ปิ่ง ปิ้ง ปิ๊ง…..แวบบบ องค์กรแห่งความสุข Happy Workplace …
อ่าน: 3178
เมื่อวาน (20 สิงหาคม 2551) ดิฉันได้เข้าร่วมกิจกรรมหลาย อย่างละเล็กละน้อย แต่ก็สร้างความสุขใจให้อย่างเล็กๆ …ก่อนทำงานช่วงเช้าดิฉันอ่านบันทึกของคุณหมอสกล (Pheonix) เรื่อง คันฉ่องนกไฟ » เมื่อความสำเร็จถูกนิยาม ความล้มเหลวก็ถูกร่างกำหนด หลังจากเซ็นแฟ้มแล้วดิฉันก็เดินไปยังตึกคณะวิทยาการจัดการซึ่งอยู่อีกฟากหนึ่งของถนน เพื่อไปฟังท่าน อาจารย์หมอ ศ.วันชัย วัฒนศัพท์ เรื่อง “แนวคิดการประชาเสวนา และจริยธรรม” เนื่องจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นได้ออกข้อบังคับสภามหาวิทยาลัยขอนแก่น ว่าด้วย จรรยาบรรณของบุคลากร มหาวิทยาลัยขอนแก่น พ.ศ.2550 และดิฉันได้คุยหารือกับอาจารย์อีกท่านหนึ่งเรื่องเกี่ยวกับ Happy Workplace และโครงการที่ดิฉันจะจัดอบรม ซึ่งคิดว่ามีความสัมพันธ์กันเป็นอย่างดี ช่วงบ่ายดิฉันกลับมานั่งทำงานต่อ หลังจากไปประชุมที่หาใครก็ไม่พบ เพราะเขาเลื่อนโดยไม่แจ้งดิฉัน
จากนั้น นักศึกษาปริญญาเอกมาคุยเรื่องโครงการวิจัย แล้วค่ำๆนักศึกษาปริญญาโท 2 คนที่อยู่ภายใต้การดูแลของดิฉัน มาอ่านบทความวิจัยจากวารสารวิชาการ ฉบับภาษาอังกฤษ (เรามีนัดอ่านด้วยกันทุกวันพุธเย็น, 17.00-19.00 น.) กลับบ้านได้คุยกับลูกศิษย์ที่ตอนนี้รักษาผู้อำนวยการองค์การไฮเฟอร์ ประเทศไทย ที่เชียงใหม่ผ่าน MSN
ที่ดิฉันนำ สิ่งที่ดิฉันได้ทำหรือพบเจอมาทั้งวัน มาเล่าสู่ทุกท่านฟัง ก็เพื่อจะบอกว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นก่อให้เกิดการเรียนรู้แบบผสมเล็กผสมน้อย ส่งผลให้ก่อนนอนเมื่อคืนนี้ ดิฉันเกิดอาการ ปิ่ง ปิ้ง ปิ๊ง…..แวบบบ ในช่วงที่ที่กำลังอาบน้ำ (เป็นช่วงที่ดิฉันคิดอะไรออกบ่อยๆ) ….อิอิ
ดิฉัน ปิ้งๆๆ ว่า เมื่อสมัยที่ดิฉันเป็นนักศึกษา ดิฉันเป็นสมาชิกหลายชมรม และชุมนุม เช่น ชมรมอีสานพัฒนาชนบท และชุมนุมสัตวศาสตร์ เป็นต้น ชมรมแรกทำให้ดิฉันได้เรียนรู้จักการทำงานร่วมกับเพื่อนๆและรุ่นพี่ต่างคณะที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ส่วนชุมนุมที่สองทำให้ดิฉันได้มีโอกาสเรียนรู้และทำงานกับพี่และเพื่อนในสาขาเดียวกัน นอกจากนี้ดิฉันยังได้ออกค่ายพัฒนาชนบท ใน จ.ขอนแก่น หนองคาย และเชียงราย (อ.เชียงแสน)
แต่เมื่อดิฉันเปลี่ยนสถานะเป็นบุคลากรของมหาวิทยาลัย กลับไม่มีชมรม หรือชุมนุมใดๆ ให้ดิฉันได้มีโอกาสเรียนรู้เรื่องอื่นที่เรามีความสนใจอันนอกเหนือจากงาน เช่น การถ่ายภาพ (ที่ มข. มีนักถ่ายภาพฝีมือรางวัลระดับชาติ)
