เยี่ยมชมอนุบาลโรงเรียนเทศบาลบ้านโนนทัน

ไม่มีความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 19 สิงหาคม 2011 เวลา 3:09 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน, เด็กไร้เดียงสา #
อ่าน: 1728

 

 

วันนี้ ไปเยี่ยมแผนกอนุบาลของโรงเรียนเทศบาลบ้านโนนทัน  ฝนฟ้าตกตามเคย  เลยไม่ได้เห็นเด็กๆออกมาเล่นสนุกสนานที่สนาม  เด็กต้องอยู่ในห้องกับครูตลอดทั้งช่วงเช้า     เด็กนักเรียนมี 90 คน  ครู  4 คน  มีครูแป๋วเป็นหัวหน้าสาย  ครูแป๋วมีลักษณะเป็นผู้นำชัดเจน   สอนชั้น อนุบาลสอง มีครูใหม่ซึ่งจบสาขานาฏศิลป์เป็นผู้ช่วย เพราะมีเด็กถึง 42 คน             ครูแป๋วดูจะคล่องแคล่วในการจัดกิจกรรมให้เด็กได้ดี    มีจังหวะจะโคนในการสอน  และเด็กก็เชื่อฟังมีระเบียบวินัยดี  มีสมาธิในการเรียน     ครูผู้ช่วยก็ดูจะทำงานเข้ากันได้ไม่ติดขัด       มีครูจวงที่คร่ำหวอดกับชั้นอนุบาลมากว่า สามสิบปี  อยู่ที่โรงเรียนนี้มาตั้งแต่  แรกเริ่ม  มีลูกศิษย์ที่โตจนส่งลูกเข้ามาเรียนกับคุณครูแล้ว     คุณครูมีลักษณะเป็นคนอ่อนโยน  นุ่มนวล  และรักเด็ก  ทราบว่าขณะนี้พักอยู่ในโรงเรียนด้วย    โรงเรียนจึงเป็นเหมือนบ้านของครูจวง อย่างแท้จริง    ครูจวงสอนห้องอนุบาล  3/2   มีเด็กที่ยังไม่ค่อยนิ่ง  เพราะย้ายมาจากที่อื่น อยู่เกือบครึ่งห้อง   แต่ด้วยความใจเย็น  คุณครูก็กำลังค่อยๆปรับพฤติกรรมเด็กอยู่อย่างเงียบๆด้วยกิจกรรมต่างๆ    ส่วนครูอีกท่าน คือครูแอ  สอนอนุบาล 3 อีกห้องหนึ่ง   คนนี้ท่าทางกระฉับกระเฉงว่องไว  เสียงดังฟังชัด  ทราบว่าเคยสอน ป  1 มาก่อน เพิ่งผันตัวเองมาอยู่ อนุบาลได้เพียงสองปีเท่านั้น  ดูเป็นคนสนุกสนาน  และบุคลิกนี้  ก็ไปปรากฎในเด็กของคุณครูด้วย   เด็กห้องนี้กล้าแสดงออก ทักทาย ยิ้มแย้ม ไม่ตื่นคนแปลกหน้า  เวลาทำกิจกรรม  ก็ตั้งใจทำกิจกรรมและ เชื่อฟังครูแอเป็น อย่างดี

สิ่งที่แม่ใหญ่ชื่นชมโรงเรียนนี้ก็คือ  ทุกห้องมีมุมหนังสือที่มีหนังสือมากพอๆกับจำนวนเด็ก    ได้แนะนำเพิ่มเติมไปว่า  อยากให้คุณครูใช้มุมนี้เป็นมุมที่กระตุ้นให้เด็กรักการอ่าน ด้วยการให้มีช่วงอ่านหนังสือคนเดียวเงียบๆ  สัก 5-10 นาที ทุกวัน   และคุณครูก็ต้อง ทำท่าอ่านให้เด็กเห็นเป็นรูปแบบด้วย   ไม่ต้องห่วงเรื่องที่เด็กยังอ่านไม่ออก หรืออ่านไม่เป็น  การรักที่จะเปิดหนังสือขึ้นดู เงียบๆคนเดียว  แม้จะเป็นการดูรูป  ก็เป็นการสร้างนิสัยรักการอ่านได้แล้ว

อีกเรื่องที่แม่ใหญ่ชม ก็คือเรื่อง ที่คุณครูแป๋วเล่าว่า  ได้ตกลงกันระหว่างครูทั้ง 4 คนว่า  จะตามเด็กขึ้นไปตามระดับชั้นจากอนุบาลสองขึ้นไปอนุบาลสาม    เพราะเห็นว่าครูจะได้รู้จักและได้พัฒนาเด็กอย่างต่อเนื่อง  แม้จะเป็นเวลาเพียงสองปีก็ตาม      คุณครูบอกว่าเพิ่งลองทำได้ปีหนึ่งแล้ว และคิดว่าดี   จะทำต่อไป ซึ่งแม่ใหญ่ก็เห็นดีด้วย

