เจ้าเป็นไผ 2
(ค่าจ้างล้างภายนอก ลำละ 40,000-80,000 บาท)
>> หลังจากเจ้าเป็นไผ 1 แสดงอภินิหาร เรียกรอยยิ้ม เรียกน้ำตา เรียกความพึงพอใจ เรียกความสุข สลายความวังเวงใจ สลายพุง บางคนหุ่นดีขึ้นแข็งแรงขึ้น เกิดความเข้าใจระหว่างทาง คนเขียนกับคนอ่าน มีเสียงสะท้อนบ้าง เป็นความน่ารักผสมความห่วงใย แต่ส่วนใหญ่ใครได้อ่าน จะเอ๊ะๆ..ค่อยๆเร่งเครื่องอ่านจนจบ บางคนอ่านไปจดไป KeyWordที่ซ่อนแตกกระจายออกมา บางคนเล่าว่า..อ่านแล้วค่อยๆวาง เกรงความรู้สึกกระทบกระเทือน บางคนอยากให้เพื่อนอ่าน น้อยนักที่อ่านแล้วรู้สึกเฉยๆ โดยเฉพาะคนที่ไม่ค่อยมีเวลาและยังไม่อ่าน ผู้ใหญ่บางท่านบอกว่า.. อ่านแล้วได้รู้จักตัวตนคนเขียนลึกซึ้ง ความสนใจไหลมาเทมา..นำไปสู่การติดต่อคุยกัน พันธการด้วยไมตรี บางคนอ่านแล้วมีแรงฮึดที่จะช่วยเขียน และเขียน
>> หลังจากสุมศรีษะกันที่วัดห้วยต้ม ได้ความเห็นมาพอสมควร
ถ้าเอามาประมวลแบบผสมผสาน ก็น่าจะมีคนทำแบบฝึกหัดนำร่อง
ใครจะอาสา ยกมือขึ้น
- เขียนบทความโดยให้น้ำหนัก เล่าเรื่องชีวาตัวเองประมาณ 20% (เลือกเขียนในจุดที่เปิดเผยแบบสบายใจ ไม่ต้องเขียนละเอียดถึงกับบอกว่าตกฟากเวลาไหน อิ อิ.)
- เขียนเรื่องวิถีการศึกษา ประสบการณ์ทำงาน เรื่องดีๆที่ทำอยู่ 60%
- อีก 20% เขียนจากความคาดฝัน หรือเรื่องตีแตกความรู้ในกลุ่มของเรา ยกตัวอย่างเช่น ผมหยิบเอาเรื่องของพวกเราไปโม้ ก็แอบบจิ๊กของอุ้ยมาบ้าง เอาของเบริ์ดบ้าง ของหมอจอมป่วนบ้าง ท่านบางทรายบ้าง คนหัวโตบ้าง ปาลียอน น้าแห่งชาติ ฯลฯ ที่จริงก็เอาจากทุกคนนั่นแหละ ส่วนที่เอามาบำรุงสติปัญญานี้ จะสะท้อนให้เห็นกระบวนการเรียนรู้ที่ได้จากเครือข่าย หยิบจากที่ชาวเราสะท้อนเรื่องที่ไปช่วยกันอบรม เรื่องที่ได้จากเฮฮาศาสตร์1-8 เรื่องที่ไปช่วยกันปลูกตันไม้ ไหว้พระ บนบานขอลูกเขย อิอิ.. ก็เอามาเป็นทุนในการเขียนได้ชื่นมื่น
- ทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็เพื่อจะอธิบายว่า ..เราจะสร้างสังคมอุดมปัญญาในสไตล์ของชาวฮาอย่างไร?
