เยี่ยมสองโรงเรียนที่แตกต่าง

ไม่มีความคิดเห็น โดย maeyai เมื่อ 24 สิงหาคม 2011 เวลา 6:19 (เย็น) ในหมวดหมู่ ชีวิตกับโรงเรียน #
อ่าน: 1717

ในช่วงสามวันที่ผ่านมา มีกิจกรรมต่อเนื่องกับเทศบาลนครขอนแก่น  คือการไปเยี่ยมโรงเรียนเทศบาลบ้านศรีฐาน  กับโรงเรียนเทศบาลสวนสนุก   และไปเป็นกรรมการเลือกรองผู้อำนวยการให้โรงเรียน 10 คน ตามที่ได้ เขียนบันทึกไปแล้ว  วันนี้จะขอเขียนถึงโรงเรียนสองโรงที่เป็นเทศบาลเหมือนกัน    อยู่ห่างกันไม่ถึง 10 กิโลเมตร   แต่มีความแตกต่างกัน จนอยากจะนำเอาสองโรงเรียน มารวมกันแล้วหารสอง    คงจะลงตัวได้พอดี

ตามข้อมูลที่แสดงให้เห็นต่อไปนี้ คงพอทำความเข้าใจได้ว่า   ทำไมแม่ใหญ่จึงพูดเช่นนั้น

 โรงเรียนเทศบาลศรีฐาน

เนื้อที่  10 ไร่เศษ    มีห้องเรียนเหลือใช้  บริเวณที่เล่นกลางแจ้ง    มากมาย      

ขนาดห้องเรียนต่อเด็ก    ห้อง 7*9 เด็ก 30  คน ครู 1 คน

นักเรียนทั้งโรงเรียน   591  คน    ครูทั้งโรงเรียน   32  คน

นักเรียนเฉพาะระดับอนุบาล   4 ห้อง  120 คน     ครูเฉพาะระดับอนุบาล   5 คน    อัตราส่วนครูต่อเด็ก   1 ต่อ 24

การเรียนการสอน    ลื่นไหล   บูรณาการ       กิจกรรมเสริม    ภาษาอังกฤษ   ดนตรี

บุคลิกครู   ผ่อนคลายแม้งานค่อนข้างหนัก

บุคลิกผู้บริหาร     มีความเชื่อมั่นในตนเองสูง  และมีความตั้งใจในการทำงานตามระบบมาก    เพื่อให้สอดคล้องกับมาตรฐานที่ สมศ.จะมาตรวจรอบที่สาม

บุคลิกเด็ก    เป็นธรรมชาติ  ไม่เป็นระเบียบนัก แต่ก็เชื่อฟังครู

 

โรงเรียนเทศบาลสวนสนุก

เนื้อที่   5 ไร่   ห้องเรียนจำกัด   บริเวณที่เล่นกลางแจ้ง   จำกัดมาก

ขนาดห้องเรียนต่อเด็ก    ห้อง 7*9 เด็ก 42-45 คน ครู 2 คน

นักเรียนทั้งโรงเรียน 3069 คน   ครูทั้งโรงเรียน  155 คน

นักเรียนเฉพาะระดับอนุบาล   8 ห้อง  320  คน   ครูเฉพาะระดับอนุบาล   16 คน    อัตราส่วนครูต่อเด็ก   1 ต่อ 20

การเรียนการสอน    ครูสอนเน้นอ่านออกเขียนได้     กิจกรรมเสริม   ภาษาอังกฤษ   ดนตรี   เกมส์การศึกษา

 บุคลิกครู   เคร่งเครียด ไม่ค่อยยิ้มแย้ม

บุคลิกผู้บริหาร    ไม่ได้พบเพราะผู้อำนวยการไปประชุม   แต่ดูจากสภาพโรงเรียนแสดงให้เห็นว่ามีการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่จำกัด ได้อย่างเป็นประโยชน์ทุกตารางเมตร

