ชม ชิม และช็อป ที่สามชุกตลาดร้อยปี

โดย Panda เมื่อ 8 กุมภาพันธ 2010 เวลา 20:31 ในหมวดหมู่ ข้อคิดชีวิต ปรัชญา ศาสนา, อาหาร ท่องเที่ยว กีฬา นันทนาการ #
อ่าน: 2976

          ตลาด 100 ปี สามชุก นับเป็นตลาดเก่าแก่อีกแห่งหนึ่งริมแม่น้ำสุพรรณบุรี(ท่าจีน)  ที่ยังมีภาพบรรยากาศของบ้านเรือนรวมถึงวิถีชีวิตของผู้คนในอดีตให้เราได้ชม  ในยุคสมัยที่ตลาดสามชุกเฟื่องฟู ชาวบ้านก็จะนำของพื้นเมืองมาแลกเปลี่ยนซื้อขายให้กับพ่อค้าชาวเรือ ต่อมาเมื่อบริเวณริมแม่น้ำสุพรรณบุรีมีการทำนากันมากขึ้น ตลาดสามชุกจึงกลายเป็นตลาดข้าวที่สำคัญ มีโรงสีไฟเกิดขึ้นหลายแห่ง การค้าขายเริ่มคึกคักและมีการขยายพื้นที่เพิ่มขึ้น ทำให้ในแต่ละปีมีการเก็บภาษีได้เป็นจำนวนมากและมีนายอากรคนแรก ชื่อ ขุนจำนง จีนารักษ์   ภายหลังจากที่มีการตัดถนนผ่านสามชุก ส่งผลให้ตลาดสามชุกเริ่มซบเซาลง แต่ด้วยวิถีชีวิตของชุมชนตลาดสามชุกที่ยังคงดำเนินมาอย่างต่อเนื่องแม้ว่าเวลาจะผ่านมานับร้อยปี ชาวตลาดสามชุกจึงได้ร่วมกันปรับปรุง ฟื้นฟู สถาปัตยกรรมไม้ที่เป็นมรดกทางวัฒนธรรมให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์และแหล่งเรียนรู้สำหรับชุมชน วันนี้ตลาดสามชุกจึงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งและมีสิ่งน่าสนใจที่มีเสน่ห์อยู่มากมาย

 

         บ้านขุนจำนง จีนารักษ์ นายภาษีอากรคนแรกและเจ้าของตลาดสามชุก ปัจจุบันได้กลายเป็น พิพิธภัณฑ์ของชุมชน บ้านหลังนี้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๙ เป็นบ้านไม้ขนาด ๓ ชั้น มีการสร้างอย่างประณีตงดงาม แกะสลักไม้ด้วยลวดลายที่อ่อนช้อย ภายในมีรูปภาพเก่าๆ ที่บอกเล่าถึงความเป็นมาของชุมชนสามชุกรวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ของผู้เป็นเจ้าของบ้านเมื่อครั้งยังมีชีวิตให้ชมอีกด้วย

 

          ร้านค้าหลายร้านในตลาดสามชุก ยังคงเอกลักษณ์บ้านเรือนที่สร้างด้วยไม้ แม้จะเก่าแก่นับร้อยปี แต่ก็เป็นความเก่าที่ดูไม่น่าเบื่อ เช่น ร้านศิลป์ธรรมชาติ เป็นร้านถ่ายรูปโบราณที่มีกล้องถ่ายภาพอายุกว่าร้อยปี นอกจากนี้ยังมีร้านทำฟัน ร้านนาฬิกา ร้านขายทอง โรงแรมไม้ ฯลฯ ที่มีความเก่าแก่ไม่แพ้กัน ส่วนของกินที่มีอยู่มากมายเดินไปมุมไหนก็อดไม่ได้ที่ต้องเข้าไปชิมและช็อบไม่ได้   เช่น  ขนมโบราณต่าง ๆ อย่างเช่น กะลอจี๊  กาละแม ขนมกง ขนมสาลี่  น้ำพริกแม่กิมลั้ง ห่อหมกยกหม้อ และของฝากอีกมากมาย    หรือ หากจะแวะทานข้าว แนะนำว่าอย่าพลาด ร้านหรั่ง ศรีโรจน์ เพราะมีข้าวห่อใบบัวสูตรดั้งเดิมที่หอมกรุ่นกินกับก๋วยเตี๋ยวยำบกที่ครบเครื่องราดด้วยน้ำยำที่รสชาติเปรี้ยวปากอย่าบอกใคร และถ้าเป็นคอกาแฟล่ะก็ ร้านกาแฟท่าเรือส่ง ชงจากฝีมือป้าชั่งที่ขายมาตั้งแต่ป้ายังเป็นสาวจนปัจจุบันอายุประมาณ ๗๐ ปีแล้ว แต่ฝีมือการชงยังเข้ม หวาน มัน หอมกลิ่นกาแฟที่ทางร้านคั่วและบดเอง  

