ชวนชาวเฮเดินเป๋เข้าวิชาเกิน

อ่าน: 1733

(เจอหน้าใคร สนทนาไขว้คว้าหาความรู้ไปเรื่อยๆ)

วันนี้นึกว่าจะได้นั่งทำการบ้านสบาย ๆ ก็มีงานด่วนจี๋ไปรษณีย์จ๋ายิ่งกว่า EMS เสียอีก ผมมีเรื่องที่จะไปโม้ที่สำนักปลัดกระทรวงเกษตรฯ พรุ่งนี้ และเมื่อคืนเลขาฯ ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งโทรมาบอกว่าพระอาจารย์จะชวนคุยเรื่องต้นไม้ จะนัดมาเร็ว ๆ นี้..  ผมก็ต้องตะกายหาความรู้นะสิครับ บังเอิญเป็นคนวาสนาดี ไปคุยกับใครก็ได้ความรู้มาพออาศัย แถมพวกเรามีต้นทุนพวกนี้อยู่แล้ว แต่ยังไม่มีจังหวะขยับดินพอกหางหมูที่อยู่ในหัวใจออกมา

(คุยกันเงียบๆ อย่าส่งเสียง ส่งใจได้อย่างเดียว)

กอล์ฟ เจ้าลูกชายโทน กับ เม้งเยอรมัน มาทักทายแต่เช้า กอล์ฟมาหารือเรื่องจะขยับวันจัดค่ายชาวปูนซีเมนต์ ไปวันที่ 7-9 เมษายนไปชน กับคณะป.เอก มหาสารคาม เม้งเล่าว่า..เพิ่งกลับจากเวียดนาม เพิ่งแยกจากโปรเฟสเซอร์เมื่อวาน คุยเรื่องงานวิจัยที่จะทำร่วมกัน เน้นการเกษตรและต้นไม้ ในเชิงเข้าใจธรรมชาติสู่การนำไปใช้แนะนำเกษตรกร แต่มันเป็นเชิงโมเดลลิง โจทย์เม้งมีเบื้องต้นดังนี้

  1. ศึกษาและอธิบายโครงสร้างและกระบวนการในต้นไม้แต่ละชนิด ตลอดถึงการสังเคราะห์ืแสงดูดน้ำอาหารและการสำรองอาหาร
  2. ศึกษาให้เข้าใจในต้นเดียว แล้วขยายสู่การปลูกหลาย ๆ ต้นตามสภาพจริง
  3. ศึกษาการให้น้ำ/อาหารในปริมาณที่ต้องการจริง ไม่ต้องให้ปุ๋ยเกินความจำเป็น น้ำในปริมาณที่พอเหมาะ และให้ปัจจัยให้ถูกที่
  4. เชื่อมโยงการบริหารจัดการน้ำ

เม้งบ่นว่าเราขาดแคลนเรื่องข้อมูลที่มีคุณภาพ ครูคิดดูนะครับ หากประเทศไทยนี้มีแต่ ดร.ที่ทำงานไม่เป็น หรือทำวิจัยไม่ได้ แล้วความรู้ใหม่ ๆ จะหวังไว้กับใครครับ ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้ทุกคนคิดที่จะวิจัย(ใจ)ด้วยตัวเองในทุกระดับครับ ระดับชาวบ้านเป็นผู้ปฏิบัติงานอย่างเชี่ยวชาญ แต่เราเคยให้ความสำคัญไหม? ระดับชาวบ้าน แบบระดับทำ ไม่ใช่ระดับเล่น เอาเงินไปโยนเล่น ๆ  ไม่ได้เลยครับ เพราะนั่นคือปากท้อง ทางเกษตรในไทยไม่ได้สนใจข้อมูลเบื้องต้นของต้นไม้ในขณะที่ยังเป็นกิ่งก้านสาขา สิ่งที่ทำ ๆ กันมา พูดง่าย ๆ คือ หากต้องทำวิจัยด้านนี้ เราต้องออกแบบการทดลองกันเอง โดยปรึกษานักพฤษศาสตร์ เกษตรศาสตร์ จริง ๆ ระดับชาวบ้านนะดีที่สุด เพียงแต่เราขาดเครื่องมือ หากชาวบ้านทำวิจัยไปด้วย ชาวบ้านจะเป็นนักวิจัยที่แท้จริง แต่หากชาวบ้านโดนชักไปในทางที่เน้นผลผลิตอย่างเดียว พวกสารเร่งทั้งหลายก็จะเข้าไปมีบทบาทสูงมาก แล้วส่งผลกระทบต่อระบบน้ำ ระบบดิน อื่น ๆ ต่อไป

