ไผเป็นไผ: วัยเด็ก(น้อย)
อ่าน: 2646ในช่วงวัยเด็ก ดิฉันได้อยู่กับธรรมชาติ ได้เล่น ได้ผจญภัยต่างๆ มากมาย เมื่อมานั่งคิดย้อนกลับจึงประเมินว่าน่าจะเป็นช่วงที่มีความสุขที่สุด โดยเฉพาะช่วงที่อยู่บ้านนอกบ้านปู่กะย่า ก่อนที่จะย้ายบ้านเข้าไปอยู่ในตัวเมือง
ข้ามสะพานเหล็ก
จำได้ว่าเมื่อตอนเด็กๆ แอบพาน้องหนีไปเที่ยวบ้านญาติ ซึ่งตอนนั้นน่าจะอายุประมาณ 5 ขวบ ในขณะที่น้องอายุ 3 ขวบ มั๊ง ภาพที่จดจำได้ไม่เคยลืมคือภาพที่กำลังเดินข้ามสะพานกลับบ้าน และด้วยความที่สะพานเป็นสะพานเหล็กแบบสมัยโบราณ เมื่อเราเดินไปถึงกลางสะพานช่วงแดดกำลังเปรี้ยงๆ ก็ร้อนเท้าซิค่ะ เมื่อร้อนเท้าก็รีบเดินให้พ้นสะพาน แต่น้องเจ้ากรรมกลับเต้นเร่าๆร้องไห้ ร้อนเท้า … ช่วงนั้นแม่ก็ออกตามหา จนชาวบ้านบอกว่าเห็นเด็ก 2 คนยืนร้องไห้อยู่กลางสะพาน แม่จึงรีบมาหาแล้วพากลับบ้าน… ดิฉันจึงโดนแม่ตี ฐานพาน้องไปเที่ยว จากนั้นแม่ก็อาบน้ำ ประแป้ง ทายาที่เท้าให้ทั้งคู่
หมกเห็ดกองฟาง
อาหารอย่างหนึ่งที่ชอบและยังจดจำกลิ่นได้ คือ ห่อหมกเห็ด เป็นเห็ดต้นเล็กๆ ที่พ่อไปเก็บมาจากกองฟางระหว่างทางที่กลับจากไปไร่ แล้วนำมาทำห่อหมกด้วยใบตอง ปรุงรสด้วยน้ำปลา เมื่อสุกแล้วหอมกลิ่นเห็ดกับน้ำปลา เมื่อทานกับข้าวเหนียวก็อร่อยที่สุด…เอาสเต็กมาแลกก็ไม่ยอมค่ะ
ซ้อนแมงมุ้มหน้ากับแม่ใหญ่
กิจกรรมหนึ่งที่ชอบมากๆ ในช่วงปิดเทอมแล้วไปอยู่บ้านย่า คือ การไปช้อนแมงมุ้มหน้า (น่าจะแปลว่า แมงปิดหน้า) ซึ่งก็คือลูกแมลงปอที่อาศัยอยู่ในน้ำก่อนจะมีปีกบินปร๋อๆในอากาศ เนื่องจากที่หลังหรือข้างหมู่บ้านจะมีแม่น้ำเล็กๆ ชื่อแม่น้ำฮวย ช่วงฤดูแล้งเขาจะลึกประมาณหัวเข่า หรือต้นขาของเด็กๆ แต่ก็มีบางช่วงที่เป็นแอ่งลึก แต่ก็ประมาณเอว หรืออกเท่านั้น
ช่วงบ่ายๆ ย่า หรือที่ดิฉันเรียกว่า แม่ใหญ่ ก็จะชวนกันถือสวิงคนละอันเดินไปที่แม่น้ำ พร้อมถังสำหรับใส่แมงมุ้มหน้า กุ้ง หอย ปู ปลา ที่จะช้อนได้ ทางที่เดินไปจะผ่านทุ่งนาข้างๆ หมู่บ้าน จากนั้นก็จะเป็นป่าละเมาะเล็กๆ ซึ่งมีทางเดินเล็กผ่านป่าละเมาะเพื่อไปยังแม่น้ำฮวยที่อยู่สูงขึ้นไปจากบริเวณที่ชาวบ้านใช้เป็นที่อาบน้ำ