บุคลิกเด็ก   ตั้งใจเรียน เรียบร้อย เชื่อฟังครูมาก   ไม่ค่อยซุกซน นั่งเรียนกับโต๊ะอย่างมีระเบียบ

 

ข้อมูลของทั้งสองโรงเรียน      นี้มิได้มีวัตถุประสงค์จะแสดงว่า โรงเรียนใด ดีกว่าหรือด้อยกว่า  เพียงแต่ต้องการให้เห็นภาพ  ของทั้งสองโรงเรียนนี้เท่านั้น   ว่าแตกต่างกันมากมายเหลือเกิน   แม่ใหญ่มีความเห็นว่า  โรงเรียนเทศบาลทั้ง 8 โรงที่ไปเยี่ยมมา ล้วนแล้วแต่มีข้อเด่น ข้อด้อยต่างกัน   และมีข้อจำกัดในการดำเนินงานต่างกัน   มีบริบทของแต่ละโรงเรียนไม่เหมือนกัน   แต่ก็มีแนวทางใกล้เคียงกัน  กับโรงเรียนอนุบาลบ้านศรีฐาน  มีโรงเรียนสวนสนุกนี้เท่านั้น ที่ดูจะแปลกจากโรงเรียนอื่น  แต่ก็เป็นโรงเรียนที่มีลักษณะเฉพาะตัว  และมีการบริหารจัดการที่เป็นระบบมากๆ และข้อสำคัญคือ ได้รับความนิยมจากผู้ปกครอง

โรงเรียนเทศบาลบ้านศรีฐานถือว่าโชคดี  ที่ได้ครูจบทางปฐมวัยโดยตรงถึง 3 คน  ดังนั้นการจัดกิจกรรมจึงค่อนข้างลื่นไหล  บูรณาการ     เป็นไปตามแนวเตรียมความพร้อมทั้งด้านร่างกายอารมณ์ สังคม และสติปัญญา  ปัญหาก็มีเพียงอาคารที่เปิดกว้างต่อเนื่องถึงกันทั้งสี่ห้อง  ทำให้การเรียนการสอนที่ต้องการให้เด็กมีสมาธิเป็นไปได้ยาก     เนื่องจากมีสิ่งเร้ารอบๆข้างมากเกินไป   แต่คุณครูก็พยายามแก้ไขด้วยการปรึกษาหารือกัน   ในการจัดกิจรรมเพื่อไปในทิศทางเดียวกัน      เพื่อไม่ให้เสียงจากกลุ่มหนึ่งไปรบกวนอีกกลุ่มหนึ่ง    ทราบว่าปีหน้าจะได้ตึกใหม่ ก็ขอแสดงความยินดีด้วย

 ส่วนโรงเรียนสวนสนุกถือเป็นโรงเรียนใหญ่ที่สุดในจำนวนโรงเรียนเทศบาลทั้งหมด    ผู้ปกครองนิยมส่งลูกมาเรียนมากที่สุด  เพราะเน้นเรื่อง อ่านออกเขียนได้  เตรียมเด็กเข้าชั้นป.1  ซึ่งเป็นรูปธรรมที่มองเห็นได้ง่าย  นอกจากนี้ ยังมีครูที่เด่นและเก่งเฉพาะด้านที่จะส่งเสริมเด็กเก่งให้ไปได้รางวัลต่างๆ  ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับชาติ  สร้างชื่อเสียงให้โรงเรียนได้ทุกปี  คุณครูท่านหนึ่งได้เล่าให้ฟังอย่างภาคภูมิใจว่าสามารถเตรียมความพร้อมจนเด็กได้ไปชนะการประกวดแฟนต้ายุวทูต  ได้ไปทัศนศึกษาถึงอเมริกาโน่นทีเดียว 