ส่วนการเสนอแนะจากแม่ใหญ่    ก็มีเพียงเรื่องการใช้สื่อรอบๆห้องให้เป็นประโยชน์ต่อการสอนประจำวันมากขึ้น     เช่น สื่อปฏิทินประจำวัน  ให้ครูนำมาไว้ใกล้ๆตัว และนำมาสอนได้ทุกวัน     สามารถจะบูรณาการการสอนเด็กได้หลายวิชา ไม่ว่าจะเป็นคณิตศาสตร์ สังคม หรือภาษาไทย

สื่อเรื่องสภาวะอากาศของแต่ละวัน  ให้เด็กออกมาเลือกป้ายสภาวะอากาศว่าวันนี้ ร้อน หนาว หรือฝนตก ประการใด  เป็นการหัดให้เด็กได้รู้จักสังเกตด้วย   และการนำสื่อเรื่องข้อตกลง กฎกติกาประจำห้องมาอ่าน ให้เด็กฟังบ่อยๆ     แล้วถามเชิงบวก ว่าวันนี้ใครทำถูกกฎข้อไหนบ้าง ชื่นชมคนที่ทำดี  แต่ไม่ต้องถามว่าวันนี้ใครทำผิดกฎข้อไหน  ให้เขาได้รู้สึกเอง   ต่างๆเหล่านี้  ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ทำได้ในช่วงต้นของวันทั้งสิ้น

คุณสุทธิ ประธานโครงการ  พูดว่า แผนกอนุบาลที่นี่พัฒนาขึ้นมากจาก 4 ปีที่แล้ว   และเติมเรื่อง  ให้เด็กรับผิดชอบเซ็นชื่อตัวเองเมื่อมาถึงโรงเรียน      บอกว่าแทนการให้ผู้ปกครองมาเซ็นชื่อ    จัดที่ให้เด็กได้เซ็นชื่อตัวเองทุกวัน  แม้จะยังเขียนได้ไม่ถูกต้อง  ก็จะเป็นการเริ่มการเขียนและการรับผิดชอบต่อหน้าที่เบื้องต้นในแต่ละวันได้ด้วย เรียกว่ายิงนกนัดเดียวได้หลายตัว

แม่ใหญ่ไม่ได้เขียนถึงสถานที่ เพราะไม่ได้เป็นประเด็นใหญ่  เป็นเรื่องของผู้บริหารโรงเรียนและผู้บริหารเทศบาลที่จะปรับปรุงกันต่อไปตามสมควร    แต่สิ่งที่ประทับใจกับโรงเรียนนี้ คือการได้เห็นแววตากระตือรือร้นของครูทั้งครูสาวและครูแก่  ว่าเป็นครูที่มีหัวใจเป็นครูอย่างแท้จริง  ซึ่งแค่นี้ก็เป็นการการันตีได้ว่า เด็กที่นี่จะได้เรียนรู้อย่างมีความสุข ในอุ้งมือครูที่มีเมตตา  และรวยน้ำใจ  ลงมีครูดีเสียอย่าง   เรื่องอะไรต่างๆ ก็ถือเป็นเรื่องรอง

 


อาคารอนุบาลที่โนนชัย

2 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 15 สิงหาคม 2011 เวลา 6:34 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน, เด็กไร้เดียงสา #
อ่าน: 2927

วันนี้เป็นอีกวันหนึ่งที่ได้ไปเยี่ยมโรงเรียนเทศบาลเป็นโรงเรียนที่ ห้าแล้ว     พอก้าวย่างเข้าบริเวณแผนกอนุบาลโรงเรียนเทศบาลโนนชัย     ก็ต้องยืนงง    รีบนำกล้องถ่ายรูปออกมาถ่ายรูปก่อนอย่างอื่น      เพราะแทบไม่เชื่อสายตาว่านี่คือโรงเรียนอนุบาล ที่ต้องเรียกว่าเป็นโรงเรียน “ชายแดน”    ของเทศบาลนครขอนแก่น 

 

  

