เด็กข้างวัด (๔) โรงเรียนหน้าบ้าน

โดย Panda เมื่อ 5 มกราคม 2012 เวลา 21:57 ในหมวดหมู่ การศึกษา การเรียน การสอน, สังคม ครอบครัว ชุมชน #
อ่าน: 2300

         ด้านหน้าบ้านไม้สามชั้นเป็นถนน ที่อีกฟากหนึ่งของถนนเป็นที่ตั้งของโรงเรียนเอกชนแห่งแรกของอำเภอปักธงชัย มีชื่อว่า โรงเรียนมัธยมปักธงชัย หรือ มป.  เป็นโรงเรียนที่เปิดสอนในระดับชั้นมัธยม ตั้งแต่ชั้นมัธยมปีที่ ๑ ถึง ๖ (ม. ๑-๖)  เนื่องจากในขณะนั้นโรงเรียนของรัฐบาลที่อำเภอมีเพียงชั้น ประถมศึกษาปีที่ ๑ ถึง ๔ (ป.๑-๔) เท่านั้น เพราะเป็นการศึกษาภาคบังคับของภาครัฐในตอนนั้น ชีวิตในวัยเด็กของผมจึงมีความเกี่ยวข้องอยู่กับทั้งเรื่องของที่ บ้าน วัด และโรงเรียน ครบทั้งสามส่วนที่เรียกย่อ ๆ กันว่า บวร นับว่าเป็นความโชคดีของผม นอกจะได้เรียนรู้ชีวิตที่บ้าน ชีวิตเด็กวัดแล้ว ยังได้เรียนรู้ชีวิตในโรงเรียนที่อยู่หน้าบ้านอีกด้วย ได้เข้าไปเล่นในบริเวณโรงเรียนนี้ตั้งแต่ยังเป็นเด็กเล็กอยู่ และต่อมาเมื่อเข้าเรียนชั้นมัธยมก็ได้มาเรียนที่โรงเรียนนี้จนจบชั้น ม.๖  แม้ว่าในช่วงนั้นมีโรงเรียนที่ตั้งใหม่เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งโรงที่รู้จักกันนามว่า โรงเรียนแผนใหม่ เพราะมีการจัดการเรียนการสอนตามแนวที่มีการปรับปรุงใหม่ โดยมีกิจกรรมเสริมหลักสูตรด้านอาชีพมากขึ้น

                อาคารเรียนสมัยเริ่มแรกจะเป็นอาคารชั้นเดียวทรงสูงหลังคามุงสังกะสี  พื้นห้องเป็นดินอัดแน่น ผนังเป็นไม้กระดาน แต่ต่อมาได้สร้างบางส่วนเป็นอาคารสองชั้น ชั้นล่างเทพื้นด้วยคอนกรีต ส่วนชั้นบนก็เป็นพื้นปูด้วยไม้กระดานแผ่นใหญ่ กระดานดำเป็นกระดานที่ทำด้วยไม้และทาเป็นสีดำจริง ๆ  นักเรียนจะต้องผลัดเวรกันทำหน้าที่ลบกระดานดำ คือการลบตัวหนังสือที่เกิดจากชอล์กขาวหรือสี ที่ครูใช้เขียนกระดานเวลาทำการสอนออก หลังจากหมดคาบหรือหมดชั่วโมง เพื่อให้ครูที่จะสอนในชั่วโมงถัดไปสามารถเขียนกระดานดำได้ นอกจากนั้นในทุกเช้าหรือเย็นหลังเลิกเรียน จะต้องมีเวรทำความสะอาดห้องและทำความสะอาดกระดานดำและทำให้กระดานมีสีดำสนิท พร้อมที่จะใช้งานในวันต่อไป ด้วยการเอาผงถ่านที่ได้จากการเอากาบมะพร้าวไปเผาไฟ แล้วเอามาบดให้ละเอียด ก่อนนำมาละลายกับน้ำ แล้วจึงนำมาทากระดานให้เป็นกระดานดำอย่างสม่ำเสมอพร้อมใช้งาน

          ในปี พ.ศ. ๒๕๐๓ ที่ผมจบชั้น ม.๖ มีการถ่ายภาพร่วมกันที่หน้าอาคารที่เป็นอาคาร ๒ ชั้นของโรงเรียน ที่ชั้นบนตรงกลางจะเป็นห้องสำนักงานของโรงเรียน และเป็นห้องพักครูที่ทั้งครูใหญ่และครูทุก ๆ คนพักรวมกันอยู่ในห้องนี้ ส่วนห้องข้าง ๆ จะเป็นห้องเรียนของชั้น ม.๖  ส่วนห้องเรียนของชั้น ม.๑ ถึง ม.๕ จะเรียนอยู่ชั้นล่างและอาคารชั้นเดียวอีกหลังหนึ่งที่อยู่ติดต่อกันในลักษณะทำมุมฉากกับอาคารสองชั้นนี้  คุณครูที่นั่งอยู่แถวหน้าในรูปได้แก่ ครูคำ พู่ทอง ครูละมุด สินธุวงศานนท์ ครูอุทัย สินธุวงศานนท์ ครูสำเนียง ฉิมณรงค์ (เจ้าของและผู้จัดการ) ครูทรงธรรม ชุ่มเมืองปัก (ครูใหญ่) และ ครูพินิจ พรหมนิล

