งานที่เหมาะกับคนขี้เกียจ

อ่าน: 5322

ในวันวาเลนไทน์นะสายจิต

ขอชื่นชมมิ่งมิตรที่คิดถึง

บอกทื่อ ๆ ซื่อ ๆ ฮือกันตึง

อย่าอื้ออึงเอะอะมะเทิ่งไป

ขอส่งข้อความดีที่เบิร์ดเขียน

หลายเล่มเกวียน มุมมองครรลองใส

เปรียบเปรยงานนั่งอ่านสำราญใจ

วาเลนไทน์ให้ผ่องจิตมวลมิตรเทอญ

มนุษย์เราพยายามสร้างเงื่อนไขมาพัวพันตนเองมากขึ้น ๆ

แล้วเรียกสิ่งนั้นว่าการพัฒนา

บางเรื่องก็สมควรถ้าเป็นเทคโนโลยีที่เหมาะสม

แต่หลายสิ่งก็เลยเถิดเกิดอาการเว่อร์ร้อยแปดพันประการ

โดยเฉพาะเรื่องสนองกิเลสที่ไม่มีจุดจบสิ้น

มนุษย์พยายามเอาชนะธรรมชาติจนเกินงาม

ทำให้หลงมุมอยู่กับสิ่งสมมุติที่ปรุงแต่งขึ้นมา

ตกอยู่ในอุบายของนักเสริมสร้างความทะเยอทะยานจริต

คนขี้เกียจอย่างผมก็ต้องมองหางานเบา ๆ ง่าย ๆ

ที่ไม่ต้องใช้ความขยันมากมากหรือจำเจอะไร

การมองหางานที่เหมาะกับตนเอง

ได้พบได้เห็นสิ่งที่น่าจะนำมาบอกคุณชะลอหลังยาว

บัดนี้มีงานที่เหมาะกับท่านแล้ว

เป็นงานที่ทำอะไรเล็ก ๆ น้อยแต่ส่งผลได้ในระยะยาว

ยกตัวอย่างเช่น


1 ปลูกต้นไม้บนตอต้นตาล

เอาต้นตาลมาตัดเป็นท่อน ๆ แล้วเจาะเนื้อไม้ตรงกลางให้มีขนาดพอดีกับกระถาง แล้วเอาดินเอาปุ๋ยใส่ แล้วปลูกต้นไม้ที่ชอบลงไป ถ้าตอใหญ่ก็ปลูกไม้ยืนต้น ถ้าตอเล็กปลูกไม้ประดับหรือไม้พุ่มเล็กที่ต้องการ รดน้ำเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น จะประหยัดน้ำ ประหยัดเวลา เหมาะกับคนขี้เกียจจริง ๆ นะ ที่เป็นเช่นนี้เพราะเนื้อไม้ภายในท่อนตาลจะอมน้ำไว้ ทำให้มีความชื้นเพียงพอต่อความต้องการของต้นพืช เนื่องจากการระบายน้ำได้ช้า จึงงดรดน้ำบ่อย ๆ ไม่อย่างนั้นพืชจะรากเน่าและเฉาตายในที่สุด เนื้อไม้ตาลมีอาหารที่สมบูรณ์อย่างน่าทึ่ง ดังจะสังเกตเห็นได้จากที่มีเห็ดเกิดขึ้นบ่อย ๆ เมื่ออุณหภูมิเหมาะสม การปลูกต้นไม้ในตอตาลต้องการรดน้ำน้อยมาก ดังนี้

ปีหนึ่งรดน้ำเดือนละ 2 ครั้ง = 24 ครั้ง

หักช่วงฤดูฝนออก 4 เดือน = 8 ครั้ง

เหลือที่ต้องรดน้ำ 8 เดือน = 16 ครั้ง/ปี

: อัตรานี้เท่ากับการใช้โพลิเมอร์

เนื้อไม้ตาลดีกว่าตรงที่ไม่ต้องซื้อสารเก็บความชื้นอื่น มีสารอาหารโดยธรรมชาติ

(ปีนี้กินเห็ดธรรมชาติมาตลอด กำลังศึกษาเห็นในตอตาล)