 

           โรงแรมอุดมโชค โรมแรมเก่าแก่แห่งตลาดสามชุก ตั้งอยู่ เลขที่ ๔๗ หมู่ ๒ ซอย ๒  เจ้าของคนปัจจุบัน คือ แปะซิม พิศิษฎ์ สิริภิญโญ อายุ ๘๔ ปี  ทั้งนี้โรงแรมอุดมโชคเปิดบริการมาตั้งแต่สมัยเตี่ยของแปะซิมแล้ว แต่เดิมโรงแรมนี้มีคนเดินทางมาพักมาก คนเต็มเกือบทุกห้อง เพราะสมัยก่อนต้องอาศัยการเดินทางที่ใช้เวลา ส่วนใหญ่คนที่จะมาพักเป็นเซลล์ขายของต่างจังหวัด รวมถึงคนทางใต้ที่เดินทางมาทำงานแถบนี้ สำหรับโรงแรมอุดมโชค มีลักษณะเป็นอาคารไม้สองชั้น กั้นห้องออกเป็น ๑๒ ห้อง เปิดใช้อยู่ ๖ ห้อง เนื่องจากบางห้องไม่มีห้องน้ำในตัว ปัจจุบัน โรงแรมแห่งนี้ไม่ได้เปิดบริการแล้ว แต่เปลี่ยนเป็น ร้านกาแฟสดอุดมโชค แทน โดยมีงานศิลปะและภาพวาดให้ชมมากมาย  ใกล้กันจะเป็น ร้านบ้านโค้ก ที่มีของสะสมที่เกี่ยวกับโค้กล้วน ๆ นอกจากนี้ ที่นี่ยังถือเป็นสวรรค์ของบรรดานักช็อปและนักชิม

        สำหรับท่านที่ชื่นชอบการถ่ายภาพ อย่าลืมแวะชมและชักภาพย้อนยุคกับกล้องโบราณ ร้านศิลป์ธรรมชาติ ตั้งอยู่เลขที่  ๓๙๓ หมู่ ๒ ซอย ๓ เป็นร้านถ่ายรูปเก่าแก่ของตลาดสามชุก เปิดบริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๓ กล้องที่ใช้ในปัจจุบัน คือ กล้องที่ใช้เมื่อสมัยเปิดร้านครั้งแรก เป็นกล้องนำเข้าจากประเทศเยอรมัน ราคาประมาณ ๘,๐๐๐ บาท นอกจากนี้ ในร้านก็ยังคงใช้อุปกรณ์ดั้งเดิม  สำหรับของที่ระลึก ท่านสามารถเลือกได้จาก ศูนย์จำหน่ายของที่ระลึกของชุมชน สามชุกตลาดร้อยปี ได้ที่ บ้านเถ้าแก่เช็ง หรือ ไปแวะที่ ร้านขายของชำป้านา เลขที่ ๓๑๗ หมู่ ๒ ซอย ๓ เจ้าของบ้านคือ ป้าสันทนา ลอยจินดารัตน์  เป็นร้านขายของชำ ของกิน ของทำขนม แป้ง ข้าว น้ำตาล และเครื่องเทศต่างๆ “ป้านา” เป็นหลานสาวของ เถ้าแก่เนี้ยม แซ่โค้ว กับคุณยายแห้ว ระวิพงษ์ เจ้าของตลาดสามชุกซอยนี้ ทั้งนี้ ภายในร้านมีสิ่งของที่น่าสนใจ คือ เครื่องทองเหลือง ได้แก่ ถาด ขันและพาน เก็บรักษาไว้ในตู้ไม้สักเก่าแก่อายุร่วมร้อยปี ข้าวของทั้งหมดล้วนเป็นเครื่องใช้สำคัญกับวิถีชีวิตคนไทยในอดีต และมีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมากๆ เพราะเดิมเป็นของใช้สมัยคุณแม่ป้านา ซึ่งบางชิ้นเป็นของตกทอดที่ได้รับมาจากคุณยายแห้วอีกต่อหนึ่ง สิ่งของเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจของลูกหลานมาก เพราะเป็นของที่บรรพบุรุษมอบให้ลูกหลานเพื่อเก็บรักษา

 