ทำให้ดิฉันคิดย้อนกลับมามอง เรื่อง องค์กรแห่งความสุข พร้อมๆกับนึกถึงสิ่งที่ดิฉันได้เรียนรู้จากการไปดูงานที่ฮ่องกง ดูงานที่ฮ่องกง…ได้เรียนรู้อะไร (๑) และ ดูงานที่ฮ่องกง…ได้เรียนรู้อะไร (๒)
สรุปว่า เพื่อสนับสนุนให้เกิด Happy workplace เราน่าจะมีชมรมสำหรับบุคลากร เป็นชมรมที่รวมคนที่มีความสนใจในด้านเดียวกัน หรือคล้ายคลึงกันทำกิจกรรมร่วมกัน ซึ่งจะทำให้ได้รู้จักกัน สนิทสนมกัน ซึ่งจะส่งผลให้เกิด happy ในองค์กร โดยองค์กรควรจะต้องมีกลไกในการสนับสนุน เช่น งบประมาณในการจัดกิจกรรม หรือโครงการที่ ชมรมจัดขึ้น อย่างน้อยปีละ 1 กิจกรรม (ไม่จำเป็นต้องมาก ใช้เงินรายได้จากค่าเช่าจำนวนมากที่มหาวิทยาลัยได้รับมาจากพื้นที่ให้เช่าหลายๆแห่ง) เพราะนอกจากเป็นการสนับสนุนกิจกรรมแล้ว ยังเป็นการดูแลบุคลากรได้อีกทางด้วย ดิฉันขอยกตัวอย่างชมรมนะคะ
ชมรมกีฬา (ต่างๆ) ทำให้บุคลากรได้ออกกำลังกายร่วมกันในสถานที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ให้แล้ว หรือ ชมรมจัดการแข่งขันภายใน เพื่อคัดเลือกส่งไปแข่งขันภายนอก ทำให้บุคลากร เกิด Happy Body (สุขภาพดี)
ชมรมแม่ลูกอ่อน ในมหาวิทยาลัยมีบุคลากรจำนวนมากที่เป็น คุณแม่มือใหม่ การจัดกิจกรรมเกี่ยวกับเทคนิคการเลี้ยงลูกเล็ก จิตวิทยาเด็ก (วัยรุ่น) โดยอาจเชิญคุณแม่คุณพ่อที่ประสบความสำเร็จในการเลี้ยงลูก มาพูดคุยบอกเล่า หรือเชิญผู้เชี่ยวชาญโดยตรงมาเป็นวิทยากร เท่ากับเป็นการเอาใจใส่ดูแลบุคลากรอย่างคนในครอบครัว เอื้ออาทรต่อกัน ทำให้เกิด Happy Heart (น้ำใจงาม)
ชมรมอาสาบำเพ็ญประโยชน์ หรือ กลุ่มคนรักษ์ มข เป็นการรวมกลุ่มคนที่มีจิตอาสาช่วยงานอาสาสมัคร ทำประโยชน์ให้กับองค์กร หรืออาจขยายไปจนถึงภายนอก เช่น ช่วงใดข้างๆถนนมีขยะเกลื่อนกลาด ก็จัดกิจกรรมเก็บขยะ ชวนบุคลากร นักศึกษา ช่วยกันรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม จัด Big Cleaning Day ให้กับมหาวิทยาลัย การบริจาคสิ่งของแก่ผู้ด้อยโอกาส การอาสาพัฒนาถิ่นเกิด ฯลฯ ทำให้เกิด Happy Heart (น้ำใจงาม)
ชมรมคนรักครอบครัว ช่วยจัดกิจกรรมสำหรับครอบครัว เช่น จัด Trip ให้กับครอบครัวบุคลากร หรือ จัดให้ความรู้เกี่ยวกับการทำบัญชีครัวเรือน การวางแผนใช้เงิน เก็บเงินเพื่อชีวิตในวัยเกษียณ หรือการสร้างบ้าน ทำให้เกิด Happy Money (ปลอดหนี้) และ Happy Family (ครอบครัวดี)
ชมรมคนรักเพลง จัดกิจกรรมประกวด karaoke หรือ เพลงในสวน หรือ กีฬาเบาๆ หรือ การฝีมือต่างๆ เช่น การจัดดอกไม้ การทำดอกไม้ การถักโคร์เชท์ แทต ฯลฯ จะทำให้ผู้เข้าร่วม Happy Relax (ผ่อนคลาย)