นอกจากนี้  โรงเรียนยังมีแผนกEP หรือ English Program เพื่อรองรับผู้ปกครองที่ต้องการให้เด็กได้เรียนภาษาอังกฤษกับครูชาวต่างชาติ โดยตรง    ซึ่งก็เห็นมีครูชาวฟิลิปปินส์สอนคู่กับครูไทยอยู่สองห้อง  ดังนั้นบริบทของโรงเรียนนี้คือ  สอนให้เด็กเป็นคนเก่ง ทางด้านวิชาการ ตามที่ผู้ปกครองต้องการ

อาจารย์สงกรานต์  หัวหน้าสาย  ได้ทำ powerpoint   เพื่อแสดงกิจกรรมเด่นๆที่เด็กได้เรียนรู้ในแต่ละวัน  เพราะการมาเยี่ยมชมเพียงวันเดียว  อาจจะไม่ได้เห็นกระบวนการต่างๆอย่างครบถ้วน     มีกิจกรรมหลากหลาย  ที่แสดงให้เห็นว่าครูที่แผนกนี้ได้ผ่านการอบรมมามากมาย และได้นำกิจกรรมที่มีความคิดรวบยอดที่ลึกซึ้งมาใช้    ไม่ใช่เป็นกิจกรรมพื้นๆที่ใช้กันในโรงเรียนอนุบาลทั่วๆไป   หัวหน้าสายเล่าว่า โรงเรียนได้รับเลือกให้เป็นโรงเรียนนำร่องของกระทรวงศึกษาธิการ  โดยให้นำแนวทาง  Brain based learning หรือการเรียนรู้โดยคำนึงถึงสมองของเด็กเป็นฐานมาใช้อย่างเต็มรูปแบบ   แม่ใหญ่ก็ได้ขอเพิ่มเติมความรู้เรื่องนี้  ไปให้คุณครูเล็กน้อย  ในฐานะที่ใช้ BBL มานานแล้วว่า  มันไม่ใช่รูปแบบการศึกษา  แต่ BBL คือเครื่องมือในการจัดสภาพสมองให้เหมาะกับการเรียนรู้  และได้มีคนคิดออกมาเป็นกิจกรรมต่างๆ  อาทิเช่นการออกกำลังสมอง (Brain gym )  เพื่อให้สมองหายเหนื่อยล้าหลังจากเรียนเรื่องหนักๆหรือนั่งนานๆ  การใช้เพลงประกอบเพื่อให้คลื่นสมอง อยู่ในสภาวะที่เรียนรู้ได้ดี  การสร้างสื่อที่น่าสนใจที่จะกระตุ้นให้เด็กรับเนื้อหาเข้าไปสู่ส่วนที่ลึกที่สุดของสมอง  และไม่ลืม      จิตตปัญญาศึกษาที่คณะผู้บริหารเทศบาลนำเข้ามาเผยแพร่กับคณะครูและผู้บริหารในโรงเรียนเทศบาล  ก็เป็น BBL เหมือนกัน

นักเรียนสวนสนุกมีลักษณะไม่ซน ว่าง่าย พูดจาฉะฉาน   เขียนตัวพยัญชนะสวย    เดินแถวเป็นระเบียบ   แสดงว่าถูกฝึกมาเป็นอย่างดี   แต่ดูคุณครูไม่ค่อยยิ้มแย้มแจ่มใสนัก   เหมือนไม่ค่อยมีความสุข ( ต้องขอบอกว่านี่เป็นความรู้สึกส่วนตัวจริงๆ ซึ่งอาจจะผิดก็ได้)  คุณครูอาจจะเครียดที่เรามาเยี่ยมชม  หรือจะนึกว่า เรามาตรวจมาตรฐานแบบ สมศ.  ซึ่งประธานสุทธิก็ได้ชี้แจงว่า เรามาแนะนำหรือสะท้อนความคิดเห็นแบบกัลยาณมิตรมากกว่า



Main: 0.044275999069214 sec
Sidebar: 0.051393985748291 sec