ชม ชิม และช็อป ที่สามชุกตลาดร้อยปี
ตลาด 100 ปี สามชุก นับเป็นตลาดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งริมแม่น้ำสุพรรณบุรี(ท่าจีน) ที่ยังมีภาพบรรยากาศของบ้านเรือนรวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตให้เราได้ชม ในยุคสมัยที่ตลาดสามชุกเฟื่องฟู ชาวบ้านก็จะนำของพื้นเมืองมาแลกเปลี่ยนซื้อขายให้กับพ่อค้าชาวเรือ ต่อมาเมื่อบริเวณริมแม่น้ำสุพรรณบุรีมีการทำนากันมากขึ้น ตลาดสามชุกจึงกลายเป็นตลาดข้าวที่สำคัญ มีโรงสีไฟเกิดขึ้นหลายแห่ง การค้าขายเริ่มคึกคักและมีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในแต่ละปีมีการเก็บภาษีได้เป็นจำนวนมากและมีนายอากรคนแรก ชื่อ ขุนจำนง จีนารักษ์ ภายหลังจากที่มีการตัดถนนผ่านสามชุก ส่งผลให้ตลาดสามชุกเริ่มซบเซาลง แต่ด้วยวิถีชีวิตของชุมชนตลาดสามชุกที่ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเวลาจะผ่านมานับร้อยปี ชาวตลาดสามชุกจึงได้ร่วมกันปรับปรุง ฟื้นฟู สถาปัตยกรรมไม้ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชน วันนี้ตลาดสามชุกจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและมีสิ่งน่าสนใจที่มีเสน่ห์อยู่มากมาย
บ้านขุนจำนง จีนารักษ์ นายภาษีอากรคนแรกและเจ้าของตลาดสามชุก ปัจจุบันได้กลายเป็น พิพิธภัณฑ์ของชุมชน บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ เป็นบ้านไม้ขนาด ๓ ชั้น มีการสร้างอย่างประณีตงดงาม แกะสลักไม้ด้วยลวดลายที่อ่อนช้อย ภายในมีรูปภาพเก่าๆ ที่บอกเล่าถึงความเป็นมาของชุมชนสามชุกรวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ของผู้เป็นเจ้าของบ้านเมื่อครั้งยังมีชีวิตให้ชมอีกด้วย
ร้านค้าหลายร้านในตลาดสามชุก ยังคงเอกลักษณ์บ้านเรือนที่สร้างด้วยไม้ แม้จะเก่าแก่นับร้อยปี แต่ก็เป็นความเก่าที่ดูไม่น่าเบื่อ เช่น ร้านศิลป์ธรรมชาติ เป็นร้านถ่ายรูปโบราณที่มีกล้องถ่ายภาพอายุกว่าร้อยปี นอกจากนี้ยังมีร้านทำฟัน ร้านนาฬิกา ร้านขายทอง โรงแรมไม้ ฯลฯ ที่มีความเก่าแก่ไม่แพ้กัน ส่วนของกินที่มีอยู่มากมายเดินไปมุมไหนก็อดไม่ได้ที่ต้องเข้าไปชิมและช็อบไม่ได้ เช่น ขนมโบราณต่าง ๆ อย่างเช่น กะลอจี๊ กาละแม ขนมกง ขนมสาลี่ น้ำพริกแม่กิมลั้ง ห่อหมกยกหม้อ และของฝากอีกมากมาย หรือ หากจะแวะทานข้าว แนะนำว่าอย่าพลาด ร้านหรั่ง ศรีโรจน์ เพราะมีข้าวห่อใบบัวสูตรดั้งเดิมที่หอมกรุ่นกินกับก๋วยเตี๋ยวยำบกที่ครบเครื่องราดด้วยน้ำยำที่รสชาติเปรี้ยวปากอย่าบอกใคร และถ้าเป็นคอกาแฟล่ะก็ ร้านกาแฟท่าเรือส่ง ชงจากฝีมือป้าชั่งที่ขายมาตั้งแต่ป้ายังเป็นสาวจนปัจจุบันอายุประมาณ ๗๐ ปีแล้ว แต่ฝีมือการชงยังเข้ม หวาน มัน หอมกลิ่นกาแฟที่ทางร้านคั่วและบดเอง
โรงแรมอุดมโชค โรมแรมเก่าแก่แห่งตลาดสามชุก ตั้งอยู่ เลขที่ ๔๗ หมู่ ๒ ซอย ๒ เจ้าของคนปัจจุบัน คือ แปะซิม พิศิษฎ์ สิริภิญโญ อายุ ๘๔ ปี ทั้งนี้โรงแรมอุดมโชคเปิดบริการมาตั้งแต่สมัยเตี่ยของแปะซิมแล้ว แต่เดิมโรงแรมนี้มีคนเดินทางมาพักมาก คนเต็มเกือบทุกห้อง เพราะสมัยก่อนต้องอาศัยการเดินทางที่ใช้เวลา ส่วนใหญ่คนที่จะมาพักเป็นเซลล์ขายของต่างจังหวัด รวมถึงคนทางใต้ที่เดินทางมาทำงานแถบนี้ สำหรับโรงแรมอุดมโชค มีลักษณะเป็นอาคารไม้สองชั้น กั้นห้องออกเป็น ๑๒ ห้อง เปิดใช้อยู่ ๖ ห้อง เนื่องจากบางห้องไม่มีห้องน้ำในตัว ปัจจุบัน โรงแรมแห่งนี้ไม่ได้เปิดบริการแล้ว แต่เปลี่ยนเป็น ร้านกาแฟสดอุดมโชค แทน โดยมีงานศิลปะและภาพวาดให้ชมมากมาย ใกล้กันจะเป็น ร้านบ้านโค้ก ที่มีของสะสมที่เกี่ยวกับโค้กล้วน ๆ นอกจากนี้ ที่นี่ยังถือเป็นสวรรค์ของบรรดานักช็อปและนักชิม
