หมายเหตุของ อิ อิ ..
>> ตื่นเช้ามาอากาศดีเหลือเกิน ชวนกันเดินเพลินจะไปโรงเรียนมงคลวิทยา แต่ทว่า..รถมารับเสียก่อน ตอนที่จวนจะถึงเหลืออีกสัก 30 ก้าว จึงโกยอ้าวขึ้นรถ เข้าไปในบริเวณอันร่มรื่น เราแวะไปชื่นชมห้องสมุดที่มีจิตวิญญาณครูอยู่เต็มเปี่ยม ครูเซี๊ยงผู้เป็นปฐมใจครูของที่นี่ ห้องนี้ศักดิ์สิทธิ์นัก เป็นที่เก็บเรื่องราวของนักสู้ชีวิตด้านการศึกษา ได้ทำหน้าที่ครูด้วยการเป็นครูอย่างสุดจิตสุดใจ อย่างที่ครูไทยคนไหนมาเก็บเอาไปคิดได้ไม่อั้นทุกแง่ทุกมุม ว่าการเป็นครูนี่หนอ..ควรทำตัวและหัวใจอย่างไร เห็นแล้วปลื้มกับโรงเรียนมงคลวิทยา อยากจะบอกว่าสิ่งนี้เป็นมรดกที่ยิ่งใหญ่ มีคุณค่าทางจิตใจต่อครูคนไหนก็ได้ที่เข้ามาเยือนที่นี่ ..
>> ระหว่างนั้น คุณแม่ผู้ใจดีเมตตามาคุยด้วย คุณแม่ผอ.อึ่งยังแข็งแรงอารมณ์ดี ตามประวัติบอกว่าเป็นแม่บ้านธรรมดาๆ ทำงานบ้าน ดูแลสมาชิกในครัวเรือน ขลุกอยู่กับหน้าที่แม่บ้านอย่างเจนจัด แต่เมื่อครอบครัวมีการงานด้านบริหารการศึกษาตั้งโรงเรียนขึ้นมา โรงเรียนเอกชนสมัยนั้นคงผชิญปัญหาไม่น้อยหรอกนะ โดยเฉพาะบุคลากรที่เรียกว่าครู คุณพ่อเซี๊ยงจึงสอนคุณแม่ให้เรียนด้วยตนเอง จนสามารถสอบวิทยะฐานะเป็นครูมาช่วยสอนได้ ฟังแล้วอึ้งกิมกี่ไหมละท่าน พลังใจของครอบครัว “เลาหกุล” นั้นเต็มไปด้วยหมายเหตุที่พิเศษยิ่งนัก ลองไปอ่านเจ้าเป็นไผของครูอึ่งดูเถิด เชื้อไม่ทิ้งแถวนั้นเป็นอย่างไร
>> หลังจากนั้นเราถูกชวนเข้าไปห้องประชุม ที่มีคุณครูนั่งรอเต็มห้อง ผมถูกเชิญให้คุยกับคุณครู ในบรรยากาศที่ค่อนข้างจะเรียบร้อย คุยกับครูไม่ง่ายนักหรอก โดยเฉพาะเรื่องเอามะพร้าวไปขายสวน มีเรื่องจะฝากคุณครูมากมาย ว่าหน้าที่ครูนั้นยากแต่ยิ่งใหญ่นัก ทำอย่างไรเด็กจะรักครู ครูควรจะรักลูกศิษย์ รู้จักตัวตนลูกศิษย์ของตัวเอง ถ้ารู้จักตัวก็จะนำไปสู่การรู้จักใจ ถ้าสามารถสื่อสารทางใจกันได้ เหมือนพวกแซ่เฮ คุณครูก็จะมีตัวช่วย มีความสุข มีความภาคภูมิใจ และมีกำลังใจเสริมให้กันและกัน ..ครูโรงเรียนนี้เขาจัดรายการวิทยุด้วยนะ ขั้นตอนอยู่ในระยะที่กำลังสนุกเชียวแหละ มีคุณครูหมุนเวียกันมาจัดรายการวิทยุทุกวัน
>พูดมากกว่านี้ก็จะงงทั้งคนฟังและคนพูด จึงโยนไมค์ให้คนที่สมควรพูดมากกว่า คนหัวโตไปแอบยืนอยู่ข้างหลังห้อง จึงถูกเชิญมาหน้าห้อง แล้วก็ให้เล่าเรื่องสะกดวิญญาณ คนหัวโตเล่าเรื่องย้ำคิดย้ำทำ มองคุณค่าแล้วสร้างคุณค่าของผู้ที่ทำหน้าที่ปลุกปั้นอนาคตของชาติ งานมอบการบ้านนั้น เหมาะกับคนหัวโตพอๆกับหาเพื่อนกินไอติมที่รู้ใจ
>> เจ้าเบิร์ด ฝากให้พ่อไปกราบพระที่วัดหริภุญชัย
ก็ไปแล้วนะเบิริ์ดนะ อธิฐานให้แล้ว ไม่รู้จะถูกใจรึเปล่า
ขอพระนางจามเทวีดลบันดาลให้เบิร์ดมีคู่เคียงใจไวๆ อิอิ..