ข้อนี้ตรงกับที่ ดร.ประทีป วีระพัฒนานิรันดร์ เล่าเมื่อคืน ..เราใช้ปุ๋ยแบบฟุ่มเฟือย นอกจากปุ๋ยปลอมแล้ว ผมเห็นว่าชาวบ้านยังเจอคำแนะนำปลอม วิธีการส่งเสริมปลอม อีกด้วย ไม่เจ๊งก็ไม่รู้จะเป็นยังไงแล้วละขอรับ การส่งเสริมให้ชาวบ้านเป็นผู้วิจัยหาความรู้เอง เอาพื้นที่เพาะปลูกเป็นตำรา เอาวิชาความรู้เป็นเครื่องมือ งานวิจัยแบบไทบ้านมันจะไปไหนเสีย.. เม้ง ยังเขย่าต่อว่า..นักวิจัยควรจะเลิกคิดเรื่องทุนวิจัยไปก่อนนะครับ ต้องคิดตัวงานมาก่อนเป้นสำคัญ แล้วค่อยไปคิดหาว่าจะหาทุนมาจากไหน งานต้องมาก่อนทุน เมื่อทุนมาก่อนงาน ไร้ทุนไร้งาน แต่หากงานมาก่อนทุน ไร้ทุนก็มีงาน เอ๊ะ..เรื่องนี้ดูท่าจะไปตรงกับที่อาจารย์แป๋วชวนไปคุยเรื่องหลักสูตร ป.โท ป.เอก คณะเกษตรศาสตร์ ม.ขอนแก่น ในวันที่ 8 เมษายนนี้ด้วย เข้าบล็อกก็ดียังงี้แหละขอรับ มีตัวช่วย มีตัวหนุน มีตัวกอด และมีตัวหิ้วปีก อิอิ..

เม้ง says:

ก่อนจาก ฝากสองคำถามครับ
เม้ง says:
คนไทยตกงานเพราะอะไร?
เม้ง says:
เพราะเลือกงานหรือว่าเพราะสร้างงานใหม่ไม่เป็น?
sutthinun says:
1เพราะไม่รู้วิธีทำงาน
sutthinun says:
2 ความรู้ไม่พอใช้
sutthinun says:
3 ประเทศนี้พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ผิดพลาด ถ้าจะหมายถึงการศึกษาล้วน ๆ ก็เกินไป คงเป็นเพราะคนไทยทุกคนยังทำหน้าที่ไม่เต็มลูกสูบ ไม่รักการเรียนรู้จริง ๆ ไม่ยอมเขียนบล็อก จึงยังไม่รู้วิธีที่พัฒนาชาติไทย ว่าควรเริ่มที่ตนเองยังไง อิ อิ..

เมื่อวานคุยกับผู้เชี่ยวชาญเรื่องดิน ทราบว่าหน่วยงานราชการที่ทำหน้าที่เรื่องนี้โดยตรงมีเงื่อนงำไม่ยอมเผยแพร่ข้อมูล เช้านี้ท่านบางทรายกระจายข้อมูลเป็นฉาก ๆ ก็ไม่ทราบว่าเราคุยเรื่องเดียวกัน หรือข้อมูลที่ตรงกันหรือเปล่า ทางราชการเปิดเผยแล้ว หรือเปิดเฉพาะที่ต้องการเผย มันเบลอ ๆ ยังไงอยู่นะ แต่เท่าที่ท่านบางทรายเล่ามา ถ้าเราเอาไปทำก็อาจจะพอคลำทางได้ไม่มากก็น้อย  ท่านรอกอดประมวลผลการคุยบนโต๊ะอาหารประมาณชั่วโมงเศษ ได้ครบเครื่องเรื่องการละเลียดความคิดความรู้สู่การนำไปถกกันต่อ..ท่านคอนเก็บตัวอย่างสาระไว้ดังนี้