โรงเรียนเทศบาลโนนชัย   เป็นโรงเรียนที่มีการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดมาหลายปีแล้ว     โดยมีโรงเรียนรุ่งอรุณ  จากกรุงเทพ เข้ามาเป็นพี่เลี้ยง     ครูไปดูงาน  ไปกินไปอยู่    และไปเรียนรู้ที่โรงเรียนรุ่งอรุณครั้งละหลายๆวัน   คณะอาจารย์จากรุ่งอรุณเอง     ก็มาติดตามนิเทศน์โรงเรียนโนนชัยอย่างต่อเนื่อง     ด้วยนโยบายที่นำเอาชุมชนเข้ามามีส่วนในการจัดการศึกษาร่วมกับทางโรงเรียน   และ  การดำเนินกิจกรรมต่างๆของโรงเรียนเทศบาล โนนชัย    ก็เป็นกิจกรรมที่แทบจะลอกแบบมาจากโรงเรียนรุ่งอรุณ         จนเป็นที่เลื่องลือกันในขอนแก่นว่าเป็นโรงเรียนทางเลือก    ที่ประสบความสำเร็จในการจัดการศึกษาได้เป็นอย่างดี  

 ด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาโรงเรียนนี้  ให้เข้าสู่มาตรฐาน โรงเรียนทางเลือกของนครขอนแก่น       ทางคณะเทศมนตรีก็ใจป้ำ  จัดงบประมาณประมาณ 10 ล้านบาท   เพื่อสร้างอาคารชุดนี้       บริษัทที่ออกแบบเป็นบริษัทที่ทางโรงเรียนรุ่งอรุณแนะนำมา  ก็ได้มาออกแบบอาคารอนุบาลตามที่เห็นในรูปนี้      ซึ่งเป็นแนวคิดเดียวกับโรงเรียนอนุบาลของรุ่งอรุณ  คือ  มีลักษณะเป็นบ้าน  ระดับชั้นหนึ่งก็อยู่ในบ้านหลังหนึ่ง  ซึ่งมีเครื่องอำนวยความสะดวกต่างๆอยู่ในบ้านหลังเดียว    ตึกนี้ เพิ่งได้เปิดใช้ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2553  ที่ผ่านมานี่เอง   

 

ต้องยอมรับว่า อาคารทันสมัย ทั้ง สามหลัง   ที่ใช้เป็นอาคารเรียน ชั้นอนุบาล1  อนุบาล 2  และอนุบาล 3   อย่างละหลังนี้  ช่างสวยงามน่าประทับใจจริงๆ  

ผู้อำนวยการ ประดิษฐ์   สะเดา  ได้มาต้อนรับ  คณะกรรมการที่มาเยี่ยมชมด้วยตนเอง พร้อมกับคุณครู เนื่องนิตย์  พาลี  รักษาการณ์รองผู้อำนวยการ  ผู้อำนวยการ มีความภาคภูมิใจในอาคารหลังใหม่มากๆ  และได้ทำการปรับปรุงสนามและสิ่งแวดล้อมอย่างสวยงามเข้ากับตัวตึก    คณะครูอนุบาลมีทั้งหมด 6 คนเป็นครูประจำชั้น  สอนหกห้อง     ระดับละสองห้อง  นั่นคือ คุณครูสองคนจะต้องดูแลตึกคนละหลัง ซึ่งมีห้องที่ใช้ประโยชน์ได้ 4 ห้อง  แต่มีสองห้องเรียน สองห้องประกอบ ต่อตึกหนึ่งหลัง       และมีเด็กห้องละ 30 คน  ที่ขาดคือไม่มีครูพี่เลี้ยง  และไม่มีพนักงานช่วยเหลือเลย  ห้องน้ำอยู่นอกห้องเรียน แม้จะไม่ไกล  แต่ครูก็ไม่สามารถติดตามมาดูแลได้เมื่อเด็กออกจากห้องมา     ต้องจัดว่าคุณครูประจำชั้นมีความชำนาญการสอนและจัดกิจกรรมได้ดีพอสมควร    จึงพอเรียกความสนใจให้เด็กทั้ง 30 คนเรียนรู้ ได้     แต่ก็รู้สึกว่าจะเป็นงานหนักมากสำหรับครู  ที่ต้องรับผิดชอบอาคารทั้งหลัง และดูแลเด็กอีกห้องละ 30 คน  ตลอดทั้งวัน

