เรียนรู้ด้วยการสอน

4535 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 12 ธันวาคม 2009 เวลา 23:25 ในหมวดหมู่ การศึกษา #
อ่าน: 32548

          วิธีเรียนที่ดีที่สุด คือ การสอนคนอื่น 

          ดังนั้น เพื่อเป็นการรื้อฟื้นสมรรถนะในการทำงานวิจัยของตนเอง (หลังจากที่ร้างรามานาน) ดิฉัน จึงคิดและตัดสินใจอย่างกระทันหัน  ในช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา  ที่จะจัด “โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง Routine to Research for RT  รุ่นที่ 1″   ในวันที่   3 - 4   ธันวาคม   2552 ณ  คณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร 

          ดังนั้น ช่วงการดำเนินการ จนกระทั่งประชาสัมพันธ์ จึงกระชั้นเพียงเดือนเดียว  นับตั้งแต่ต้นเดือน พ.ย. ที่เริ่มประชาสัมพันธ์  จนถึงวันที่ 30 พ.ย. เราจึงมีคนมาสมัครเพียงครึ่งหนึ่งของเป้าที่ตั้งไว้ คือ 15 คน (จาก 30 คน) เท่านั้น

 

          ผศ.ศุภวิทู   อาจารย์สาวิตรี  และอาจารย์นันทวัฒน์  รวมดิฉันอีก 1  เราทั้ง 4 เป็นวิทยากรร่วมกัน 2 วันอย่างเข้มข้น

          อ.กอล์ฟ (ผศ.ศุภวิทู)  สอนได้โดนใจผู้อบรมมากที่สุด เพราะสอนไป ให้ผู้อบรมทำไป  ในหัวข้อเรื่องการใช้โปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติ Spss   ดิฉันในฐานะ TA : Teaching Assistance ก็พลอยสนุกไปด้วย  ได้ความรู้ไปด้วย  ดูเหมือนจะมีผู้เรียกร้องให้เพิ่มจำนวนวันอบรมให้มากกว่านี้

          แม้ลูกค้าจะน้อย  แต่ดิฉันก็รู้สึกประสบผลสำเร็จด้วยดี  น้องๆ อาจารย์ก็แสนดีกันทุกคน  ต่างยินดีไม่รับค่าตอบแทนใดใด  เพราะเราขาดทุนในการจัดโครงการคราวนี้ 

          ขอเพียงผู้เข้าอบรมได้ความรู้จากการอบรมไปเต็มๆ  และเรายังมอบหนังสือเรื่อง การเขียนบทความทางวิชาการของ ศ.นพ.ประเสริฐ  ทองเจริญ 1 เล่ม   รวมทั้ง Handy drive 2Gig 1 อัน  (เปลี่ยนจาก concept กระเป๋า) ให้ด้วย

          ที่สุดของที่สุดก็คือ หลายท่านบอกว่า จะกลับไปทำวิจัยเพราะได้แนวทางแล้ว……

          ดีใจจังค่ะ

 

 


เยี่ยมแม่

47 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 12 ธันวาคม 2009 เวลา 22:36 ในหมวดหมู่ ทั่วไป #
อ่าน: 1700

          ก่อนที่ดิฉันจะมาอยู่ที่พิษณุโลก  ดิฉันไม่เคยจาก กทม. ไปอยู่ที่ไหนอย่างเป็นประจำหรือถาวรเลย

          ชีวิตของฉัน คือ ออกจากบ้านแถวพระราม 4  นั่งรถเมล์ ไปลงท่าพระจันทร์ แล้วข้ามฝากไป  ศิริราช  ไป - กลับ  ไป- กลับ อย่างนี้  เป็นกิจวัตร

          อ้อ!  ตั้งแต่เกิด  จนแต่งงาน  มีลูก 3 คน  ดิฉันก็ไม่เคยออกจากกงสีเลย  อยู่กับพ่อ - แม่ ตลอด  (ไม่เคยโตสักที)