อย่างไรก็ดี นั่งฟังการบรรยายแบบ non-stop ก็นับได้ว่าเป็นการเปิดหูเปิดตาเหมือนกัน มีประเด็นที่ผมจดมาสองสามเรื่อง

1. เวลาเราพูดถึงคุณภาพของดิน มีอยู่สามเรื่องที่ต้องดูไปพร้อมๆ กัน คือ

  • ความเป็นกรด เป็นด่าง ของดิน (pH)
  • ความร่วนซุยของดิน (ประเด็นของน้ำ อากาศในดินและประสิทธิภาพของราก)
  • ปริมาณและสัดส่วนของธาตุอาหารในดิน

การใส่ปุ๋ย(ธาตุอาหาร)อย่างบ้าคลั่งประดุจยาวิเศษ โดยไม่เข้าใจองค์ประกอบของดินและการเจริญเติบโตของพืช จึงเป็นการสูญเปล่า ยิ่งทำยิ่งจน ส่วนคนขายปุ๋ยยิ่งรวย

2. ท่านแจ้งว่ามีแผนที่ดิน ออนไลน์อยู่ที่ www.soil.doae.go.th เมื่อผมถามว่าเป็นแผนที่หรือเป็น cross section ของดิน (มีชั้นดิน มีความลึก) ท่านว่าอย่างนั้นก็มี — เว็บนี้ กลับบ้านมาตรวจสอบ พบว่าเป็นบริการตรวจสอบชุดดินของกรมส่งเสริมการเกษตร โดยเราต้องให้พิกัด GPS ไป แล้วทางกรมจะค้นให้ว่าดินตรงตำแหน่งนั้นเป็นดินชุดใด ในขณะนี้ ไม่พบว่ามีข้อมูลหรือแผนที่ชั้นดินแต่อย่างใด เรื่องนี้ก็ต้องเข้าใจว่าท่านไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญทางไอที จึงอาจให้คำตอบไม่ตรงนัก แต่ผมก็เชื่อว่ากรมมีข้อมูลนี้อยู่ แต่ไม่ได้เปิดเผยออกมาทั้งหมด

3. ชาวไร่ ชาวนา ที่เผาที่ทางของตน เป็นการทำร้ายตัวเองโดยไม่รู้ตัว พืชเจริญเติบโตโดยอาศัยคาร์บอนในดินไปสร้างเป็นเชลลูโลส เมื่อเผา คาร์บอนกลายไปเป็นก๊าซ แถมไนโตรเจนในดินหายไปหมด ส่วนฟอสฟอรัสหายไป 50% — อย่างนี้ จะต้องใส่ปุ๋ยอีกเท่าไหร่ จึงจะฟื้นคุณภาพดินให้กลับมาสู่สภาพเดิม ยิ่งทำยิ่งจน ผลผลิตต่ำลงเรื่อยๆ

เรื่องนี้เป็นหนังยาวหลายตอนเสียแล้ว หากท่านใดคันความคิด อยากจะไต่แต้มความคิดก็เชิญ รับบัตรคิวต่อหางแถวเข้ามาได้เลยนะครับ ยินดีรับทั้ง ก้อนอิญ กระป๋อง ไม้ฆ้อน รอยยิ้ม และดอกไม้ อิ อิ..

(ลองออกแบบปกเจ้าเป็นไผ หลายๆแบบ)

« « Prev : ครูบารำพึง

Next : เทพอุ้มสม » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

12 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มีนาคม 2009 เวลา 8:54

    ลงทะเบียนไว้ก่อนค่ะพ่อ ค่าลง 2 กอด แถมอีกกอดบ่ต้องทอน อิอิอิ

  • #2 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มีนาคม 2009 เวลา 9:18

    โห มีทอน กอด อีก

  • #3 handyman ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มีนาคม 2009 เวลา 9:39

    ขอบคุณครับ
    ได้อ่าน ได้รับประโยชน์มากเลย .. และขอใช้พื้นที่ประกาศข่าวหน่อยครับ