ในช่วงสรุปความคิดเห็น  คณะกรรมการส่วนใหญ่ แสดงความชื่นชม  กับอาคารสถานที่  มากกว่าที่จะวิจารณ์ ด้านการเรียนการสอน   มีกรรมการท่านหนึ่งที่บอกกว่าอยากเห็นโรงเรียนเทศบาลโนนชัย  มีเอกลักษณ์ของตัวเองมากกว่าจะเป็นแบบพิมพ์เขียวมาจากโรงเรียนรุ่งอรุณ    และท่านประธานสุทธิ  ได้ติงคณะครูว่า  ให้ใส่ใจกับสมาธิของเด็ก ที่จะเรียนรู้ให้มากกว่าที่เป็นอยู่  แม่ใหญ่เองพูดเป็นคนสุดท้าย      บอกความรู้สึกว่า  เมื่อก้าวเข้ามาในโรงเรียน     แม้จะตื่นตาตื่นใจกับอาคารหลังงาม  แต่ยังมีความรู้สึกว่าบรรยากาศมันไม่ค่อยนุ่มนวล    แบบโรงเรียนอนุบาลทั่วไป      ดูมันแข็งๆอย่างไรพิกล  (อาจจะเป็นด้วย เครื่องแบบข้าราชการสีกากี  ที่ผู้อำนวยการและครูทุกคนใส่  ซึ่งเป็นระเบียบที่โรงเรียนนี้จะแต่งชุดข้าราชการในวันจันทร์ก็คงมีส่วนด้วย ที่ทำให้ความสดชื่นลดไปพอสมควร)    นอกจากนี้   สื่อทุกชนิดที่ติดอยู่ตามหน้าต่าง ประตู     ก็เป็นประเภทโปสเตอร์สำเร็จรูปที่ซื้อหามาติดไว้  แทบทั้งนั้น     ไม่เห็นสื่อจากฝีมือครูเลย      รู้สึกเหมือนครูจะกลัวว่าถ้าทำสื่ออะไรขึ้นมา      อาจจะ ไม่เข้ากับอาคารที่สวยงาม อยู่แล้วก็เป็นได้   บรรยากาศและสื่อ อุปกรณ์   รอบๆห้องเรียน   ยังไม่เอื้อต่อการเรียนรู้ของเด็กเท่าที่ควร  พูดได้ว่าถูกความงามของตัวอาคารแย่งซีนความเป็นห้องเรียนที่อบอุ่นไปเสียไม่น้อย

แต่อย่างไรก็ตาม แม่ใหญ่ก็ต้องบอกว่าดีใจที่เด็กในชุมชนโนนชัยได้อาคารเรียนที่สวยงาม มา เป็นที่เรียน    ซึ่งถือเป็นความจำเป็นพื้นฐาน      และด้วยสิ่งแวดล้อมที่ดีเช่นนี้      ถ้าครูจะเติมเต็มด้วยการจัดกิจกรรมเรียนรู้ที่หลากหลาย   เด็กก็จะได้เรียนรู้และพัฒนาศักยภาพ ต่อไปอย่างเหมาะสม


อิ่มบุญไปกับคุณครูอนุบาลโรงเรียนเทศบาลหนองแวง

1 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 10 สิงหาคม 2011 เวลา 3:44 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน, เด็กไร้เดียงสา #
อ่าน: 2102

 เช้าวันที่  9 สิงหาคม ฝนตกพรำๆมาตั้งแต่ตอนกลางคืน  ตอนเช้าก็ยังตกอย่างต่อเนื่อง    ท้องฟ้าขมุกขมัว ไม่ได้เห็นแสงแดดเลย บรรยากาศน่านอนมากกว่าไปประกอบกิจกรรมใดใด        แต่วันนี้แม่ใหญ่มีนัดเข้าเยี่ยมชมแผนกอนุบาลของโรงเรียนเทศบาลหนองแวง  ดังนั้น ฝนจะตก ฟ้าจะร้องอย่างไร  ก็ต้องไปให้ได้

แม่ใหญ่คุ้นเคยกับครูและผู้อำนวยการโรงเรียนนี้มาก่อน  เพราะเข้าทำกิจกรรมจิตตปัญญาด้วยกันมาหลายครั้ง    ทั้ง ผ.อ. ประยุทธ  รองผ.อ.บุญธรรม   ครูอ้อม สอนภาษาอังกฤษ  และครูตู่ จบการศึกษาพิเศษ  ซึ่งเป็นหัวหน้าแผนกอนุบาล  

ได้เคยล้อมวงสุนทรียสนทนามาด้วยกันแล้วทุกคน    จึงเข้าใจถึงจิตใจและความมุ่งมั่นของครูทั้งสี่ท่านนี้เป็นอย่างมาก  นอกจากนี้ก็เคยได้ยินคุณครูสะท้อนให้ฟังในวงสนทนาว่า เด็กโรงเรียนนี้ ส่วนใหญ่  ช่างขาดแคลนไปเสียเกือบทุกสิ่ง เป็นเด็กชุมชนทางรถไฟ ที่มีพ่อแม่หาเช้ากินค่ำ  เด็กเอง บางคนมีเสื้อผ้าแค่สองชุดเปลี่ยน วันไหนฝนตก  เสื้อผ้าไม่แห้ง ก็มาโรงเรียนไม่ได้    บางคนมาโรงเรียนแต่เช้าไม่ได้อาบน้ำ ไม่ได้กินข้าว  ครูต้องมาช่วยอาบน้ำ สระผม สางเหาให้  และหาข้าวปลาให้ทานพอแก้หิว

