กัวซ่าที่สวนป่า
ดูเหมือนผมจะรู้จักกัวซ่าแบบผิวเผินมาไม่น้อยกว่า 20 ปีเศษ สมัยที่เขมรฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นั่นแหละครับ ช่วงนั้นชาวเขมรตายเป็นเบือนับล้านคน ทำให้คนเขมรที่พอไหวแตกซ่านกระเซ็นไปทั่วสารทิศ พวกที่อยู่ชายแดนหนีเข้ามาในประเทศไทยบ้าง เดินทางต่อไปยังประเทศที่ 3 บ้าง ที่สวนป่ามีหนุ่มเขมรเดินทางมาขอทำงานอาศัยอยู่ชั่วคราว ก่อนที่จะเดินทางต่อไปยังประเทศฝรั่งเศส หนุ่มชาวเขมรมาอยู่ด้วยหลายเดือน บางคนก็ขยันขันแข็งอย่างหาตัวจับยาก บางคนก็โหลยโท่ยขนาดชะลอหลังยาวเรียกพี่ ผมพูดเขมรได้งู ๆ ปลา ๆ พอสื่อสารรู้เรื่อง สิ่งที่สังเกตเห็นก็คืด หนุ่มต่างแดนเหล่านี้เวลาเจ็บไข้ได้ป่วยเขาจะไม่กินยา แต่จะเอาเหรียญห้าบาทมาขูดตามหน้า ศีรษะ และตามเนื้อตัว ผมสงสัยถามว่า..ทำอะไร เขาตอบว่าทำแล้วหายปวดหัว ผมไม่อยากจะเชื่อ ..นึกว่าเขมรพวกนี้เพี้ยน ไม่ได้สนใจสืบค้นหาความจริง
มาในระยะหลัง ป้าจุ๋มชวนผมไปรู้จักหมอจัดกระดูกคนหนึ่ง หมอคนนี้จะเอากระดูกแบน ๆ มาขูดที่ร่องสันหลัง ขูดแรงมาก เจ็บแสบแทบทนไม่ได้ ดีแต่เขาใช้เวลาขูดประมาณ 10 นาทีก็เลิก หลังจากนั้นก็นวดตามไหล่-คอเป็นอันเสร็จสิ้นการรักษา ผมทดลองไปขูดคัวซากับหมอคนนี้ 2-3 ครั้งก็ไม่ได้ไปอีก เท่าที่ประเมินดู.. วิธีการก็ใกล้เคียงกันกับการขูดกัวซา เพียงแต่กัวซาสามารถขูดตามร่างกายทั่วไป ไม่เน้นขููดเฉพาะกระดูกสันหลัง
แต่วิธีการของกัวซา หนังสืออธิบายว่าเป็นการดีท๊อกซ์พิษออกทางผิวหนัง เป็นศาสตร์การแพทย์แผนจีนที่เข้ามาเผยแพร่ในบ้านเรา การขูดกัวซาขูดได้ทั่วไป ขูดใบหน้า คอ แขน มือ สะโพก ขา เท้า และจุดไม่สบายอื่น ๆ ให้ขูดลงหรืือขูดตามทิศที่เราขูดแล้วรู้สึกสบาย เพราะสภาพที่เกิดการบำบัดรักษาคือสภาพที่รู้สึกสบาย ตามหลักปฏิบัติเพื่อความแข็งแรงอายุยืน ในพระไตรปิฎก อนายุสสสูตรข้อที่ 1การรู้จักทำความสบายให้แก่ตนเอง
ข้อควรรู้จักของการกัวซา
1 การใช้แรงขูดควรสม่ำเสมอ ควรขูดจนเห็นรอยจุดแดงปรากฏขึ้นมาจนจนกว่าจะไม่แดงไปกว่านั้น (หากขูดไปสักพักแล้วไม่แดงก็ย้ายจุดขูดได้) หรือขูดจนบริเวณที่ขูดนั้นรู้สึกสบายขึ้น จากนั้นจึงขูดตำแหน่งอื่นต่อไป
2 บางครั้งหลังจากขูดแล้ว 2-3 วัน ตำแหน่งที่ขูดอาจจะมีอาการระบมปรากฎขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องปกติ หลังขูดจนเกิดรอยแดง ณ จุดนั้นๆออกมาแล้ว เราสามารถแปลงผลได้ดังนี้