ชมรมรักเรียน กลุ่มนี้อาจารย์มีทั้ง อาจารย์ใหม่ที่ต้องการไปศึกษาต่อเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารการไปศึกษาต่อ เช่น แหล่งทุน มหาวิทยาลัย สาขาวิชา ซึ่งทางกลุ่มอาจเชิญรุ่นพี่ที่เพิ่งสำเร็จการศึกษามาเล่าให้ฟัง หรือ เชิญแหล่งทุนมาบอกกล่าว หรือหากเป็นบุคลากรอาวุโสก็มารวมกลุ่มพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ความรู้ฝั่งลึกระหว่างกัน และบุคลากรใหม่ได้เรียนรู้ต่อยอด ไปถึงการจัดเก็บองค์ความรู้ได้ด้วย ทำให้เกิด Happy Brain (หาความรู้)
กลุ่มจิตประภัสสร กลุ่มนี้ มุ่งศึกษาการพัฒนาจิต ทางทางธรรมและทางโลก ในกลุ่มของตน รวมไปถึงการอาสาช่วยจัดกิจกรรมให้กับบุคลากรกลุ่มอื่นๆ ทำให้เกิด Happy Soul (ทางสงบ) และ Happy Heart (น้ำใจงาม)
ตัวอย่างชมรม หรือกลุ่มต่างๆ ที่ยกตัวอย่างจะก่อให้เกิดความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างคนในองค์กร ทั้ง บุคลากร และนักศึกษา คนหนึ่งเป็นสมาชิกได้มากกว่า 1 ชมรม ตามความสนใจ หรือ สถานการณ์ของตนเองในขณะนั้น ซึ่งจะส่งผลให้เกิด Happy Society (สังคมดี) มีความรักสามัคคี เอื้อเฟื้อต่อชุมชน มีสังคมและสภาพแวดล้อมที่ดี
ยังมีอีกหลายกิจกรรมที่สามารถสร้างเพื่อให้เกิดได้โดยกลุ่มคนที่สนใจ โดยไม่ต้องรอให้หน่วยงานเป็นผู้จัด และบังคับให้ใครเข้าร่วม
ที่เล่ามาเป็นเรื่องปิ้งแวบที่ยาวๆ ค่ะ แม้จะดูเหมือนฝัน แต่เมื่อคิดแล้วก็ไม่อยากให้หายสลายไป ลืมไป จึงนำมาขายค่ะ ไม่ทราบว่าจะมีใครซื้อมั้ยค่ะ?
« « Prev : เรียนรู้ประเทศเพื่อนบ้าน … ภาคสุดท้ายของสัมมนา
11 ความคิดเห็น
โอ้..ปิ๊งๆๆๆ มากค่ะ ดีจังค่ะพี่ เป็นปิ๊งแว๊บที่แจ๋วมากค่ะ ^ ^
ไม่ฝันหรอกครับ สิ่งที่ อจ คิด ที่ บริษัท กำลังทำอยู่ เรา กำลังเปิดบล๊อก เอา happy ทั้งหลายลงไปในบล๊อก
ให้แต่ละชมรม เข้ามามีส่วนร่วม แต่กำลังเริ่ม ไปอย่างไม่เร็วนัก หากมีขาย ก็น่าซื้อเหมือนกันเน๊าะ
ไว้แชร์ ไอเดียกันหน่อย จะเป็นพระคุณยิ่งครับ
เอามาฝากครับ เชิญไปอ่านครับ เขียนไว้เล็กๆครับ
เฮ็ดเลยๆๆๆๆๆ อย่าเอาแต่เว่า แต่บ่เฮ็ด อิอิ
สวัสดีค่ะน้อง อ.ตุ๋ย
ขอบคุณมากค่ะ เป็นความคิดต่อเนื่องค่ะ ทำได้แค่ไหนไม่ทราบ ปิ๊งไว้ แล้วค่อยมาหยิบไปทำค่ะ
สวัสดีค่ะคุณขจรศักดิ์
ขอบคุณมากนะค่ะที่มาแลกเปลี่ยน ดีจังเลยที่บริษัทคุณขจรศักดิ์ทำอยู่ ทำอะไรถึงไหนแล้วช่วยมาเล่าสู่กันฟังบ้างนะค่ะ
สวัสดีค่ะหมอป่วน
กำลังทำอยู่ค่ะ แต่ยังไม่ได้ออกมาในรูปของชมรม การทำงานใดที่ยังไม่มีประกา ระเบียบ แนวปฏิบัติไม่ใช่เรื่องงานในระบบราชการ ยิ่งไม่มีอำนาจวาสนาหลายๆอย่างก็เป็นไปได้แค่ความคิด หากหัวไม่เดินหางสั่นจนหมดแรงก็ไม่เกิดค่ะ ในส่วนที่ตัวเองพอทำได้ก็ทำอยู่ค่ะ ตอนนี้ก็กำลังวางระบบ แบบเครือข่ายคนทำงานที่สนใจในเรื่องเดียวกัน มาคุยกันช่วยกันทำงานค่ะ พยายามทำอยู่ตอนนี้คือ กลุ่มคนด้าน HR ด้านวิจัยสถาบัน และการจัดการความรู้ระบบทะเบียนเรียนและการบริการการศึกษาค่ะ อาจจะดูเป็นการเป็นงานเพราะต้องอิงกะงานไว้ก่อน ส่วนเรื่องพักผ่อน relax เราก็ไปทานข้าวด้วยกันค่ะ …..ก็จะพยายามไปเรื่อยๆ ค่ะ ทั้งทำทั้งขายความคิด …. ขอบคุณมากค่ะ