2 เลี้ยงผึ้งโพรงพันธุ์ไทย

ปกติเราเลี้ยงสัตว์ไม่ว่าจะเป็นหมู หมา แมว หรือช้างม้าวัวควาย จะต้องมีการบริหารจัดการ เช่น สร้างโรงเรือน ระบบน้ำ รางอาหาร เลี้ยงอาหาร ดูแลทุกขั้นตอนฯลฯ แต่ถ้าเลี้ยงผึ้งโพรงพันธุ์ไทย เราเพียงหาโพรงไม้มาปิดหัวท้าย เจาะรูเล็กๆให้พอดีกับตัวผึ้งบินเข้าออก เอาขี้ผึ้งแท้ใส่ข้างในเพื่อให้มีกลิ่นผึ้ง เอาขอนไม้ที่ว่านี้แขวนไว้ตามต้นไม้ ผึ้งป่าก็จะมาอาศัยอยู่เอง เราไม่ต้องให้น้ำ ให้อาหาร ถ้าต้องการน้ำผึ้งเพียงเอามาแกะฝากล่องเอาน้ำผึ้งมาบริโภค หรือถ้าจะทำให้ดูดี ตีกล่อง 4 เหลี่ยมแบบที่เขาเลี้ยงผึ้งพันธุ์ทั่วไป ..เช้า ๆ ผึ้งจะบินไปหาน้ำหวาน ซึ่งเป็นการช่วยผสมเกสรให้ผลไม้เรา งานนี้จึงเหมาะกับคนขี้เกียจจะพิจารณา

3 เลี้ยงไก่ต๊อก

ไก่ต๊อกเป็นสัตว์ปีกประเภทไก่ฟ้า จึงมีสัญชาตญาณป่าอยู่มาก กลางคืนจะบินไปเกาะคอนนอนบนต้นไม้ เช้า ๆ ก็โผลงบินไปคุ้ยเขี่ยหาอาหารกินเอง เราเลี้ยงแบบบุฟเฟ่ต์ได้สบายมาก ช่วงออกไข่ก็จะไปรวมกันหยอดไข่ที่เดียวกองโตเชียวแหละ คนขี้เกียจไม่ต้องเดินไปหลายที่ เจอรังไข่ที่เดียวก็จบ การเลี้ยงไก่ต๊อกจะเสียเวลานิดหน่อย ตอนไปเก็บไข่ไก่ต๊อกไปให้แม่ไก่บ้านฟัก แม่ไก่บ้านก็จะฟูมฟักดูแลลูกไก่ต๊อกให้เรา คนขี้เกียจก็สบาย ๆ ไม่ต้องยุ่งยาก แต่ถ้าต้องการขยายพันธุ์จำนวนมาก ต้องอาศัยเครื่องฟักช่วย

(ใบผักหลายชนิด ใบพริก ใบผักขม ใบตำลึง ใบมะรุม เอามาผัดอร่อยมาก)

4 ปลูกพืชผักล้มลุก

พืชที่ขยายพันธุ์ได้ง่าย เช่นชะพลู ดีปลี โสมไทย ผักโขมจีน ตำลึง กะวานฮ๊อก อ่อมแซบหรือ (เบ็ญจขันธ์) พืชกลุ่มนี้ขยายพันธุ์ได้ง่ายมาก เอามาปลูกที่รำไร เด็ดต้นปักยามหน้าฝนหรือเอาเมล็ดมาโปรย อีกหน่อยก็ออกดอกติดเมล็ด กระเด็นไปตกที่ไหนก็ขยายพันธุ์แพร่หลาย ยอดอ่อนเด็ดมาใช้เป็นสมุนไพร หรือเด็ดมาผัดกระทะร้อนอร่อยที่สุด ไม่ต้องให้น้ำ ไม่ต้องให้ปุ๋ย ไม่ต้องฉีดยาฆ่าแมลง เราก็มีผักสำรองไว้ตลอดปี ข้อดีอีกอย่างอยู่ตรงที่เป็นพืชคลุมดิน แทนที่จะให้วัชพืชขึ้นกลับได้ประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ปลูกครั้งเดียว ในฤดูกาลถัดไปก็จะแพร่ลูกแพร่หลานเอง

5 ปลูกผักสวนครัว

มะกรูด มะนาว มะพร้าว ส้มโอ ไชโยโห่ฮิ้ว..กลุ่มผักไม้ผักยืนต้นบ้านเรามีนับร้อยชนิด ปลูกไว้ใส่ต้มแกง ให้ร่มเงา ให้ความสดชื่น ให้้ความสดชื่น พึ่งพาตนเองได้ ควรหาพันธุ์มาจิ้ม ๆ ลงดินครั้งเดียวจบ ต่อไปสมุนไพรไทยคุณสมบัติคับหม้อเหล่านี้ ก็จะเจริญเติบโตขยายพันธุ์ไปเรื่อย ๆ ถ้าปลูกใกล้ ๆ กันก็ยังสะดวกในการเก็บมาลงหม้ออีกด้วย