1. สีชมพูหรือสีแดงเรื่อ ๆ แสดงว่าดี
2. เป็นปึ้น แสดงว่าพิษเริ่มสะสม
3. เป็นจ้ำเหมือนไข้เลือดออก แสดงว่าพิษสะสมมานานแล้ว ในทางแพทย์ทางเลือกเรียกว่า ลมแตก
4. ถ้าเป็นลักษณะช้ำ แสดงว่ามีพิษสะสมมาก ยิ่งถ้าช้ำจนถึงขั้นสีม่วงสีดำ ในทางแพทย์ทางเลือกถือว่ามีพิษมากถึงขั้นมะเร็ง การกัวซาจึงเป็นทั้งการวินิจฉัยโรคและการรักษาโรค
วันนี้เปิดตำราลงมือทำกัวซาด้วยตนเอง
ตรงมุมชานบ้านมีดอกกล้วยไม้้ช้างกระกำลังออกดอกบานส่งกลิ่นหอมเย็นระรื่น
ผมเอาเก้าอี้ไปนั่งใกล้ๆ..บรรยากาศสดชื่นมาก
หลังจากนั้นก็เอาไม้กัวซาที่หมอเบิร์ดส่งมาให้ขูด ๆๆ
เปิดตำราขูดตามหัวไหล่ หน้าอก สีข้าง และรอบๆพุง
ขูดไปขูดมาเกิดปึ้นแดงๆเตามรอยขูด
ด้านหน้าขูดเองได้สบายมาก
แต่การขูดด้านหลังนี่ต้องการคนช่วย
จึงจูงนางเข้าห้อง จะได้ไม่อายใคร
หลังจากนั้นก็ขูดๆไปทั้งสรรพรางกาย
เกิดรอยแดงเทือกไปทั้งตัว
รู้สึกผ่อนคลายสบายๆเหมือนการนวดชนิดหนึ่ง
ขูดไปคุยกันไปกระหนุงกระหนิง เฮ้อ!!
แคว๊กๆ..
Next : บันทึกตอนที่ ฮ่า ฮ่า ฮ่า » »
12 ความคิดเห็น
ผมเพิ่งรู้จักครับ
ต้องทดลองด้วยตัวเอง ดีมากๆครับ จะทดลองทำ 3 วันครั้ง
อีกนานถึงจะสรุปผลได้ แคว๊กๆ
เพิ่งรู้จักเหมือนกันค่ะ แต่สรรพคุณนี่เหลือหลายเลย วัดได้ด้วย พิษสะสมมากหรือน้อยในร่ายกาย สุดยอดอะ
ดูแล้วนึกถึงวันหนึ่งมีคนเรียกไปดูคอด้านหลังของเด็กคนหนึ่ง มีปื้นแดงๆ ดูเหมือนการห้อเลือด รู้จากเด็กว่าป่วยมีไข้แม่ให้หมอในหมู่บ้านขูด เด็กบอกว่าเจ็บมาก
ทางการแพทย์แผนปัจจุบันน่าจะอธิบายได้ว่าแรงกดที่แรงทำให้เส้นเลือดฝอยที่ผิวหนังแตกจนเกิดเลือดออกใต้ผิว การกระตุ้นแบบนี้คงจะทำให้ร่างกายสะดุ้งเกิดจากผลิตภูมิต้านทานขึ้น เม็ดเลือดขาวคงออกมาย้วยเยี้ย เกร็ดเลือดก็พุ่งมาทำหน้าที่….คนที่ติดเชื้อนิดหน่อยอาจจะรู้สึกดีขึ้นเพราะผลของกลไก???
การทำอย่างนี้ไม่น่าจะเหมาะกับคนที่เป็นโรคเลือด และคนที่มีปัญหาการสร้างเกร็ดเลือด และไม่น่าจะทำบ่อยจนเกิดการกระตุ้นมากไปและต่อเนื่อง …อะไรก็ตามที่กระตุ้นมากไปไม่ดีทั้งนั้นนะคะ
ดูด้วยคนสนใจแต่ก็ดูอย่างระมัดระวังเช่นกันค่ะ
อุ้ยสร้อยให้ความเห็นมาน่าสนใจ
ใครจะช่วยหาข้อสรุปที่ถูกต้องได้ เอามือลง!