          ผมจึงมีความผูกพันกับโรงเรียนนี้อย่างมาก ครอบครัวมีความสนิทสนมกับเจ้าของและผู้จัดการโรงเรียน ครูในโรงเรียน และโดยเฉพาะครูใหญ่ มีความคุ้นเคยกับครอบครัวมาก เนื่องจากที่บ้านเปิดเป็นร้านขายของชำต่าง ๆ รวมทั้งขายบุหรี่ด้วย นอกเหนือจากบุหรี่ที่ซื้อมาเป็นซองสำเร็จแล้ว คุณแม่ยังมวนบุหรี่ขายอีกด้วย ครูใหญ่จะแวะมานั่งคุยเป็นประจำ หรือบางครั้งก็ช่วยเลี้ยงเด็กให้ด้วย และจะได้รับบุหรี่จากคุณแม่ให้ไปสูบฟรี ๆ  คุณแม่เล่าว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งขณะที่ครูใหญ่อุ้มผมอยู่ ผมได้ฉี่ใส่เสื้อผ้าของครูใหญ่ด้วย  และคุณครูใหญ่ท่านนี้เองที่เป็นผู้ตั้งชื่อในปัจจุบันให้ผม เพราะท่านเป็นผู้มีความรู้ในเรื่องต่าง ๆ รวมทั้งการผูกดวง ดูฤกษ์ยามสำหรับงานมงคลและการตั้งชื่อที่เป็ยศิริมงคลแก่ชีวิต ที่ได้รับความเชื่อถือมากคนหนึ่งของอำเภอในขณะนั้น

       ผมมีโอกาสได้รดน้ำขอพร  คุณครูสำเนียง พร้อมๆ กับเพื่อนร่วมรุ่นอีกหลายคน ในงานศิษย์เก่า มป. รำลึก เมื่อวันที่ ๑๑ เมษายน พ.ศ. ๒๕๕๔ ที่ผ่านมานี้เอง   สำหรับคุณครูทรงธรรม และคุณครูพินิจ ได้จากพวกเราไปแล้ว ส่วนท่านอื่นอีก ๓ ท่านผมยังไม่มีข้อมูลในขณะนี้ครับ

« « Prev : เด็กข้างวัด (๓) หลังบ้านหลังวัด

Next : เด็กข้างวัด (๕) จากบ้านเกิด » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

2 ความคิดเห็น

  • #1 น้ำฟ้าและปรายดาว ให้ความคิดเห็นเมื่อ 6 มกราคม 2012 เวลา 20:24

    โห ยังจำชื่อคุณครูได้ เยี่ยมมากเลยค่ะพี่แพนด้า

    เราเริ่มเรียน ม.6 กันตั้งแต่พศ.ไหนคะ เห็นในภาพเขียน 2503 …นานจัง แม่กับปาป๊าเรียนมศ.5 การศึกษาไทยเปลี่ยนไปเรื่อยๆเลยนะคะ

    ยังจำได้ถึงเวรลบกระดาน ซึ่งเพื่อนที่ตัวสูงๆจะทำให้ เพราะเบิร์ดทำได้แค่เอาแปรงลบกระดานไปตบ อิอิอิ แต่ไม่เคยเอาผงถ่านละลายกับน้ำเช็ดกระดานเลยค่ะ แปลกดีจัง  ทำอย่างมากที่สุดก็ผ้าชุบน้ำเช็ดทั้งกระดานและรางวางชอล์ค+แปรงลบ

    การทำความสะอาดกระดานดำ ถ้าคิดอีกทางก็เป็นการทำความเคารพห้องเรียนและครูเหมือนกันนะคะ ทำความสะอาดเืพื่อให้งามตา  สะดวกต่อการใช้  ไม่ดูดายกับฝุ่นชอล์คเล็กๆน้อยๆ  ฝึกให้ละเอียดกับทุกเรื่องราว ^ ^

  • #2 bangsai ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 มกราคม 2012 เวลา 20:48

    เพราะมีครูจึงมีเรา การส่งต่อความรู้ของคุณครูนั้นเป็นการสร้างชาติ สร้างสังคม ผมเองก็ใกล้ชิดกับครูมาก เพราะพ่อเองเป็นครู งานศพพ่อหลายปีก่อนโน้น เป็นงานศพที่มีพวงหรีดมากที่สุด พระที่วัดกล่าวอย่างนั้น ล้วนมาจากลูกศิษย์ลูกหาทั้งนั้น ไม่ใช่เสียชีวิตไปแล้วจึงมา แต่เมื่อพ่อเจ็บป่วย ลูกศิษย์หลายคนแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนตลอด  ผมเรียนโรงเรียนวัด กินข้าววัด เล่นที่วัด กิจกรรมต่างๆทำที่วัด บ้านติดวัด จึงเห็นกิจกรรมที่วัดมากที่สุด รู็สึกใกล้ชิดวัดกับโรงเรียนมากครับ


แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.231773853302 sec
Sidebar: 0.38211011886597 sec