          มาเมื่อ ปี พ.ศ. 2543  ถ้าจำง่ายๆ ก็ ค.ศ.2000  ดิฉันตัดสินใจแบบฟ้าผ่า (สำหรับคนที่ชีวิตไม่เคยเปลี่ยนแปลง)  มาอยู่ที่พิษณุโลก  บัดเดี๋ยวนี้  พ.ศ. 2552  (ค.ศ. 2009)  ก็ผ่านมาแล้ว 9 ปีแล้ว  (ได้งัย!!   งง  จริงๆ)

          ที่แย่มากๆ ก็คือ ตลอดช่วง 9 ปีที่ผ่านมา  ดิฉันทำงานบริหารตลอด  ทำให้ไม่มีเวลากลับบ้าน เยี่ยมพ่อ - แม่ เลย  (อย่างตั้งใจเยี่ยม หรืออยู่ด้วยนานๆ) อีกนัยหนึ่ง คือ ดิฉันไม่เคยลางานเลย

          เมื่อปลายเดือน พ.ย. ได้ข่าวว่าแม่ไม่สบาย  ดิฉันตัดสินใจทันที ที่จะลางานยาว เพื่อไปเยี่ยมท่าน อยู่ดูแลท่านให้นานหน่อย 

——————————————————–

ไดอารี่สั้นๆ ช่วง 4 วัน

24/11/2552
12.20  นั่งรถเชิดชัยทัวร์  ไปกับพี่แดง ค่ารถขาไปราคาคนละ 277 บาท ไปเยี่ยมแม่ที่ กทม. แม่ไม่สบาย ไม่มีแรง แค่เดินขึ้นบันได 3-4 ขั้นก็ไม่ไหว (อาทิตย์ก่อนลูกหนูไป กทม. เอาเสื้อครุย  กลับมาบอกข่าว) ตั้งใจว่าจะไปอยู่กับแม่ ถึงวันศุกร์ (กลับวันศุกร์)  ถึงบ้านราว 6.30 น. ทักทายพ่อ - แม่ แล้ว  เห็นว่าแม่ไปหาหมอข้างบ้าน  พอค่อยยังชั่ว   เย็นนั้นก็เลยพาอาชง และอ้อย ไปกินข้าวร้านข้างบ้าน ถามสารทุกข์สุขดิบ  ชงเล่าว่า บางทีตาค้าง  พ่อต้องขับรถพาไปหาหมอที่รามากลางค่ำกลางคืน หมอฉีดยาแล้วก็ต้องรอหน่อย  กว่าจะกลับก็ดึกดื่น  สงสารพ่อจังเลย     

25/11/2552
12:00  ไปกินก๋วยเตี๋ยวไหหลำร้านต้นสนที่บางโพธิ์ กับ พ่อ แม่ และอ้อย แม่เริ่มดีขึ้น  กินได้เยอะ  แล้วต่อด้วยไปเดินช้อปปิ้งที่ตลาด อตก. ซื้อทุเรียนก้านยาวแกะแล้วให้ พ่อ แม่  แพงหูฉี่เลย ประมาณ 1 โล 700 บาท  แต่คราวนี้ยอมเป็นแม่บุญทุ่ม  แม้ของกินจะค่อนข้างแพง  แต่แม่ก็บอกว่า  ช่างมันเถอะ นานๆ ที   เพราะได้กินขนมหวานต่างๆ ที่อยากมานาน เช่น ทองหยอด

26/11/2552
9.00  แม่บอกว่ารู้สึกจุกเสียด  สงสัยเมื่อวานกินมากไปหน่อย  ยังไม่อยากไปหาหมอ  เลยเอายาหอมให้แม่ทาน  แล้วเลยดอดไปดูหนังเรื่อง 2012 วันสิ้นโลก กับพี่แดง ที่ Big C ราชประสงค์  แล้วไปหาซื้อไส้กรองน้ำเปลี่ยนให้ที่บ้านใหม่  แต่หารุ่นที่ใช้อยู่ไม่ได้เพราะเป็นรุ่นเก่า   เลยซื้อเครื่องกรองใหม่ทั้งเครื่อง เป็นแบบ 3 ตอน ราคาประมาณ 1700  บาท ที่ Home Pro ชิดลม  พี่แดงจัดการติดตั้งให้ใหม่  คราวนี้รสชาดน้ำค่อยยังชั่วหน่อย   