6 ปลูกต้นจิตสำนึก

อย่างที่เบิร์ดเขียน ต้นนี้ไม่ยากไม่มีอะไรซับซ้อน เหมือนปลูกต้นความดีเด๊ะ เลือกได้ด้วย คนขยันควรปลูกไม้ประเภทใด แต่คนขี้เกียจแบบผู้เขียนก็ต้องปลูกไม้อย่างที่เล่าข้างต้น ยังมีเรื่องขี้เกียจอีกเยอะ เช่น เขียน ๆ ไป อ้าวขี้เกียจอีกแล้ว หยุดดีกว่า..แคว๊กๆ

เบิร์ดเขียนดี แอบลอกมาประกอบดังนี้..เรามาดูให้ชัดกันอีกทีค่ะ ต้นไม้เติบโตนั่นคือผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ เพราะเราปลูกต้นไม้ก็ต้องได้ต้นไม้เป็นเรื่องธรรมชาติอยู่แล้ว แต่จะตายหรือจะรอดนั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ขึ้นกับความรู้และความใส่ใจ ฮี่ฮี่ฮี่ ^ ^ …  การได้รับคำชมก็คือผลลัพธ์จากสังคม และความสุขใจก็คือผลลัพธ์ทางใจ   จะเห็นว่าผลของกรรมไม่ได้มีเพียงผลตามธรรมชาติเท่านั้นนะคะ แต่ยังส่งผลในหลายด้าน

คนที่ทำดีแทบตายทำไมไม่มีใครเห็นดีด้วย ก็แน่ใจเหรอคะว่าไม่มีคนเห็น หรือทำดีด้วยเจตนาที่ดีแล้วจริงๆ? อย่างเช่นคนปลูกต้นไม้นั่นแหละค่ะ ถ้าเค้าทำด้วยความหงุดหงิด รำคาญความเปรอะเปื้อน แม้ต้นไม้จะเติบโตซึ่งเป็นผลตามธรรมชาติแม้จะได้รับคำชมซึ่งเป็นผลทางสังคม แต่ก็ขาดทุนทางจิตใจเพราะเจตนาไม่ดีพร้อม ดังนั้นแม้จะได้รับผลในทางอื่น แต่ก็มองไม่เห็นเพราะติดกับเจตนาที่กระทำด้วยความขาดทุนทางใจอยู่ จึงเสวยทุกขเวทนาคือมีอารมณ์ที่เป็นทุกข์

ถ้าเราเข้าใจว่ากรรมคือเจตนา อันเป็นที่ตั้งของเวทนา เราจะไม่ใช้ชีวิตสับสนหรือโวยวายว่ากรรมไม่มีจริง หรือมีชีวิตเพื่อใช้กรรมเก่าซึ่งเป็นความคิดที่ผิดค่ะ

หมายเหตุ : ไม่ควรปลูกหรือให้ดอกไม้พลาสติก ถ้ารักกันจริง อิ อิ.

« « Prev : หลักสูตรมหาชีวาลัยอีสานอยู่ไหน?

Next : เปิบอาหารอีสาน » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

1 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 กุมภาพันธ 2010 เวลา 20:01

    อ้าวพ่อขาเอามาขายต่อซะแล้ว 555555555
    กราบรับพรและคำชมค่า แต่สิ่งที่เบิร์ดได้เกิดจากการติดตามการเรียนรู้ของพ่อนะคะ เพราะพ่อมีลักษณะที่เรียกว่า”วิหารธรรม” คือน้อมนำเอาสิ่งรอบข้างมาสอนตัว ซึ่งเป็นแนวทางการศึกษาที่ยิ่งใหญ่เพราะไม่มีที่สิ้นสุด เรียน+รู้ได้ตลอดเวลาทุกที่ไม่มีข้อจำกัดให้กวนใจ

    ในวันดี ๆ วันนี้ กราบขอบุญรักษาพ่อครูให้เป็นมิ่งขวัญของชาวลานฯตลอดไปค่า


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.70490598678589 sec
Sidebar: 0.2687680721283 sec