จำนวนนักเรียนมีทั้งโรงเรียน 273 คน มีครู 18 คน ที่แผนกอนุบาลมีสามห้องเรียน  มีเด็ก 86 คน  ครู 4 คน   คุณครูได้รับการสนับสนุนส่งเสริมจากทางสำนักการศึกษาเทศบาล ให้ไปดูงานและอบรมแบบเข้มจากหลายสำนักมาสี่ปีแล้ว  ไปมาหมด  ไม่ว่าจะที่สำนักอาจารย์อมราที่อยุธยา สำนัก อาจารย์ วิศิษฐ์  ที่เชียงราย  สำนักอาจารย์ประชา ที่กรุงเทพ  และปรมาจารย์ทั้งหลายท่านก็ยังตามมาทำการอบรมให้ที่ขอนแก่นอีกหลายรอบ  ไปดูงานที่ รร.มอนเตสซอรี่ ที่เชียงราย รร.รุ่งอรุณ  และที่ รร.ลำปลายมาศ  แถม ผ.อ.วิเชียร ไชยบัง   ผู้อำนวยการคนเก่งแห่งลำปลายมาศ ยังตามมาแนะแนวนอกสถานที่ให้ถึงโรงเรียน

ดังนั้นความคาดหวังของแม่ใหญ่ ที่มาดูโรงเรียนนี้ จึงมีมากกว่าที่อื่น  และเมื่อมาดูก็ไม่ผิดไปจากที่คาด  ครูตู่ ครูอี๊ด ครูไข่ และครูกุ้ง มีหน้าตาอิ่มเอิบ  ไม่เครียด  และ นำการเรียนการสอนให้กับเด็กได้อย่างเป็นธรรมชาติ   ใช้เสียงเบาๆในการพูด    เด็กมีสมาธิ รู้จักฟัง และกล้าถาม      และร่วมทำกิจกรรมได้อย่างราบรื่น

ในช่วงท้ายของการเยี่ยมเยียน    ที่คณะกรรมการต้นกล้าแห่งปัญญา คุยกับคุณครูผู้สอน เพื่อสะท้อนความคิดเห็น  จึงมีบรรยากาศที่แปลกไป  คือ คณะกรรมการ  ไม่ได้พูดมาก  แต่เป็นคุณครูที่ พูดมากกว่า   คุณครูได้เล่าให้ฟังถึงกระบวนการต่างๆที่ตนเองได้นำมาปฏิบัติแล้ว   เล่าอย่าง ภาคภูมิใจ   ในสิ่งที่เกิดขึ้น   

  • ครูไข่เล่าว่า  เมื่อก่อนเด็กไม่อยากมาโรงเรียนเลย  แต่เมื่อคุณครูได้นำวิธีการต่างๆที่ได้ไปเรียนรู้มาใช้  โดยตั้งเป้าหมายไว้ว่า  “อยากให้เด็กมาโรงเรียน  และเรียนรู้อย่างมีความสุข” คุณครูรู้สึกว่า บัดนี้ครูได้มาถึงเป้าหมายนี้แล้ว     ขนาดฝนตกๆเด็กก็ยังอยากมา  และพ่อแม่ก็เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นด้วย
  • ครูตู่บอกว่า รู้สึกว่าเดี๋ยวนี้ การสอนมันลื่นไหล  รู้สึกสบายๆ ไม่หนักใจ   กับเพื่อนครูด้วยกันก็คุยกันทุกวันพุธ เป็นการประเมินงานกันไปในตัว   ใครมีปัญหาอะไรก็นำมาถกกันได้แบบกัลยาณมิตร
  • ครูอี๊ด  เอกปฐมวัยคนเดียวของที่นี่  แรกๆยังเครียดกับการมาเยี่ยมชมของคณะกรรการ ตอนนี้ก็รู้สึกผ่อนคลายและยิ้มออก เมือสังเกตเห็นว่าเราไม่ได้มาจับผิด  แต่มาส่งเสริมชื่นชมต่างหาก ครูตู่บอกว่าชอบกิจกรรมช่วงเช้าที่ไปก๊อปปี้มาจาก ลำปลายมาศ คือ กิจกรรม จิตตศึกษา  บอกว่าเด็กนิ่งได้ถึง 40 นาที และไม่ป่วนในห้องขณะที่สอน