>> ทุกท่านฝีมือดีเขียนได้โดยธรรมชาติอยู่แล้ว คนแซ่เฮมีทรัพย์กรความคิดเต็มลิ้นชักสมอง เพียงแต่ยังไม่เอาออกมาใส่ตะกร้าล้างน้ำ อาบน้ำทาแป้งให้เรี่ยมแร้ ก็จะส่งประกาย ดีกว่าปล่อยให้เป็นอัญมณีที่ไม่มีวันเจียรไน ใครจะนำร่องหนอ ไม่งั้นเรื่องนี้ก็จะตกท้องร่องอยู่อย่างนี้ ผู้ใหญ่เขียนคำนำให้แล้ว นานแล้วด้วย ถ้าเราช่วยๆกันส่งมาให้กอง บก.คัด จัดเข้ารูปรอย เรื่องก็จะเดินหน้าได้ อยากให้อาม่า อุ้ย เบิร์ด แป๊ด ตาหวาน ปาลียอน น้าๆ ขยับปรับที่เขียนไว้แล้ว ให้มีน้ำหนักตามเล่ามานี้ หรือถ้าเห็นควรจะเสนอให้ดูดีกว่านี้ ก็เล่าแจ้งเจ๊าะแจ๊ะมาได้
>> ผมชวนอาจารย์สุชาดา กอล์ฟไว้แล้ว วาดหวังไว้ว่ามันน่าจะเคลื่อนออกไปสร้างเครือข่ายเพิ่มขึ้น เล่มแรก ..เป็น KM ในตัวคน นักศึกษา ป.โท อ่านประกอบการทำรายงานได้ดี ความดีก็จะบานปลายออกไป ลักษณะเช่นนี้ให้หนังสือเป็นนกต่อ ล่อนกป่ามาหาเรามากขึ้น เมื่อทราบเช่นนี้ โปรดช่วยกันขันคูได้แล้วจ้า..อ้าวเกือบลืม อิ อิ อิ ล่วงหน้า อิ.
Next : ลุยจุฬาฯ » »
20 ความคิดเห็น
ไอ้หยา อาม่าตกใจหมดเลย อาม่าตลกคาเฟ่น่า ไฉนเลยที่จะบังอาจประกาศเชิงประจักรความ…..ของตัวเอง อาม่าทำได้แค่เพียงช่วยสนับสนุนให้ คนดีๆ มีพื้นที่ยืนอยู่ได้อย่างสง่างาม ในสังคมคมปัจจุบัน ก็ตอบแทนแผ่นดินเกิดได้แล้ว เกรงใจผู้อ่านเถอะ …อิอิอิ
รายการนี้ ถอย หรือถอน เสียของนะอาม่า อิอิ
รับทราบครับ ความจริงเขียนไว้หลายสำนวน แต่อ่านไปอ่านมาเหมือนเขียนอภินิหารตัวเอง เปิดเผยไปเขินอายเขาแน่ ไม่เชื่อถามอุ้ย อิ อิ
อาม่าเป็นคนแก่ ควรเปิดโอกาศให้เด็กๆ จะเหมาะกว่าค่ะ ไม่มีการถอยหรือถอน เกิดแผ่นไหนก็ควรตอบแทนแผ่นดินเกิดได้ ถึงแม้อาม่ามีเชื้อสายไทย อยู่น้อยกว่าผู้คนที่เกิดในแผ่นดินนี้ แต่ความเป็นไทย และไท ไม่ด้อยกว่าใคร ถูกปลูกฝังตั้งแต่เกิด ให้ตอบแทนแผ่นดินเกิด จนเป็นธรรมชาติ ค่ะ
มาลอง Comment ครับครู
เตรียมปกเล่ม 2 รอครับ
รับทราบค่ะพ่อ
เล่มนี้งานหนักกว่าเล่มแรก เพราะเล่มแรกดีแล้วเล่มนี้จึงงานเข้านักเขียนทุกท่าน เพราะน่าจะมีอะไรให้กับสังคมที่ไม่ควรซ้ำแนวเดิมมากนัก ..ที่สำคัญเล่มสามจะหนักกว่านี้อีก ดังนั้นสิทธิการิยะกล่าวไว้ว่าควรคว้าอันที่ง่ายไว้ก่อน 55555555555