    น้องบ่าวเม้ง โปรดทราบ
       ชอบที่ว่า …  หากประเทศไทยนี้มีแต่ ดร.ที่ทำงานไม่เป็น หรือทำวิจัยไม่ได้ แล้วความรู้ใหม่ๆจะหวังไว้กับใครครับ  … ขอแอบตอบว่า .. ก็อย่าไปหวัง ไปเชื่อ ดร.กลวง เหล่านั้นสิครับน้องบ่าว
       แปลกจัง .. อยู่เยอรมัน พูดคุย กันเป็นว่าเล่น  ไม่เว้นแม้ทางโทรศัพท์ .. พอกลับมาเมืองไทย .. ราวกับไปอยู่ต่างดาว .. สงสัยใกล้เกินไป .. อิ อิ

  • #4 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มีนาคม 2009 เวลา 9:44

    เม้งจะไปเยอรมัน วันที่ 28 นี้ครับ

  • #5 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มีนาคม 2009 เวลา 13:05

    รู้สึกว่าเม้งจะไปเยอรมันวันที่ 23 มีนาคม บินประมาณห้าทุ่มกว่าๆนะคะพ่อ

  • #6 sompornp ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มีนาคม 2009 เวลา 13:07

    ประท้วง ประท้วง
    ขอก๊อบปี๊ข้อความของ อ.แฮนดี้ ฝากผ่านไปบอกเม้งด้วยอีกคน
    อิอิอิ

  • #7 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มีนาคม 2009 เวลา 13:27

    สงสัยจะจำวันผิด
    ก่อนไปจะนัดกินไก่ตะกร้าสักมื้อหนึ่ง
    ครูปู จัดการประสานด่วน

  • #8 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 12 มีนาคม 2009 เวลา 13:31

    วันที่ 23 มีงานบรรยายที่สัตหีบ
    ถ้ากลับวันที่ 28 เจอกันแน่เม้ง

  • #9 handyman ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 มีนาคม 2009 เวลา 5:31

    ใครก็ได้ช่วยจุดธูป .. บอกจำเลยให้มาแถลงข่าวด้วย .. ไม่งั้นจะไม่ให้อภัย .. อิ อิ อิ

  • #10 มิสเตอร์สะตอฯ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 มีนาคม 2009 เวลา 7:10

    กราบสวัสดีงามๆ ทุกๆท่านครับ
    ก่อนอื่นขอบบอกว่า อิๆ ก่อนนะครับ เพราะสิ่งที่ท่านบ่น คือสิ่งที่ทุกๆ คนบ่นเช่นกันครับ ว่าเม้งหายไปแบบว่าอยากให้อยู่เยอรมันมากกว่าไทย เพราะว่าอาจจะมีโอกาสได้คุยกันมากกว่านี้ครับ อาจารย์ที่ปรึกษาผมก็บอกแบบนี้ครับ ท่านบอกว่าเม้งคงอยู่ที่ดาวอังคารหรือดาวไหนสักดวง ไม่แค่นั้นแม่ก็บ่นๆ น้อยใจเหมือนกันครับ จริงๆ ไม่ได้หายไปไหนครับ เพียงแต่วิจัยการเรียนการสอนอยู่ครับ เพราะทดลองว่าระบบการเรียนการสอนในยุคนี้ควรจะออกมาเป็นอย่างไรครับ ที่น่าจะเหมาะแล้วทำให้เด็กเรียนรู้ได้ โดยที่เราไม่ต้องมานั่งโทษเด็กว่า อ่อน เรียนไม่รู้เรื่อง ทำ้้ข้อสอบไม่ได้ แต่จะพยายามหาวิธีการเรียนรู้เพื่อให้เค้าเ้ข้าถึงกระบวนการเรียนและเข้าใจได้โดยเพิ่มศักยภาพได้ โดยไม่ต้องสนใจว่าอินพุตที่เข้ามาในระบบมหาวิทยาลัยจะอ่อนหรือแก่ทางความรู้พื้นฐานขนาดไหน เพราะัปัจจุบันแหล่งเรียนรู้หรือโอกาสที่จะดึงความสนใจของเด็กออกไปในด้านอื่นสูงกว่ารุ่นสมัยพวกเรา แต่ทุกวันนี้กระบวนการเรียนการสอนคงต้องปรับเพื่อให้น่าสนใจกว่าสิ่งที่เราเคยได้รับ โดยแสดงให้เห็นว่าสิ่งนั้นน่าสนใจ น่าทำ แล้วเราจะได้ใจเค้า แล้วเมื่อได้ใจแล้วผมคิดว่า นั่นละคือสิ่งที่จะต่อยอดต่อไปตามที่เราหวังจะทำ