เข้ามาอิอิ ครับ
ขอบพระคุณพ่อครูบาที่แวะมาเยี่ยมเยือนค่ะ…
อ.แป๋วคะ
เคยฟังบรรยาย
เขาบอกว่า ความคิดหรือไอเดียดี ๆ ของคนเรามักจะเกิดขึ้น ( Click) ในเวลา4 B
Bed เป็นช่วงที่เราจะนอน เพราะบรรยากาศการนอนทำให้สมองเราว่าง สามารถคิดอะไรได้ดี การนอนให้เยอะที่สุดจะทำให้การเรียนรู้ในแต่ละวันจำได้มากขึ้น และมีการบันทึกและจำอย่างเป็นระบบ
Bath เวลาอาบน้ำ ก็เป็นเวลาที่เราปลดหล่อยเช่นกัน เราจะร้องเพลง คิดถึงสิ่งที่ดีงาม ปล่อยใจให้ลื่นไหลไปกับสายน้ำ แล้วเราก็จะปิ๊งแว๊บค่ะ
Beach บรรยากาศชายทะเล เสียงคลื่นลม บรรยากาศแห่งการพักผ่อน จะช่วยให้จิตใจเราว่าง พร้อมที่จะเติมเต็มในสิ่งที่จะเกิดขึ้นใหม่ ๆ บรรยากาศดังกล่าวก็จะทำให้ไอเดีย ดี ๆ เกิดขึ้นได้
Bus รถโดยสารประจำทาง (อิอิ หรือรถที่เราไม่ต้องขับขี่เอง อิอิ) บนรถก็เช่นกัน เราจะมีปล่อยใจให้ว่าง มองสิ่งต่าง ๆ ที่เราผ่านไป ตลอดเส้นทางการเดินทางจะมีสิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้น ทำให้เราได้เห็นการดำเนินไปของชีวิต และไอเดียดี ๆ ของเราก็จะเกิดจากเวลานี้ได้
ไอเดียการสร้าง happy workplace ของ อ.แป๋วบรรเจิดมาก ถ้ารวมทุกส่วนได้ (บูรณาการ)จะเกิด ความสุขแห่งชีวิตที่แท้จริง
Happy Body (สุขภาพดี)
Happy Heart (น้ำใจงาม)
Happy Money (ปลอดหนี้) และ Happy Family (ครอบครัวดี)
Happy Relax (ผ่อนคลาย)
Happy Brain (หาความรู้)
Happy Soul (ทางสงบ) และ Happy Heart (น้ำใจงาม)
Happy Society (สังคมดี)
สวัสดีค่ะน้องอึ่ง
ขอบคุณมากค่ะ มานั่งคิดๆว่าช่วงเวลา 4 B ที่น้องอึ่งว่านั้นเกิดไอเดียบรรเจิดมั้ย … แล้วก็ค้นพบว่า จริงๆด้วย พี่มักจะเกิดไอเดียช่วงนั้นจริงๆ บางทีกำลังจะนอนก็ต้องลุกขึ้นมาจดๆๆ สิ่งที่คิดได้ ไม่งั้นนะคะ พรุ่งนี้เช้าจะลืม … ส่วน Bus กะ Beach นั้น นานๆ ไปทีค่ะ สำหรับ Bath นั้นวันละ 2 ครั้ง ก็เลยดูเหมือนมักจะเกิดไอเดียช่วงนี้เยอะค่ะ
จะว่าไปถ้าเราสามารถมีกิจกรรมร่วมกันได้ ผลที่เกิดตามมามันจะรวมกันหรือบูรณากันได้ในสุขทุกด้านเองโดยธรรมชาติค่ะ เพียงแต่ว่าเราจะสามารถทำให้มันเกิดได้รึปล่าว…บางทีก็ทำย๊าก ยากค่ะ …
เตรียมตัวกอด
ไอเดียของพี่นะคะอาจารย์จะเกิดมากที่สุด ตอน อยู่คนเดียว เช่น ขับรถคนเดียว อาบน้ำ เวลาก่อนนอน คือ จะอยู่ตอนไหนก็ได้ค่ะ แต่ มักจะเกิดตอนจิตสงบค่ะ