>> ไหว้พระแล้วก็หิว
เราไปกินอาหารเที่ยงที่แปลกที่สุดในโลก
“ก้วยเตี๋ยวลำใย” เคยได้ยินไหม
หมายถึงก้วยเตี๋ยวเนื้อตุ๋นที่ใส่เนื้อลำใยมาด้วย
นั่นก็หมายความว่า ชามนี้มีทั้งของหวานคาวรวมกันมาด้วยเดียวกัน
กินก้วยเตี๋ยวชามนี้ไม่ต้องแยกสั่งของหวานทีหลัง
ถามว่าอร่อยไหม ..นับว่าเป็นวาสนาพุงเลยนะปู อิ อิ..
ร้านนี้มีป้ายสะดุ้งโหยงด้วนะ “ระวังพริกเผ็ด” ตัวสีแดงเบ้อเร่อ
ยังจะรู้ว่า..คนไม่กินเผ็ดจะมาที่นี่
เจ้าของร้านเป็นญาติกับอุ้ย เอ๊ะ รึอุ้ยจะมาวางยาไว้นะ
>> อิ่มแล้วครูอึ่งชวนไปชมโรงเรียนเก่าของเธอ ปัจจุบันได้กลายเป็นพิพิภัณฑ์ชุมชนเมือง เป็นอาคารไม้สักหลังใหญ่ที่โปร่งสบายของเจ้านายลำพูนสมัยโน้น มาบัดนี้ตกเป็นสมบัติของสมาคมชาวจีนลำพูน แล้วเทศบาลลำพูนเช่าเดือนละ 8,000 บาท มาเปิดให้อาสาสมัครชาวลำพูนดูแล จัดแสดงเรื่องราวแต่หนหลัง มีภาพเก่าที่น่าสนใจมากมาย จำลองโรงภาพยนต์ยุคเก่า ห้องเรียนสมัยก่อน สิ่งละอันพันละน้อยรวบรวมไว้ให้ระลึกถึงอดีตได้ดีมาก
>> มีอีกเรื่องหนึ่งที่ต้องไปตามที่ออตบอก ..มาลำพูดให้พ่อแวะที่พิพิภัณฑ์อิินสนธิ์ วงค์สาม ให้ได้ เราจึงแอ่นแอ้นมาที่นี่ มีเรื่องที่สุดแสนประทับใจออตเอ๋ย นับตั้งแต่เจ้าตัว ..ศิลปินแห่งชาติ อินสนธิ์ วงศ์สาม ท่านมานำชมสถานที่และอธิบายงานด้วยตัวท่านเอง สิ่งแสดงท่นี่ทุกอย่างลึกซึ้งนัก พวกสติตื้นอย่างเราๆตีความไม่ออกหรอก ถ้าไม่มีท่านเมตตามาอธิบายขยายความไปทีละจุดแบบตัวต่อตัวเลยนะ ค่อยๆคลี่ความหมายอธิบายประหยัดถ้อยประหยัดคำ ชี้นำให้เราคิดมากกว่าปากพร่อย จุดนี้มีเรื่องพิเศษมากนัก ใครเป็นชาวลำพูนถ้าไม่ได้มารู้มาเห็นชีวิตนี้น่าเสียดาย ที่ไม่รู้จักว่าคนลำพูนนั้นสร้างวีระกรรมไว้เป็นบทเรียนได้อย่างน่าอัศจรรย์ ท่่านพาเราไปชมสิ่งแสดงในแต่ละอาคาร อธิบายด้วยการแสดงกระชับเป็นจุดๆ แสดงวิธีสื่อบริบทของพระพุทธศาสนาในเชิงศิลปกรรมล่ำลึก นับเป็นวาสนาที่ได้มาเห็น มารู้ มาฟัง มาเก็บความประทับใจ ที่ได้เห็นได้ดูมากกว่าออตประมาณ % ชมภาพประกอบก็แล้วกัน
>> ยังมีเวลา แวะไปกินไอติมเจ้าเด็ด ที่หมอจอมป่วนเคยเล่าไว้
เป็นร้านที่จัดไว้ดูดีร่มรื่น ขายของว่างที่อร่อยหลากหลายจนสั่งไม่ถูก
แต่ยังไงๆก็ต้องชิมเจ้า ไอติมมะเกี๋ยง ให้ได้
ชิมแล้ว รู้แล้ว รสชาติเหมือนกินยาระบาย กลิ่นแปลกๆ หวานมันเล็กน้อย
ถือว่าไม่ลองไม่รู้ ถามว่าจะสั่งอีกรอบ 2 ไหม
No No No รู้ว่าหลอกจะยินยอมให้หลอกครั้งเดียว ไม่เอาแล๊ว !!