เส้นทางช่วงเดินผ่านป่าละเมาะนี้ดิฉันชอบมากๆ เพราะตลอดทางเดินจะมีต้นไม้ เถาวัลย์คลุมตลอดเส้นทางเป็นเหมือนอุโมงค์ต้นไม้ เมื่อเดินร้อนๆผ่านทุ่งนา มาถึงอุโมงค์ต้นไม้ อากาศรอบๆ จะเย็นทันที และเย็นแบบสดชื่น พร้อมๆ ไปกับหอมกลิ่นดอกไม้ป่า ที่โชยมาเป็นระยะ ๆ … เป็นบรรยากาศ ที่อยู่ในความทรงจำค่ะ
เมื่อเดินไปถึงแม่น้ำ เราก็จะยืนเหนือน้ำหันหลังให้ทิศที่น้ำไหลมา แล้วเราก็วางสวิงให้ด้านหนึ่งบนพื้นทรายใต้น้ำด้านหน้าของเรา จากนั้นเราก็ย่ำๆ กับพื้นทรายใต้น้ำ หรือเดินถอบหลังขึ้นทวนกระแสน้ำ ทีนี้แมงมุ้มหน้า กุ้ง หอย ปู ปลา ที่ซ่อนอยู่ในพื้นทรายก็จะลอยขึ้นมาเข้าไปในสวิงของเรา จากนั้นเราก็จะยกสวิงขึ้นไปวางบนฝังเลือก แมงมุ้มหน้า กุ้ง หอย ปู ปลา ใส่ลงไปในถังที่เราถือมาด้วย
เมื่อช้อนแมงมุ้มหน้า กุ้ง หอย ปู ปลา ได้ปริมาณสักหนึ่งถ้วยแกง หรือบ่ายแก่ เราก็เดินกลับทางเดิน และเมื่อเดินมาถึงทุ่งนา ย่าก็จะมองหาผัก ขี้เขียด และก็แซะด้วยเสี่ยมเล็กๆ ใส่ถังกลับไปลงหม้อแกงด้วย … แกงแมงมุ้มหน้า กุ้ง หอย ปู ปลา ใส่ผักขี้เขียด ด้วยฝีมือย่า ก็เป็นอาหารเย็นแสนอร่อยสำหรับวันนั้น
แต่เดี๋ยวนี้ไม่มีแล้วค่ะ เพราะมีการทำฝายกั้นน้ำ ที่แม่น้ำแห่งนี้ ทำให้น้ำขังอยู่เป็นจำนวนมาก บรรยากาศแบบสมัยเมื่อครั้งที่ดิฉันเป็นเด็กๆ ไม่มีอีกแล้วค่ะ…ไม่ทราบว่าเราพัฒนาหมู่บ้านกันแบบไหนก็ไม่ทราบ
หมายเหตุ: อยากมีภาพประกอบมากๆ ไม่ทราบว่าชาวลานท่านใดวาดภาพเป็นช่วยกรุณาวาดภาพประกอบให้ด้วยนะคะ … ขอบพระคุณล่วงหน้าค่ะ
« « Prev : ไผเป็นไผ: ฉันในวันแรกเกิด
6 ความคิดเห็น
อ่านแล้วอยากเห็นเจ้าแมงมุ้มหน้าจังค่ะ ไม่เคยเห็นเลยเจ้าลูกแมงปอน้อยนี่อ่ะ
แล้วเมื่อไหร่จะเป็นสาวเนี่ย ล้อเล่นนะครับ อิอิ
หมอใจเย็นๆ ใกล้แล้วๆๆ
สวัสดีค่ะพี่หมอตา
อย่างนี้ต้องไปซ้อนแมงมุ้มหน้าด้วยสวิง แถวๆลำธารที่ไหนดีค่ะ รอบหน้า เฮ 9 น่าจะมีลำธารบริเวณแคมปิ้งด้วยดีมั้ยค่ะ จะได้ชวนกันไปช้อนกุ้ง หอย ปูปลา และแมงมุ้มหน้ามาทำแกงกัน รับรองอร่อยแน่ๆค่ะ
เหอ ๆ ๆ ตอนนี้ นึกย้อนเลยวัยสาวไปเด็กแล้วค่ะ เรื่องราววัยสาวไม่ค่อยหนุกค่ะ ชอบตอนวัยเด็กมากกว่า ตอนวัยสาวเครียดๆๆ … อิอิ
พ่อครูบาขา ท่าทางจะอีกนาน…กว่าจะโตเป็นสาว…อิอิ