อาม่าเล่าเรื่อง (๑๘) จองบ้านให้อาม่า
วันนี้ออกจากบ้านแต่เช้า เพื่อไปรับและดูการตกแต่งบ้านใหญ่ (ตั๋วฉู่) ที่ลูกหลานจองไว้สำหรับอาม่า ตามคำแนะนำของอากู๋และการเห็นชอบจากอาม่า เฝ้าดูตั้งแต่การเดินทางจาก กทม. มาถึงโคราชในเวลาประมาณ ๙.๓๐ น. จนกระทั่งทาสีแดงและตกแต่งเรียบร้อยในเวลาบ่ายประมาณ ๑๕.๓๐ น. จึงนำภาพกลับไปให้อาม่าดูที่ปักธงชัย หลังจากการดื่มกาแฟและทานขนมและได้ดูภาพแล้ว อาม่าเล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนี้คิดว่าจะออกมาดูบ้านด้วยตัวเองที่โคราช แต่เมื่อคืนเกิดอาการแน่นท้องจนเกิดการอาเจียน คิดในใจว่าพอรู้ว่าบ้านจะมาถึงก็จะไปเลยหรือยังไง ผมฟังแล้วก็พูดอะไรไม่ออก จนอาโกที่นั่งอยู่ด้วยพูดว่า เมื่ออาเจียนออกมาแล้วก็ดีขึ้นและวันนี้ก็ถ่ายออกตามปกติแล้วหลังจากเมื่อคืนให้รับประทานยาระบายไป วันนี้สบายดีขึ้นมากแล้ว ทำให้ผมสบายใจขึ้นได้ครับ
เรื่องนี้สืบเนื่องมาจากเมื่อต้นเดือนธันวาคมนี้ที่อาม่าไม่สบายจนต้องเข้าไปพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่ประมาณหนึ่งสัปดาห์ มีญาติพี่น้องมาเยี่ยมทุกวันโดยเฉพาะอากู๋(น้องชาย) มักมาถึงวันละสองครั้งคือเช้าและเย็น และพูดคุยกับอาม่าในเรื่องต่าง ๆ มากมาย รวมทั้งหาหนังจีนมานั่งดูกับอาม่าด้วย อยู่มาวันหนึ่งผมจึงได้ทราบว่าอากู๋คุยกับอาม่า เรื่องการจองบ้านใหญ่(ตั๋วฉู่) ทำด้วยไม้สักสำหรับอาม่า และฝากไว้ก่อนที่มูลนิธิสว่างเมตตาธรรมโคราช และอาม่าก็เห็นชอบ ในวันรุ่งขึ้นอากู๋ก็ดำเนินให้ทันที จึงเป็นที่มาของการนำมาให้ดูในสภาพก่อนทาสี เพื่อให้เห็นเนื้อไม้สัก แล้วจึงดำเนินการทาสีแดงพร้อมตกแต่งจนเรียบร้อยในวันนี้ และมีการห่อไว้ด้วยผ้าแดงอีกชั้นพร้อมการทำพิธีวางดอกไม้ กล่าวคำอธิฐานและติดป้ายไว้ให้เรียบร้อย ดังภาพโดยสรุปดังต่อไปนี้
สภาพโลงศพจีนเมื่อเดินทางมาถึงมูลนิธิสว่างเมตตาธรรมโคราชโดยทางรถยนต์
การขนย้ายจากรถลงไปยังสถานที่เก็บรักษาเพื่อการทาสีตกแต่ง
สภาพหลังจากทาสีแดง ตกแต่งเสร็จเรียบร้อย ห่อผ้าแดงและติดป้ายไว้
« « Prev : ภาพงานเทศกาลผ้าไหมปักธงชัย ครั้งที่ ๑๑
4 ความคิดเห็น
โอ้โห วางแผนไว้เรียบร้อยเฉียบขาดมากเลยนะครับ พระอาจารย์
อาม่าสอนธรรมได้ชัดเลยค่ะพี่แพนด้า ลูกหลานได้เรียนรู้แบบอย่างที่ดีนะคะเนี่ย…เบิร์ดยังไม่ได้เขียนพินัยกรรมเลย มีทรัพย์สินอยู่แค่ร่างกายจะยกให้เป็นอาจารย์ใหญ่น่ะค่ะ เพราะตา ไต ปอด ตับ หัวใจ ม้าม ไขกระดูก บริจาคหมดแล้ว คริคริคริ
ช่วงนี้เมื่อผมไปช่วยโกใหญ่ดูแลอาม่า อาม่ามักจะเล่าเรื่อง การแบ่งมรดกของลูกหลานของคนที่รู้จักที่จากไปแล้ว ว่าบางครอบครัวทำไม่ค่อยจะถูกต้อง รวมทั้งเรื่องราวของการแย่งชิงมรดกกันของลูก ๆ ผมก็รับฟังและเข้าใจได้ว่า อาม่าพยายามจะสอนเราทางอ้อม บางจังหวะผมก็จะบอกว่า ครอบครัวเราไม่น่าจะมีปัญหา เพราะทุกคนสามารถเลี้ยงตนเองได้อยู่แล้ว อาม่าก็พูดในเชิงตลกว่า “ครอบครัวเราคงไม่มีปัญหาหรอก เพราะอาม่าไม่มีสมบัติอะไรเลย เงินก็ไม่มีมาก แค่เก็บไว้พอใช้จ่ายในการจัดงานศพตามประเพณีเท่านั้น”
สำหรับที่ฝังศพของอาม่านั้น มีรออยู่แล้วที่สุสานโคราช เคียงข้างกับ อากง ที่ไปรออยู่แล้วหลายปีครับ น้องเบิร์ด
เรื่องนี้เป็นพุทธแท้ ที่มีการเตรียมตัว…..เป็นสิ่งที่มีคุณค่ามาก ที่น่าจดจำยิ่ง…อาม่าหลินฮุ่ยเคยเรียนรู้ทั้งธรรมเนียมจีนแท้ และวัฒนธรรมชาวบาบาทางใต้ของไทย ซึ่งล้วนแต่เป็นชาวพุทธ ที่มีความเคร่งครัดต่อธรรมเนียมประเพณีอันดีงาม….ความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ…คือบุญบารมีที่สูงสุด ที่พวกเราชาวพุทธพึงยึดปฏิบัติ…ไม่ว่าพระอรหันยังมีชีวิต หรือจากไปแล้วก็ตามค่ะ