>> เราบึ่งไปรับอุ้ย ผู้ซึ่งสันทัดกรณีเรื่องวัดในภาคเหนือ
เรื่องจะผิดหวังเป็นอันปิดฉากได้
วัดที่เรายืนอยู่นี้ เงียบสงบ ร่มเย็นในยามบ่ายแก่
เราเดินดื่มด่ำฝีมือช่างไร้เทียมทานที่เป็นตำนาน เป็นต้นแบบให้ช่างสมัยนี้
ได้ลอกเรียน และลอกเลียน ได้ดั่งใจปรารถณา
ชมภาพเอาก็แล้วกัน
>> ออกจากวัดอินทราวาสไปชมวัดดอยดำ โฮ้ ธรรมมะจัดสรรอีกแล้ว เราเห็นการตั้งขบวนยาวเหยียดเดินขึ้นภู เนื่องจากตรงกับวันที่มีพิธีเดินไปกราบไหว้ เป็นอะไรๆที่พิเศษลึกซึ้งนัก แต่สังขารอย่างพวกเราขออนุญาตนั่งรถขึ้นดอยก็แล้วกัน ไปกราบพระ ไปชมงานวัด ไปสรงน้ำพระ สนุกมากตรงที่ไปสอยดาว ได้รางวัลมาทั่วหน้า คนหัวโตได้ถังพลาสติก ประป๋องใสน้ำ ได้แฟ๊บ อุ้ยได้หมี่ขาว ครูอึ่งอารมได้ถัง ผมได้ปลากระป่อง ฮ่าๆๆๆ หิวแล้วลงดอยดีกว่า ไปกินข้าวต้มเอาแรง
< ถึงเราจะหนีการเดินขึ้นดอย ก็ใช่ว่าจะจบง่ายๆ
รายการสุดท้ายของค่ำคืนนี้เราจะไปบุกห้อง 403 ที่อาคารอาจารย์พยาบาล
ห้องอุ้ยอยู่ชั้น 4 มีบรรไดให้เดินขึ้นไปทางเดียว
เราก็ก้าวกระหย่องกระแย่งขึ้นไปชมบรรยากาศห้องพักของอุ้ย
อุ้ยใจดีเลี้ยงลิ้นจี่ มะม่วงพันธุ์พราห์ม ชงชามาให้ชิม
มีชามะรุมด้วยนะ ชิมแล้วโอ้โห
ขอแถม..เอารูปสวยตอนอุ้ยสมัยเป็นช่างฟ้อนมาฝาก
อุ้ยของพวกเราสวยสง่าไม่เบานะจะบอกให้
ฟามลับ..มีคนมาแอบชอบอุ้ยมากมาย แต่ทำไมหัวใจอุ้ยไม่ไหวหวั่น ทำไม และ ทำไม..
เอาไว้วันไหนอารมณ์ดีจะเล่าเรื่องกิ๊กอุ้ยให้ฟัง..คิ คิ..
