บ้านชานเมือง (33) เจริญขึ้นหรือเสื่อมลง
กว่า ๑๐ ปีที่ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านชานเมืองเห็นความเปลี่ยนแปลงหลาย ๆ อย่าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปกติ รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงของกำแพงที่กั้นระหว่างบ้านแต่ละหลัง จากเดิมที่มีรั้วที่สร้างโดยทางโครงการฯ ของหมู่บ้านจัดสรรค์ที่สูงประมาณหนึ่งเมตรหรือแค่เอวที่เพื่อนบ้านสามารถมองเห็นกันได้ พอผ่านไปไม่กี่ปี แต่ละบ้านก็ต่อเติมกำแพงให้สูงขึ้นให้มองไม่เห็นกัน คนทำทีหลังก็จะทำให้สูงกว่าคนที่ทำก่อน เนื่องจากมีการถมพื้นให้สูงขึ้น เมื่อทำกำแพงให้สูงจากพื้นประมาณ ๑.๘๐-๒.๐๐ เมตร กำแพงจึงสูงตามด้วย แถมบางบ้านมีการต่อยอดด้วยไม้ระแนงและเหล็กดัดแหลมอีกด้วย (ดูรูป)
การเปลี่ยแปลงนี้จะมองว่าเป็นเจริญขึ้นหรือเสื่อมลง ก็คงขึ้นอยู่กับมุมมอง เป็นสิ่งที่จะสามารถพบเห็นได้ในชุมชนหมู่บ้านจัดสรรในเมืองทั่วไป เรื่องนี้สามารถเป็นแง่คิดเพิ่มเติมว่า แม้แต่สิ่งไม่มีชีวิตอย่างกำแพง ยังมีการเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา จึงไม่ต้องพูดถึงเรื่องของสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ สัตว์เลี้ยง รวมทั้งผู้คนที่เข้ามาอยู่อาศัยที่มากขึ้นเรื่อย ๆ ก็ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุด มีความหลากหลายมากขึ้น ดังนั้นการเข้าใจในธรรมชาติจึงจะเป็นหนทางที่จะทำให้เราอยู่อย่างเป็นสุขได้ในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวตลอดเวลา
แต่ละบ้านเมื่อย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ ๆ ก็จะพอมีพื้นที่ว่างอยู่ มีการปลูกต้นไม้เพิ่มเติม ในตอนแรกที่ต้นไม้ยังมีขนาดเล็ก ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะต่างอยู่ในเขตพื้นที่ของตนเอง แต่เมื่อเวลาผ่านไป เมื่อต้นไม้โตขึ้น กิ่งก้านสาขาก็จะเริ่มยื่นข้ามเขตเข้าไปสู่บ้านข้างเคียง มีการ่วงหล่นของใบไม้ กิ่งไม้ลงไปในบริเวณของบ้านข้างเคียง ถ้าเจ้าของบ้านที่อยู่ติดกันต่างก็ชอบต้นไม้เหมือนกัน ก็ไม่เกิดปัญหาอะไร ต่างคนต่างได้ชื่นชอบทั้งไม้ดอกไม้ประดับที่นำมาปลูกร่วมกัน แต่ถ้าบ้านข้างหนึ่งไม่ชอบต้นไม้ ก็จะเกิดปัญหาตามมา การแก้ปัญหาก็จะขึ้นอยู่กับว่าเพื่อนบ้านคู่นั้นมีการพูดคุยกันได้หรือไม่ ? ส่วนใหญ่แล้วมักจะเกิดปัญหาเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกัน ฝ่ายชอบต้นไม้ก็จะมองว่าการมีต้นไม้ มีประโยชน์มากมายต่อคนและสิ่งแวดล้อม เปลี่ยนอากาศเสียให้เป็นอากาศดี (ให้ออกซิเจน) แก่เรา เพิ่มสีเขียวทำให้เกิดความร่มรื่น ร่มเย็น ต่อบริเวณที่อยู่อาศัย คนที่ไม่ชอบก็จะมองว่ามันสร้างความเดือดร้อนให้ เพราะต้องเก็บกวาดใบไม้ที่ร่วงหล่นลงมารกบริเวณอยู่เป็นประจำ แม้แต่คนในบ้านเดียวกันก็ยังชอบไม่เหมือนกัน บางคนชอบปลูกแต่ไม้ดอกไม้ประดับ ในขณะที่บางคนชอบปลูกแต่ไม้ผลหรือพืชที่กินได้และสมุนไพร จนเกิดปัญหาในการปลูกต้นไม้แม้ในบ้านเดียวกันก็มี เพราะต่างคนต่างมองในมุมของตนเอง
การเลี้ยงสัตว์หรือการมีส้ตว์เลี้ยงของแต่บ้านก็สามารถเกิดปัญหาได้เช่นเดียวกัน เช่นการเลี้ยงสุนัข ที่มักมีข่าวอยู่บ่อย ๆ ก็คือการปล่อยให้สุนัขที่เลี้ยงไว้ ส่งเสียงเห่าผู้คนที่ผ่านหน้าบ้าน เสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน หรือการปล่อยให้สุนัขไปถ่ายอุจาระที่หน้าบ้านคนอื่นเป็นต้น แม้แต่การเลี้ยงแมวก็ยังเกิดปัญหาได้ เนื่องจากแมวบ้านหนึ่งข้ามไปแย่งกินอาหารของแมวอีกบ้านหนึ่งก็มี และแม้แต่การเลี้ยงนกก็อาจเกิดปัญหาที่ไม่คาดคิดได้ เคยได้รับทราบว่า มีบ้านหนึ่งเลี้ยงนกแก้วหรือนกขุนทองไว้ และเป็นนกที่ฉลาด (ตามที่คนทั่วไปคิด) เพราะสามารถทำเสียงเลียนเสียงคนพูดได้ ตามที่มีคนมาสอนให้พูด แต่อยู่มาวันหนึ่งก็เกิดปัญหาขึ้นเพราะเจ้านกตัวนี้เกิดไปพูดคำหยาบ (ด่า) เพื่อนบ้านที่อยู่บ้านติดกัน โดยเจ้าของงงมากเพราะไม่เคยสอนให้นกพูดเช่นนั้น ไม่รู้เจ้านกขุนทองปากดีไปได้มาจากไหน….เรื่องนี้จบลงอย่างไร ไม่แน่ใจ…
« « Prev : รำลึกถึงวันเก่า ๆ ด้วยความสุข
Next : บ้านชานเมือง (34) เช็งเม้งปีมังกรทอง » »
ความคิดเห็นสำหรับ "บ้านชานเมือง (33) เจริญขึ้นหรือเสื่อมลง"