คณะกรรมการฯวันนี้มาน้อยคน  คงเพราะติดฝน  ต่างก็สะท้อนความคิดไปในทางเดียวกัน  คือชื่นชมผู้บริหาร ชื่นชม ครู   ที่จัดการเรียนการสอนได้ดี  แม่ใหญ่เติมให้เล็กๆน้อยๆว่า  ครูที่นี่โชคดีกว่าโรงเรียนอื่นๆที่ได้มาสอนเด็กที่มีโอกาสน้อยกว่าคนอื่น     ดังนั้นการสอนของครูจึงเหมือนการได้ทำบุญกับเด็กทุกๆวัน   บัดนี้คุณครูได้เดินทางมาถึงจุดหมายหนึ่งแล้ว    ก็ขอให้ต่อยอดในเรื่องอื่นๆได้อีกมากมาย   อย่าได้หยุดอยู่กับที่   เมื่อ  ได้รับสิ่งที่ดีๆของลำปลายมาศ  จากรุ่งอรุณ จากมอนเตสซอรี่  มาก็เป็นสิ่งที่ดีมากแล้ว  แต่ ขอให้เป็นตัวของตัวเอง  เลือกสิ่งดีดีนั้นมาปรับใช้ให้เป็นเอกลักษณ์ตามบริบทของหนองแวงด้วย  

คุณครูและคณะกรรมการทานข้าวกลางวันร่วมกัน    และจากกันอย่างมีความสุข  แม่ใหญ่ทานข้าวไม่หมด   คงจะเป็นเพราะอิ่มบุญร่วมกับคุณครู  และคุณสุทธิ  ผู้ริเริ่มโครงการต้นกล้าแห่งปัญญาตั้งแต่เมื่อสี่ปีที่แล้ว


เยี่ยมชมโรงเรียนเทศบาลวัดกลาง

5 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 4 สิงหาคม 2011 เวลา 3:16 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน, เด็กไร้เดียงสา #
อ่าน: 1919

 วันนี้ถึงคิวไปเยี่ยมชมแผนกอนุบาลของโรงเรียนเทศบาลวัดกลาง   ซึ่งเป็นโรงเรียนขนาดใหญมาก  มีนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ไปจนถึงมัธยมปีที่หก   ผ.อ. ชูเกียรติ  เหลืองอุบล  บอกว่ามีนักเรียนถึง   2700 กว่าคน   โรงเรียนนี้มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ   ว่าด้วยเรื่อง “ห้องเรียนขอบฟ้ากว้าง “ ที่เปิดเป็นห้องเรียนสองห้อง ระดับประถมรวม 1 ห้อง และ มัธยมรวม 1 ห้อง  มีนักเรียนที่ต้องการความช่วยเหลือ  หลากหลาย  ไม่ว่าจะว่าด้วยเรื่องอารมณ์  หรือวิชาการ   จำนวน ในขณะนี้รวมสองห้อง  ก็เข้าไป  55 คน ต่อครู 8 คน     (ผ.อ. บอกว่า ไม่พยายามโฆษณา  เพราะจำนวนล้นแล้ว  แต่ก็ยังมีคนนิยมพาเด็กมาฝากไว้  เพราะไม่มีที่อื่นจะไปนั่นเอง)

แต่เนื่องจากวันนี้ ไม่ได้มาเยี่ยมชม เรื่อง “ห้องเรียนขอบฟ้ากว้าง”  จึงจะขอเข้าเรื่อง  เยี่ยมแผนกอนุบาลวัดกลาง  จะดีกว่า

ที่นี่มีเด็ก สามระดับคือ อนุบาล 1 ,2และ3  อย่างละสองห้อง    ห้องอนุบาล 1   มีครูสองคน  ต่อเด็ก ไม่เกิน 30 คน ส่วนอนุบาล2 และ 3  มีครูห้องละ 1 คน  มีนักศึกษาฝึกสอน อาสามาช่วยบ้างเป็นบางห้อง ที่นักเรียนมากกว่า 30    สถานที่ก็เหมือนห้องเรียนตามโรงเรียนรัฐบาลทั่วไป  ไม่กว้างขวางนัก  ห้องน้ำอยู่ห่างจากห้องห้องเรียน โดยตั้งอยู่ที่หัวตึกและท้ายตึก   ดังนั้น เมื่อเด็กไปเข้าห้องน้ำ  จึงต้องไปเองตามลำพัง ครูไม่สามารถทิ้งห้องไปด้วยได้   ผ.อ.  บอกว่า เทอมหน้า ได้งบจากเทศบาล  จะรื้อส่วนนี้ออกและสร้างห้องเรียนอนุบาลใหม่ทั้งหมด   เพื่อให้เด็กมีห้องเรียน ได้มาตรฐานกว่านี้