ผมคิดว่าศาสตร์ทุกศาสตร์มีเหตุผลในตัวมันเอง
เพียงแต่ผู้ปฏิบัติจะนำไปใช้อย่างถูกต้อง หรือเหมาะสมหรือไม่
ถ้าไปกัวซาเด็กตัวเล็กๆ ไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือไม่
และคิดว่าคงต้องพิจารณาอาการ ความเหมาะสม แต่ละคน ละคน
-เท่าที่ขูดไปแบบลองๆๆดู เมื่อคืนหลับสบาย ร่างกายไม่ปวดเมื่อย
-รู้สึกเหมือนเส้นเอ็นได้ปลดปล่อย
-ยังกะผ่านการนวดด้วยหมอฝีมือดี
-แต่ก็นั่นแหละ ทำเพียงครั้งเดียว
-หนูลองยาไม่กล้าฟันธง คงต้องเรียนไปเรื่อยๆ เต้นจี้กงบ้าง กัวซาบ้าง ไปนวดบ้าง นั่งบ่นบ้่าง คละเคล้ากันไป
แคว๊กๆๆ
ข้อมูลจาก เอก จตุพร ส่งมาสมทบ
วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2552
เวลา 13:04:04 น. ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ <!–[อ่านล่าสุด คน]–>กวาซา ขูด…ล้างพิษ…สวย
P { margin: 0px; }
อลิศร์ ชมถาวร…เรื่อง
ต้องยอมรับว่าศาสตร์แห่งการบำบัดรักษาในแพทย์แผนจีนเป็นเรื่องที่น่าทึ่ง เพราะยิ่งค้นคว้า ศึกษาเจาะลึกลงไป ก็ยิ่งพบกับความมหัศจรรย์
เช่นเดียวกับการบำบัดนี้ ′�กวาซา′ (Gua Sha)
กวา ซา เป็นศาสตร์การรักษาของจีนโบราณที่ได้รับการสืบทอดกันมาอย่างยาวนานมากกว่า 2,000 ปีมาแล้ว และยังคงได้รับความนิยมนำมารักษามาถึงปัจจุบัน
คำว่า ′กวา′ (อ่านว่า Gwa) แปลว่า ′ขูด′ ส่วน ′ซา′ (อ่านว่า Shaw) นั้นหมายถึง ′รอยแดง′
นั่นแปลว่า กวาซา คือ การบำบัดด้วยการขูดผิวหนังตามร่างกาย จนเป็นรอยแดง เสมือนเป็นการ ′ล้างพิษ′ ทางผิวหนังนั่นเอง
รอย แดงที่ปรากฏนั้น จะเป็นส่วนที่สะท้อนถึงระบบอวัยวะภายในและกลไกการทำงานของร่างกาย ถ้าผู้มีสุขภาพดี เลือดลมดี รอยแดง หรือผื่นแดงที่ปรากฏจะเป็นรอยแดงจางๆ และจะหายไปในเวลาอันรวดเร็ว แต่ถ้าเป็นคนที่สุขภาพไม่ดี ร่างกายไม่สมดุล หรือมีสิ่งตกค้างในร่างกายมาก รอยแดงจะขึ้นอย่างชัดเจน และจะใช้เวลาราว 2-4 วันกว่ารอยจะหาย
กวา ซานี้จะมีแนวคิดและวิธีการคล้ายกับการกดจุดเพื่อช่วย ปรับสมดุลให้ร่างกาย เพียงแต่เปลี่ยนจากการกด มาเป็นการขูดด้วย ′เขาควาย′ หรือ ′หยก′ แทน
การ ขูดนี้จะเริ่มด้วยการลงน้ำมันสมุนไพรเพื่อลดการเสียดสี แล้วใช้เขาควายหรือหยกขูดผิว โดยทำมุมราว 45 องศา ขูดในแนวลงและในทิศทางเดียวกัน ในจุดที่สะท้อนถึงระบบต่างๆ ทั้งหน้าอก หลัง แขนพับข้อศอกด้านใน เข่าด้านใน หรือบ่า เป็นต้น เมื่อผิวถูกขูดก็จะเกิดสุญญากาศขึ้น ของเสียที่ตกค้างก็จะถูก ผลักออกมาในรอยผื่นแดง ผิวจะร้อนขึ้นเล็กน้อย รูขุมขนจะขยาย ในเวลาเดียวกัน ออกซิเจน สารอาหาร หรือสมุนไพรที่ทาไป ช่วงแรก ก็จะซึมเข้าสู่ผิวหนัง