27/11/2552
8.00  เดินทางกลับพิษณุโลก  รู้สึกว่าแม่จะเริ่มไม่ค่อยสบายอีก  จุกแน่นหน้าอก  เพลีย  รู้สึกเป็นห่วง  สั่งอ้อยไว่ว่ามีอะไรให้โทรไปบอกทันที

…………………………………………………………………………………………………………………………………….

30/11/2552
อ้อยโทรมาบอกว่า พ่อ พาแม่ไปโรงพยาบาลธนบุรี  หมอบอกว่าร่างกายเสียเลือด ต้องให้เลือด และ admit  สงสัยจะเป็นแผลที่ทางเดินอาหาร พรุ่งนี้จะส่องกล้องดู  พ่อไปนอนเป็นเพื่อนที่โรงพยาบาล

01/12/255209:30 
9.00   โทรไปหาพ่อ  พ่อบอกว่าแม่ดีขึ้นหลังให้เลือด  กำลังจะเตรียมไปตรวจทางเดินอาหารด้วยการส่องกล้อง
11:30  อ้อยโทรมา บอกว่า แม่มีแผลที่ลำไส้เล็ก  แต่อาการดีขึ้น

……………………………………………………………………………………………………………………………. 

          ตอนนี้แม่เสียงใสแล้ว  รู้สึกว่าจะถูกอกถูกใจหมอหนุ่มคนใหม่ที่โรงพยาบาลธนบุรี  เห็นว่า ตรวจละเอียด  ถามไถ่อย่างเอาใจใส่  และขยันดี  ก็เลยขอถ่ายโอนการรักษาโรคเบาหวานประจำตัว  มาให้ดูแลแทนหมอคนเก่าด้วย

          ดูเหมือนพ่อก็ชอบ….เพราะให้ตรวจเหมือนกัน  จากอาการมึนงงเวลาตื่นนอนตอนเช้า  ตรวจอย่างละเอียด ทั้งปอด  หัวใจ ระบบประสาทหูชั้นใน  ทุกอย่าง OK ยังฟิตอยู่  จะมีก็แต่คอแข็งไปหน่อย  ต้องใช้วิธีนวดและประคบร้อน

—————————————————–

ต้องหาเวลาไปเยี่ยม พ่อ กับแม่ให้บ่อยขึ้น

 

 

           


อุปกรณ์ช่วยจัดท่าถ่ายภาพเอกซเรย์กระดูกข้อเข่า: ธรรมดาๆ ไม่รู้ดังได้งัย??

2967 ความคิดเห็น โดย ถัง เมื่อ 12 ธันวาคม 2009 เวลา 15:54 ในหมวดหมู่ สุขภาพ #
อ่าน: 26761

          วันนี้ดิฉันกลับเข้าลานอีกครั้ง…….งงอยู่ชั่วครู่  เหมือนไม่ได้เข้าบ้านมานาน  หาลูกกุณแจไม่เจอ  ไม่รู้ว่าต้องใช้ดอกไหนเปิดประตู…….

          มะงุมมะงาหราอยู่ครู่ใหญ่…..จึงเข้าบ้านได้…..เอาละ….ต้องรีบปัดกวาดเช็ดถู

          เริ่มเรื่องไหนก่อนดีน้า……. 