 ครูเท่าที่เห็นมีอยู่  9 คน  และมีนักเรียนรวมกันหกห้อง 187 คน  ถือว่าเป็นอัตราส่วนที่ดีทีเดียว    กิจกรรมช่วงเช้า  มีกิจกรรมรวม  ทั้งหกห้อง   ฝึกหัดระเบียบวินัยในแถว   มีเพลงให้เด็กได้เต้นออกกำลังกาย  เมื่อเด็กเดินเข้าไปในห้อง ทุกคน จะกอดครูก่อนเข้าห้องเรียน   และกิจกรรมแรกที่เห็นคือ  บางห้องนั่งสมาธิ บางห้องนอนทำ Body scan   ได้ทราบตอนประชุมสรุปว่า   ครูโรงเรียนนี้ ได้รับการอบรมเข้มอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 4 ปีแล้ว ได้ไปดูงานหลายแห่ง ทั้งที่โรงเรียน รุ่งอรุณ  โรงเรียนลำปลายมาศ    และเข้าอบรมจิตตปัญญาจาก ปรมาจารย์  วิศิษฐ์  และประชา   (ดังที่เคยได้เล่าไว้บ้างแล้วในบล็อกก่อนๆ) ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกที่ได้เห็นกิจกรรม  นิ่มนวลจากกายถึงกาย จากใจถึงใจ ระหว่างเด็กและครูอย่างชัดเจน

ครูมีความรู้ความชำนาญในการสอน   และเพิ่งผ่านการประเมินจาก สมศ  มาเมื่อเดือนที่แล้ว ว่า จัดการเรียนการสอน ได้ยอดเยี่ยม   ดังนั้นทุกอย่างจึงดูดี ไปหมด   เด็กหน้าตาสดใส กล้าพูดกล้าแสดงออก    ในช่วง สรุปการเยี่ยมชม  แม่ใหญ่จึงได้แต่ฝากว่าขอให้คงความดีอย่างนี้ ตลอดไป  ไม่ใช่พอไม่มีคนมาเยี่ยมชม แล้ว จะหย่อนยาน  ตามมีตามเกิด   เพราะนึกว่าเด็กไม่รู้อะไร   ขอให้ระลึกไว้เสมอว่า ทุกนาทีของนักเรียน โดยเฉพาะอนุบาล  นั้นมีค่ามาก  อย่าไปฉุดรั้งพัฒนาการเขา ด้วยกิจกรรมซ้ำซาก  ขอให้มีกิจกรรมที่หลากหลาย  ที่ทำให้เด็กเรียนรู้อย่างมีความสุข  เช่นที่ได้เห็นในวันนี้

ช่วงสรุปการเยี่ยมโรงเรียน ในวันนี้ นำการสรุปโดย คุณ เดชา  เปรมฤดีเลิศ    ซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการหลักของโครงการ      ”ต้นกล้าแห่งปัญญา”      นี้    คุณเดชา เป็น NGO ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างกว้างขวางในภาคอิสาน        ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษานายกเทศมนตรีนครขอนแก่น     ใครใคร่รู้จักอย่างละเอียดขึ้น  ขอเชิญ   ติดตามได้ในลิงค์ข้างล่างนี้http://www.kkmuni.go.th/center/index.php?option=com_content&view=article&id=443&Itemid=187&lang=en

ที่แม่ใหญ่ต้องกล่าวถึงบุคคลผู้นี้เป็นพิเศษ เนื่องจาก  เขาเป็นบุคคลที่อยู่เบื้องหลังโครงการดีดีมากมายในเมืองขอนแก่น     เป็นคนมีจิตอาสา  ที่ทุ่มเท ทั้งกำลังกายและกำลังความคิดเพื่อสังคม และส่วนรวม   แม่ใหญ่รู้จักคุณเดชามานานเกือบยี่สิบปี  จนกล้าที่จะรับประกันความเป็นทองเนื้อแท้ของคุณเดชาได้  อย่างเต็มอกเต็มใจ

 คนรวบผมใส่เสื้อลายนี่แหละคือลูกผู้ชายตัวจริงที่ชื่อ   เดชา เปรมฤดีเลิศ  คนเบื้องหลังที่ผลักดัน ชักจูง ส่งเสริม  เกี่ยวกับการศึกษา ของเทศบาลนครขอนแก่น มาอย่างยาวนาน


เยี่ยมอนุบาลโรงเรียนบ้านตูม

2 ความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 29 กรกฏาคม 2011 เวลา 3:08 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน, เด็กไร้เดียงสา #
อ่าน: 1606