เท่าที่ไล่รายชื่อผู้เขียนไผไว้แล้ว (แบบจบตอน) ก็มี
1. พี่แฮนดี้
2. พี่เปลี่ยน
3. พี่หนิง(นักการหนิง พิด’โลก)
4. พี่สร้อย
5. น้องขจิต
6. คุณเม้ง
7. เบิร์ด
แบบหนังยังไม่จบ ชวนติดตามตอนต่อไปมีดังนี้
1. พี่เหลียง
2. หลวงพี่ชัยวุธ
3. พี่แป๋ว
4. น้องณิช
5. พี่ครูคิม
และที่รออ่านอีกมากมายทั้งพี่หลิน ป้าจุ๋ม พี่อึ่งอ๊อบ พี่แป๊ด น้องราณี พี่ครูสุ ลุงเอก น้องจิ พี่ภูคา อ.แพนด้า น้องโสทร ฯลฯ
ช่วยทำให้ชัดแล้วนะคะพ่อว่ามีไผบ้าง อิอิอิ
ท่านที่เขียนเล่มหนึ่งแล้วก็เขียนเล่มสองอีกซิคะ
จะช่วยอุดหนุนเหมือนเดิมค่ะ
ฮิ้ววววว…
# 8 ..ก๊ากๆๆ มีคนขยับมือยกหลายท่านค่ะ 555555555 งานนี้พ่อคิดหนัก
ไม่เขียน..>>จะจับใส่หม้อถ่วงน้ำนะจะบอกไห่
เขียนเถอะ เดี๋ยวจะส่งข้าวส่งน้ำให้ อิอิ
บางที จปผ๒ ควรจะอั้นไว้แค่ 6-8 องก์ แล้วไปเพิ่มบทความครับ จะได้มีความหลากหลายมากขึ้น
ถ้าใช้ 160 หน้าเหมือนเดิม แต่ละเรื่องจะมีเนื้อที่ดำเนินเรื่องมากขึ้น แต่ถ้าความยาวเรื่องไม่เปลี่ยน อาจลดเหลือ 144 หน้า แล้วลดราคาลงตามต้นทุนที่ลดลงครับ
หนูขอยกมือเขียนด้วยคนได้มั้ยคะ แหะๆ แต่ต้องลองเขียนอะไรดูก่อนสินะ ยังเขียนไม่เก่งเลย แต่อยากออกหนังสือบ้าง อิอิ อาจารย์สร้อยค่ะ ช่วยหนูด้วยนะ อยากหัดเขียน ช่วยด้วย แต่หนูจะไม่ให้เสียการเรียนค่ะ อิ อิ ฝากตัวไว้ก่อนนะคะ แล้วหนูจะหัดเขียนให้อ่านบ้าง ขอบคุณค่ะ ^_^
คำนำ จปผ๒
nursebow
นี่แหละแฟนพันธุ์แท้ เขียนเพราะอยากเขียน อาสาเขียน
จะช้าอยู่ไย ตั้งใจแล้วต้องลงมือขีดเขียน ไม่ต้องอิอิอะๆ หรือต้องถอนๆๆๆ
จะรออ่านเน้อ จะบอกไห่ อิอิ
การเขียน ไม่ทำให้เสียการเรียน เราต้องตีความการเรียนเสียใหม่
การเขียนคือการตั้งต้นเรียนไต่ระดับที่สุดยอด
คนเขียนเป็น จะคิดเป็น เพราะการเขียนช่วยพะยุงความคิดให้เข้มแข็ง
แม่นบ่อุ้ย..อิอิ
อืม
เข้าท่า เด๋วข้าเจ้าจะยะโตย
เท่าที่รับฟังมา มีแต่คนบอกว่าจบเร็วเหลือเกิน
ไผแบบหนังยังไม่จบมีอีกคนค่ะพ่อ น้องครูโย่ง…
[...] ก่อนที่ เจ้าเป็นไผ ๑ จะขายหมด ก็มีเสียงเรียกร้องถึงเล่มสองแล้ว มีการคุยกันถึงแนวทางของเล่มสองที่วัดพระบาทห้วยต้ม แต่ผมมาตัดสินใจทำเล่มสอง ก็เพราะบันทึกนี้ครับ [...]