          เอาเรื่องคุยโม้ก่อนดีกว่า

          เมื่อปลายเดือนที่แล้ว (วันที่ 19 พ.ย. 52) ตอนเช้าดิฉันต้องทำตัวเป็นข่าว เพราะงาน ปชส. ของมหาวิทยาลัยเชิญไปร่วมแถลงข่าวกับสื่อมวลชน

  

          เรื่องที่แถลงคือ นิสิต ม. นเรศวร (ที่ดิฉันเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาในการทำโครงงานวิชาชีพ)ได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 2 จากการเข้าร่วมประกวดโครงการนวัตกรรมแห่งประเทศไทย เรื่องการพัฒนาอุปกรณ์ช่วยจัดท่าถ่ายภาพรังสีของกระดูกข้อเข่าในท่ายืนรับน้ำหนักด้วยระบบไฮโดรลิค  

          เสร็จแล้ว ม. ก็เอาไป ปชส. ที่หน้า Home Page ของ มน. ด้วย (โฆษณาไม่นานนัก…ดิฉันจึงต้องโฆษณาต่อ  แหะ  แหะ) 

         ในเย็นวันเดียวกันนั้นเอง  ทีวีไทยก็มาขอถ่ายทำเครื่องมือดังกล่าวไปออกรายการวันหยุดด้วย  แหม!  อย่างหลังนี้รู้สึกโก้มากเลย  ทั้งที่เมื่อ วันที่ 2 กรกฎาคม ปีเดียวกันนี้เอง  ช่อง 9 อสมท. ก็มาขอถ่ายทำเช่นเดียวกัน  แต่ครั้งนั้น  ไปถ่ายทำกันที่ รพ. พุทธชินราช   ครั้งนี้เราถ่ายทำกันที่ห้องเอกซเรย์ของภาควิชารังสีเทคนิค 

          ดิฉันอัดรายการที่ออกทีวีทั้ง 2 ช่องนี้เก็บลงแผ่นซีดีไว้เป็นอนุสรณ์เรียบร้อยแล้วค่ะ  ด้วยความอนุเคราะห์เป็นอย่างดียิ่งของหน่วยโสตฯ ของสำนักหอสมุด มน.

          น่าแปลกไหมคะที่หน่วย ปชส. มน. ไม่มีอุปกรณ์เพื่อการณ์ดังกล่าว  แต่ที่สำนักหอสมุด  มีการให้บริการที่มีความคล่องตัวสูงมาก (ผอ. สำนักหอสมุด คือ รศ.ดร.รัตติมา  จีนาพงษ์  เป็นคนเก่งมากๆ  และน่ารักที่สุด)

          อ้อ!  สิ่งที่ได้เรียนรู้อีกอย่างคือ  ช่อง 9 ถ่ายทำไปแล้วตั้งเกือบ 2 เดือน  กว่าจะได้ออกอากาศ  แต่ช่องทีวีไทย ถ่ายทำวันพฤหัสฯ  ออกอากาศวันอาทิตย์  speed ต่างกันมาก  แถมเมื่อวาน ทางทีวีไทยยังได้ส่งแผ่นบันทึก DVD ที่ถ่ายทำทั้งรายการมาให้ดิฉันทางไปรษณีย์อีกด้วย บริการดีจริงๆ เชียว

          ดิฉันกำลังคิดจะหาวิธีเรียนรู้ว่าจะเอา สื่อไปลง You Tube ได้ยังงัย ??  เพราะกลัวชาวลานจะไม่ได้เห็นดารา “ถัง” ออกทีวี!!! …อีกอย่าง…..จะได้โม้ได้ทั่วโลกงัยคะ….อิ  อิ  อิ อิ….. 

          ความที่เป็นอาจารย์บ้านนอก  ดิฉันว่าได้เปรียบอยู่อย่างที่ว่า……….เรื่องธรรมดาๆ ก็ดังได้………

———————————————————————————————-

ภาคผนวก

ข้อความใน web ปชส. ของมหาวิทยาลัย

นิสิต ม.นเรศวร คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในโครงการรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย 2552
การพัฒนาอุปกรณ์ช่วยจัดท่าถ่ายภาพรังสีของกระดูกข้อเข่าในท่ายืนรับน้ำหนักด้วยระบบไฮโดรลิค