โรงเรียนบ้านตูมเป็นหนึ่งในสิบเอ็ดโรงเรียนที่สังกัดเทศบาลนครขอนแก่น  มีนักเรียนตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงชั้น มัธยม 3 รวม 500 คนเศษ  ท่านผู้อำนวยการชื่อ อาจารย์ นิกร นวโชติรส  เป็นโรงเรียนที่ต้องเรียกว่าชายขอบของเทศบาล  ดังนั้นจึงมีเด็กไม่มาก  มีนักเรียนอนุบาลห้องละ ไม่เกิน 25 คน  และมีเพียงอนุบาลสองและสามเท่านั้น    สถานที่ไม่ทันสมัยเท่าไหร่ เป็นห้องสี่เหลี่ยมเหมือนโรงเรียนรัฐบาลทั่วไป  และดูออกจะเก่า  เพราะคงถูกใช้งานมาเป็นเวลานานหลายสิบปี   แต่สิ่งที่น่าประทับใจ คือความสะอาดของบริเวณโรงเรียน  และห้องเรียน  สอบถามดูก็ได้รับคำตอบว่า ผู้อำนวยการมีนโยบายเด่นเรื่องขยะรีไซเคิล  และเรื่องความสะอาดจนได้คว้ารางวัลระดับชาติมาแล้ว

สิ่งที่น่าประทับใจอีกเรื่องก็คือ  ตัวผู้อำนวยการเอง ในวัย 57 ปี มีหนวดเรียวบางที่ริมฝีปาก  ท่าทางคล้ายนักแสดงที่จะเป็นผู้ร้ายตามภาพยนต์ ไทยมากกว่าจะเป็นนักการศึกษา   แต่ท่านมีความเป็นกันเองกับเด็กๆนักเรียนอย่างใกล้ชิด  แบบไม่ใช่ผักชีโรยหน้า สังเกตเห็นเด็กอนุบาลตัวเล็กๆวิ่งเข้ามากอดผู้อำนวยการอย่างสนิทใจ  และผู้อำนวยการเองก็เรียกชื่อเด็กได้อย่างถูกต้อง   แสดงให้เห็นความเอาใจใส่ อย่างใกล้ชิดตลอดมาอย่างไม่ต้องสงสัย

เด็กๆหน้าตาเบิกบาน  กล้าพูดกล้าแสดงออก  และมีอิสระในการเรียนรู้  ครูเจี๊ยบ ครูจุ๋ม และครูหยาด  ทั้งสามคนเป็นครูผู้มีประสบการณ์ และสองในสามจบการศึกษาด้านปฐมวัย  ดังนั้น การเรียนการสอนจึงลื่นไหล  ครู ใช้เสียงปกติในการสอน  และบูรณาการวิชาการเข้ากับกิจกรรมได้เป็นอย่างดีในเนื้อหาเดียวกัน  สัปดาห์นี้กำลังจะถึงวันแม่ ดังนั้นจึงมีการเปิดเพลง”อิ่มอุ่น” คลอเบาๆ  ขณะที่เด็กๆนำเอาดอกรักพลาสติค  มาเรียงร้อยเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น สี่เหลี่ยม หรือวงกลม   ตามจุดประสงค์ที่ครูตั้งใจจะสอนเรื่องรูปทรง 

คณะกรรมการ ต้นกล้าแห่งปัญญา  ซึ่งมาเยี่ยมชมในวันนี้จึงปลาบปลื้มไปตามๆกัน  ที่ได้เห็นกิจกรรมดีดี  จนมองข้ามด้านห้องเรียน ที่อาจจะไม่ได้สวยหรูหราได้มาตรฐานนัก  

แต่ในช่วงสรุปการประชุม ของคณะกรรมการ     คุณเบิ้ม ซึ่งเป็นสถาปนิกของโครงการ  ก็มีแจ้งข่าวดีให้คณะกรรมการทราบว่า   ตึกใหม่ เขียนแบบเสร็จแล้ว  ได้งบเรียบร้อย  รอการประกวดราคา  และลงมือก่อสร้าง   คาดว่าตึกใหม่จะสร้างเสร็จทันปีการศึกษาหน้านี้ 

ก็ต้องขอแสดงความยินดีล่วงหน้า   กับโรงเรียนบ้านตูม    ที่ในปีการศึกษาหน้า    จะมีพร้อมทั้งผู้บริหารที่มีความสามารถ  ครูผู้สอน ผู้มีประสบการณ์  กรรมการชุมชนที่เข้มแข็ง และที่สุดอาคารสถานที่ ที่ได้มาตรฐาน ต่อไป



Main: 0.095200061798096 sec
Sidebar: 0.061148881912231 sec