ห้ามแซวล่วงหน้าอิ อิ
« « Prev : ปริศนาทำ
Next : ใครว่ายอดดอยอินทนนท์หนาว ไปแก้ผ้ามาแล้ว » »
11 ความคิดเห็น
กรี๊ด! 5555555555555 ฮิ้ววววววววววววววววววววววว
แหม โดน โด๊น โดน ค่ะพ่อ …ขอบคุณเจ๊า ^ ^
ไว้เบิร์ดจะไปกราบอีกรอบและจะย้อนรอยทัวร์ล่ะปูน เชียงใหม่ให้ม่วนอ๊กม่วนใจ๋เลยคอยดู๊ …ลาตั้งแต่ 18 มิย.เลย ให้รู้ไปว่าไผเป็นไผ อิอิอิ
อ่านจบแล้วยังไม่เห็นซักรูปเลยครับ สงกะสัยจะเป็นลูกเล่น ให้ต้องกลับมาอ่านบ่อยๆ ลงวันละรูปก็พอครับ อิอิ
เอ..พ่อครู.. วันนี้ผมควรจะเดินลงบันไดเข้าเมืองไปสั่งตัดชุดหล่อไปงานแต่งน้องสาวได้เลยนะ อิอิ..
เฮียตึ๋งก็เป็นวัยรุ่นใจร้อน… เดี๋ยวมาเองน่ะรูปน่ะ ดูกันไม่ทันเลยหละ เลยไปดู สไลด์คอนก่อนก็ได้ ฮิฮิ..
รูปสวยมากครับ .. วาดมโนภาพเอาจากตัวหนังสือที่อ่านก็เห็นแล้วครับ .. คิดถึงความหลังครั้งไปมงคลวิทยา
อิ อิ อิ ครับ
จินตนาการไปก่อนนะครับ อ่านแล้วเหมือนเห็นรูปแล้ว
อ้า เจอศิลปินเจ้าของแนวคิดด้วย โอ้ย อิจฉาจังครับ
เป็นศิลปินแห่งชาติที่เข้าถึงชาติ และเชื่อมโยงหลายชาติ
ชาตินี้ ถ้าเรามาสร้างชาติด้วยวัฒนธรรม น่าจะนำเรารอดพ้นวิกฤติต่าง ๆ ได้
รอดูภาพครับ
ไอ้วิชาทะลายกำแพงบุกไปใช้ชีวิตต่างแดนของท่านอินสนะิ์ วงค์สาม แถมพาคนต่างแดนมาใช้ชีวิตในเมืองไทยนี่น่าศึกษามากๆครับ อิอิ
ต้องขออภัยนะครับ เปิด website ของท่านดู รู้สึกจะใช้ อินสนธิ์ วงศ์สาม นะครับ
วันนี้ได้คุยโทรศัพท์กับ ครูพี่ ผอ.อึ่ง แล้วค่ะ
แล้วก็ท้าชิงไปแล้ว ว่าไง ๆ ต้องหาโอกาสไปสัมผัสมงคลวิทยากะเขาบ้าง
จากบันทึกการเดินทางของพ่อเที่ยวนี้
ทำให้พวกติดแหง็กในที่ทำงานอย่างหนูได้เห็นตัวเองชัดขึ้นนะ
เรื่องราวอันทรงคุณค่า วิถีชีวิตที่น่าชื่นชมและแสนจะให้บทเรียน หากได้สัมผัสด้วยตนเอง
มันคงแสนจะตะลึงพรึงเพริดพอจะฉุดจินตนาการบรรเจิดให้กับชีวิตได้อีกมากโข
เป็นเมื่อก่อนทำงานแบบหูดับ ตับเบี้ยว ไม่ค่อยจะได้เลี้ยวดูซ้ายขวา มุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียว
อิ่มเอมกับการเติมเต็มคนรอบข้าง จนบางครั้งก็ละเลยการเติมอากาศบริสุทธิ์ให้กับตัวเอง
พอได้เห็นพ่อและพี่ ๆ สูดลมหายใจอัดความสุข ความอิ่มเอมกันจนเต็มรัก
ก็เลยพลอยทำจมูกบานฟืด ๆ ตามไปด้วย อิอิ
อุเหม่….. มันช่างแสนจะชุ่มฉ่ำหัวจาย…… (^_________^)
ว่าแต่วันนี้พ่ออารมณ์ดีหรือยังคะ
จะฟังเรื่องกิ๊กอุ้ยอ่ะ
ฮิ๊ว……………… :P
ไม่รู้จะตอบยังไง ซึ้งๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