          นิสิตคณะสหเวชศาสตร์ มหาวิทยาลัยนเรศวร คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ในสาขาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี จากการประกวดรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย ประจำปี 2552 (Thailand Innovation Awards 2009) ในงานเทคโนมาร์ท - อินโนมาร์ท 2009  ซึ่งจัดขึ้นที่ศูนย์นิทรรศการและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี  กรุงเทพฯ ในผลงานเรื่อง “การพัฒนาอุปกรณ์ช่วยจัดท่าถ่ายภาพรังสีของกระดูกข้อเข่าในท่ายืนรับน้ำหนักด้วยระบบไฮโดรลิค” เจ้าของผลงานคือนางสาวจิรานันท์ สมศรี นางสาวณัฐพร ชูไว และนางสาวมนัญญา พลจังหรีด โดยมี รองศาสตราจารย์มาลินี ธนารุณ อาจารย์ประจำภาควิชารังสีเทคนิค คณะสหเวชศาสตร์ เป็นอาจารย์ที่ปรึกษา
          ศาสตราจารย์ ดร. สุจินต์ จินายน อธิการบดีมหาวิทยาลัยนเรศวร กล่าวว่า โครงการรางวัลนวัตกรรมแห่งประเทศไทย (นวท.) หรือ Thailand Innovation Awards 2009 เป็นเวทีสำคัญที่ส่งเสริมให้นิสิตได้แสดงศักยภาพของตนเอง นิสิตที่มีคุณภาพนั้น จะสามารถพัฒนางาน บูรณาการต่อยอดงานให้เกิดการผลสัมฤทธิ์ได้ในที่สุด มหาวิทยาลัยนเรศวรเน้นการพัฒนานิสิต ให้สามารถเก่งคน เก่งงาน เก่งคิด เก่งครองชีวิต เก่งพิชิตปัญหา ที่สำคัญต้องเกิดการเรียนรู้ควบคู่กับการดูแลชุมชนของตนให้เกิดความยั่งยืน
          รองศาสตราจารย์ มาลินี ธนารุณ   อาจารย์ที่ปรึกษาโครงการวิจัย ฯ กล่าวถึง ผลงานวิจัยดังกล่าวว่า เป็นการต่อยอดจากโครงงานวิชาชีพของนิสิตรุ่นก่อน คือ ของคุณณรงค์ศักดิ์ ชมวงศ์และโดยการประยุกต์ใช้ระบบไฮโดรลิคที่รับน้ำหนักสูงสุดได้ถึง 200 กิโลกรัม มาเป็นเครื่องช่วยยกฐานอุปกรณ์ให้ขึ้นลงได้ด้วยสวิตซ์ควบคุม ขนาดของอุปกรณ์กะทัดรัดขึ้นสามารถใช้งานได้โดยสะดวก นอกจากนี้ยังปรับปรุงวงรอบการหมุนของแท่นยืนจาก 180 องศาเป็น 360 องศา เพื่อให้ผู้ป่วยไม่ต้องหมุนตัวกลับขณะเปลี่ยนท่า ทั้งนี้ เมื่อประเมินความพึงพอใจของผู้ป่วยที่ได้รับการจัดท่าด้วยอุปกรณ์ที่คณะผู้วิจัยพัฒนาขึ้นใหม่ และความพึงพอใจของนักรังสีเทคนิคที่เป็นผู้ใช้อุปกรณ์ดังกล่าว ในแผนกเอกซเรย์ของโรงพยาบาลตัวอย่าง  พบว่าทั้งผู้ป่วยและนักรังสีเทคนิค ส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในระดับมากถึงมากที่สุด ทั้งนี้ อุปกรณ์ดังกล่าว ปัจจุบันได้นำไปใช้จริง  ณ แผนกเอกซเรย์ของโรงพยาบาลพุทธชินราชพิษณุโลก จังหวัดพิษณุโลก ถือเป็นความสำเร็จของการประดิษฐ์ผลงานนวัตกรรมที่สามารถก่อให้เกิดประโยชน์ได้อย่างแท้จริงในทางปฏิบัติ

 



Main: 0.063719987869263 sec
Sidebar: 1.2872931957245 sec