    เทอมหน้าผมจะสอนหนักกว่าเดิมในเทอมนี้ครับ เพราะคราวนี้จะมีนักศึกษาแพทย์มาให้ผมปูพื้นฐานอีกหนึ่งเทอม ก่อนจะส่งเค้าไปต่อยอดที่วิทยาเขตหาดใหญ่ ว่าด้วยคณิตศาสตร์การแพทย์

    หากหนังสือปรับอคติทางคณิตศาสตร์ผมออกได้ทันจะส่งมาให้อ่านกันนะครับ ชื่อเรื่อง เรียนคณิตศาสตร์อย่างไรไม่เป็นมะเร็ง

    พี่บ่าวแฮนดี้ สบายดีนะครับ มีโอกาสคงได้ร่วมพูดคุยกันบ้างนะครับ
    ท่านครูครับ ปรัชญาหนึ่งที่ผมเอาไปปล่อยในสไลด์สุดท้ายที่เวียดนามก็คือ  Differentiation by Rules / Integration by hearts
    แปลเป็นไทยหยาบๆ คือ แบ่งแยกด้วยกฏเกณฑ์ บูรณาการด้วยหัวใจ  กับอีกอย่างที่สำคัญคือ
    ใจเขาใจเรา เข้าใจร้อยครั้ง สุขใจร้อยครั้ง

    มีความสุขในการทำงานนะครับ

    เมื่อวานเจอพี่สร้อย พี่หมอตา พี่แป๊ดและทีมงานของพี่ตาจากกระบี่และอาจารย์ที่ติดตามมาด้วยทั้งสามคนนะครับ ดีใจมากๆ ครับ ในใจคิดศรัทธาในทุกๆ ดวงใจที่เดินทางมาพบ ใจจริงอยากจะมีเวลามากกว่านี้มานั่งคุยให้หายคิดถึงกันกว่านี้ สรุปว่าผมพลาดเฮแปดอีกแล้วครับ แต่เชื่อว่าต้องมีสักเฮฯ ครับ ที่ผมจะได้ไปทักทายและบูรณาการใจกับดวงใจของทุกๆท่านนะครับ มีโอกาสแวะมาทางใต้ก็กริ้งกร้างมาบ้างนะครับ เบอร์โทรหาเอาได้จากทีมงานนะครับ

    รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ เพราะผมเองอ้วนดำเลยครับ ช่วงนี้ อิๆๆๆๆ

    ด้วยมิตรภาพครับ

  • #11 มิสเตอร์สะตอฯ ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 มีนาคม 2009 เวลา 7:15

    ผมเดินทางไปเยอรมัน วันที่ 23 นี้นะครับ จองตั๋วและทำเรื่องลาแล้วครับ 21-23 ก็อยู่ กทม ครับ
    เบอร์โทรผม ศูนย์แปดสูญ สี่สอง….(ผลบวกของสองตัวนั้นในช่องว่าง) สิบเอ็ดสิบสอง (โทรมาได้แต่ไม่มีพิซซ่าให้นะครับ)

    บอกเบอร์โทรเหมือนกะใบ้หวยเลยครับ อิๆๆๆ

    โชคดีนะครับ

  • #12 sutthinun ให้ความคิดเห็นเมื่อ 14 มีนาคม 2009 เวลา 19:46

    20-23 ออกจาก กทม.ไปอยู่ต่างจังหวัด เลยอดๆๆๆ ทั้ง 2ฝ่าย


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.12623405456543 sec
Sidebar: 0.10759687423706 sec