           เสร็จจากชิมและช็อป ก็อย่าลืมเดินไปด้านหลังบ้านที่เป็นด้านของ แม่น้ำท่าจีน หรือ แม่น้ำสุพรรณบุรี เพื่อชมวิวทิวทัศน์ สองฝั่งแม่น้ำด้วยนะครับ และก่อนกลับก็เก็บภาพที่หน้าตลาดอีกสักครั้ง เพื่อเป็นที่ระลึกว่า ขากลับออกมา มีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกคนละเท่าไหร่….(ดูเอาเองนะครับสำหรับ สว. ชุดนี้ โดยเฉพาะท่านหลินฮุ่ย  ขนาดว่าไปถึงในช่วงที่หลาย ๆ ร้านปิดไปแล้ว แถมมีเวลาเพียงชั่วโมงเดียว ยังขนาดนี้ ถ้ามีเวลามากกว่านี้หรือมาเร็วกว่านี้จะขนาดไหน…..อิอิ)

« « Prev : สามชุกตลาดร้อยปี

Next : เรียนจากปฏิทิน : รักพรรณไม้งาม…รักษ์ป่า » »


ผู้ใช้ Facebook สามารถให้ความเห็นที่นี่ได้ โดยกด Like เพื่อแสดงตัว

4 ความคิดเห็น

  • #1 aram ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 กุมภาพันธ 2010 เวลา 22:40

    มาชมชิมและช็อปตลาดสามชุกด้วยความชื่นชมครับ ….ที่สามารถให้ชุมชนรักษาเอกลักษณ์ของตลาดเก่า ให้เป็นจุดแข็งเป็นจุดขายรู้จักกันไปทั่วโลก
    ติดใจข้าวเหนียวหมูทอดที่นี่ด้วยครับ

  • #2 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 8 กุมภาพันธ 2010 เวลา 23:52

    สุดยอดเลยหมียักษ์ สวยทั้งรูป ได้เนื้อหาเกร็ดความรู้มากมาย ยอดเยี่ยมที่สู๊ด

  • #3 Lin Hui ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กุมภาพันธ 2010 เวลา 9:41

    กะล้อจี้ ที่อร่อยมากๆ ที่เคยชิมมา ที่ปากทางเข้ามูลนิธิกสิกรรมธรรมชาติ จ.ชลบุรี ของ คุณวิวัฒน์ ศัลยกำธร ( ผู้ที่คุ้นเคย และร่วมงานกันมา) เมื่อพาคนไปเยี่ยมถึงที่มูลนิธิฯ จะแวะซื้อทั้งกะลอจี้ พร้อมกิน และชนิดยังไม่ได้ทำสุก มาตุนไว้กินนานๆ ก็มันอร่อยมากแบบโบราณแท้ค่ะ แต่ที่สามชุกดัดแปลงไปบ้างให้เข้ายุคเข้าสมัย แต่อาม่าชอบแบบโบราณแท้ๆ ค่ะ ….อิอิอิ

  • #4 Panda ให้ความคิดเห็นเมื่อ 9 กุมภาพันธ 2010 เวลา 9:50
    • ขอบคุณ ครูอาราม ที่แวะมาชื่นชมด้วยครับ  เป็นตัวอย่างที่ดีมากของชุมชนไทยที่มีความสามัคคี จนสร้างชื่อไปทั่วโลกครับ ก็ได้แต่หวังว่าความสามัคคีนี้จะอยู่ยั่งยืนต่อไปนาน ๆ ครับ  อาหารที่นี่มีหลากหลายมากมาย ไปครั้งเดียวไม่สามารถชิมได้ทั่วแน่นอน  ช่วยกันไปอุดหนุนกันบ่อย ๆ นะครับ เพื่อส่งเสริมสิ่งดี ๆ ของเราให้คงอยู่ไปนาน ๆ
    • ขอบคุณ ท่านหลินฮุ่ย มากครับที่ชม (กันเอง)….อิอิ  ที่จริงข้อมูลทั้งหมด เราสามารถหาได้ก่อนไปเยือน สถานที่จริง ๆ  และเป็นสิ่งที่สมควรทำอย่างยิ่ง เราจะได้ไม่พลาดสิ่งที่เราสนใจเมื่อเดินทางไปและมีเวลาอันจำกัด  เรื่องหาข้อมูลก่อนเดินทางไปทัศนศึกษาหรือท่องเที่ยว ชาวต่างประเทศเขาทำกันมากกว่าพวกเราชาวไทย  เรื่องนี้เราควรส่งเสริมให้คนไทยทำกันให้มากขึ้นครับ การท่องเที่ยวจึงจะได้ประโยชน์คุ้มค่ามากขึ้น ไม่ใช่ไปเพื่อการชิมและช็อป ด้วยความสนุกสนานอย่างเดียว

แสดงความคิดเห็น

ท่านอยากจะเข้าระบบหรือไม่


*
To prove you're a person (not a spam script), type the security word shown in the picture. Click on the picture to hear an audio file of the word.
Click to hear an audio file of the anti-spam word


Main: 0.72438502311707 sec
Sidebar: 0.49337816238403 sec