ชีวิตบ้านป่า
ผมมีรายการที่จะไปโม้เรื่องมนุษย์กับสิ่งแวดล้อม ที่มหาวิทยาลัยอุบลฯ เดือนหน้า จึงเอาโจทย์มาจ๊ะจ๋าให้พี่น้องช่วยกันต่อเดิม ตำราหลายหัวดีกว่าหัวเดียวยังใช้ได้เสมอ มาช่วยกันทำเรื่องนี้ให้เป็นสไตล์ของหมู่เฮา การลงขัน-ความรู้-ความคิด-ความสุข-ความเห็นอกเห็นใจ อุ้มชูให้เป็นวัฒนธรรมขององค์กร น่าจะเป็นมิติหนึ่งของกระบวนการสร้างเครือข่ายของชาวเรา จะเห็นว่าเรื่องไหนที่ร้องขอพวกเราจะมะรุมมะตุ้มช่วยเหลืออย่างสนุก คงต้องคิดต่อๆๆ..
ถ้าฉุกคิดเรื่องสิ่งแวดล้อม เราจะเห็นความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอดเวลา มีทั้งที่เกิดแบบค่อยเป็นค่อยไป และเป็นไปอย่างโกลาหล เช่น เรื่องไข้หวัด 2009 ถล่มไปทั่วโลก ต่อไปก็ไม่ทราบว่าจะมีอะไรระเบิดเปิดเปิงตามมาอีก เรื่องโลกร้อนยังยักแย่ยักยัน เรื่องมลพิษต่าง ๆ ก็อึมครึม มนุษย์แต่ละคนได้รับผลจากความเปลี่ยนแปลงไม่เท่ากัน มีจริตเกี่ยวกับเรื่องสภาพแวดล้อมต่างกัน
คนเมืองจะสัมผัสกับสภาพแวดล้อมทางอ้อมมากกว่า เรื่องร้อน-หนาว-กิน-อยู่-นอน-เดินทาง-ทำงาน-มีชีวิตยังกะตัวเป็นหนอน วิ่งพล่านกันไปทั่วเมือง กรุงเทพไม่เคยหลับ เมื่อโจทย์สาละวนกับส่วนตัวกันมาก เรื่องส่วนรวมจึงแผ่วไป จนแทบจะเลือนหาย สุดท้ายก็มาใช้กฎเกณฑ์ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือกำกับวินัยทางสังคม ..ช่วงที่อุ้ยหรือแห้วศรีมา โลกประหยัดพลังงานไปเยอะ>> ไม่ต้องแต่งตัวขับรถไปทำงานทุกวัน ..ถ้าคนเราวางระบบให้มีการผ่อนคลายลงได้บ้าง การใช้น้ำมันหรือพลังงานอื่น ๆ จะเบาบางลง ..ทำยังไงมนุษย์ถึงจะอยู่กับที่มากขึ้น แต่สามารถทำหน้าที่ได้เหมือนเดิม มุมมองเรื่องวิกฤติพลังงาน วิธีถอยดีกว่า>>อาจจะเป็นทางเลือกหนึ่งที่สมควรใคร่ครวญ สุดท้ายแล้วก็จะมาจบลงที่..ไม่มีความสุขใดดีกว่าความสงบ อิ อิ.. บังอาจสอนสังฆราชเสียแล้ว อิ อีกที
คนบ้านป่า ถ้ารักษาสภาพแวดล้อมไว้ให้ดี จะได้รับบรรณาการจากป่ามากขึ้น ข้อนี้คนรุ่นใหม่ไม่รู้เรื่อง.. ไม่ว่าจะเป็นความร่มรื่น ฟืนหุงข้าว ผักริมรั้ว วัวควายให้แรงงานและปุ๋ย ฯลฯ ถ้าเข้าใจจะทราบว่ามนุษย์ต้องพึ่งพาธรรมชาติเป็นหลัก การทำลายสภาพแวดล้อมไม่ต่างกับการคุมกำเนิดอนาคตของมนุษยชาติ เมื่อไม่เข้าใจ จะมองโจทย์คนละอย่างกัน คนกรุงเดือดร้อนเรื่องไฟเขียวไฟแดงรถติดเป็นตังเม คนชนบทเดือดร้อนเรื่องแมลงรบกวน ฝนแล้ง น้ำท่วม ราคาผลผลิตตกต่ำ สภาพการณ์ไม่ได้หยุดเพียงแค่นี้ รายได้จากเงินดินซึ่งไม่แน่นอนเท่าเงินเดือน ชาวชนบทส่วนใหญ่ถูกลากให้มีรายจ่ายเป็นรายเดือน ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ ค่าเช่าซื้อรถ ฯลฯ มากองกันทุกวันที่ 30 ใครสอนเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงควรมองมุมนี้ไว้บ้าง ที่พูดเป็นแผ่นเสียงตกร่อง..ปลูกทุกอย่างที่กิน เหลือกินจึงขาย มันทำได้ง่าย ๆขนาดนั้นหรือ..
(ป้าสอน อายุมากแล้ว แต่ขยันปลูก-ดูแลต้นไม้)
เรื่องหยาบ ๆ พวกนี้ไม่ธรรมดาเสียแล้ว เมื่อสภาพแวดล้อมเสียหาย ธรรมชาติไม่ได้แยกส่วนว่าอันไหนเมืองอันไหนชนบท ผลพวงที่ได้รับเป็นชะตากรรมมวลรวมของมนุษยชาติ ปัญหาอยู่ที่ความรู้ที่มนุษย์มีอยู่เดี๋ยวนี้ เป็นความรู้อำพราง รู้แค่หางอึ่ง รู้งู ๆ ปลา ๆ ความรู้ที่ไม่สะอาดไม่บริสุทธิ์ใจ เป็นความรู้เถื่อนก็มาก เมื่อนำมาแก้ไขปัญหาจึงเห็นภาพงก ๆ เงิ่น ๆ มนุษย์จะจำนนและรับสภาพจากความไม่รู้มากขึ้น ๆ
สำหรับพี่น้องชาวฮาทุกท่านเข้าใจเรื่องนี้ดี จะเห็นได้จากความสนใจเรื่องสภาพแวดล้อมภายในจิตใจ สภาพแวดล้อมภายนอก เรียนรู้อย่างสนุก แค่ทอดไข่ใส่ใบมะรุมนี่ก็สุดเริดแล้ว ยังชวนกันปลูก คิดที่ขยายผลในมิติต่างต่อไป ต่อไปเขียนวิชาที่สอนเรื่องการกระทำต่อธรรมชาติ ในสังคมไทย ภูมิปัญญาไทย ในศาสนา มีมากพอที่จะนำมาออกแบบเป็นเนื้อหาเป็นหลักสูตร.. หาวิธีให้คนไทยช่วยกันฟื้นฟูสภาพแวดล้อมโดยรวม ก็จะเป็นการทำหน้าที่มนุษย์ตามที่ควรจะรับผิดชอบโลกร่วมกัน ถ้ายังคิดที่จะลอยเพสังคม..ดูถูกดูแคลนธรรมชาติ..ก็ตัวใครตัวมันนะครับ คิ คิ ..
1 ความคิดเห็น
[...] ชีวิตบ้านป่า [...]