การ ขูดนี้ก็จะไปช่วยจัดเรียงเส้นประสาทใหม่ ทำให้กล้ามเนื้อที่มีพังผืด หรือมีการบีบรัดอยู่คลายตัวออก ช่วยทำให้ระบบการหมุนเวียนของเลือดเป็นระบบมากขึ้น ทั้งยังช่วยปรับระบบต่อมน้ำเหลืองให้ขับของเสียได้ดียิ่งขึ้น เมื่อพิษตกค้างลดน้อยลง ร่างกายก็จะเข้าสู่ภาวะสมดุล สุขภาพก็จะแข็งแรงมากขึ้น
วิธี การนี้นอกจากจะได้รับความนิยมในประเทศจีนแล้ว ประเทศทางยุโรปและอเมริกาก็ยังให้ความสนใจไม่น้อย ด้วยเชื่อว่าจะสามารถรักษาโรคต่างๆ ทั้งอาการปวดเมื่อย ปวดชาตามร่างกาย ปวดข้อ ภูมิแพ้ ไข้หวัด อัมพฤกษ์ อัมพาต รอบเดือนมาไม่ปกติ หมอนรองกระดูกทับเส้น ไมเกรน ฯลฯ
สำหรับ ในประเทศไทย กวาซาได้เข้ามาแพร่หลายมาหลายปี และมีการปรับประยุกต์เพื่อการบำบัดในรูปแบบต่างๆ แต่ก็ยังคงยึดแนว ′การขูด′ เหมือนเดิม โดยอาจจะเปลี่ยนวัสดุอุปกรณ์ไปในรูปต่างๆ อาทิ ช้อน ชาม งาช้าง หรือก้อนหิน มาใช้แทน นอกจากนี้ยังมีการนำกวาซามาใช้เพื่อความงามอีกด้วย
′ ซีที สปา′ สปาที่นำศาสตร์ของไทยและจีนมาผสมผสานเพื่อการบำบัดและความงาม ได้ใช้กวาซามาใช้ปรับแก้ไขรูปร่างที่มีปัญหาส่วนเกินให้กลับมากระชับเข้าที่ ได้ในทุกสัดส่วน ทั้งยังนำมาช่วย ในการลดริ้วรอยทำให้ผิวหน้ากระจ่างใสได้อีกด้วย ด้วยการใช้บันได 3 ขั้น เผาผลาญ ขับน้ำ-ล้างพิษ และกระชับสัดส่วน
กรรมวิธี นี้ไม่ว่าจะเป็นการลดหุ่น หรือกระชับผิวหน้า ก็จะใช้วิธีคล้ายคลึงกัน คือเริ่มจากการชำระร่างกายหรือผิวหน้าให้สะอาดหมดจด ก่อนที่จะอาบอบด้วยน้ำมันหอมระเหย ถ้าเป็นใบหน้าก็จะใช้โสมมาขัดผลัดเซลล์ผิว และพ่นไอเย็นแทน ไอร้อนเพื่อหยุดการสร้างเม็ดสีของผิว
จากนั้นจึงนวดและขูดแบบวิธีกวาซา ตามด้วยนวดกระชับสัดส่วน กระตุ้นการเผาผลาญ ไล่ไขมันที่สะสม ปิดท้ายด้วยการแร็ปเพื่อกำจัดเซลลูไลต์ เช่นเดียวกับผิวหน้าที่จะปิดท้ายด้วยการทรีตเมนต์ผิวหน้า ใช้เครื่องซูเปอร์โซนิกผลักครีมบำรุงให้เข้าสู่ผิวอย่างล้ำลึก ทั้งยังกระตุ้นคอลลาเจน ช่วยทำให้ ผิวหน้าแข็งแรง มีเลือดฝาด และช่วยให้หลับสนิทได้อีกด้วย
นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของความงามที่พัฒนาต่อยอดมาจากศาสตร์สุขภาพนับพันปี
ศาสตร์สุขภาพที่ใช้การปรับสมดุลช่วยให้งามได้อย่าง ′ฮองเฮา′
-ขอบคุณเอก(จตุพร)ที่ส่งข้อมูลมาสมทบ เพราะป้าจุ๋มกำลังสรุปจะเขียนให้พวกเราอ่านอยู่เหมือนกันค่ะ
-การทำ Gua Sha หรือเรามักพูดติดปากง่ายๆว่า กัวซา เหมือนเป็นการตรวจสุขภาพภายในได้อีกวิธีค่ะ การขูดสิ่งที่ใช้ในการขูดนั้นให้ได้ผลดีตามตำรับกล่าวว่าควรใช้เขาสัตว์หรือหยกจึงจะดี คือนำมาเหลาจนได้รูปพอเหมาะที่จะทำการขูดให้ได้มุมตามศาสตร์ ไม่ใช่ขูดเรื่อยเปื่อย และต้องลงน้ำหนักสม่ำเสมอและขูดไปทางเดียวตลอด เพื่อลดการเสียดสีมักใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมสมุนไพรร่วมด้วย…
