให้เรา คนขี้เกียจก็สบาย ๆ ไม่ต้องยุ่งยาก แต่ถ้าต้องการขยายพันธุ์จำนวนมาก ต้องอาศัยเครื่องฟักช่วย
(ใบผักหลายชนิด ใบพริก ใบผักขม ใบตำลึง ใบมะรุม เอามาผัดอร่อยมาก)
4 ปลูกพืชผักล้มลุก
พืชที่ขยายพันธุ์ได้ง่าย เช่นชะพลู ดีปลี โสมไทย ผักโขมจีน ตำลึง กะวานฮ๊อก อ่อมแซบหรือ (เบ็ญจขันธ์) พืชกลุ่มนี้ขยายพันธุ์ได้ง่ายมาก เอามาปลูกที่รำไร เด็ดต้นปักยามหน้าฝนหรือเอาเมล็ดมาโปรย อีกหน่อยก็ออกดอกติดเมล็ด กระเด็นไปตกที่ไหนก็ขยายพันธุ์แพร่หลาย ยอดอ่อนเด็ดมาใช้เป็นสมุนไพร หรือเด็ดมาผัดกระทะร้อนอร่อยที่สุด ไม่ต้องให้น้ำ ไม่ต้องให้ปุ๋ย ไม่ต้องฉีดยาฆ่าแมลง เราก็มีผักสำรองไว้ตลอดปี ข้อดีอีกอย่างอยู่ตรงที่เป็นพืชคลุมดิน แทนที่จะให้วัชพืชขึ้นกลับได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ปลูกครั้งเดียว ในฤดูกาลถัดไปก็จะแพร่ลูกแพร่หลานเอง
5 ปลูกผักสวนครัว
มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ไชโยโห่ฮิ้ว..กลุ่มผักไม้ผักยืนต้นบ้านเรามีนับร้อยชนิด ปลูกไว้ใส่ต้มแกง ให้ร่มเงา ให้ความสดชื่น ให้้ความสดชื่น พึ่งพาตนเองได้ ควรหาพันธุ์มาจิ้ม ๆ ลงดินครั้งเดียวจบ ต่อไปสมุนไพรไทยคุณสมบัติคับหม้อเหล่านี้ ก็จะเจริญเติบโตขยายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ ถ้าปลูกใกล้ ๆ กันก็ยังสะดวกในการเก็บมาลงหม้ออีกด้วย
6 ปลูกต้นจิตสำนึก
อย่างที่เบิร์ดเขียน ต้นนี้ไม่ยากไม่มีอะไรซับซ้อน เหมือนปลูกต้นความดีเด๊ะ เลือกได้ด้วย คนขยันควรปลูกไม้ประเภทใด แต่คนขี้เกียจแบบผู้เขียนก็ต้องปลูกไม้อย่างที่เล่าข้างต้น ยังมีเรื่องขี้เกียจอีกเยอะ เช่น เขียน ๆ ไป อ้าวขี้เกียจอีกแล้ว หยุดดีกว่า..แคว๊กๆ
เบิร์ดเขียนดี แอบลอกมาประกอบดังนี้..เรามาดูให้ชัดกันอีกทีค่ะ ต้นไม้เติบโตนั่นคือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะเราปลูกต้นไม้ก็ต้องได้ต้นไม้เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว แต่จะตายหรือจะรอดนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขึ้นกับความรู้และความใส่ใจ ฮี่ฮี่ฮี่ ^ ^ … การได้รับคำชมก็คือผลลัพธ์จากสังคม และความสุขใจก็คือผลลัพธ์ทางใจ จะเห็นว่าผลของกรรมไม่ได้มีเพียงผลตามธรรมชาติเท่านั้นนะคะ แต่ยังส่งผลในหลายด้าน
คนที่ทำดีแทบตายทำไมไม่มีใครเห็นดีด้วย ก็แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีคนเห็น หรือทำดีด้วยเจตนาที่ดีแล้วจริงๆ? อย่างเช่นคนปลูกต้นไม้นั่นแหละค่ะ ถ้าเค้าทำด้วยความหงุดหงิด รำคาญความเปรอะเปื้อน แม้ต้นไม้จะเติบโตซึ่งเป็นผลตามธรรมชาติ …แม้จะได้รับคำชมซึ่งเป็นผลทางสังคม แต่ก็ขาดทุนทางจิตใจเพราะเจตนาไม่ดีพร้อม ดังนั้นแม้จะได้รับผลในทางอื่น แต่ก็มองไม่เห็นเพราะติดกับเจตนาที่กระทำด้วยความขาดทุนทางใจอยู่ จึงเสวยทุกขเวทนาคือมีอารมณ์ที่เป็นทุกข์
ถ้าเราเข้าใจว่ากรรมคือเจตนา อันเป็นที่ตั้งของเวทนา เราจะไม่ใช้ชีวิตสับสนหรือโวยวายว่ากรรมไม่มีจริง หรือมีชีวิตเพื่อใช้กรรมเก่าซึ่งเป็นความคิดที่ผิดค่ะ
หมายเหตุ : ไม่ควรปลูกหรือให้ดอกไม้พลาสติก ถ้ารักกันจริง อิ อิ.
« « Prev : หลักสูตรมหาชีวาลัยอีสานอยู่ไหน?
1 ความคิดเห็น
อ้าวพ่อขาเอามาขายต่อซะแล้ว 555555555
กราบรับพรและคำชมค่า แต่สิ่งที่เบิร์ดได้เกิดจากการติดตามการเรียนรู้ของพ่อนะคะ เพราะพ่อมีลักษณะที่เรียกว่า”วิหารธรรม” คือน้อมนำเอาสิ่งรอบข้างมาสอนตัว ซึ่งเป็นแนวทางการศึกษาที่ยิ่งใหญ่เพราะไม่มีที่สิ้นสุด เรียน+รู้ได้ตลอดเวลาทุกที่ไม่มีข้อจำกัดให้กวนใจ
ในวันดี ๆ วันนี้ กราบขอบุญรักษาพ่อครูให้เป็นมิ่งขวัญของชาวลานฯตลอดไปค่า