สำหรับท่านที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ อย่าลืมแวะชมและชักภาพย้อนยุคกับกล้องโบราณ ร้านศิลป์ธรรมชาติ ตั้งอยู่เลขที่ ๓๙๓ หมู่ ๒ ซอย ๓ เป็นร้านถ่ายรูปเก่าแก่ของตลาดสามชุก เปิดบริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ กล้องที่ใช้ในปัจจุบัน คือ กล้องที่ใช้เมื่อสมัยเปิดร้านครั้งแรก เป็นกล้องนำเข้าจากประเทศเยอรมัน ราคาประมาณ ๘,๐๐๐ บาท นอกจากนี้ ในร้านก็ยังคงใช้อุปกรณ์ดั้งเดิม สำหรับของที่ระลึก ท่านสามารถเลือกได้จาก ศูนย์จำหน่ายของที่ระลึกของชุมชน สามชุกตลาดร้อยปี ได้ที่ บ้านเถ้าแก่เช็ง หรือ ไปแวะที่ ร้านขายของชำป้านา เลขที่ ๓๑๗ หมู่ ๒ ซอย ๓ เจ้าของบ้านคือ ป้าสันทนา ลอยจินดารัตน์ เป็นร้านขายของชำ ของกิน ของทำขนม แป้ง ข้าว น้ำตาล และเครื่องเทศต่างๆ “ป้านา” เป็นหลานสาวของ เถ้าแก่เนี้ยม แซ่โค้ว กับคุณยายแห้ว ระวิพงษ์ เจ้าของตลาดสามชุกซอยนี้ ทั้งนี้ ภายในร้านมีสิ่งของที่น่าสนใจ คือ เครื่องทองเหลือง ได้แก่ ถาด ขันและพาน เก็บรักษาไว้ในตู้ไม้สักเก่าแก่อายุร่วมร้อยปี ข้าวของทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องใช้สำคัญกับวิถีชีวิตคนไทยในอดีต และมีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมากๆ เพราะเดิมเป็นของใช้สมัยคุณแม่ป้านา ซึ่งบางชิ้นเป็นของตกทอดที่ได้รับมาจากคุณยายแห้วอีกต่อหนึ่ง สิ่งของเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจของลูกหลานมาก เพราะเป็นของที่บรรพบุรุษมอบให้ลูกหลานเพื่อเก็บรักษา
เสร็จจากชิมและช็อป ก็อย่าลืมเดินไปด้านหลังบ้านที่เป็นด้านของ แม่น้ำท่าจีน หรือ แม่น้ำสุพรรณบุรี เพื่อชมวิวทิวทัศน์ สองฝั่งแม่น้ำด้วยนะครับ และก่อนกลับก็เก็บภาพที่หน้าตลาดอีกสักครั้ง เพื่อเป็นที่ระลึกว่า ขากลับออกมา มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกคนละเท่าไหร่….(ดูเอาเองนะครับสำหรับ สว. ชุดนี้ โดยเฉพาะท่านหลินฮุ่ย ขนาดว่าไปถึงในช่วงที่หลาย ๆ ร้านปิดไปแล้ว แถมมีเวลาเพียงชั่วโมงเดียว ยังขนาดนี้ ถ้ามีเวลามากกว่านี้หรือมาเร็วกว่านี้จะขนาดไหน…..อิอิ)
Next : เรียนจากปฏิทิน : รักพรรณไม้งาม…รักษ์ป่า » »
4 ความคิดเห็น
มาชมชิมและช็อปตลาดสามชุกด้วยความชื่นชมครับ ….ที่สามารถให้ชุมชนรักษาเอกลักษณ์ของตลาดเก่า ให้เป็นจุดแข็งเป็นจุดขายรู้จักกันไปทั่วโลก
ติดใจข้าวเหนียวหมูทอดที่นี่ด้วยครับ
สุดยอดเลยหมียักษ์ สวยทั้งรูป ได้เนื้อหาเกร็ดความรู้มากมาย ยอดเยี่ยมที่สู๊ด
กะล้อจี้ ที่อร่อยมากๆ ที่เคยชิมมา ที่ปากทางเข้ามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ จ.ชลบุรี ของ คุณวิวัฒน์ ศัลยกำธร ( ผู้ที่คุ้นเคย และร่วมงานกันมา) เมื่อพาคนไปเยี่ยมถึงที่มูลนิธิฯ จะแวะซื้อทั้งกะลอจี้ พร้อมกิน และชนิดยังไม่ได้ทำสุก มาตุนไว้กินนานๆ ก็มันอร่อยมากแบบโบราณแท้ค่ะ แต่ที่สามชุกดัดแปลงไปบ้างให้เข้ายุคเข้าสมัย แต่อาม่าชอบแบบโบราณแท้ๆ ค่ะ ….อิอิอิ