-ส่วนการวินิจฉัยนั้นดูจากสีที่ผิวและตำแหน่งด้วย หากทำ Gua Sha ที่แผ่นหลังจากสีที่ปรากฎจะสามารถบอกได้ว่าอวัยวะส่วนใดของเรามีปัญหาบ้าง เช่น ปอด ตับ ไต หรือม้ามเป็นต้น หากอวัยวะใดมีปัญหาสีจากรอย Gua Sha จะมีสีคล้ำออกม่วงๆเลย แต่หากผู้ใดไม่มีปัญหาเหล่านั้นจะออกแดงอมชมพู แสดงว่าอวัยวะไม่มีปัญหา และไม่มีสารพิษในร่างกาย และจะหายภายใน 2-3 วันเท่านั้น และไม่ควรทำเกินอาทิตย์ละครั้งด้วย ดังนั้น Gua Sha ได้ค่ะถือว่าเป็นการทำเพื่อปรับสมดุลยในร่างกายและปรับสมดุลเลือดค่ะจะทำให้ร่างกายแข็งแรงและเป็นการชลอความชราได้อีกอย่างค่ะ(อันนี้น่าสนใจ)
-เท่าที่พบมาคนที่เป็นเบาหวานหรือคนที่มีโรคประจำตัวกินยาเคมีมากๆเวลาทำ Gua Sha จะเห็นเป็นสีคล้ำมากน้อยตามปริมาณยาที่ได้บริโภคเข้าไปค่ะ ตามตำแหน่งของอวัยวะเหล่านั้น ขึ้นกับว่ายาชนิดใดจะไปสะสมอยู่ที่อวัยวะใดมากกว่า นับเป็นศาสตร์ที่น่าสนใจทีเดียวค่ะ
-และอย่างที่น้องสร้อยยกตัวอย่างมาก็จริงค่ะ ก็นั่นแหละค่ะ ไม่มีอะไรในโลกนี้ ที่ดีหมดทุกอย่าง รักษาได้ทุกคนและทุกโรค(เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วค่ะ) ดังนั้นการรักษาโรคด้วยวิธีนี้จึงควรอยู่ในมือของผู้มีประสพการณ์ มีโรคบางอย่างทำ Gua Sha ไม่ได้เด็ดขาด…
-ป้าจุ๋มเคยพาครูบาไปหาหมอจัดกระดูกท่านหนึ่งตอนที่ปวดหลังมากๆจนจะลุก-นั่งและนอนไม่ไหว ตอนนั้หลังจากไปทำมาก็หายปวด(เห็นครูบาบอกว่าอย่างนั้น)และเผอิญหมอท่านทำ Gua Sha ให้ครูบาด้วย และหมอท่านนั้นใช้หยกค่ะในการทำ Gua Sha ให้คร
รบกวนครูบาช่วยเปลี่ยนสีของตัวอักษรสีดำๆให้เป็นสีขาวให้ด้วยค่ะจะได้อ่านกันง่ายๆ
อิอิอิ ลองดูได้ค่ะพ่อ อย่าขูดแรง และมีจังหวะในการขูด ส่วนการทำบ่อย ๆ นั้นเบิร์ดไม่ค่อยหนับหนุนเพราะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร แต่ที่สำคัญคือเบิร์ดลองขูดแล้วมันไม่ขึ้น :(
ลองแล้วอย่างที่เล่า และจะลองอีก จะค่อยๆขูดกิเลสออกไปเรื่อยๆ
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ พ่อครู และทุกท่านค่ะ
ป้าแดง สมัครไปฝึกการทำกัวซาค่ะ เพราะปวดแขนไม่หาย เลยจะลองค้นเรื่องกัวซาดู เจอข้อมูลพ่อครูก็ทำ
คิดเหมือน อ.สร้อยเลยนะคะ ว่าใครที่เลือดออกง่ายต้องระวัง
แต่จะลองไปฝึกดูค่ะ เอาทั้งศาสตร์เอาทั้งศิลป์ อิอิอิ
ขอบคุณค่ะ
ปล. ช่วงปิดเทอม ตุลา/เมษา หากมีงานให้ทำ น้าอึ่งช่วยส่งข่าวด้วยนะคะ ออกสัญจรได้แล้วค่ะ