เยี่ยมชมโรงเรียนเทศบาลวัดกลาง
วันนี้ถึงคิวไปเยี่ยมชมแผนกอนุบาลของโรงเรียนเทศบาลวัดกลาง ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญมาก มีนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ไปจนถึงมัธยมปีที่หก ผ.อ. ชูเกียรติ เหลืองอุบล บอกว่ามีนักเรียนถึง 2700 กว่าคน โรงเรียนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ ว่าด้วยเรื่อง “ห้องเรียนขอบฟ้ากว้าง “ ที่เปิดเป็นห้องเรียนสองห้อง ระดับประถมรวม 1 ห้อง และ มัธยมรวม 1 ห้อง มีนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ หลากหลาย ไม่ว่าจะว่าด้วยเรื่องอารมณ์ หรือวิชาการ จำนวน ในขณะนี้รวมสองห้อง ก็เข้าไป 55 คน ต่อครู 8 คน (ผ.อ. บอกว่า ไม่พยายามโฆษณา เพราะจำนวนล้นแล้ว แต่ก็ยังมีคนนิยมพาเด็กมาฝากไว้ เพราะไม่มีที่อื่นจะไปนั่นเอง)
แต่เนื่องจากวันนี้ ไม่ได้มาเยี่ยมชม เรื่อง “ห้องเรียนขอบฟ้ากว้าง” จึงจะขอเข้าเรื่อง เยี่ยมแผนกอนุบาลวัดกลาง จะดีกว่า
ที่นี่มีเด็ก สามระดับคือ อนุบาล 1 ,2และ3 อย่างละสองห้อง ห้องอนุบาล 1 มีครูสองคน ต่อเด็ก ไม่เกิน 30 คน ส่วนอนุบาล2 และ 3 มีครูห้องละ 1 คน มีนักศึกษาฝึกสอน อาสามาช่วยบ้างเป็นบางห้อง ที่นักเรียนมากกว่า 30 สถานที่ก็เหมือนห้องเรียนตามโรงเรียนรัฐบาลทั่วไป ไม่กว้างขวางนัก ห้องน้ำอยู่ห่างจากห้องห้องเรียน โดยตั้งอยู่ที่หัวตึกและท้ายตึก ดังนั้น เมื่อเด็กไปเข้าห้องน้ำ จึงต้องไปเองตามลำพัง ครูไม่สามารถทิ้งห้องไปด้วยได้ ผ.อ. บอกว่า เทอมหน้า ได้งบจากเทศบาล จะรื้อส่วนนี้ออกและสร้างห้องเรียนอนุบาลใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เด็กมีห้องเรียน ได้มาตรฐานกว่านี้
ครูเท่าที่เห็นมีอยู่ 9 คน และมีนักเรียนรวมกันหกห้อง 187 คน ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ดีทีเดียว กิจกรรมช่วงเช้า มีกิจกรรมรวม ทั้งหกห้อง ฝึกหัดระเบียบวินัยในแถว มีเพลงให้เด็กได้เต้นออกกำลังกาย เมื่อเด็กเดินเข้าไปในห้อง ทุกคน จะกอดครูก่อนเข้าห้องเรียน และกิจกรรมแรกที่เห็นคือ บางห้องนั่งสมาธิ บางห้องนอนทำ Body scan ได้ทราบตอนประชุมสรุปว่า ครูโรงเรียนนี้ ได้รับการอบรมเข้มอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ได้ไปดูงานหลายแห่ง ทั้งที่โรงเรียน รุ่งอรุณ โรงเรียนลำปลายมาศ และเข้าอบรมจิตตปัญญาจาก ปรมาจารย์ วิศิษฐ์ และประชา (ดังที่เคยได้เล่าไว้บ้างแล้วในบล็อกก่อนๆ) ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ได้เห็นกิจกรรม นิ่มนวลจากกายถึงกาย จากใจถึงใจ ระหว่างเด็กและครูอย่างชัดเจน
ครูมีความรู้ความชำนาญในการสอน และเพิ่งผ่านการประเมินจาก สมศ มาเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า จัดการเรียนการสอน ได้ยอดเยี่ยม ดังนั้นทุกอย่างจึงดูดี ไปหมด เด็กหน้าตาสดใส กล้าพูดกล้าแสดงออก ในช่วง สรุปการเยี่ยมชม แม่ใหญ่จึงได้แต่ฝากว่าขอให้คงความดีอย่างนี้ ตลอดไป ไม่ใช่พอไม่มีคนมาเยี่ยมชม แล้ว จะหย่อนยาน ตามมีตามเกิด เพราะนึกว่าเด็กไม่รู้อะไร ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ทุกนาทีของนักเรียน โดยเฉพาะอนุบาล นั้นมีค่ามาก อย่าไปฉุดรั้งพัฒนาการเขา ด้วยกิจกรรมซ้ำซาก ขอให้มีกิจกรรมที่หลากหลาย ที่ทำให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข เช่นที่ได้เห็นในวันนี้
ช่วงสรุปการเยี่ยมโรงเรียน ในวันนี้ นำการสรุปโดย คุณ เดชา เปรมฤดีเลิศ ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการหลักของโครงการ ”ต้นกล้าแห่งปัญญา” นี้ คุณเดชา เป็น NGO ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในภาคอิสาน ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครขอนแก่น ใครใคร่รู้จักอย่างละเอียดขึ้น ขอเชิญ ติดตามได้ในลิงค์ข้างล่างนี้http://www.kkmuni.go.th/center/index.php?option=com_content&view=article&id=443&Itemid=187&lang=en
ที่แม่ใหญ่ต้องกล่าวถึงบุคคลผู้นี้เป็นพิเศษ เนื่องจาก เขาเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังโครงการดีดีมากมายในเมืองขอนแก่น เป็นคนมีจิตอาสา ที่ทุ่มเท ทั้งกำลังกายและกำลังความคิดเพื่อสังคม และส่วนรวม แม่ใหญ่รู้จักคุณเดชามานานเกือบยี่สิบปี จนกล้าที่จะรับประกันความเป็นทองเนื้อแท้ของคุณเดชาได้ อย่างเต็มอกเต็มใจ
คนรวบผมใส่เสื้อลายนี่แหละคือลูกผู้ชายตัวจริงที่ชื่อ เดชา เปรมฤดีเลิศ คนเบื้องหลังที่ผลักดัน ชักจูง ส่งเสริม เกี่ยวกับการศึกษา ของเทศบาลนครขอนแก่น มาอย่างยาวนาน